แชร์

หาฤกษ์งานแต่ง

ผู้เขียน: พิมพ์สีทอง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-20 12:39:14

เป็นวันสำคัญในชีวิตหญิงสาวที่อาจเกิดขึ้นได้เพียงครั้งเดียว แต่ว่าที่ภรรยาของเขาเลือกที่จะไม่จัดมัน ทำไมกันล่ะ เพราะแต่งโดยที่ไม่ได้รัก หรือนางไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ จะแบบไหนไป่จวิ้นก็รู้สึกไม่ชอบใจทั้งนั้น

หลังจากนอนคิดอยู่ทั้งคืนก็ตัดสินใจคุยกับผู้เป็นแม่

สกุลจางสูญเสียครอบครัวไปหลายคนจากภัยแล้ง สกุลไป่ไม่มีเครือญาติใกล้เคียงที่สามารถเชิญมาได้ในระยะเวลาอันสั้น ถึงมีก็มีเพียงหยิบมือเท่านั้น เพราะญาติมิตรได้ตัดขาดไปตั้งแต่รุ่นพ่อแล้ว บิดาของไป่จวิ้นก็ออกจากราชการด้วยเหตุผลเดียวกัน พอเขามาพิการไปอีกคนก็ไม่มีคนนับญาติด้วยโดยสมบูรณ์

ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกติดใจในเรื่องนี้มากนัก ถึงจะไม่พอใจกับความตื้นเขินของบุคคล แต่ก็ถือว่าได้ตัดผู้ไม่ประสงค์ดีออกจากชีวิต

หงเสวียนซู่บอกกับลูกชายว่านี่เป็นความปรารถนาของนางเอง เขายิ่งไม่เข้าใจใหญ่ว่าเหตุใดต้องเป็นเช่นนั้น

“เพราะนางรู้สึกว่าบ้านเราไม่มีเงินหรือขอรับ”

“จากที่แม่ไปพูดคุยกับบ้านนั้นมา คิดว่าไม่ใช่หรอก”

“แล้วทำไม…”

“คงหวาดกลัวถึงขั้นฝังใจกระมัง สกุลจางประสบภัยแล้งตั้งแต่เด็กคนนั้นยังเล็กมาก ประคับประคองอยู่ได้ไม่กี่ปีก็ไม่เหลืออะไรพอที่จะฟื้นตัวกลับไปได้อย่างเก่า

นางคงหวาดระแวงว่า หากมันเกิดขึ้นอีกจะไม่มีวิธีรับมือ

มีเงินเท่าไรก็ต้องสงวนเอาไว้ คหบดีหลายคนเหลือแต่ชื่อเพราะความเลวร้ายครั้งนั้น หลายคนก็ไม่มีใครจำได้แล้วด้วยซ้ำว่าชื่อแซ่อะไร เคยมั่งมีขนาดไหน แม้กระทั่งตัวเองก็ไม่อยากจะเชื่อ ราวกับฝันร้ายที่ติดตัวไปจนกว่าจะตาย”

หากเหตุผลเป็นอย่างนั้นไป่จวิ้นก็พอเข้าใจได้ ไม่ว่านี่จะเป็นเพียงการคาดเดาของมารดาตนเองฝ่ายเดียวหรือไม่ เขาก็คิดว่าจะให้ไร้พิธีไม่จำเป็นไปเสียทั้งหมดไม่ได้

จริงอยู่ว่าการแต่งงานไม่จำเป็นต้องเคร่งครัดทุกขั้นตอน แค่ลำดับพิธีส่วนสำคัญยังมีอยู่ก็ได้แล้ว แต่ไป่จวิ้นไม่ปรารถนาแบบนั้น

“ท่านแม่ เช่นนั้นก็ถือว่าข้าจัดให้นางเถอะขอรับ”

เดิมจางอวี๋จิงไม่มีทางได้สวมชุดแดง แต่ตอนนี้กำลังวัดตัวหาชุดที่ขนาดพอดี วันที่สองของการมาดูแลว่าที่สามีต่างไปจากที่นางคิดไว้นิดหน่อย

“มีขนาดที่พอดีอยู่หลายตัวเลย ฮูหยินจะไปที่ร้านเลยหรือไม่เจ้าคะ” หญิงสาวหันไปถามผู้อาวุโสที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้ว

