แชร์

งานแต่งงาน

ผู้เขียน: พิมพ์สีทอง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-20 12:41:20

สามหนังสือหกพิธีการของไป่จวิ้นและจางอวี๋จิง ถูกลดหลั่นขั้นตอนลงไปตามงบประมาณและความสะดวก ดังนั้นอะไรต่อมิอะไรจึงรวดเร็วฉุกละหุกไปหมด นางกับเขาสวมชุดแดนมงคลยืนคู่กัน คำนับสิ่งศักดิ์สิทธิ์และดวงวิญญาณบรรพบุรุษ บุพการีทั้งสองฝ่ายคำนับให้แก่กัน

บ่าวสาวคำนับบิดามารดาและคู่สมรสของตน ตามด้วยลงนามในหนังสือฉบับสุดท้าย เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จพิธีอย่างเรียบง่าย

ถึงไม่ยิ่งใหญ่เหมือนงานของใคร ๆ แต่ไป่จวิ้นก็หวังว่านางจะดีใจกว่าการขนสัมภาระเข้ามาในบ้านเขาเฉย ๆ

เพราะมีผ้าคลุมหน้าผืนบางปกปิดจึงไม่อาจคาดเดา

สีหน้าของนางได้ ชายหนุ่มจึงได้แต่คาดหวังในใจว่า นางจะยินดี หลังพิธีส่งตัวเข้าหอตามฤกษ์ครอบครัวของพวกเขาก็กินเลี้ยงกันอยู่ในสวนด้านหลัง

โดยทั่วไปบรรยากาศระหว่างบ่าวสาวในเวลาร่วมหอควรจะเปี่ยมล้นไปด้วยความหวานชื่นราวน้ำผึ้งพระจันทร์ แต่จางอวี๋จิงและไป่จวิ้นไม่ได้รักใคร่ชอบพอกันมาก่อน บรรยากาศจึงดูจริงจังเกินเหตุ

สตรีผู้หนึ่งปรารถนาให้ตนเองตั้งครรภ์ตามหน้าที่ในฐานะภรรยา แล้วมันก็เป็นเงื่อนไขที่ฮูหยินได้ต่อรองกับนางไว้ ทว่าฝ่ายสามีไม่อยากฝืนใจให้นางร่วมหลับนอน

ไป่จวิ้นทำตัวไม่ถูก ได้แต่เดินเก้ ๆ กังๆ วนไปวนมาอยู่ในห้องแม้จะเปิดผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว

“ท่านพี่ ไม่อยากทำหรือเจ้าคะ?”

คนกำลังดื่มน้ำชาแก้กระหายกลบเกลื่อนความเขินอายสำลักพรวด บางทีภรรยาของเขาก็ตรงไปตรงมาจนน่าตกใจ

“เจ้า เอ่อ…เจ้าแน่ใจหรือ”

“ข้าไม่รู้ว่าท่านกังวลเรื่องอะไร แต่ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ”

เพราะรอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความมั่นอกมั่นใจของนาง ไป่จวิ้นจึงยอมเดินเข้าไปหา แต่ความลังเลและความกังวลก็ยังไม่ได้หมดไป จางอวี๋จิงเห็นความไม่มั่นคงจากท่าทางของเขา สามีของนางดูกระวนกระวายตั้งแต่เข้าห้องมา

“หรือว่าท่านพี่…รังเกียจข้าหรือเจ้าคะ”

“ไม่ใช่!”

