ตกลงจะเป็นแค่พระชายาจำเป็นให้เพียงหกเดือน แต่ทำไมจ้องแต่จะกินข้าเช่นนี้เล่าเพคะท่านอ๋อง....ทั้งตามหึง ทั้งรุกหนักขนาดนี้ แล้วข้าจะรอดหรือไม่ ไหนบอกว่าท่านอ๋องผู้นี้เย็นชาไง!! นี่มันหื่นเกินไปแล้ว!! "ยิ่งใกล้ ยิ่งอยากสัมผัส...." "ยิ่งอยู่ห่างสายตา กลับยิ่งมองหา" "ยิ่งเห็นคนอื่นเข้าใกล้ ก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิด" สุดท้ายก็ระเบิดอารมณ์จนเผอทำร้ายคนจนได้ เอ๊า!!....พระเอกผู้เย็นชาของชั้น "จากไม่สนใจกับเริ่มรุก.....และรุกหนักขึ้น" "จากพระชายาปลอม ๆ กลับไม่ยอมทำตามข้อตกลงเสียแล้ว" "จู่ ๆ ท่านอ๋องก็อยากกินพระชายาปลอม ๆ ผู้นี้ขึ้นมา เอาอย่างไรล่ะ จะรอดหรือไม่กันนะ....... ตามไปดูความคลั่งรักพระชายาปลอม ๆ ของท่านอ๋องที่เย็นชาดุจน้ำแข็ง จะถูกสาวน้อยเช่นอันเฟยละลายหัวใจจนกลายเป็นโบ้น้อยได้หรือไม่....
もっと見るสำนักฝึกวิชา “เทียนซู” แคว้นหงหนาน
“อันเฟย!!”
“อาจารย์หญิง!!”
สตรีอ่อนวัยหันมาพร้อมกับดาบในมือที่ยังฝึกอยู่ในมือเมื่ออาจารย์หญิงเดินมาเรียก นางจึงได้เก็บดาบและเดินเข้ามาหาผู้ที่เรียกนางเมื่อสักครู่
“อาจารย์หญิง ท่านมีเรื่องด่วนอันใดหรือเจ้าคะ”
“มีจดหมายจากท่านพ่อของเจ้าพึ่งส่งมาถึงก็เลยรีบนำมาให้เจ้า”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
“หมิงอันเฟย” รับจดหมายจากอาจารย์หญิงมาอ่านใต้ต้นดอกเหมยปลายฤดูหนาวของหงหนาน นางเป็นศิษย์ "สำนักเทียนซู" สำนักอันดับหนึ่งที่เก่งกาจเรื่องการใช้ดาบและอาวุธลับ
วิชาที่โดดเด่นมากที่สุดคือการฝึกพลังปราณคู่กับดาบที่กล้าแข็งไร้ผู้ใดเทียบได้ พลังปราณของพวกนางสามารถโยกย้ายสิ่งของได้และขับพิษบางอย่างได้
สำนักนี้อยู่ในแคว้นหงหนานที่เก่งเรื่องวิชายุทธ์ สำนักนี้จึงมีชื่อเสียงดังไปทั่วสามแคว้นที่อยู่ติดกัน แคว้นฉินนักรบบนหลังอาชาที่องอาจปราศจากผู้รุกล้ำมานานกว่าศตวรรษ เก่งกาจด้านการรบและการใช้อาวุธ และแคว้นเป่ยหยางผู้เก่งเรื่องการปรุงยาและเลี้ยงสัตว์ในเขตทุ่งหญ้า
“อะไรเนี่ย…ฝันไปเถอะ!!”