“นั่นสิ ไปดูเองเลยดีกว่า” หงเสวียนซู่พยักหน้าเห็นด้วย

สตรีจากห้องเสื้อคนนั้นเก็บอุปกรณ์ที่พกมาเสร็จก็ออกไปพร้อมแม่ว่าที่สามี ท่าทางคุยกันสนุกสนานถูกคอ

จางอวี๋จิงพึ่งรู้สึกตัวว่าตอนนี้ตนกำลังอยู่ลำพังกับชายหนุ่ม ถึงจะเป็นคนที่ต้องแต่งงานด้วยอยู่แล้วก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้ เห็นท่าทางของนาง ไป่จวิ้นก็พึ่งตระหนักเช่นกันว่าตนกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหน

เจ้าของบ้านไม่รู้จะทำตัวอย่างไรจึงกระแอมไอบอกให้นางทำตัวตามสบาย ส่วนตนเองก็หนีไปผ่าฟืน

จางอวี๋จิงกะพริบตาปริบ ๆ ในเมื่อเขาหนีไปแล้วก็ช่างเถิด ถึงเหมือนจะรู้สึกว่าต้องคุยกัน ก็ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรอยู่ดี เรื่องที่พูดคุยได้ก็มี แต่นางกลับเขินอายขึ้นมา

เฉย ๆ เสียอย่างนั้น เขาหนีไปหลังบ้านแล้วนางจะทำอะไรได้นอกจากทำความสะอาดอย่างขะมักเขม้นด้วยท่าทีเก้ ๆ

กัง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง

มันอะไรกันน่ะ เขาทำตัวน่าเอ็นดูแบบนั้นก็ได้หรือ หรือเป็นข้าที่แปลก บอกว่าบุรุษตัวโตอย่างเขาน่าเอ็นดูได้

มุมปากหญิงสาวยกขึ้นยิ้ม ถึงนางจะออกปากเองว่าไม่จำเป็นต้องจัดงานพิธีก็ได้ แต่พอพวกเขาเลือกที่จะจัดให้ด้วยตัวเองนางก็รู้สึกดีใจขึ้นมา หลายครั้งอดคิดไม่ได้ว่านางช่างเห็นแก่ตัวเหลือเกิน แต่ความรู้สึกปีติยินดีนั้นทำให้หน้าอดยิ้มไม่ได้จริง ๆ

ตอนเที่ยงวันหงเสวียนซู่ก็กลับมา เพราะไม่ต้องจัดพิธียิ่งใหญ่ และยกเลิกบางขั้นตอนจึงสามารถเลือกวันจัดงานตามฤกษ์ที่เร็วที่สุดได้

แผนการที่วางไว้ในตอนแรกก็แค่หาวันมงคลที่นางจะขนสัมภาระส่วนตัวเข้ามา สวมชุดซอมซ่อแล้วกราบไหว้ฟ้าดิน ทำความเคารพพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายและคู่ครองของตนก็เป็นอันเสร็จ จางอวี๋จิงคิดว่าพิธีการพวกนั้นไม่ได้สำคัญอะไรเลย ขอเพียงหลังจากนี้นางดูแลสามีกับมารดาของเขาให้ดีก็คงปฏิบัติด้วยอย่างเหมาะสมเอง

แต่พอพวกเขาเลือกจะจัดงานให้ นางกลับดีใจ

หงเสวียนซู่ไปดูฤกษ์ยามและความสมพงษ์ของทั้งคู่มาอย่างละเอียด วันที่หาได้ก็อยู่ภายในสองสัปดาห์นี้

ทางบ้านเจ้าสาวก็วิ่งหาสินเดิมกันให้ สมบัติที่พอเหลือย้อนไปกี่รุ่นกี่รุ่นก็ขุดคุ้ยออกมาหมด จางอวี๋จิงจำต้องเอ่ยปรามอยู่บ่อยครั้งว่า ต้องเก็บไว้ให้จางฟงในวันหน้าด้วย

“ที่ดินเมืองฮวามีอยู่สี่ที่ที่ยังไม่ได้ขายไป เมืองตงสองที่ พวกเจ้าเอาไปคนละครึ่งเถอะ ตอนนี้เพาะปลูกอะไรไม่ได้แต่วันหน้าอาจจะมีประโยชน์บ้าง”