ทำไมนางถึงคิดไปทางนั้นเสียได้ล่ะ มันต้องกลับกันไม่ใช่เหรอ

“ข้าไม่ได้รังเกียจเจ้า อย่าคิดแบบนั้นเลย”

หากสามีไม่ได้รังเกียจที่จะแตะต้องนางแล้วปัญหาอยู่ที่อะไรกัน วันนี้นางก็ร่างกายพร้อม ไม่ได้มีระดูแต่อย่างใด หรือต้องยั่วยวนมากกว่านี้กัน จางอวี๋จิงคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ได้แต่นั่งเขินอายอยู่คนเดียว

หากยังคงประหม่าอยู่เช่นนี้ วันนี้คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่ ถ้าเขาไม่ได้จงเกลียดจงชังนาง เช่นนั้นก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อนเสียก็ได้นี่นา

จางอวี๋จิงกลืนน้ำลายก่อนใช้ความกล้าทั้งหมดเท่าที่นางมีเดินเข้าหาผู้เป็นสามีก่อน ไป่จวิ้นยืนตัวแข็งทื่อเมื่อภรรยาเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าจนแทบชิด

“เอ๊ะ! เอ่อ…”

“ข้าไม่รู้ว่าท่านประหม่าด้วยเรื่องใด แต่ถ้าการที่ท่านไม่แตะต้องมันเกี่ยวข้องกับความรู้สึกของข้า ท่านพี่อย่าได้กังวลเลย เรื่องนี้ข้าเป็นคนเลือกเอง ไม่กอดข้าวันนี้ วันหน้าก็ต้องกอด สู้กอดข้าเสียตั้งแต่วันนี้ที่เราเข้าหอกันไม่ดีกว่าหรือ”

ใบหน้าหญิงสาวเห่อร้อนจนแทบไหม้ แต่ก็กัดฟันข่มความกระดากอายของตนไว้ หวังให้สามีพึงพอใจในตนเองและผ่านวันนี้ไปด้วยกัน หากเขาปฏิเสธนางคงรู้สึกเคว้งคว้างเป็นแน่ ยิ่งด้วยความรู้สึกที่ว่านางเป็นคนยัดเยียดตัวเองเข้ามายังติดแน่นฝังใจ หากถูกปฏิเสธคงไม่แคล้วรู้สึกผิดหวังจนไม่กล้าสู้หน้าใครอีก จางอวี๋จิงคงเป็นภรรยาที่ต้องทนมองสามีพาหญิงอื่นเข้ามาโดยที่หลงลืมนางไป

มือนวลเนียนของสตรีขยับแกะเอาสายรัดเอวที่เกะกะออก ไป่จวิ้นมองนางทำเงอะงะอยู่อย่างนั้นจนนึกละอายใจ เขาเป็นสามีของนาง เป็นคนที่ต้องปกป้องดูแลนางไม่ใช่หรือ การต้องให้ภรรยาของตนฝืนทำเพื่อเอาใจขนาดนี้ไม่ใช่ภาพการเป็นสามีอย่างที่เขาวาดฝัน

ไป่จวิ้นจับข้อมือนางไว้ให้หยุด หญิงสาวสะดุ้งเบา ๆ ด้วยความตกใจ ไม่นึกว่าอยู่ ๆ อีกฝ่ายจะแตะต้องนาง

จางอวี๋จิงเม้มปากแน่น คิดว่าตนทำพลาดเข้าเสียแล้ว

นางต้องยังปรนนิบัติไม่ดีพอแน่ ๆ เขาถึงได้ห้าม

“ข้าขอโทษ”

“เจ้าคะ?”

“ทั้งที่วันนี้เป็นวันสำคัญของเราแท้ ๆ แต่ข้ากลับทำตัวไม่เอาไหนเสียได้”

ฝ่ามือหยาบกร้านสัมผัสแนบลงบนผิวหน้า

จางอวี๋จิงเอียงศีรษะซบรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากผิวกายของกันและกัน

เสียงจอแจที่อยู่ข้างนอกนั้นไม่ได้อยู่ในหัวเลย ค่ำคืนนี้มีอะไรที่น่าสนใจมากกว่านั้นกำลังบรรเลงอยู่ เพื่อให้สามีพึงพอใจ และให้ตัวนางยังสามารถอยู่ในที่แห่งนี้ต่อไปได้