หมิงอี้เฟยทำหน้าราวกับฝันร้ายกำลังจะมาเยือนในไม่ช้า ใช่แล้วอีกไม่กี่วันนางก็จะได้ลงจากเขา ที่จริงควรจะไปจากที่นี่ได้แล้วเพราะนางร่ำเรียนจบไปมากกว่าหนึ่งปีแล้วแต่เพราะนิสัยชอบฝึกฝนและรักสำนักนางจึงขอบิดาอยู่ที่นี่ต่อ แต่เมื่อจดหมายฉบับล่าสุดที่ถูกส่งมาถึงนางทำให้นางตัดสินใจลงจากเขาทันที
“เอี้ยนซือ ส่งให้ถึงมือพี่ใหญ่ข้าด้วยล่ะ”
จดหมายอีกหนึ่งฉบับถูกส่งไปกับเหยี่ยวสาวที่นางเลี้ยงเอาไว้ เหยี่ยวตัวนี้มากับนางครั้งแรกที่ขึ้นเขามาร่ำเรียนที่สำนักเทียนซู และตอนนี้อันเฟยก็เดินมายังห้องของอาจารย์หญิง “เนี่ยเจิน” อาจารย์ใหญ่ที่คอยดูแลนางอยู่ แต่ตอนนี้อาจารย์หญิงเข้านอนแล้วนางจึงวางจดหมายเอาไว้ที่บนโต๊ะทำงานแทน
“ขออภัยที่ศิษย์มิได้เอ่ยลาด้วยตนเอง อาจารย์โปรดอภัยด้วย”
นางวางจดหมายเอาไว้เรียบร้อยก็หันหลังเดินจากมาทันทีพร้อมกับลงเขาเทียนซูไปเงียบ ๆ มุ่งตรงไปยังชายแดนที่ติดกับหงหนานทางเหนือนั่นก็คือเมือง “ฉินโจว” เมืองหลวงของแคว้นฉินที่อยู่ใกล้หงหนานมากที่สุด
เมืองฉินโจว
เสียงอึกทึกของเมืองหลวงที่คึกคักตั้งแต่ยามเช้าและบรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างแดนที่เริ่มเข้ามาตั้งแผงร้านค้าทำให้ถนนรอบเมืองหลวงเริ่มแคบลงทุกที แต่อันเฟยกลับชอบบรรยากาศที่คึกคักเช่นนี้เพราะนาน ๆ นางจะได้มีโอกาสลงจากเขาสักทีเมื่อเดินเข้ามายังเมืองหลวงนางจึงเริ่มเดินไปตามเส้นทางจนกระทั่งพบจุดหมายตรงหน้า
“โรงเตี๊ยมต้าหรง ใช่แล้วที่นี่แหละ”
อันเฟยเดินเข้าไปพร้อมกับมองหาผู้ที่นางจะพอสื่อสารได้ ไม่นานก็มีชายสูงอายุ หลังค่อมนิด ๆ ที่ดูท่าทางราวกับผู้ที่มีหน้าที่จัดการในร้านเดินเข้ามาหานาง
“แม่นางท่านนี้ ต้องการห้องพักหรือมากินข้าวหรือขอรับ”
“อะฮึ่ม!! คือว่า….นี่”
นางยกป้ายหยกรูปหงส์ที่มีดวงตาสีแดงทับทิมชูให้ชายผู้นั้นดูพร้อมกับเอ่ยคำบางอย่างขึ้น
“ใบหลิวลู่ลม ต้นสนเปลี่ยนทิศ” / อันเฟย
“บรรพตกลืนตะวัน” / เสี่ยวเอ้อร์
“จันทราผลัดปฐพี พันลี้ใช้เพียงประโยคเดียว” / อันเฟย
“คุณหนูเชิญทางนี้เลยขอรับ”
“ขอบคุณ”
ชายผู้นั้นเดินนำทางนางขึ้นไปยังชั้นสองของโรงเตี๊ยมและเลี้ยวไปยังทางซ้ายมือจนสุดทางก่อนจะเปิดประตูให้นางเข้าไปพบกับผู้ที่ทำหน้าที่คุมหอต้าหรงด้านใน
“คุณหนู เชิญท่านยกป้ายหยกอีกครั้ง”
นางทำตามที่ชายผู้นั้นสั่ง คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะบัญชีเงยหน้าขึ้นมามองนางนิ่งพร้อมกับรับป้ายหยกของนางมาส่องไฟดู ตรงดวงตาทับทิมสีแดงเริ่มเปลี่ยนสีและเกิดอักษรคำว่า “หมิง” ที่สะท้อนไปยังผนังเขาจึงรีบส่งป้ายนั้นคืนให้นางพร้อมคำนับให้
“มิทราบว่าคุณหนูต้องการสิ่งใดขอรับ”
“ข้าขอเบิกเงินสักหน่อย”
