/ รักโบราณ / ชาติภพนี้ ข้าขอเป็นภรรยาและมารดาที่ดี / บทที่ ๗ เมล็ดพันธุ์ของความหวังอันเปราะบาง

공유

บทที่ ๗ เมล็ดพันธุ์ของความหวังอันเปราะบาง

last update 최신 업데이트: 2025-06-12 01:56:38

ภายหลังเหตุการณ์ที่เหออวี้หลันลงโทษบ่าวหญิงผู้ปากพล่อย บรรยากาศในจวนแม่ทัพโดยรวมดูสงบลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เรือนจื่อเถิง บ่าวไพร่ที่ต้องไปมาหาสู่หรือส่งของ ต่างมีท่าทีนอบน้อมและระมัดระวังคำพูดต่อหน้าจางมามาและเด็กทั้งสองมากขึ้น จางมามาเองก็ดูผ่อนคลายลง สีหน้าไม่เคร่งเครียดกังวลตลอดเวลาเช่นแต่ก่อน แม้แต่จวินซิงเฉินผู้ช่างสังเกต ก็ยังสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นนี้ แม้จะยังไม่เข้าใจถึงต้นสายปลายเหตุก็ตาม

ส่วนเหออวี้หลันนั้น นางตระหนักดีว่าการดูแลเด็กมิใช่เพียงการมอบวัตถุสิ่งของหรือปกป้องจากภยันตรายภายนอกเท่านั้น แต่คือการทำความเข้าใจและหล่อหลอมจิตใจอันละเอียดอ่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่นางขาดประสบการณ์และความรู้อย่างสิ้นเชิงในอดีต นางสนใจเพียงการปรนเปรอตนเองและแก่งแย่งชิงดี ไม่เคยใส่ใจศึกษาหลักการเลี้ยงดูบุตรธิดาเลยแม้แต่น้อย

ดังนั้นในยามว่างเว้นจากการดูแลความเรียบร้อยในจวน นางจึงมักใช้เวลาอยู่ในห้อง เก็บตัวอ่านม้วนตำราและเอกสารต่างๆที่ให้ชุนเถาไปเสาะหามา มิใช่ตำราพิชัยสงครามหรือบทกวีรักใคร่ แต่เป็นบันทึกเกี่ยวกับหลักการอบรมเลี้ยงดูบุตรธิดาตามขนบธรรมเนียม ตำราดูแลสุขภาพเด็กเล็ก หรือแม้กระทั่งนิทานพื้นบ้านที่แฝงคติสอนใจ

การเลี้ยงดูมิใช่เพียงให้กินอิ่มนอนอุ่น แต่คือการหล่อหลอมจิตใจและสติปัญญา คือการมอบความรักและความเข้าใจ คือสิ่งที่ข้าไม่เคยทำ และต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด... นางคิดพลางพลิกหน้ากระดาษอย่างตั้งใจ

หลังจากเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ และได้รับรายงานจากชุนเถามาหลายวัน เหออวี้หลันรู้สึกว่าบางทีอาจถึงเวลาที่จะลองปฏิสัมพันธ์กับเด็กๆอีกครั้ง แต่ต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังและมีแบบแผนยิ่งกว่าเดิม นางเลือกช่วงเวลาที่ซูอี๋เหนียงกำลังสอนวาดภาพให้จวินเสวี่ยอัน เพราะการมีบุคคลที่สามอยู่ด้วย อาจช่วยลดความประหม่าและความตึงเครียดลงได้

นางให้ชุนเถาจัดเตรียมหมึกสีชั้นดีหลายหลอด และกระดาษเซวียนจื่อเนื้อหนาพิเศษสำหรับวาดภาพอีกจำนวนหนึ่งใส่กล่องไม้สวยงาม อ้างว่าบังเอิญได้มาและเห็นว่าเหมาะกับการเรียนวาดภาพ จึงตั้งใจนำมามอบให้

เมื่อนางและชุนเถาเดินทางมาถึงเรือนจื่อเถิงอย่างเงียบๆ ก็พบซูอี๋เหนียงและจวินเสวี่ยอันกำลังนั่งอยู่ริมหน้าต่าง แสงแดดอ่อนๆยามบ่ายส่องกระทบกระดาษเบื้องหน้า เผยให้เห็นภาพดอกเหมยแรกแย้มที่เด็กน้อยกำลังบรรจงตวัดปลายพู่กันอย่างตั้งอกตั้งใจ

