Войтиหลิงเฟิ่ง วิญญาณหญิงสาวจากยุคปัจจุบัน ทะลุมิติไปอยู่ในร่างของหลี่หลิงเฟิ่ง หญิงสาวที่ไม่สมประกอบตั้งแต่เกิด
Узнайте больше「…?」
不意に止んだピアノの音に、書類に目を通していた佐倉希純(さくらきすみ)はチラリと視線を上げた。
そこにはレースのカーテンが柔らげた、大きな窓から入る陽の光を浴びて、妻の美月(みつき)が呆然と座っていた。
「美月?」
呼びかけてもまるで聞こえていないかのように無視されて、彼は不快感に眉を顰めた。
希純は美月のピアノを聴きながら、落ち着いた時間を過ごすのが気に入っていた。
今日も午前中の会議の内容に苛立ちを覚えて、すぐさま美月を呼びつけて彼の為の演奏を依頼した。
その為に社内に特別な部屋を造り、彼はゆっくりとした時間を満喫していた。
美月のピアノをBGMにすると不思議と心が落ち着いて、仕事も捗った。
それなのにー。
今、ピアノの前に座る妻はただ呆然と自分の両手を見つめ、微かに震える指を一本一本確かめるように動かして、その瞳を潤ませていた。
希純は一つため息をついて書類をテーブルに置き、ソファから立ち上がると美月の側へと歩み寄って来た。
「なにしてる?」
「きゃ…っ」
驚いたように立ち上がり、逃げようとしたのか膝裏に椅子が当たって大きな音をたてた。
それに伴ってぐらりと傾いだ彼女の身体を、思わず伸ばした腕で支えた。
「気をつけろ」
「…ありがとう」
「……」
俯いて答える美月の声は小さく、そしてひどく遠慮がちだった。
その理由がわからなくて、希純は益々不愉快になった。
2人の間に気まずい空気が流れ、時間だけが流れて行く。
だが、不意に…。
「帰るわ」
美月が楽譜を片付け出した。
そこにはさっきまであった遠慮がちな雰囲気も、ただ呆然とした姿もなく、少しでも早く帰りたいといった彼女の気持ちが滲み出ていた。
いつもは透き通るほど白い肌も僅かだがピンクに染まり、何かわからないが、彼女を興奮させる出来事がこの短い時間の中にあったのだと示唆していた。
希純は、自分の所有物に理解の及ばないことがあるとわかって、とても腹を立てた。
「誰が帰っていいと言った?」
「用があるの」
「駄目だ」
今や希純の貴重な時間が台無しになっていた。その事にも、彼は腹を立てていた。
今朝まで妻の美月は何を置いても夫である自分を最優先にし、彼が不快な気分にならないよう十分に配慮してくれていた。
会議での苛立ちを宥めるような優しい旋律を奏で、自分の胸に柔らかい何かを染み込ませてくれていた。
それがなぜ急にこんなことに…?
希純には理解できなかった。
彼が黙っている間にも美月は鍵盤を優しく拭き、蓋を静かに閉め、纏めた楽譜を丁寧に鞄にしまっていた。
「美月!」
そしてくるりと背を向けて自分の側を通り抜け、入り口に向かって歩く彼女を呼び止めると、ピタリと足が止まった。
「ピアノが聴きたいだけならCDでも流してたらいいじゃない」
「なに!?」
およそ初めて反抗されて一瞬カッとなったが、すぐに気持ちを落ち着けた。
「CDは好きじゃない。直接、生の演奏を聴くのが心地良いんだ」
「……」
希純は妻のそのほっそりとした背中を見つめながら、極力優しい声を出す努力をした。
「続きを弾いてくれるかい?」
だが美月はほんの少しだけ彼の方に顔を向けただけで、その声音は冷たかった。
「嫌よ」
「美月!」
「奈月(なつき)に頼めばいいわ。彼女も弾けるわよ。下手だけど」
「……」
そう言った彼女の口調は明らかに馬鹿にしたようだった。
「嫉妬してるのか?」
希純は彼女が、彼女の妹と夫である自分が親しくしていることに腹を立ててこんな風に言ったのかと、少しだけ彼女を可愛らしく思った。
だが彼女はその言葉を聞いて呆れたようにフッと鼻で嗤い、振り向いた。
「あなたがあの子とどういう関係だろうと、どうでもいいわ。私はピアノがあればそれでいい。佐倉希純、離婚しましょう!」
「!」
突然の宣告に、彼は言葉が詰まって出てこなかった。
そんな彼を冷たく見つめて、やがて彼女は静かにドアを開けて出て行った。
しばらくして、希純の携帯に運転手の中本から着信があった。
「なんだ?」
『社長、奥様が帰られるそうなのでお送りして来ます。何かご用はございますか?』
「特にない。…美月は家に戻ると言ったか?」
『はい?』
中本は驚いて思わず聞き返してしまった。
彼らが結婚して以来、社長が奥様の予定を気にしたことはなかった。買い物に行こうが、習い事に行こうが、友人と遊びに行こうが…そもそも彼女が今何をしているのか気にしたことがないようだった。ただ彼が妻を必要とした時、連絡が取れればそれでいいようだった。
それがなんだってこんなことを聞かれるのか、中本にはわからなかった。
「あの…」
『聞こえなかったのか?それとも聞いていないのか?』
「あ、いえ、聞こえていますっ。奥様はご自宅にお戻りになるとおっしゃいました!」
『……それでいい』
「……」
中本は目をパチパチと瞬いた。
社長が変だ!