“แต่ว่า…นายท่านสั่งเอาไว้ จะเบิกเงินต้องทำงานแลกไม่มียกเว้น”
“ทำงานงั้นหรือ แล้ว…มีงานใดที่น่าทำบ้างเล่า”
“….ท่านรอสักครู่”
เขาหันไปรื้อเอากล่องงานที่รับมาซึ่งแยกออกเป็นสามกล่องและนำมาวางตรงหน้านาง
“นี่อะไรกันน่ะ”
“สามกล่องนี้คืองานที่มีให้ท่านเลือกขอรับ กล่องแรกเป็นงานง่าย ๆ รับส่งเอกสาร แก้ปัญหาผัว ๆ เมีย ๆ แต่ค่าตอบแทนก็จะไม่เกินสิบตำลึง”
“สิบตำลึง!! ซื้อเหล้าดี ๆ ยังไม่ได้เลย แล้วกล่องกลางนี่เล่า”
“งานนี้จะเสี่ยงขึ้นมาหน่อย ช่วยทางการสืบคดีอย่างลับ ๆ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากแต่สถานที่ที่จะไปคือพวกบ่อนการพนัน หอนางโลม และโรงสุรา เป็นเหมือนนางนกต่อและปลอมตัวเพื่อช่วยทางการจับคนร้าย ราคาค่าจ้างก็จะอยู่ไม่เกินสองร้อยตำลึง”
“ทำไมมันต่างกันละ”
ครั้งนี้เองที่อันเฟยหยิบแต่ละแผ่นขึ้นมาดู
"งานไม่ยาก ปลอมเป็นนักดนตรี นางรำ นางโลมแล้วไปเอาหลักฐานในตัวคนร้ายและมอบทางการ ผู้จ้างวาน “ฟู่”
พวกท่านให้ผู้จ้างลงชื่อเช่นนี้จะไม่เป็นภัยหรอกหรือ"
“คุณหนูไม่ต้องห่วง ชื่อเหล่านี้ล้วนแต่เป็นชื่อปลอมทั้งสิ้นและทางเราเก็บทุกอย่างเป็นความลับขอรับ”
“อ้าว เช่นนี้แล้วจะจ่ายเงินอย่างไรกัน”
“ก่อนพวกเขามาว่าจ้างต้องวางเงินก่อนขอรับ ที่เหลือรับตอนปิดงานแน่นอนว่าหอต้าหรงของเราย่อมรู้จักผู้จ้างวานทุก ๆ คนดีขอรับ”
“เช่นนั้นก็ถือว่ารอบคอบ ว่าแต่…คนหนึ่งรับได้กี่งาน จำกัดหรือไม่”
“นั่นขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้รับงาน”
“สองกล่องนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีผู้ใดหยิบเท่าใดเลยนะ”
นางหมายถึงกล่องที่หนึ่งและกล่องที่สาม ผู้ดูแลบัญชีกล่าวตอบนางด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแต่แฝงเลศนัย แม้ว่านางจะคุยกับเขาไม่นานแต่ก็พอรู้ว่าคนผู้นี้คงพูดเล่นด้วยไม่ได้ เขาดูจริงจังราวกับพวกเสนาบดีหรืออำมาตย์ในวังหลวงก็มิปาน
“นั่นเพราะมันง่ายเกินไป อีกกล่องก็…ยากเกินไปจึงไม่ค่อยมีผู้ใดสนใจขอรับ”
“จะยากสักเพียงใดกัน ….อะไรนี่…ฆ่าคน!! แล้วยังมี วางยาพิษ….เดี๋ยวนะเรื่องนี้มันผิดกฎหมายนี่”
“ฆ่าคนที่สมควรฆ่าจึงฆ่า เป็นผู้ที่ทางการต้องการ เป็นนักโทษที่ก่อคดีร้ายแรง วางยาพิษที่ไม่ได้ทำให้ถึงตายเพียงแค่ข่มขู่ คุณหนูท่านควรอ่านเงื่อนไขให้ครบ”
“อ้อ เหลียนฮุย ฆ่าคนตายเก้าศพล้วนเป็นผู้หญิงงั้นหรือ เจ้าสารเลวนี่…”
“ฆาตกรต่อเนื่องก่อคดีข่มขืนแล้วฆ่าสตรีในเมืองหลวงมาเกือบสองเดือนแล้วที่ทางการตามจับแต่ก็ยังไม่มีวี่แวว”
“ไอ้คนสารเลว ข้าเอง!! ข้ารับงานนี้”
“คุณหนูท่านแน่ใจงั้นหรือ”
“ข้าแน่ใจงานนี้ข้าไม่เอาเงินรางวัลด้วย คนสารเลวเช่นนี้…สมควรตาย!!”