เหออิงรื้อดูสมบัติเก่า ที่พอจะมีมูลค่าบ้างก็เหลือแต่ที่ดินไร้ประโยชน์พวกนี้เท่านั้น พอเพาะปลูกอะไรไม่ได้ก็ไม่มีใครอยากซื้อเลยยังเหลือตกทอดมาจนถึงตอนนี้

“เท่านี้ก็ดีมากแล้วท่านแม่” นางยิ้มให้มารดาก่อนจะเอาโฉนดทั้งหมดไปแบ่งกับน้อง ถ้าเขาอยากได้อันไหนนางก็จะเอาที่เหลือ ทำเรื่องเปลี่ยนเจ้าของแล้วเสร็จภายในวันเดียว

จางอวี๋จิงยังคงไปหาของป่าตามปกติ นางพอจะทางได้แล้วว่าในหนึ่งวันตนต้องทำอะไรบ้าง

ระหว่างเดินอยู่ในเมืองไม่มีใครพูดถึงไป่จวิ้นหรือนางที่กำลังจะแต่งงานกันเลย ถ้าไม่ใช่ฮูหยินตั้งใจปิดข่าวก็คงเป็นเพราะชาวบ้านไม่ได้สนใจ

แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   งานแต่งงาน

    สามหนังสือหกพิธีการของไป่จวิ้นและจางอวี๋จิง ถูกลดหลั่นขั้นตอนลงไปตามงบประมาณและความสะดวก ดังนั้นอะไรต่อมิอะไรจึงรวดเร็วฉุกละหุกไปหมด นางกับเขาสวมชุดแดนมงคลยืนคู่กัน คำนับสิ่งศักดิ์สิทธิ์และดวงวิญญาณบรรพบุรุษ บุพการีทั้งสองฝ่ายคำนับให้แก่กัน บ่าวสาวคำนับบิดามารดาและคู่สมรสของตน ตามด้วยลงนามในหนังสือฉบับสุดท้าย เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จพิธีอย่างเรียบง่ายถึงไม่ยิ่งใหญ่เหมือนงานของใคร ๆ แต่ไป่จวิ้นก็หวังว่านางจะดีใจกว่าการขนสัมภาระเข้ามาในบ้านเขาเฉย ๆเพราะมีผ้าคลุมหน้าผืนบางปกปิดจึงไม่อาจคาดเดาสีหน้าของนางได้ ชายหนุ่มจึงได้แต่คาดหวังในใจว่า นางจะยินดี หลังพิธีส่งตัวเข้าหอตามฤกษ์ครอบครัวของพวกเขาก็กินเลี้ยงกันอยู่ในสวนด้านหลังโดยทั่วไปบรรยากาศระหว่างบ่าวสาวในเวลาร่วมหอควรจะเปี่ยมล้นไปด้วยความหวานชื่นราวน้ำผึ้งพระจันทร์ แต่จางอวี๋จิงและไป่จวิ้นไม่ได้รักใคร่ชอบพอกันมาก่อน บรรยากาศจึงดูจริงจังเกินเหตุสตรีผู้หนึ่งปรารถนาให้ตนเองตั้งครรภ์ตามหน้าที่ในฐานะภรรยา แล้วมันก็เป็นเงื่อนไขที่ฮูหยินได้ต่อรองกับนางไว้ ทว่าฝ่ายสามีไม่อยากฝืนใจให้นางร่วมหลับนอน ไป่จวิ้นทำตัวไม่ถูก ได้แต่เดินเก้ ๆ กังๆ วน