うーん…と首を傾げた時、美月から「中本さん?」と促され、彼はハッと急いで運転席に乗り込んだ。
「忙しければいいのよ?タクシーを拾うから」
「いえいえ、とんでもありませんっ。大丈夫です!社長からも言い遣っておりますから!」
「……」
中本は美月の微妙な表情に気が付かなかった。
美月も、まぁ、いい…と息をついて、窓に寄りかかって目を閉じた。
แต่เรื่องที่น่าประหลาดอีกเรื่องของตระกูลโจว ที่ทำให้จวนโจวถูกแม่สื่อเข้ามาพูดคุยกับพานซื่อทุกวันเห็นจะเป็นเรื่องคลอดของอวี้หลินหลังจากที่ผ่านมาได้ห้าเดือนหลังจากที่หลิงเฟิ่งนางคลอดบุตรชายทั้งสามออกมา ตำหนักอ๋องก็มีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้น เมื่ออวี้หลินนางปวดท้องคลอดในกลางดึกหลิงเฟิ่งเมื่อรู้เรื่องก็รีบไปที่ตำหนักอ๋องพร้อมกับชุยหยุนทันที พานซื่อและบุรุษตระกูลโจวทั้งสามตามมาทันนางที่หน้าตำหนักพอดีจึงได้เข้าไปด้านในพร้อมกันหลิงเฟิ่งกับพานซื่อเข้าไปอยู่ภายในห้องคลอดด้วย นางเทน้ำวิเศษให้อวี้หลินได้ดื่ม เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของนางหมอตำแยก็เป็นคนเดียวกันกับที่ทำคลอดให้หลิงเฟิ่งพอเด็กทารกสองคนแรกออกมา นางก็ต้องกรีดร้องเสียงดังอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อมีหัวน้อยๆ โผล่ออกมาจากช่องคลอดอีกหัวหนึ่ง“สวรรค์!!! ดะ เด็ก เด็กอีกคนเจ้าค่ะ”อวี้หลินคลอดบุตรชายฝาแฝดออกมาสามคนเช่นกัน เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นมาก่อนในแคว้นต้าเยี่ยทำให้บุรุษตระกูลโจวอีกสองคนที่เหลือที่ยังไม่ยอมแต่งฮูหยินเข้าจวน ถึงกับหนักใจ ด้วยแม่สื่อที่เดินเข้าออกไปขาดสาย“อาเหว่ย ข้าจะขอไปอยู่ที่ค่ายนอกเมืองกับเจ้าสั
เพียงไม่นาน ขบวนกองทัพก็ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้น ลู่เหวินกับโจวเฉิงเหว่ยที่นำอยู่ด้านหน้า ฉีกยิ้มกว้างให้พานซื่อและอวี้หลิน ก่อนที่ทั้งสองจะรีบควบม้าเข้าไปหาคนที่รออยู่“เฟิ่งเออร์เล่า” พานซื่อเอ่ยถามหาหลิงเฟิ่งทันที เมื่อลู่เหวินลงจากหลังม้ามาหานาง“ท่านแม่ ลูกกลับมาแล้วขอรับ” โจวเฉิงเหว่ยคุกเข่าลงตรงหน้าของพานซื่อ แล้วก้มคำนับสามครั้งให้นาง“อาเหว่ย เจ้าจากบ้านไปเสียหลายปี ครั้งนี้ได้กลับมาอยู่กันพร้อมหน้าแล้วนะลูก” นางลูบใบหน้าของบุตรชายคนรองอย่างคิดถึง“ฟะ เฟิ่งเออร์ เจ้า...”พานซื่อถูกเสียงร้องอย่างตกใจของอวี้หลิน ทำให้หันไปมองที่ด้านหลังของโจวเฉิงเหว่ยอย่างรวดเร็วดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา ตอนที่เดินทางออกจากเมืองหลวงไป ท้องของหลิงเฟิ่งมิได้ดูเหมือนจะตั้งครรภ์มาก่อน แต่ยามนี้ท้องของนางราวกับว่าใกล้คลอดเต็มทีแล้วนี่คงเป็นเหตุผลที่นางไม่อาจเดินทางกลับเมืองหลวงได้ตามที่เคยรับปากเอาไว้“เฟิ่งเออร์ เจ้าท้องกี่เดือนกัน ตั้งแต่เมื่อใด หรือว่าเจ้าท้องก่อนที่จะเดินทางแล้ว เหตุใดถึงไม่บอกแม่เล่า” พานซื่อเอ่ยถามออกมาระรัว“ท่านแม่ ครรภ์ของข้าเพิ่งจะหกเดือนเท่านั้นเจ้าค่ะ ข้าก็เ