นางอ่านคดีที่คนผู้นี้ฆ่าเพียงสตรีไปเก้าคน บางคนยังเป็นเด็กที่อายุไม่ถึงสิบหกปีด้วยซ้ำ บางคนก็เป็นบุตรขุนนางในเมืองหลวง และคนสุดท้ายที่มันฆ่าคือสตรีที่พึ่งตั้งครรภ์ได้สามเดือน อันเฟยเดินออกไปพร้อมกับดาบในมือเมื่ออ่านรายละเอียดของคนร้ายแล้ว
“ชุดสีสดใส ทางปากสีแดงและสวมเครื่องประดับที่มีเสียง เจ้าคนนี้ต้องเป็นคนวิปริตเป็นแน่”
อันเฟยจงใจเดินออกมานอกโรงเตี๊ยมแถวตรอกที่เคยบอกว่าคนร้ายมักจะมาฆ่าคนในบริเวณนี้เพราะใกล้กับหอนางโลมและโรงหมักสุรา อันเฟยเดินไปจนสุดตรอกก็ยังไม่พบความผิดปกติ
“นั่นนางเป็นผู้ใดกัน ไม่รู้หรือว่าแถวนี้มีคดีร้ายแรงเกิดขึ้นบ่อย ๆ”
อันเฟยตกใจจนตั้งตัวไม่อยู่ นางเผลอตะโกนถามเขาอย่างไม่พอใจ เรื่องนี้ควรต้องแจ้งนางล่วงหน้ามิใช่หรือเหตุใดเขาจึงบอกกะทันหันเช่นนี้กัน“เหตุใดจึง….”“ข้าตัดสินใจแล้ว เปลี่ยนแผนนิดหน่อย เสด็จพ่อประทานหนังสือหมั้นหมายมาแล้ว เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่จวนนี้ ไปอยู่ที่จวนข้าได้แล้ว”“แต่ว่า พิธีสมรสมิได้จะมีขึ้นในขั้นต่อไปงั้นหรือ เหตุใด….”“ข้าบอกให้ไปก็ไป เจ้าตกลงแล้วว่าจะทำตามเงื่อนไข”“หม่อมฉันไปตกลงเมื่อใดกัน”“ป้ายหยก”“ท่านอ๋อง!!”นางโกรธจนถึงที่สุดเพราะไม่นึกว่าเขาจะมาเร่งนางเช่นนี้ ท่านอ๋องเองก็พึ่งตัดสินใจเมื่อครู่นี้เองที่นางตกลงมาสู่อ้อมกอดของฮั่วเทียนอี้ เขารู้สึกเจ็บที่หัวใจแปลก ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นเขารู้สึกหงุดหงิดและไม่พอใจแต่ไม่มีเหตุผลอะไรเพราะที่เทียนอี้ทำไปก็เพราะช่วยนางเท่านั้น แต่เขาแอบเห็นสายตาของแม่ทัพหนุ่มซึ่งดูแล้วไม่น่าจะคิดกับว่าที่พระชายาของเขาเพียงน้องสาว “ฝากปลาย่างไว้กับแมว ไม่ปลอดภัยแน่”“อะไรนะเพคะ”“ข้า…คือว่าวันนี้มีโองการออกมาแล้วให้อีกหนึ่งเดือนนับจากนี้จะเป็นพิธีแต่งงานแต่ก่อนหน้านี้ ข้า…จำเป็นต้องพาเจ้าไปพักอยู่ที่จวนก่อนเนื่องจากว่า…มีบางคนเริ