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   หาฤกษ์งานแต่ง

    เป็นวันสำคัญในชีวิตหญิงสาวที่อาจเกิดขึ้นได้เพียงครั้งเดียว แต่ว่าที่ภรรยาของเขาเลือกที่จะไม่จัดมัน ทำไมกันล่ะ เพราะแต่งโดยที่ไม่ได้รัก หรือนางไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ จะแบบไหนไป่จวิ้นก็รู้สึกไม่ชอบใจทั้งนั้นหลังจากนอนคิดอยู่ทั้งคืนก็ตัดสินใจคุยกับผู้เป็นแม่สกุลจางสูญเสียครอบครัวไปหลายคนจากภัยแล้ง สกุลไป่ไม่มีเครือญาติใกล้เคียงที่สามารถเชิญมาได้ในระยะเวลาอันสั้น ถึงมีก็มีเพียงหยิบมือเท่านั้น เพราะญาติมิตรได้ตัดขาดไปตั้งแต่รุ่นพ่อแล้ว บิดาของไป่จวิ้นก็ออกจากราชการด้วยเหตุผลเดียวกัน พอเขามาพิการไปอีกคนก็ไม่มีคนนับญาติด้วยโดยสมบูรณ์ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกติดใจในเรื่องนี้มากนัก ถึงจะไม่พอใจกับความตื้นเขินของบุคคล แต่ก็ถือว่าได้ตัดผู้ไม่ประสงค์ดีออกจากชีวิตหงเสวียนซู่บอกกับลูกชายว่านี่เป็นความปรารถนาของนางเอง เขายิ่งไม่เข้าใจใหญ่ว่าเหตุใดต้องเป็นเช่นนั้น“เพราะนางรู้สึกว่าบ้านเราไม่มีเงินหรือขอรับ”“จากที่แม่ไปพูดคุยกับบ้านนั้นมา คิดว่าไม่ใช่หรอก”“แล้วทำไม…”“คงหวาดกลัวถึงขั้นฝังใจกระมัง สกุลจางประสบภัยแล้งตั้งแต่เด็กคนนั้นยังเล็กมาก ประคับประคองอยู่ได้ไม่กี่ปีก็ไม่เหลืออะไรพอที่จะฟื้

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   จะจัดงานแต่งที่เรียบง่าย

    “ขาเจ้าเป็นอย่างนั้นจะยกได้อย่างไร แม่ยกเอง!”ไป่จวิ้นนั่งอึ้งอยู่กับพื้น นี่ไม่ใช่ว่าพวกเขาแม่ลูกกำลังตื่นเต้นเกินไปหรอกหรือ…“นางบอกว่ากลับจากหาของป่าจะมา แต่นี่จะเที่ยงวันแล้วยังไม่เห็นแววเลยท่านแม่”หงเสวียนซู่เหลือบมองบุตรชายที่มานั่งอาบแดดรอจนตัวไหม้ ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรกับภาพที่เห็นนี้ดี“ไม่เข้าไปรอในบ้านล่ะ”ไป่จวิ้นเหล่มองมารดาทีตัวเองยังเอาเปลนอนมากางนั่งรอ มีสิทธิ์อะไรมาเหน็บข้าล่ะนั่น ตื่นเต้นละสิ ตื่นเต้นใช่ไหม จะได้ลูกสะใภ้แล้วนี่ไม่รู้ความน้อยเนื้อต่ำใจก่อนหน้านี้ที่ฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวหายไปไหนหมด พอได้ยินว่านางจะมาเขาก็ไม่ได้คิดเรื่องอื่นอีกเลยเป็นเอามากชายหนุ่มอดยิ้มแห้งให้กับสภาพตัวเองไม่ได้หากนางบอกว่าไปหาของป่าก็คงอาศัยอยู่แถวหมู่บ้านนายพรานกระมัง ที่นั่นอยู่ใกล้ป่าที่สุด ขึ้นลงเขาสะดวก แต่ก็เสี่ยงถูกสัตว์ป่าโจมตีง่ายเช่นกัน อีกไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็จะเที่ยงวันแล้วแต่นางยังไม่มา เช่นนี้ไม่ใช่ว่าเกิดอะไรขึ้นหรอกหรือบุรุษอาภัพรักอย่างเขายังไม่ทันแต่งงานก็จะเป็นหม้ายเสียแล้ว แบบนี้ไม่ได้สิ ถ้าสุดท้ายจะลงเอยแบบนี้สู้เขาตายไปในสนามรบเลยคงดีกว่าระหว่างกำลังตัดพ้อต่