จางมามารีบออกมารับหน้า คารวะด้วยท่าทีนอบน้อมแต่ก็ไม่ตื่นตระหนกเท่าครั้งก่อน "คารวะฮูหยินเจ้าค่ะ"

"ตามสบายเถอะจางมามา" เหออวี้หลันส่งยิ้มบางๆ ให้ "ข้าเพียงผ่านมา เห็นว่าอาจารย์ซูกำลังสอนอยู่พอดี จึงอยากจะขอดูเงียบๆสักครู่ หวังว่าจะไม่เป็นการรบกวน"

"มิได้รบกวนเลยเจ้าค่ะ เชิญฮูหยินด้านใน" จางมามาผายมือเชิญ

เหออวี้หลันก้าวเข้าไปในห้องอย่างแผ่วเบา เลือกนั่งลงบนตั่งที่อยู่ห่างออกไปพอสมควร นางไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงแต่ทอดสายตามองการสอนวาดภาพนั้นด้วยความสนใจอย่างแท้จริง

การมาถึงของนางทำให้จวินเสวี่ยอันเสียสมาธิไปเล็กน้อย เด็กน้อยเหลือบมองนางแวบหนึ่งด้วยความประหม่า แก้มใสพลันแดงระเรื่อขึ้นมาทันที แต่เมื่อเห็นว่านางเพียงแค่นั่งมองเงียบๆ และซูอี๋เหนียงก็ส่งยิ้มให้กำลังใจ นางจึงพยายามรวบรวมสมาธิกลับไปที่ปลายพู่กันอีกครั้ง

ซูอี๋เหนียงชี้แนะเทคนิคการลงสีอย่างใจเย็น "ตรงนี้... ลองใช้สีชมพูอ่อนแต้มบางๆที่ปลายกลีบ จะทำให้ดูมีมิติมากขึ้นนะเจ้าคะคุณหนู"

เสวี่ยอันพยักหน้ารับ ค่อยๆจุ่มพู่กันลงในจานสี แล้วบรรจงแต้มลงบนกลีบดอกเหมยอย่างระมัดระวัง ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้ดอกเหมยบนกระดาษดูราวกับมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

"ยอดเยี่ยมมากเจ้าค่ะคุณหนู" ซูอี๋เหนียงเอ่ยชมด้วยรอยยิ้ม "เห็นหรือไม่เจ้าคะ การใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ก็ทำให้ภาพงดงามขึ้นได้"

ในจังหวะนั้นเอง เหออวี้หลันก็เอ่ยเสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "ฝีมือเสวี่ยอันพัฒนาขึ้นมากจริงๆ เพียงไม่กี่วันก็วาดได้งดงามถึงเพียงนี้ อาจารย์ซูสอนได้ดีเยี่ยมสมคำร่ำลือ" นางกล่าวชมอาจารย์ก่อน แล้วจึงหันไปทางเด็กน้อย "เจ้าเองก็มีความตั้งใจมาก"

คำชมนั้นทำให้เสวี่ยอันหน้ายิ่งแดงก่ำ นางก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตา แต่ริมฝีปากเล็กๆนั้นกลับขยับเล็กน้อย

เหออวี้หลันจึงถือโอกาสวางกล่องไม้ลงบนโต๊ะใกล้ๆ "ข้าบังเอิญได้หมึกสีกับกระดาษวาดภาพมานิดหน่อย เห็นว่าน่าจะเหมาะกับการเรียนของเสวี่ยอัน จึงนำมาฝากไว้กับอาจารย์ซู เผื่อจะเป็นประโยชน์นะ"

ซูอี๋เหนียงมองหมึกสีและกระดาษชั้นดีในกล่องด้วยความชื่นชม "ขอบพระคุณในความเมตตาของฮูหยินแทนคุณหนูด้วยเจ้าค่ะ ของเหล่านี้จะช่วยให้การเรียนวาดภาพของคุณหนูพัฒนาไปได้อีกมากทีเดียว"

เสวี่ยอันยังคงก้มหน้านิ่ง แต่แล้วเสียงเล็กๆ ที่แผ่วเบาราวกระซิบก็หลุดออกมาจากริมฝีปากนาง

"ขอบ... คุณ... ท่าน... แม่..."

