แชร์

บทที่ 2.3 ทวงคืนสถานะ

ผู้เขียน: ชงเมิ่ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-03 22:00:55

เกิดอะไรขึ้นกับรุ่ยอ๋องกันแน่ เหตุใดตอนนั้นเขาจึงได้พลัดตกเขาตาย

เมิ่งหว่านชิงที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ในเรือนหลักขมวดคิ้วคิดพิจารณาถึงเหตุการณ์ในอดีตอย่างละเอียด หากแต่ตัวนางเป็นเพียงสตรีในห้องหอที่ถูกส่งไปอยู่ในเรือนหลังจวน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นในอดีตหรือปัจจุบันก็รู้เรื่องราวของอ๋องรุ่ยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่า ผู้ใดหมายตาชีวิตอันดับค่าของเขา

ทว่าเห็นแก่ที่วันนี้เขายอมยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือนางและท่านแม่ วันหน้านางจะต้องหาทางช่วยเหลือเขาเป็ยการตอบแทนอย่างแน่นอน 

เพียงแต่วันนี้นางต้องตอบแทนท่านป้าสะใภ้ของนางเสียก่อน

“มีใครอยู่ข้างนอก ไปแจ้งที่เรือนรองบอกกับท่านลุงและท่านป้าสะใภ้ว่า ท่านแม่ของข้าต้องการพบ”

เสวี่ยชิงเยี่ยนได้ยินคำพูดของบุตรสาวก็ขมวดคิ้วส่งสายตาเป็นกังวล

“ชิงเอ๋อร์ เจ้าเรียกท่านป้าสะใภ้มาทำไมกัน”

“ไม่เคารพผู้อาวุโส ตามกฎบ้านไม่ใช่ว่าต้องลงโทษหรือเจ้าคะ”

“ลงโทษ! แม่ว่าพวกเราต่างคนต่างอยู่อย่างสงบเถิดนะ”

จะอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นภรรยาของพี่ชายเพียงคนเดียวของนาง เสวี่ยชิงเยี่ยนแม้มีใจขุ่นเคืองกับการกระทำของจ้าวซูซิน แต่ก็ไม่ถึงกับคับแค้นจนไม่อาจปล่อยวาง

“กับคนพาล ไม่อาจใช้คำว่าอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้เจ้าคะ”

ชาติที่แล้วหลังจากที่หลอกเอาสมบัติของมารดาไปจนหมดแล้ว จ้าวซูซินก็ไล่นางกับมารดาไปอยู่ในเรือนเล็กด้านหลังจวน ทุกวันให้กินอาหารได้หนึ่งมื้อ อีกทั้งยังต้องช่วยทำงานหนักในเรือน ทั้งหมดนี้หากนางไม่เอาคืนย่อมผิดต่อสวรรค์ที่ส่งนางหวนกลับมา

"เมิ่งหว่านชิง อย่าให้มันมากไปนักอย่างไรนางก็คือป้าสะใภ้ใหญ่ นับเป็นผู้อาวุโสของเจ้า ทำเช่นนี้คิดจะอกตัญญู กลายเป็นสตรีขาดคุณธรรมอย่างนั้นเหรอ"

เสวี่ยเกาเยี่ยนได้ยินข้อเรียกร้องให้ลงโทษภรรยาของตนเองก็รู้สึกเดือดดาลจนไม่อาจเก็บสีหน้าและคำพูดของตนเองเอาไว้ได้อีก หากแต่เมิ่งหว่านชิงกลับไม่ได้แสดงท่าทางหวาดกลัวต่ออารมณ์เกรี้ยวกราดของเขาเลยสักนิด

"ท่านอ๋องรุ่ยกล่าวว่า ท่านแม่ของข้าคือผู้อาวุโสที่สุดในจวนแห่งนี้ เช่นนั้นก่อนหน้านี้ท่านป้าสั่งลงโทษท่านแม่ ก็นับว่าเป็นการกระทำที่อกตัญญู ถือเป็นสตรีขาดคุณธรรมใช่หรือไม่เจ้าคะ"