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง    การตัดสินใจ 2

    แม้ว่าจะถึงคราวสิ้นอายุขัย ก็ต้องไม่ใช่มาจากการที่พวกเขาไม่มีแม้แต่ความสามารถจะยื้อท่านผู้ชราให้อยู่ได้นานอีกหน่อย ต้องลาจากกันแค่เพียงเพราะไร้ความสามารถช่างน่าอดสูเหลือเกินต่อให้มารดาคัดค้านเรื่องนี้ จางอวี๋จิงก็ไม่คิดเปลี่ยนใจ กระท่อมหลังน้อยที่อาศัยกันอยู่อย่างแออัดเงียบเชียบอย่างที่ไม่เคยเป็น บรรยากาศอึมครึมแผ่ปกคลุมทั่วบริเวณบ้านจนน่าหดหู่เหออิงเห็นบุตรสาวกลับมาแล้วก็รีบเข้าไปถามไถ่ จางอวี๋จิงอธิบายให้ครอบครัวฟังอย่างใจเย็น“ท่านพี่ไม่เห็นต้องทำแบบนั้นเลย” น้องชายของนางไม่พอใจมาก แต่ก็ค้านอะไรไม่ได้ ซึ่งตอกย้ำความไร้สามารถของตนบิดามารดารู้สึกผิดต่อบุตรสาวจนไม่กล้ามองหน้าลูก พวกเขาต้องอับจนหนทางขนาดไหนกันถึงบีบให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ต้องสละตนเองถึงขนาดนี้“โธ่ ลูกแม่ เจ้าไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลย” เหออิงลูบแก้มบุตรสาวทั้งน้ำตานางเข้าใจว่ามารดาเป็นห่วง อีกทั้งตัดสินใจกะทันหันแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าชื่นชมอะไร แต่ความมุ่งมั่นของนางไม่สั่นคลอนง่าย ๆ หรอก นางจะไม่เปลี่ยนใจหรือขอร้องฮูหยินท่านให้ยกเลิกข้อตกลงด้วย“ท่านพ่อ ท่านแม่ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดใครทั้งนั้นได้โปรดอย่าคิดโทษต

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง    การตัดสินใจ 1

    ความแน่วแน่ของนางส่งผ่านออกมาทางแววตา แต่แค่ลมปากไม่อาจเชื่อได้ ถึงจะมุ่งมั่นตั้งใจอย่างไรก็ไม่มีสิ่งใดยืนยันว่า อนาคตนางจะไม่คิดหักหลังขึ้นมาเห็นหงเสวียนซู่เงียบไปนางก็เริ่มใจเสีย จางอวี๋จิงคิดวิธีอื่นไม่ออกแล้วจึงได้มาที่นี่ ทั้งที่ฮูหยินก็กำลังตกที่นั่งลำบาก แต่ทำไมถึงได้ลังเลนานนัก หรือเงื่อนไขของสะใภ้บ้านนี้ต้องเป็นสตรีที่คู่ควรด้วยเช่นนั้นจางอวี๋จิงก็เข้าใจแล้วใบหน้าหญิงสาวหมองลงทันตา นางลุกจากเก้าอี้ออกมายืนโค้งลา“ข้าคงรบกวนฮูหยินสินะเจ้าคะ ขออภัยด้วย ข้าไม่ทันได้สังเกตเลย”จางอวี๋จิงเดินก้มหน้าก้มตาออกไปอย่างรีบร้อน หงเสวียนซู่ที่กำลังพิจารณาหลาย ๆ อย่างตกใจจนเอ่ยรั้งนางไว้แทบไม่ทัน ไม่คิดว่าอยู่ ๆ จะพรวดพราดออกไปเลยแบบนี้“เดี๋ยวก่อน! เดี๋ยว! เจ้าจะรีบไปไหนกัน ข้ายังไม่ได้ไล่เจ้าเสียหน่อย”จางอวี๋จิงเอียงศีรษะเล็กน้อยคล้ายไม่เข้าใจ“ไม่ใช่ว่าข้าไม่มีคุณสมบัติหรือเจ้าคะ?”“คุณสมบัติอะไรกัน”“ก็…อย่างเช่นฐานะควรเสมอหรือไม่ห่างชั้นกันมากน่ะเจ้าค่ะ บ้านไหน ๆ ก็เป็นแบบนี้” ประโยคหลังนางเอ่ยเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่หงเสวียนซู่ก็ได้ยินอยู่ดี“...”ต่อให้คนที่นี่นิยมทำแบบนั้นแ

