บทที่ 17 ไม่ยอมอีกต่อไปณ เมืองหลงเซิงเมืองหลงเซิง แม้จะเป็นเมืองชายแดนที่เคยตกอยู่ในวังวนของสงคราม ทว่าบัดนี้กลับกลายเป็นหนึ่งในเมืองท่าการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของแคว้นต้าหยาง ความเจริญรุ่งเรืองนี้เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของตระกูลไป๋ผู้ปกครองแห่งแดนเหนือรุ่นแล้วรุ่นเล่าถนนใหญ่ทอดยาวจากประตูเมืองเข้าสู่
แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่พ้นจากสายตาของไป๋จิ้งหานไปได้ จู่ ๆ เขาก็กระแอมแล้วเคลื่อนมือมาโอบรอบเอวบางของเหยียนซือเหยียนเอาไว้เสวียนหย่งทักทาย สายตาของเขาทอดมองนางด้วยความห่วงหา ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยสงบนิ่งบัดนี้กลับเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย“ไม่พบกันนาน เจ้า…สบายดีหรือไม่?”เหยียนซือเหยียนกำลังจะตอบ ทว่าก
บทที่ 18 ข้าไม่ว่างเล่นกับเจ้าจวนสกุลไป๋ เมืองหลงเซิงเมื่อขบวนเดินทางมาถึงหน้าประตูจวนสกุลไป๋ ประตูไม้ขนาดใหญ่ก็เปิดออก เผยให้เห็นลานกว้างที่ปูด้วยศิลาเรียงตัวเป็นระเบียบ พ่อบ้านจ้าวหัวหน้าบ่าวแห่งสกุลไป๋นำบ่าวไพร่จำนวนหนึ่งมาต้อนรับเขาอย่างนอบน้อม“คารวะนายท่านและฮูหยินน้อยขอรับ”ดวงตาของพ่อบ้านจ
“หานหานข้าเพิ่งมาถึงแท้ ๆ เหตุใดท่านจะทิ้งข้าแล้วเล่า อยู่กับข้าอีกสักหน่อยมิได้หรือ กินข้าวด้วยกันก่อนค่อยไปนะเจ้าคะ”ไป๋จิ้งหานขมวดคิ้ว สายตาคมกริบเหลือบมองมือเล็กที่กอบกุมปลายแขนเสื้อของเขาไว้แน่น ราวกับกลัวว่าเขาจะหนีหายไปเอ่ยเสียงเบาลอดไรฟัน“ปล่อย”นางตอบกลับด้วยน้ำเสียงเบาพอกัน สายตาสองคู่ปะท
บทที่ 19 เผชิญหน้าทันทีที่ก้าวเข้าสู่เขตจวนสกุลไป๋ บรรยากาศก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงจากความครึกครื้นวุ่นวายของตลาดด้านนอก สู่พื้นที่เงียบสงบที่ดูราวกับเป็นอีกโลกหนึ่งภายในจวนกว้างขวางราวกับเมืองเล็ก ๆ ทุกพื้นที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย พื้นศิลาเรียงตัวแน่นหนา สะท้อนถึงความพิถีพิถันของผู้ดู
เรือนพฤกษา ซึ่งเป็นที่พำนักของฮูหยินชราพ่อบ้านจ้าวให้นางนั่งรอที่ศาลาเล็กหน้าเรือน เพื่อให้ได้พักคลายความเมื่อยล้า ก่อนที่เขาจะเข้าไปรายงานฮูหยินชราว่า ฮูหยินน้อยมาถึงแล้วเหยียนซือเหยียนทอดสายตามองประตูเรือนที่ปิดสนิท นางจำสตรีที่อยู่เบื้องหลังบานประตูนั้นได้ขึ้นใจชาติที่แล้ว ฮูหยินชราไม่ชอบนางเล
บทที่ 20 สู้กลับชาติที่แล้วเหยียนซือเหยียนคนเดิมชีวิตพังเพราะความใจร้อนมาแล้ว เพราะรักไป๋จิ้งหานจนโงหัวไม่ขึ้นจึงถูกปั่นหัวจากสตรีสองนางนี้ได้ง่าย เมื่อมีประสบการณ์แล้ว นางต้องไม่ทำให้ตนเองถึงทางตันอีกไป๋จิ้งหานจะเป็นอย่างไรก็ช่างเถิด นางไม่ทุกข์ร้อนเพราะเขาแล้ว ต่างฝ่ายต่างวางยากัน นับว่าความแค้น
ฮูหยินชราอยากจะก้าวออกไปตรงนั้น… อยากจะสั่งสอนเหยียนซือเหยียนให้รู้ว่าเป็นผู้ใดที่ใหญ่ที่สุดในสกุลไป๋ และนางในฐานะหลานสะใภ้ควรเจียมตัวอย่างไรแต่… ไม่อาจทำเช่นนั้นได้เมื่อครู่เพิ่งบอกว่ากำลังพักผ่อนอยู่ หากตอนนี้ก้าวออกไปคงโดนสตรีนางนั้นถอนหงอกหาว่าโกหกเป็นแน่ให้ตายเถิด วันนี้ตั้งใจจะให้เหยียนซือเ
ปีค.ศ.1970คุณนายสกุลฉางให้กำเนิดบุตรีคนแรก ผิวขาวราวหยกใบหน้าจิ้มลิ้ม ซินแสทำนายวาสนาสูงส่งยิ่งนัก ทำให้กิจการค้าขายของบิดามารดาเจริญรุ่งเรืองในยามนั้นบิดาได้หมั้นหมายเด็กหญิงเอาไว้กับบุตรชายคนโตของเพื่อนรักแห่งสกุลต้วนต้วนชางหลางเด็กชายอายุราวหกขวบกำลังจ้องมองทารกตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลด้วยความสน