ได้ยินเด็กหญิงย้อนคำพูดกลับมา จ้าวซูซินก็แค้นใจจนแทบอยากจะถลกหนังหน้ายียวนของอีกฝ่ายออกมา   เพียงแต่ก่อนหน้านี้ผู้เป็นสามีได้เล่าเรื่องราวในศาลาให้นางฟังแล้ว ตอนนี้ให้นางโมโหจนทะลุผืนฟ้า เจ้าเด็กหน้าเหม็นแซ่เมิ่งผู้นี้ก็ยังไม่อาจแตะต้องได้

"จะเหมือนกันได้อย่างไร แต่เอาเถอะเรื่องราวเหล่านี้ซับซ้อนเจ้ายังเด็กไม่เข้าใจก็ไม่แปลก เช่นนั้นเรื่องในวันนี้ก็ให้จบแต่เพียงเท่านี้เถอะ"

เมิ่งหว่านชิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าท่านลุงของนางผู้นี้ไม่อาจดูแคลนจริงๆ เพียงแต่ตัวนางเองก็ไม่ใช่สตรีไร้หลักหนุนหลัง ในเมื่อมีขาทองคำอย่างอ๋องรุ่ยมาให้เกาะนางย่อมจะต้องใช้ให้คุ้มค่า

"เป็นเช่นที่ท่านลุงกล่าวไม่ผิด เรื่องราวเหล่านี้ซับซ้อนตัวข้านั้นยังเด็กจึงไม่ค่อยเข้าใจ เอาไว้วันพรุ่งนี้ข้าแวะไปเมียพี่ชายท่านอ๋อง ค่อยให้เขาช่วยชี้แนะอีกที"

แม้จะรู้ว่านี่เป็นสถานการณ์ตีฆ้องฟ้องนายของเด็กหญิง แต่เสวี่ยเกาเยี่ยนก็ไม่อาจเสี่ยงกับอารมณ์และความคิดที่อยากจะคาดเดาของอ๋องรุ่ย

"ท่านอ๋องมีราชกิจมากมายให้จัดการ เจ้าจะไปรบกวนพระองค์ด้วยเรื่องเล็กน้อยในบ้านได้อย่างไร เอาเถอะในเมื่อท่านป้าของเจ้าเป็นฝ่ายเข้าใจผิดก็ลงโทษนางให้เสมอกันกับแม่ของเจ้าเป็นเช่นนี้ดีหรือไม่"

"ท่านลุงช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก"

สุดท้ายแม้จะไม่ยินยอมแต่ว่าจ้าวซูซินก็ไม่อาจคัดค้าน จำใจรับโทษคุกเข่าที่ศาลบรรพชน

เมื่อเสวี่ยซูเหวินบุตรชายคนโตของเสวี่ยเกาเยี่ยนกลับเข้าจวนมากลางดึกแล้วได้ยินว่า มารดาของตนถูกสองแม่ลูกจากตระกูลเมิ่งไล่ออกจากเรือนเดิม อีกทั้งยังลงโทษให้ไปคุกเข่าในโถงบรรพชนถึงสามวัน โดยให้กินอาหารเพียงวันละหนึ่งมื้อเท่านั้นก็โมโหจนใบหน้าเขียวคล้ำ รีบตรงมาที่เรือนใหญ่ในทันที

“ท่านอาหญิง ท่านทำเช่นนี้ออกจะเกินไปหรือไม่”

เมิ่งหว่านชิงมองดูบุรุษตัวโตที่วิ่งพุ่งเข้ามาในเรือนพักของนางและมารดาด้วยสายตาคับแค้นใจ เสวี่ยซูเหวินผู้นี้คือบุตรชายคนโตของเสวี่ยเกาเยี่ยน ในชาติภพก่อนทุกครั้งที่จ้าวซูซินต้องการหาเรื่องรังแกนางก็มักจะเป่าหูยืมมือคนผู้นี้ หลอกให้เขาลงมือทำร้ายตนอยู่เสมอ 

เพื่อที่ในยามตัดสินโทษจะได้ใช้ข้ออ้างว่าเป็นการหยอกเย้า ล้อเล่นกัน ของเด็กสองคนเท่านั้น

และนี่ก็คืออีกเหตุผลหนึ่งที่เสวี่ยชิงเยี่ยนตัดสินใจยอมแต่งไปเป็นอนุของคุณชายใหญ่ตระกูลกู้ กลายเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตที่ไม่อาจแก้ไข

"ชิงชิงแม่จะปกป้องเจ้า แม่จะพาเจ้าไปจากสถานที่แห่งนี้"

ในตอนนั้นคำพูดประโยคนี้ ล้วนเต็มไปด้วยความหวัง เพียงแต่สิ่งที่มารดาไม่คาดคิดก็คือพวกนางหนีจากรังงูพิษนี้สำเร็จ แต่กลับถูกล่อลวงให้ไปอยู่ในดงหมาป่าแทน

“พี่ชายเหตุใดจึงพูดกับท่านแม่ของข้าเช่นนี้เล่าเจ้าคะ ความจริงแล้วเรื่องนี้...”

“มารดาเจ้ารังแกมารดาข้าโดยไร้เหตุผล ทำไมข้าจะพูดไม่ได้”

.................................................

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ชาตินี้ข้าไม่ขอเป็นสตรีตัวแทน   บทสุดท้าย (จบ) เจ้าสำคัญที่สุด

    เมื่อกู้อิงโม่อุ้มเสวี่ยชิงเยี่ยนกลับเข้าเรือนไปแล้ว เมิ่งหว่านชิงก็เชิญหยางเทียนอี้ไปที่ศาลาด้านข้าง เพียงแต่เดินมาได้ไม่ไกลร่างเล็กก็ถูกโอบอุ้มจนตัวลอยจากพื้น “ฝ่าบาทจะทรงทำอะไรเพคะ” “ข้าเองก็หวาดกลัว อยากกลับเข้าห้องให้เจ้าปลอบโยนเช่นกัน” ได้ยินคนสูงศักดิ์ใช้อุบายเดียวกับบิดาเลี้ยงเมิ่งหว่านชิงก็อดที่จะขบขันไม่ได้ ก่อนจะสบตาเอ่ยถามสีหน้าจริงจัง “พระองค์ทำเช่นนี้คุ้มแล้วหรือเพคะ” “หากเจ้าหมายถึงเรื่องสละบัลลังก์ ตั้งแต่ต้นข้าก็ไม่เคยต้องการ” “เช่นนั้นพระองค์ต้องการอะไรกันพคะ” “ต้องการเป็นสวามีเพียงคนเดียวของเจ้า” ริมฝีปากบางยกยิ้มขบขันในทันทีที่ได้ยินความต้องการของคนตัวโต หากแต่หยางเทียนอี้กลับขมวดคิ้วแน่นด้วยท่าทีไม่ยินยอม “ชิงชิง ข้าไม่ยอมเป็นอนุหรอกนะ” คิ้วเล็กขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่นางบอกว่าจะให้เขาเป็นอนุชาย แต่เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ความสงสัยก็คลายออกในทันที “ท่านแม่ของข้าเพียงแค่เอาคืนความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจของท่านอารองกู้เท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจให้เขาเป็นอนุจริงๆ” “ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ยินดี ชีวิตนี้ข้าจะมีเพียงเจ้าเป็นภรรยา และก็ไม่ยินยอม