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   ข้อตกลง

    “ท่านแม่ พอเถอะขอรับ” ไป่จวิ้นบอกมารดาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยไม่ต่างกับคนเป็นแม่“...แม่ขอโทษนะจวิ้นเอ๋อร์” ถ้าหากนางไม่รบเร้าให้ลูกรับราชการตั้งแต่ต้น เรื่องคงไม่กลายเป็นแบบนี้“ไม่ใช่ความผิดท่านแม่เสียหน่อย อย่าโทษตัวเองเลยขอรับ แล้วข้าก็เป็นคนตัดสินใจในท้ายที่สุด ท่านแม่ไม่ได้บังคับข้าเสียหน่อย”หงเสวียนซู่พูดไม่ออก บุตรชายผู้กตัญญูและซื่อสัตย์ของนางต้องมีสภาพเป็นแบบนี้ เพราะมีหัวหน้าไม่ได้ความ กองทหารที่ไป่จวิ้นสังกัดอยู่นั้นมีทหารบาดเจ็บล้มตายและพิการมากเป็นประวัติการณ์ ทั้งที่ไม่ใช่สงครามใหญ่ระดับแคว้น นายกองคนนั้นถูกลงโทษจากความสะเพร่าของตน แต่แล้วอย่างไร บุตรชายของนางได้อะไรกันล่ะไป่จวิ้นรับราชการต่อไม่ได้ ถึงจะมีเงินชดเชยมอบให้ก้อนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มากมายเพราะเป็นเพียงพลทหาร หนำซ้ำยังหาคนแต่งงานด้วยไม่ได้เพราะสภาพร่างกายเช่นนี้ ไม่ว่าไปทาบทามสู่ขอลูกสาวบ้านใดล้วนถูกปฏิเสธสามีของหงเสวียนซู่จากไปแล้ว หน้าที่นี้จึงเป็นนางรับผิดชอบ หากทำไม่สำเร็จคงไม่มีหน้าไปเจอบรรพบุรุษ นางอับจนหนทางต้องยอมอายใช้เงินแลกเปลี่ยนจะไม่มีใครต้องการบุตรชายของนางเป็นสามีจริง ๆ หรือ“เฮ่อ…จวิ้นเอ๋อร์ไป

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   ชายพิการคนนั้น

    การสละชีพเพื่อปกป้องดินแดนคือเกียรติยศสำหรับทหารกล้า เพราะเชื่อแบบนั้น ต่อให้ตายจึงคิดว่าไม่เป็นไร การตายของตนจะนำมาซึ่งเกียรติยศและชื่อเสียงให้แก่วงศ์ตระกูลเป็นแน่ แต่หากกลายเป็นคนไม่สมประกอบขึ้นมา เรื่องมันจะต่างออกไป…“นี่ ได้ยินเรื่องลูกชายบ้านนั้นหรือเปล่า” เสียงซุบซิบจากคนที่ผ่านไปมาหน้ารั้วบ้านดังให้ยิน“น่าสมเพชจริง ๆ ว่าไหม สภาพแบบนั้น”“ได้ยินว่ามารดาเขายอมจ่ายเงินก้อนใหญ่ให้คนที่จะยอมมาเป็นสะใภ้เลยนี่”“ตายจริง นั่นก็น่าสนใจนะ ข้ามีบุตรสาววัยออกเรือนอยู่ตั้งสองคน”“น่าสนใจอะไรกันล่ะ ลูกต้องได้สามีเป็นคนพิการ ไม่อับอายแย่รึ?”“จริงสิ สภาพแบบนั้นจะรับราชการอีกก็ไม่ได้แล้ว พาลูกข้าไปลำบากเปล่า ๆ “น้ำจากถังไม้ถูกสาดมาโครมใหญ่ หญิงสาววัยกลางคนทั้งสองร้องลั่นด้วยความตกใจ หันไปโวยวายใส่คนที่สาดน้ำใส่ตน“นี่เจ้า!”“ส่งเสียงแว้ด ๆ น่ารำคาญอยู่ได้”“เจ้าเด็กไร้มารยาทนี่”“มาส่งเสียงรบกวนหน้าบ้านคนอื่นมีมารยาทมากอย่างนั้นสิ รีบไสหัวไปเลย ไม่อย่างนั้นถังต่อไปจะเป็นมูลวัวในบ้านข้า!”คำขู่นี้ทำให้พวกนางหวีดเสียงโวยวายอันเสียดหู แต่ก็วิ่งหนีไปอย่างที่จางอวี๋จิงต้องการครอบครัวสกุลจางเค

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status