โจวเฉิงเหว่ยนั่งอยู่บนหลังม้า ยืนอยู่หน้าเหล่าทหารหลายหมื่น สายตาของเขาจ้องมองไปยังร่างกำยำของแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานอย่างเย็นชา“บิดาเจ้าเหล่า เหตุใดต้องส่งลูกเต่าเช่นเจ้ามาเอาชีวิตข้า”“ท่านพ่อไม่คิดว่าท่านจะตัดสินใจเช่นนี้”“หึหึ บุรุษตระกูลโจวเก่งกาจนัก หากข้ารู้สักนิดว่าโจวลู่เหวินมิได้สูญเสียวรยุทธ์ก็คงจะทูลขอให้ฝ่าบาททรงเปลี่ยนใจ แต่ในเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว ข้าเกาซือหม่า ขอแลกชีวิตกับเหล่าทหารแคว้นต้าหานทั้งหมด หวังว่าแม่ทัพน้อยโจว จะปล่อยให้ทหารของข้ากลับคืนสู่แคว้นต้าหาน”แม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหาน ดึงดาบออกมาพาดที่คอ เขาตัดคอตนเองออกโดยไม่เผยความหวั่นเกรงใดออกมา โจวเฉิงเหว่ยจ้องมองหัวของแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานหลุดลงพื้นด้วยสายตาที่เรียบเฉย“เก็บกลับค่าย ถอยทัพ!!! ไม่ต้องตามทหารแคว้นต้าหาน ปล่อยพวกมันกลับไป แต่หากยังรั้งอยู่ภายในสองวันนี้ ฆ่าให้หมดไม่ต้องเหลือเอาไว้”เสียงของโจวเฉิงเหว่ยประกาศกร้าว จนแม้แต่ทหารแคว้นต้าหานที่ออกมาดูท่านแม่ทัพใหญ่ของตนปลิดชีพได้ยินอย่างชัดเจนหัวของแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานถูกเก็บกลับไปที่ค่ายของแคว้นต้าเยี่ย เหลือเพียงร่างไร้ศีรษะให้ทหารแคว้นต้าหานเ
ลู่เหวินยกธนูขึ้นเล็งไปทางแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหาน ก่อนจะปล่อยลูกธนูออกจากสายไป แม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานได้แต่มองเยาะเย้ยอย่างได้ใจ ระยะไกลเพียงนี้ ต่อให้เก่งการเพียงใดก็ยิงไม่ถึงเขาเป็นแน่“เฮือกกกก” เสียงสูดลมหายใจของทหารแคว้นต้าหานเมื่อลูกธนูที่ลู่เหวินปล่อยออกมา มันทะลุคอม้าที่แม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานขี่ราวกับจับวาง นี่คือสิ่งที่ลู่เหวินต้องการ เขาไม่ได้ต้องการสังหารแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานภายในลูกธนูเดียว แต่เป็นการย้ำเตือนว่าตนมิได้สูญเสียวรยุทธ์เช่นที่คิดกัน“บุก!!!” แม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหาน เปลี่ยนม้าตัวใหม่ได้ ก็ร้องตะโกนบอกทหารของตนทันทีความยับยั้งชั่งใจหายไปจนสิ้น เมื่อถูกหยามเช่นนี้ เขาควบม้าเข้าไปหาลู่เหวินอย่างไม่เกรงกลัว“บุก!!! ฆ่าให้หมด อย่าให้เหลือรอด” ลู่เหวินควบม้าพุ่งทะยานเข้าไปในสนามรบเช่นกันหลิงเฟิ่ง ที่นอนพักอยู่ภายในเรือนสะดุ้งตกใจตื่น นางกับชุยหยุนมิได้เข้าไปนอนภายในมิติ จึงได้ยินเสียงต่อสู้อย่างชัดเจน“ท่านพี่”“สงครามเริ่มแล้ว หากเจ้ากลัวเข้าไปหลบในมิติก่อนดีหรือไม่” ชุยหยุนกอดหลิงเฟิ่งเอาไว้แน่น“ไม่เจ้าค่ะ” นางส่ายหน้าหลิงเฟิ่งมิอาจข่มตาให้หลับลงได้ นางเป็นห่วงบิดาแ


















ОтзывыБольше