  • ชาตินี้ข้าไม่ขอเป็นสตรีตัวแทน   บทสุดท้าย(1) เจ้าสำคัญที่สุด

    หลังจากเดินออกจากท้องพระโรงหยางเทียนอี้ก็กลับไปที่ตำหนักส่วนพระองค์ บรรดาขุนนางต่างเดือดดาลและคิดว่าอย่างไรเสียเขาก็ต้องกลับมาขอร้องและยอมรับข้อเสนอของพวกตน จะมีบุรุษใดไม่รักอำนาจ ไม่ปรารถนาเป็นผู้นั่งบนบัลลังก์มังกร ดังนั้นพวกเขาแค่อดทนรออีกไม่กี่วันก็จะสามารถควบคุมหยางเทียนอี้เอาไว้ในฝ่ามือได้ เพียงแต่สิ่งที่เหล่าขุนนางคิดไม่ถึงก็คือ ตะวันไม่ทันตกดินหยางเทียนอี้ก็นำกำลังส่วนตัวควบม้าออกจากประตูเมืองตะวันออก"เกิดอะไรขึ้น นั่นไม่ใช่ฝ่าบาทของพวกเราหรือ เหตุใดพระองค์จึงออกจากเมืองอย่างกะทันหันเช่นนี้เล่า""เจ้าไม่รู้หรือไร เมื่อเช้านี้พวกขุนนางบีบบังคับให้ฝ่าบาทแต่งตั้งบุตรสาวของตนเองเป็นฮองเฮาและนางสนม พระองค์ไม่ยินยอมเป็นเครื่องมืออำนาจให้คนพวกนั้นจึงได้สละราชบัลลังก์แล้ว""สละราชบัลลังก์! เช่นนี้ต้าเซี่ยของพวกเราจะทำอย่างไร"เพียงสามวันข่าวลือเรื่องขุนนางบีบบังคับฮ่องเต้จนต้องสละราชบัลลังก์ลี้ภัยออกจากเมืองก็ถูกเล่าลือไปทั่วต้าเซี่ย ชาวเมืองต่างวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา ถึงกระทั่งบางคนยังไปรวมกลุ่มกันที่หน้าประตูจวนของขุนนางเพื่อตะโกนด่าทอและสาบแช่ง ทั่วทั้งเมืองหลวงวุ่ยวายเกิดจลาจลกล

  • ชาตินี้ข้าไม่ขอเป็นสตรีตัวแทน   บทที่ 20.4 ตัดความสัมพันธ์

    องค์ฮ่องเต้หยางเทียนจงได้ยินว่ารุ่ยอ๋องกลับเข้าเมืองมาช่วยเมิ่งหว่านชิงก็หัวเราะเสียงดังก้องอย่างพึงพอใจ น้องชายของเขาผู้นี้เก่งกาจทั้งบุ๋นบู๊ แต่กลับเป็นเพียงบุรุษอ่อนแอ ปล่อยให้สตรีนางหนึ่งควบคุมจิตใจ หนีออกไปได้แล้วอย่างไร เขาแค่ใช้แผนการเล็กๆ น้อยๆ ล่อสตรีแซ่เมิ่งผู้นั้นเข้ามา น้องชายผู้โง่เขลาก็วิ่งกลับมาติดกับเช่นเดิม "บัลลังก์นี้เป็นของข้า ใครก็ไม่สามารถมาแย่งชิงไปได้" กล่าวจบหยางเทียนจงก็เดินผ่านประตูข้างตรงไปยังท้องพระโรง มองเก้าอี้บัลลังก์มังกรด้วยสายตาแดงก่ำ ทั้งยินดี แล้วเศร้าหมองไปพร้อมๆ กัน ภาพในวันวานสะท้อนกลับมาในความทรงจำ ครั้งหนึ่งเบื้องหน้าบนเก้าอี้มังกรตัวนี้เคยมีบิดานั่งอย่างสง่า เก้าอี้หงส์ด้านข้างก็มีมารดาผู้งดงามนั่งเคียงข้าง ทอดสายตารักใคร่อ่อนโยนมองดูเขาและหยางเทียนอี้วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ริมฝีปากคลี่ยิ้มกว้างอ่อนโยนมองไปที่พื้นกลางห้องโถง "เสด็จพี่อุ้มๆ ข้าเจ็บ" เสียงของหยางเทียนอี้ในวัยเยาว์ยามหกล้มร้องขอให้เขาโอบอุ้มยังคงชัดเจนในความทรงจำ เพียงแต่เมื่อหลับตาลงและลืมขึ้นอีกครั้งทุกอย่างก็ล้วนจางหายเหลือเพียงห้องโถงที่ว่างเปล่าโดดเดี่ยว โดดเดี่ยวแล้ว