“นี่เจ้า!! พูดเช่นนี้เจ้าหาว่าข้า…”“เอาล่ะ!! เช่นนั้นข้าจะรีบให้โหรหลวงดูฤกษ์ให้และกำหนดวันแต่งตั้งพระชายาและงานสมรส”ฝ่าบาทรีบสวนทันควันเพื่อมิให้เกิดความขัดแย้งระหว่างองค์ชายทั้งสองซึ่งเขาเองก็ทราบดีว่าองค์รัชทายาทนั้นไม่พอใจเรื่องใดและก็รู้ดีว่าโอรสองค์รองเองก็มิได้ยอมให้พี่ชายของตนเหมือนทุก ๆ ครั้งไป หากจะไม่ให้เกิดเรื่องบาดหมางขึ้น ทางออกที่ดีที่สุดก็คือจัดงานสมรสให้เขาเสียให้จบเรื่องบาดหมางนี้ไปตำหนักบูรพา“เจ้าว่าอย่างไรนะ พูดใหม่ พูดใหม่อีกที!!”“พระชายาเพคะ คือว่า….ขันทีในที่ประชุมนำความมาแจ้งว่าวันนี้ท่านอ๋องทูลขอพระราชทานสมรสกับบุตรสาวท่านแม่ทัพฮั่วเพคะ”“บุตรสาวแม่ทัพ คนหนึ่งเป็นดุจบุรุษอยู่ในกองทัพของเขา อีกคนก็เอาแต่เข้าครัว แล้วมันเป็นคนไหนกันที่กล้า…กล้าที่จะ…”“พระชายาเพคะ ถนอมพระวรกายด้วยเพคะพระองค์ทรงตั้งพระครรภ์อยู่นะเพคะ”“บอกข้ามา!! มันเป็นใคร!!”“หานจินซือ” ปัดเครื่องลายครามราคาสูงที่เป็นของขวัญจากขุนนางที่มอบให้แตกละเอียด นางกำนัลนั่งหดไหล่ด้วยความกลัวเมื่อถูกเอ่ยถามขึ้น นางจึงเล่ารายละเอียดให้ฟังโดยละเอียดหลังจากที่ฟังมาจากขันทีในท้องพระโรงอีกที“จู่ ๆ ก็มี
หลินอีโผเข้ากอดพี่รองของตัวเอง อันเฟยไม่ทราบจริง ๆ ว่าจะมีโอกาสได้พบกับผู้ที่ประสบเหตุเช่นนี้ด้วยตนเอง นางจึงมั่นใจแล้วว่าตราบใดที่ยังอยู่ที่นี่จะช่วยหอต้าหรงและทางการกำจัดคนชั่วเหล่านี้ไป“เป็นเจ้างั้นหรือ เจ้า…เป็นผู้จับเจ้าชั่วนั่น…ท่านพ่อกับพี่ใหญ่ตามจับมันอยู่นานแต่ก็….”“นั่นเพราะมันเลือกเฉพาะเหยื่อที่เป็นสตรี หากไม่มีตัวล่อ มันไม่มีทางลงมือ ข้าใช้ตัวเองเป็นตัวล่อก็เลย…”ฮั่วหลินอีหันมาและดึงแขนอันเฟยออกมาจับจนแน่นพร้อมกับน้ำตาที่นองบนใบหน้าขาวนวลนั้น“เจ้าสัญญากับข้ามา ว่าเจ้า….จะไม่ทำเช่นนั้นอีก สัญญามา!!”“น้องสาม!!”“เจ้าเป็นน้องสี่ของข้ามิใช่หรือ!! สัญญามาสิว่าจะไม่ทำเช่นนั้นให้พบกับอันตราย สัญญามา!!”อันเฟยถึงกับตกใจ นี่นางยังใช่คนที่ก่อนหน้านี้ในห้องโถงเกลียดและไม่พูดจาดี ๆ กับนางอยู่หรือไม่ แต่ตอนนี้ใบหน้าที่ร้องไห้และสายตาที่ขอร้องนางกลับไม่ได้โกหกแม้แต่น้อย“หลินอี เจ้าใจเย็น ๆ ก่อนนะทำเช่นนี้น้องสี่จะตกใจ”“ไม่ ข้าไม่อยาก…ไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว เจ้าสัญญามาสิอันเฟย”“ได้ ๆ หลินอี ข้าสัญญากับเจ้าว่าจะไม่เอาตัวเองไปเป็นตัวล่อเช่นนั้นอีก ข้าสัญญากับเจ้า”“จริงนะ เจ้าพูดแ