แม้จะเบาและขาดห้วง แต่ทุกคำกลับชัดเจนพอที่ทุกคนในห้องจะได้ยิน!

เหออวี้หลันหัวใจกระตุกวูบ ความรู้สึกตื้นตันใจแล่นปราดขึ้นมาอย่างรุนแรงจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ นางต้องสูดหายใจลึกเพื่อระงับอาการสั่นสะท้าน นางทำเพียงแย้มยิ้มตอบอย่างอ่อนโยนที่สุด "ตั้งใจเรียนเถิด" แล้วจึงหันไปทางซูอี๋เหนียง "ข้าไม่รบกวนแล้ว เชิญอาจารย์ซูสอนต่อตามสบาย"

นางลุกขึ้นยืน หมุนกายจากไปอย่างเชื่องช้าแต่สง่างาม ไม่ได้พยายามยืดเยื้อบทสนทนาหรือเรียกร้องความสนใจใดๆเพิ่มเติม

จวินซิงเฉิน ซึ่งเพิ่งกลับจากเรียนหนังสือกับอาจารย์หลินและกำลังจะเดินเข้าเรือนพอดี เห็นเหตุการณ์ในช่วงท้ายทั้งหมด เขาเห็นท่านแม่ของตนมอบกล่องของขวัญ เห็นอาจารย์ซูรับไว้อย่างนอบน้อม และเห็นน้องสาวตัวน้อยของตนก้มหน้าเอ่ยคำขอบคุณด้วยเสียงแผ่วเบา...

เด็กชายขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาฉายความสับสนและลังเลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นางกำลังทำอะไรกันแน่? เหตุใดจึงต้องทำถึงเพียงนี้? การปรนเปรอด้วยวัตถุ หรือว่ามีความจริงใจแฝงอยู่กันแน่? ความคิดเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัว ทำให้เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นครู่ใหญ่

ในเวลาต่อมา ขณะที่จวินเหยียนซีกำลังตรวจดูการฝึกซ้อมของทหารองครักษ์ในลานฝึกใกล้ๆ จวินซิงเฉินก็เดินผ่านมาพอดี เด็กชายหยุดยืน มองดูบิดาฝึกซ้อมทหารด้วยความชื่นชมระคนห่างเหิน

จวินเหยียนซีสังเกตเห็นบุตรชาย เขาจึงหยุดการฝึกซ้อมชั่วครู่แล้วเดินตรงเข้ามาหา "เลิกเรียนแล้วหรือ?" เขาถามเสียงเรียบ

"ขอรับท่านพ่อ" จวินซิงเฉินประสานมือคารวะ

"อาจารย์หลินสอนถึงไหนแล้ว?"

"กำลังทบทวนหลุนอวี่บทที่ห้าขอรับ"

"อืม ตั้งใจเรียนให้ดี" จวินเหยียนซีกล่าวเพียงเท่านั้น ตบไหล่บุตรชายเบาๆแล้วหันกลับไปสั่งการทหารต่อ บทสนทนาสั้นๆ และห้วนตามแบบฉบับของสองพ่อลูก แต่ก็เป็นการแสดงความใส่ใจในแบบของบุรุษ

โดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว เหออวี้หลันซึ่งกำลังเดินตรวจตราผ่านมาเห็นภาพนั้นพอดี นางหยุดยืนมองอยู่ห่างๆ เห็นความเก้ๆกังๆ แต่ก็มีความผูกพันบางอย่างระหว่างพ่อลูกคู่นั้น ทำให้นางตระหนักว่าภาระหน้าที่ในการเยียวยาความสัมพันธ์ในครอบครัวนี้ ไม่ได้ตกอยู่บนบ่าของนางเพียงผู้เดียว... จวินเหยียนซีเองก็มีส่วนที่ต้องเรียนรู้และปรับปรุงเช่นกัน

นางถอนหายใจเบาๆก่อนจะเดินจากไปเงียบๆ หัวใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย คำขอบคุณแผ่วเบาของเสวี่ยอันยังคงก้องอยู่ในหู มันคือเมล็ดพันธุ์ของความหวัง... เมล็ดพันธุ์อันเปราะบางที่นางจะต้องเฝ้าทะนุถนอมและรดน้ำพรวนดินต่อไปด้วยความอดทนและจริงใจ

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ชาติภพนี้ ข้าขอเป็นภรรยาและมารดาที่ดี   บทที่๔๐ สานสัมพันธ์นิรันดร