  • ชาตินี้ข้าไม่ขอเป็นสตรีตัวแทน   บทที่ 20.3 ตัดความสัมพันธ์

    "นี่ไม่ใช่รุ่ยอ๋อง!"ทหารที่วิ่งนำทางเข้ามาในคุกหลวงร้องบอก เมิ่งหว่านชิงขมวดคิ้วแน่นไม่คิดว่านางวางแผนการอย่างรัดกุมถึงเพียงนี้กลับยังพลาดท่าให้กับฮ่องเต้ทรราช ดังนั้นจึงรีบสั่งให้คนของตนรีบถอยออกในทันที เพียงแต่ให้นางดำเนินการรวดเร็วมากมายเพียงใด ก็ยังคงช้ากว่าคนวางแผนการ ยามเมื่อออกพ้นประตูคุกหลวงมาก็พบว่าเบื้องหน้าถูกล้อมด้วยทหารจำนวนมาก อีกทั้งคนที่นำทหารมาจับกุมตนยังเป็น..."เกาอู๋ฮั่น!!"มือเรียวกำเข้าหากันแน่น ในชาติก่อนหลังสงครามเมืองประจิมเสร็จสิ้น นางกลับเมืองหลวงก็ถูกเขาลอบวางแผนจับตัวและสังหารอย่างโหดเหี้ยม ไม่คิดว่าในชาตินี้เหตุการณ์ก็ยังคงวนมาให้นางถูกเขาจับกุมอีกเช่นเคย"ฮูหยินคนเก่งของข้า สามีมารับกลับจวนแล้ว""ผู้ใดเป็นฮูหยินของเจ้ากัน!!"เมิ่งหว่านชิงโต้กลับเสียงแข็งกร้าวดุดัน ยิ่งคิดถึงเรื่องราวในชาติก่อน สายตาคมเรียวก็มองชายตรงหน้าด้วยความคับแค้นใจ"เมิ่งหว่านชิง เจ้าใช้สถานะฮูหยินของข้าทูลขอตรานำทัพจากฝ่าบาท เท็จทูลเอาความดีความชอบใส่ตน กล่าวหาว่าข้าเป็นคนไร้ความรับผิดชอบหนีทัพ หากไม่เพราะฮ่องเต้ทรงปรีชาและเชื่อใจตระกูลเกาตอนนี้ตระกูลเกาของข้าถูกประหารทั้งตระกูล