จูชางหลางอุ้มสตรีร่างผอมขึ้นมาวางนางเอาไว้บนตักของเขาโถมร่างกายก้มกอดนางแนบแน่นจนลึกสุดหัวใจ เส้นผมของนางกลายเป็นสีขาวโพลน รวมทั้งผมของเขาเช่นกัน ยามนี้เมื่อใกล้ชิดเส้นผมขาวของคนทั้งคู่กำลังเคลียคลอซึ่งกันและกันโดยไม่อาจแยกแยะว่าเป็นผมของผู้ใดกันแน่จูชางหลางเข้าใจชีวิต มิมีผู้ใดฝืนสังขารของร่างกาย
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1ยี่สิบปีต่อมา“ท่านตา ท่านยายแย่แล้วขอรับ”จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาบอกเขาในเรือนสมุนไพร จูชางหลางที่กำลังนั่งยอง ๆ พร้อมกับใช้พัดโหมไฟให้ลุกโชนเพื่อต้มสมุนไพรให้กับหยางอี้หงถึงกับมือสั่นระริกทำพัดที่อยู่ในมือหลุดลงทันใดเขาวิ่งไปที่เรือนของนางอย่างรวดเร็ว หลายปีมานี้หยางอี้
มู่เหยาทอดสายตามองแผ่นน้ำเบื้องหน้าที่คล้ายกำลังเต้นรำระริกไหวไปตามแสงจันทราแล้วยิ้มงดงาม“ท่านแม่ ขอให้ท่านคุ้มครองให้ข้ามีความสุขด้วยนะเจ้าคะ”เอ่ยคำนี้แล้วนางจึงโปรยดอกไม้ลงไปเบื้องล่าง ก่อนจะเดินกลับลงมายังหมู่บ้านก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้านนั่นเอง จู่ ๆ มู่เหยาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของค
มู่เหยายิ้มไม่หุบ คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาใจนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งผลต่อนางเพียงนี้ "หลานชายช่างปากหวานยิ่งนัก เช่นนี้สตรีใดได้พบคงไม่อาจถอนใจได้ ด้วยใบหน้างดงามเช่นนี้ต่อไปคงทำให้สตรีเสียใจอีกหลายคน"จูอี้หลางส่ายหน้า"ข้าไม่คิดหลอกสตรีใด จิตใจของข้าจะมอบให้กับสตรีที่ข้ารักเพียงผู้เดียวเช่นท่านพ่
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังจูชางหลางจึงเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าได้พบนางแล้วใช่หรือไม่”จูอี้หลางพยักหน้า“ท่านพ่อ เป็นท่านแม่จริงหรือ”จูชางหลางพยักหน้า“ที่นี่ไกลจากหน้าผาที่แม่เจ้าตกลงมายิ่งนัก พ่อไม่คิดว่านางจะรอดกระทั่งมีคนของหมู่บ้านนายพรานไปพบเข้าระหว่างที่นางลอยไปตามกระแสน้ำ ท่านแม่ของเจ้าลืมทุกเรื่องไปจ
จูอี้หลางขมวดคิ้ว เขาแน่ใจว่านางย่อมคือมารดาของเขา อยากจะบอกออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าสตรีนางนั้นจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น จูอี้หลางถอนหายใจยาวเขาต้องสนิทกับเด็กคนนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อสืบถามเรื่องราวเอาไปบอกบิดา“แล้วพ่อแม่ของเจ้าเล่า”“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าหรือ
"ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องรีบปล่อยเขาออกจากเขตหมู่บ้านตามกฎ มิใช่จับเขามามัดเอาไว้เช่นนี้ เห็นท่าแล้วเจ้าอยากได้ม้าของเขาใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตราประจำตัวม้าเป็นตราราชสำนัก เจ้ากำลังนำความเดือดร้อนมาให้คนในหมู่บ้านแล้ว”มู่เยี่ยนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ดวงตากลมโตตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ท่านน้าของนางจ
จูอี้หลางเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนล้วนนอบน้อมกับเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าเจ้าหน้าขาว ทั้งยังกล้าจับเขามัดอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าเห็นท่าทางน่ารักของเด็กหญิงผู้นี้แล้วเขากลับไม่นึกโกรธ ยังนึกชื่นชมในความกล้าหาญของนางด้วยซ้ำ“เช่นนั้นบอกข้ามาก่อนว่าข้าอยู่ที่ใด แล้วเจ