    เมื่อเหมันต์อันยาวนานและเยือกเย็นได้โบกมืออำลาไปอย่างแท้จริง วสันตฤดูอันแสนสดใสก็หวนกลับมาเยือนจวนแม่ทัพจวินอีกครั้ง คราวนี้มิใช่เพียงธรรมชาติภายนอกที่ผลิบาน แต่หัวใจของผู้อยู่อาศัยภายในจวนแห่งนี้ก็คล้ายจะเบ่งบานไปด้วยไอรักและความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนการดูแลเอาใจใส่ของจวินเหยียนซีในช่วงที่เหออวี้หลันล้มป่วยลงนั้น เปรียบเสมือนหยาดน้ำทิพย์สุดท้ายที่หลอมละลายกำแพงน้ำแข็งในใจของคนทั้งสองจนหมดสิ้น ความเคลือบแคลงสงสัย ความไม่เข้าใจ และความห่างเหินที่เคยมี บัดนี้ถูกแทนที่ด้วยความไว้วางใจ ความเข้าใจ และความรู้สึกผูกพันอันลึกซึ้งอย่างแท้จริงกิจวัตรประจำวันของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด การร่วมโต๊ะเสวยกลายเป็นเรื่องปกติที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและรอยยิ้ม การดื่มชายามค่ำคืนในศาลากลางสวนกลายเป็นช่วงเวลาของการแบ่งปันความคิดและความรู้สึกอย่างเปิดอกมากขึ้น พวกเขาเริ่มเรียนรู้ที่จะสื่อสารกันอย่างตรงไปตรงมา และรับฟังซึ่งกันและกันด้วยหัวใจที่เปิดกว้างจวินเหยียนซีดูจะผ่อนคลายและแสดงความรู้สึกออกมามากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รอยยิ้มจางๆที่เคยหาได้ยากยิ่ง บัดนี้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคายนั้

  • ชาติภพนี้ ข้าขอเป็นภรรยาและมารดาที่ดี   บทที่๓๙ พิสูจน์ใจในเหมันต์

    ภายหลังจากค่ำคืนในการเผชิญหน้าอันตึงเครียดในโรงเก็บฟืนเก่า บรรยากาศภายในจวนแม่ทัพจวินก็คล้ายจะถูกแช่แข็งไว้ด้วยความเงียบงันอันน่าอึดอัดยิ่งกว่าเดิม แม้จวินเหยียนซีจะมิได้เอ่ยปากขับไล่ หรือแสดงท่าทีรังเกียจนางอย่างเปิดเผย แต่ความห่างเหินและสายตาที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและคำถามที่ไร้คำตอบของเขานั้น ก็เป็นดั่งกำแพงที่มองไม่เห็น แต่กลับสูงตระหง่านและเย็นเยียบยิ่งกว่าครั้งไหนๆเหออวี้หลันเข้าใจดีว่านางกำลังอยู่ในช่วงเวลาของการพิสูจน์ตนเองอีกครั้ง และครั้งนี้หนักหนากว่าเดิมหลายเท่านัก ความไว้วางใจที่เพิ่งจะเริ่มก่อตัวขึ้น บัดนี้ได้พังทลายลงไปแล้วด้วยความลับและการปิดบังของนางเอง คำพูดของเขาที่ว่า "ข้าจะตัดสินเจ้าจากการกระทำของเจ้าในปัจจุบันและอนาคต" คือโอกาสสุดท้ายที่นางได้รับ โอกาสสุดท้ายที่นางต้องรักษาไว้ให้จงได้นางทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดให้กับการทำหน้าที่ของตนเองยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา นางตื่นแต่เช้าตรู่ เข้านอนดึกดื่น ตรวจตราดูแลทุกซอกทุกมุมของจวนด้วยความใส่ใจและความละเอียดลออที่ไม่เคยมีใครเทียบได้ ตั้งแต่การจัดสรรเสบียงในคลัง การดูแลความเป็นอยู่ของบ่าวไพร่ การบริหารจัดการงบประมาณ ไปจนถึง