  • ชาตินี้ข้าไม่ขอเป็นสตรีตัวแทน   บทที่ 20.2 ตัดความสัมพันธ์

    เหตุการณ์รุ่ยอ๋องสังหารเหอไทเฮาแพร่กระจายไปทั่วทั้งแคว้นต้าเซี่ย เมิ่งหว่านชิงที่ได้รับข่าวขบกรามแน่น ตั้งแต่ต้นตัวนางก็ไม่ไว้ใจองค์ฮ่องเต้อยู่แล้ว หากแต่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะใช้แผนการใส่ความร้ายแรงเช่นนี้ "ท่านแม่ทัพไม่ทราบว่าท่านเรียกประชุมด่วนเช่นนี้มีเรื่องอันใดหรือขอรับ"รองแม่ทัพฉาง ที่ตอนนี้ยอมรับในตัวเมิ่งหว่านชิงแล้วเอ่ยถามด้วยความเคารพ หญิงสาวจึงหยิบป้ายบัญชาการทหารออกมาวางลงบนโต๊ะเบื้องหน้า สร้างความตื่นตกใจให้กับทุกคนเป็นอย่างยิ่งคืนป้ายบัญชาการ นี่ไม่เท่ากับนางกำลังถอนตัวจากกองทัพหรือ"ท่านแม่ทัพ นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร"รองแม่ทัพตงเอ่ยถามด้วยความร้อนรน ก่อนหน้านี้เขายอมรับว่าดูแคลนที่นางเป็นสตรี แต่หลังจากได้ร่วมทัพแม้เป็นระยะเวลาสั้นๆ กลับทำให้เขานับถือนางจากใจจริง“ข้ามีบางเรื่องต้องจัดการ ตำแหน่งแม่ทัพนี้จึงไม่อาจรับผิดชอบได้อีก"เพราะตัดสินใจที่จะเข้าเมืองไปช่วยหยางเทียนอี้ ดังนั้นเมิ่งหว่านชิงจึงไม่อาจครองตำแหน่งแม่ทัพนี้เอาไว้ได้ ดวงตาเรียวหันไปทางเซี่ยหลิงซางก่อนจะมอบจี้หยกประจำตระกูลเมิ่งและป้ายบัญชาการกองทัพบูรพาให้กับเขา"พี่ชายหลิงซาง ต่อจากนี้ขอฝากกองกำลั

  • ชาตินี้ข้าไม่ขอเป็นสตรีตัวแทน   บทที่ 20.1 ตัดความสัมพันธ์

    “ไทเฮาเสด็จ!”เสียงรายงานดังมาจากด้านหน้าตำหนักรับรอง หยางอี้เทียนขมวดคิ้วหนา แน่นอนว่าเขาในฐานะอดีตองค์ชายการพบปะกับไทเฮานั้นเป็นเรื่องปกติ ทว่าก่อนหน้านี้เขาเป็นคนสั่งการลงทัณฑ์สังหารต้วนอ๋อง พระโอรสเพียงหนึ่งเดียวของเหอไทเฮา แน่นอนว่าด้วยเหตุและผลการพบปะครั้งนี้นับว่าเป็นเรื่องไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องวุ่นวายในภายหลัง รุ่ยอ๋องจึงให้คนออกไปปฏิเสธการเข้าพบของเหอไทเฮา“ไปทูลไทเฮาว่าข้าไม่สะดวกพบพระองค์”สายตาคมมองบรรดาขันทีนางกำนัลที่ถูกส่งมายืนนิ่งไม่ไหวติง ก็เข้าใจอย่างชัดเจนว่านี่ต้องเป็นแผนการยืมมือฆ่าคนแน่ๆ และเป็นเช่นที่เขาคาดการณ์ เมื่อประตูตำหนักรับรองถูกเปิดออก ร่างของสตรีในชุดสูงศักดิ์ปรากฏอยู่เบื้องหน้า“ไทเฮามีเรื่องต้องการสนทนากับรุ่ยอ๋องตามลำพัง พวกกระหม่อมไม่ขออยู่รบกวน ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”พูดจบคนทั้งหมดก็ออกไปยืนที่ด้านนอกตำหนัก ปากบอกว่าไม่ต้องการรบกวน แต่การกระทำชัดเจนว่าเป็นการควบคุมให้คนทั้งสองอยู่ร่วมกันในตำหนัก“ถวายพระพรไทเฮา”“เจ้าสังหารลูกของข้ายังต้องมาเสแสร้งต่อหน้าข้าอีกทำไมกัน”เหอไทเฮากัดฟันเอ่ยเสียงสั่น สองแก้มอาบไปด้วยหยาดน้ำ สองตาแ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status