“อ้อจริงสิ จะว่าไปข้าลืมไปอย่างหนึ่งนะ อยู่ที่นี่เจ้าจะมีพี่น้องอีกสามคน มาเถอะข้าจะพาเจ้าไปแนะนำตัว”“เจ้าค่ะ”ท่านแม่ทัพเดินนำนางไปยังห้องโถงรับแขกเล็กสำหรับครอบครัวที่จะมารวมตัวกัน ด้านในมีฮูหยินของเขาและบุตรสาวอีกสองคนนั่งรออยู่เพราะวันนี้ท่านแม่ทัพแจ้งแล้วว่าท่านอ๋องจะพาว่าที่พระชายามาที่นี่และทุกคนรู้แล้วว่านางจะมาเป็นบุตรสาวคนสุดท้องของจวนแม่ทัพ“อันเฟย นี่ฮูหยินของข้า ต่อไปเจ้าก็เรียกนางว่าท่านแม่”“คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ”“นี่หรือว่าที่พระชายาท่านอ๋อง หน้าตางดงามจริง ๆ”“ส่วนนี่พี่รองของเจ้า นางชื่อฮั่วชิงอัน”“ผู้หญิง….พี่รองเป็นสตรีหรอกหรือเจ้าคะ ข้านึกว่า…”ฮั่วชิงอันหันมามองหน้านางและลุกขึ้น นางสวมชุดเกราะราวกับบุรุษและเดินหน้ามาหานางด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก“ทำไม ข้าเป็นสตรีแล้วเช่นไรงั้นหรือ แน่จริงมาสู้กับข้าสิ”“ว้าว ชุดเกราะของท่านงดงามมากจริง ๆ ดูสิ ท่านหมุนตัวหน่อย แบบนั้นแหละ ๆ ยอดเยี่ยมไปเลย พี่รองท่านสวมแล้วดูองอาจมากกว่าบุรุษจนคิดว่าข้ามีพี่ชายเสียอีกเจ้าค่ะ ท่านแม่ท่านพ่อท่านว่าจริงหรือไม่เจ้าคะ”ฮั่วชิงอันทำท่าราวแปลกใจแต่เมื่ออันเฟยกล่าวชื่นชมนางต่อหน้าท่า
“หมิงอันเฟย ไม่สิ ฮั่วอันเฟยข้าขอเตือนเจ้านะว่าผู้ที่รับปากข้าแล้วไม่มีทางจะพลิกลิ้นกลับคำได้ ชีวิตของเจ้าจะยังปลอดภัยหากว่าอยู่ในความคุ้มครองของข้า ข้ารับรองกับเจ้าด้วยชีวิตว่าจะไม่มีทางยอมให้ผู้ใดมาทำร้ายเจ้าได้ตลอดเวลาหกเดือนจากนี้ไป”“แต่ว่าพระองค์มิได้รับปากว่าตัวพระองค์เองจะฆ่าหม่อมฉันนี่เพคะ”“หากเจ้าไม่ผิดสัญญา ข้าจะไปเอาชีวิตเจ้าทำไม ถ้อยทีถ้อยอาศัย ข้าคงไม่มาหาเจ้าหากว่าไม่ไว้ใจเจ้ามากพอ อันเฟย…เจ้าเข้าใจหรือไม่”อันเฟยถอยกลับไปติดประตูอีกครั้งเมื่อท่านอ๋องยื่นหน้าเข้ามาใกล้ นางใจสั่นจนจะกระตุกออกมาข้างนอกได้อยู่แล้ว นางไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน เสียงของเขาและลมหายใจร้อนผ่าวนั่นทำเอานางสติหลุดลอย เสียงกระซิบที่ใกล้หูทำเอาผู้ฟังแทบจะยืนไม่อยู่“ข้าไปนะพระชายา อีกสองวันพบกันใหม่”ใบหน้าท่านอ๋องยามที่ตรัสกับนางยังคงเรียบเฉยราวกับไม่มีความรู้สึก ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้อันเฟยค่อย ๆ ทรุดตัวลงเพราะหายใจไม่ทันกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้“ใจเย็น ๆ ก่อนอันเฟย อย่าได้…ตกใจ เจ้าแค่ประหม่าเท่านั้น แค่ตกใจ….อีตาอ๋องบ้าเอ๊ย!!”อันเฟยตบใบหน้าของตัวเองที่ร้อนผ่าวนั้นอย่างควบคุมไม่
“หม่อมฉันมีเงื่อนไขอยู่สามข้อเพคะ หากว่าพระองค์รับปาก”“ข้ารับปาก”“หม่อมฉันยังไม่ทันได้พูดเลย”“ว่ามาสิ”“หม่อมฉันต้องการห้องส่วนตัว พระชายากับท่านอ๋องคงไม่จำเป็นจะต้อง…พักห้องเดียวกันหรอกกระมังเพคะ”“นั่น…ก็ใช่ ย่อมเป็นเช่นนั้นข้าไม่มีปัญหา จัดการให้เจ้าได้เลย”"เรื่องที่สอง หม่อมฉันอยากมีอิสระ สามารถออกมาจากจวนท่านอ๋องบ้างเป็นบางเวลา ระหว่างที่อยู่ที่จวนอ๋อง"“อะไรนะ…เรื่องนี้….”“หม่อมฉันเคยชินกับการอยู่อย่างอิสระมานาน แต่เรื่องภายในจวนอ๋องจะไม่ให้ขาดตกบกพร่องหวังว่าท่านอ๋องคงมิขัดข้อง”“ก็ได้ ข้ารับปาก แล้วเรื่องสุดท้าย…”“เรื่องที่สาม ห้ามล่วงเกินหม่อมฉันหากหม่อมฉันมิได้ยินยอม”“เช่นนี้ก็ได้หรือ แล้วหากว่าข้าทำไปโดยมิได้ตั้งใจเล่า แล้วถ้า….”“แต่พระองค์รับปากแล้วนี่เพคะ”“เช่นนั้นข้าจะขอตั้งเงื่อนไขกลับสักเล็กน้อยเพื่อป้องกันเอาไว้หน่อยได้หรือไม่”“อย่างไรหรือเพคะ”“ห้ามเจ้าขอยกเลิกสัญญาก่อนจะถึงเวลา”“ได้เพคะ”“เมื่อเข้าจวนอ๋องแล้วต้องทำตามคำขอร้องของข้าห้ามขัดด้วยเหตุผลนี้โดยเด็ดขาดแต่ข้าจะไม่เอาเปรียบเจ้า ข้าเขียนรายละเอียดทุกอย่างที่เจ้าต้องทำเอาไว้แล้ว”ท่านอ๋องดึงซองสีน้ำต
コメント