  • ชาติภพนี้ ข้าขอเป็นภรรยาและมารดาที่ดี   บทที่๓๘ ความจริงที่ถูกเปิดเผย

    เหมันต์ยังคงทอดเงาทาบทับจวนแม่ทัพจวิน อากาศเย็นเยียบจับขั้วหัวใจแต่กลับมิอาจเทียบเท่าความหนาวเหน็บที่เกาะกุมจิตใจของเหออวี้หลันได้เลยนับตั้งแต่การปรากฏตัวของชิวเยว่ในอดีตชาติ แม้นางจะพยายามรักษาความสงบ ทำหน้าที่ฮูหยินและมารดาเลี้ยงอย่างมิได้ขาดตกบกพร่อง แต่ความหวาดระแวงและความกลัวก็กัดกินใจนางอยู่ทุกขณะลมหายใจนางเฝ้าสังเกตการณ์ชิวเยว่ผู้นั้นอย่างลับๆมาตลอด แต่สตรีผู้นั้นก็ยังคงทำงานของตนไปอย่างเงียบๆ ขยันขันแข็ง ไม่แสดงพิรุธใดๆออกมา ความสงบเสงี่ยมนั้นเองที่ยิ่งทำให้นางหวาดผวา มันเหมือนความเงียบก่อนพายุจะโหมกระหน่ำ หรือเหมือนอสรพิษที่ซ่อนตัวนิ่งรอจังหวะที่จะฉกกัดความอดทนของเหออวี้หลันใกล้จะถึงขีดสุด นางไม่อาจทนใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวเช่นนี้ได้อีกต่อไป นางต้องรู้ให้แน่ชัด... ว่าชิวเยว่ต้องการสิ่งใดกันแน่!จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่นางกำลังตรวจดูผ้าปูที่นอนที่เพิ่งซักเสร็จใหม่ๆในห้องเก็บผ้าใกล้โรงซักล้าง สายตาของนางก็พลันสะดุดเข้ากับบางสิ่ง ปมเชือกสีแดงเส้นเล็กๆที่ถูกผูกซ่อนไว้ในเนื้อผ้าอย่างแนบเนียน เป็นปมแบบเดียวกันกับที่นางเคยใช้ผูกของเล่นชิ้นโปรดของเสวี่ยอัน แล้วโยนทิ้งไปด้วยคว

  • ชาติภพนี้ ข้าขอเป็นภรรยาและมารดาที่ดี   บทที่๓๗ คำถามจากอดีต

    เหมันตฤดูยังคงดำเนินไปอย่างเนิบนาบ วันคืนผ่านไปอย่างเชื่องช้าภายใต้ท้องฟ้าสีเทาหม่น เหออวี้หลันพยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยและความเป็นปกติสุขภายในจวนแม่ทัพไว้ให้มั่นคงที่สุด แต่นางก็รู้ดีว่าภายใต้ความสงบนั้นมีพายุร้ายกำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ... พายุที่มาจากอดีตของนางเองชิวเยว่ในชาติก่อนยังคงทำงานอยู่ในส่วนซักล้างและงานจิปาถะอื่นๆ อย่างขยันขันแข็งและดูเหมือนจะไม่มีพิษมีภัยใดๆ นางพูดน้อย ยิ้มยาก และมักจะก้มหน้าก้มตาทำงานของตนไปเงียบๆไม่สุงสิงกับผู้ใดเป็นพิเศษ แต่ยิ่งนางดูสงบเสงี่ยมมากเท่าใด เหออวี้หลันก็ยิ่งรู้สึกหวาดระแวงมากขึ้นเท่านั้น สัญชาตญาณบางอย่างร้องเตือนอยู่ภายในว่าสตรีผู้นี้มิได้มาที่นี่โดยบังเอิญอย่างแน่นอนความหวาดระแวงนั้นได้รับการยืนยันในเวลาต่อมา...วันหนึ่งหลี่มามา บ่าวอาวุโสผู้รับใช้ตระกูลจวินมานานได้เข้ามาพบเหออวี้หลันเป็นการส่วนตัวด้วยสีหน้าที่ดูครุ่นคิดเล็กน้อย "เรียนฮูหยินเจ้าคะ บ่าวมีเรื่องประหลาดใจเล็กน้อยจะเรียนให้ทราบ""เรื่องอันใดหรือหลี่มามา?" เหออวี้หลันถาม พยายามควบคุมไม่ให้หัวใจเต้นแรงจนผิดสังเกต"คือ... ชิวเยว่ คนงานใหม่ในโรงซักล้างน่ะเจ้า

  • ชาติภพนี้ ข้าขอเป็นภรรยาและมารดาที่ดี   บทที่๓๖ อดีตที่หวนคืนมาทวงถาม

    เหมันตฤดูแผ่ปกคลุมจวนแม่ทัพจวินด้วยไอเย็นยะเยือก หิมะโปรยปรายลงมาเป็นครั้งคราว แต่งแต้มให้หลังคาและกิ่งก้านของต้นไม้กลายเป็นสีขาวโพลน ชีวิตภายในจวนดำเนินไปอย่างอบอุ่นและสงบสุขภายใต้การดูแลของเหออวี้หลันและจวินเหยียนซี ความสัมพันธ์ของทั้งสองแน่นแฟ้นขึ้นตามลำดับ ความรักและความเข้าใจค่อยๆถักทอสายใยอันมั่นคงขึ้นมาแทนที่ความเย็นชาในอดีต เด็กทั้งสองเติบโตขึ้นอย่างร่าเริงและมั่นคงภายใต้ร่มเงาแห่งความรักของครอบครัวทว่าความสงบสุขที่ดูเหมือนจะยั่งยืนนี้ กลับมีอันต้องสั่นคลอน... เมื่ออดีตที่ไม่คาดฝันได้หวนกลับมาทวงถามเนื่องด้วยขนาดของจวนที่กว้างขวางและจำนวนบ่าวไพร่ที่มีอยู่เดิมเริ่มไม่เพียงพอ ประกอบกับมีบ่าวบางส่วนลาออกหรือถึงวัยเกษียณ พ่อบ้านเฉียนจึงได้นำเสนอเรื่องการว่าจ้างบ่าวรับใช้ระดับล่างเพิ่มเติมสองสามตำแหน่ง เช่น คนงานในโรงซักล้าง หรือคนสวนชั้นผู้น้อย เขาได้คัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเบื้องต้นเหมาะสมมาหลายคน และนำรายชื่อพร้อมประวัติย่อมาให้เหออวี้หลันในฐานะฮูหยินเป็นผู้พิจารณาอนุมัติขั้นสุดท้าย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในการบริหารจัดการจวนเหออวี้หลันรับรายชื่อมาตรวจดูอย่างละเอียดตามปกติ นาง

  • ชาติภพนี้ ข้าขอเป็นภรรยาและมารดาที่ดี   บทที่๓๕ งานเลี้ยงรับรอง

    ค่ำคืนงานเลี้ยงรับรองมาถึง จวนแม่ทัพจวินสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากโคมไฟนับร้อยดวง บรรยากาศโอ่อ่าสง่างามสมเกียรติ แขกเหรื่อผู้ทรงเกียรติ ทั้งขุนนางผู้ใหญ่ นายทหารระดับสูง และฮูหยินต่างทยอยเดินทางมาถึงด้วยรถม้าคันหรูจวินเหยียนซีและเหออวี้หลันยืนรอต้อนรับแขกอยู่ที่โถงทางเข้าหลัก เคียงข้างกันอย่างสง่างาม เขาสวมชุดขุนนางเต็มยศสีน้ำเงินเข้มดูน่าเกรงขาม ส่วนนางอยู่ในชุดสีทองอ่อนอันงดงาม ขับเน้นความงามอันสุขุมและสูงศักดิ์ ทั้งสองเป็นดั่งหยกคู่งามที่เปล่งประกาย สร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนตั้งแต่แรกเห็นเหออวี้หลันทำหน้าที่เจ้าบ้านได้อย่างไร้ที่ติ นางกล่าวต้อนรับแขกแต่ละคนด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นและเป็นมิตร สามารถจดจำชื่อและตำแหน่งของทุกคนได้อย่างแม่นยำ สนทนาด้วยถ้อยคำที่เหมาะสมและแสดงความใส่ใจทำให้นางได้รับคำชื่นชมในความอ่อนน้อมและความเฉลียวฉลาดจากเหล่าแขกเหรื่อ โดยเฉพาะบรรดาฮูหยินทั้งหลายที่เคยมีอคติต่อนางมาก่อนส่วนจวินเหยียนซีนั้นเขารับหน้าที่ดูแลต้อนรับแขกฝ่ายชาย สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเหล่าขุนนางและนายทหารด้วยท่าทีที่สุขุมและน่าเชื่อถือ เขาสังเกตการณ์ปฏิกิริยาและท่าทีของแขกแต่ละคนอย่

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status