จางอวี๋จิงตั้งใจเรียนรู้มาอย่างดี

ความรักอะไรนั่นไม่จำเป็นหรอก ทุกอย่างที่เป็นของนาง จางอวี๋จิงต้องสร้างขึ้นมาด้วยตัวเองเท่านั้น คำวิงวอนต่อเบื้องบนอะไรนั่นไม่อยู่ในหัวสตรีผู้นี้แม้แต่นิด

หากอธิษฐานแล้วได้อย่างใจหวังจริง ครอบครัวของนางจะมาถึงจุดนี้ได้เหรอ…

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   งานแต่งงาน

    สามหนังสือหกพิธีการของไป่จวิ้นและจางอวี๋จิง ถูกลดหลั่นขั้นตอนลงไปตามงบประมาณและความสะดวก ดังนั้นอะไรต่อมิอะไรจึงรวดเร็วฉุกละหุกไปหมด นางกับเขาสวมชุดแดนมงคลยืนคู่กัน คำนับสิ่งศักดิ์สิทธิ์และดวงวิญญาณบรรพบุรุษ บุพการีทั้งสองฝ่ายคำนับให้แก่กัน บ่าวสาวคำนับบิดามารดาและคู่สมรสของตน ตามด้วยลงนามในหนังสือฉบับสุดท้าย เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จพิธีอย่างเรียบง่ายถึงไม่ยิ่งใหญ่เหมือนงานของใคร ๆ แต่ไป่จวิ้นก็หวังว่านางจะดีใจกว่าการขนสัมภาระเข้ามาในบ้านเขาเฉย ๆเพราะมีผ้าคลุมหน้าผืนบางปกปิดจึงไม่อาจคาดเดาสีหน้าของนางได้ ชายหนุ่มจึงได้แต่คาดหวังในใจว่า นางจะยินดี หลังพิธีส่งตัวเข้าหอตามฤกษ์ครอบครัวของพวกเขาก็กินเลี้ยงกันอยู่ในสวนด้านหลังโดยทั่วไปบรรยากาศระหว่างบ่าวสาวในเวลาร่วมหอควรจะเปี่ยมล้นไปด้วยความหวานชื่นราวน้ำผึ้งพระจันทร์ แต่จางอวี๋จิงและไป่จวิ้นไม่ได้รักใคร่ชอบพอกันมาก่อน บรรยากาศจึงดูจริงจังเกินเหตุสตรีผู้หนึ่งปรารถนาให้ตนเองตั้งครรภ์ตามหน้าที่ในฐานะภรรยา แล้วมันก็เป็นเงื่อนไขที่ฮูหยินได้ต่อรองกับนางไว้ ทว่าฝ่ายสามีไม่อยากฝืนใจให้นางร่วมหลับนอน ไป่จวิ้นทำตัวไม่ถูก ได้แต่เดินเก้ ๆ กังๆ วน

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   หาฤกษ์งานแต่ง

    เป็นวันสำคัญในชีวิตหญิงสาวที่อาจเกิดขึ้นได้เพียงครั้งเดียว แต่ว่าที่ภรรยาของเขาเลือกที่จะไม่จัดมัน ทำไมกันล่ะ เพราะแต่งโดยที่ไม่ได้รัก หรือนางไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ จะแบบไหนไป่จวิ้นก็รู้สึกไม่ชอบใจทั้งนั้นหลังจากนอนคิดอยู่ทั้งคืนก็ตัดสินใจคุยกับผู้เป็นแม่สกุลจางสูญเสียครอบครัวไปหลายคนจากภัยแล้ง สกุลไป่ไม่มีเครือญาติใกล้เคียงที่สามารถเชิญมาได้ในระยะเวลาอันสั้น ถึงมีก็มีเพียงหยิบมือเท่านั้น เพราะญาติมิตรได้ตัดขาดไปตั้งแต่รุ่นพ่อแล้ว บิดาของไป่จวิ้นก็ออกจากราชการด้วยเหตุผลเดียวกัน พอเขามาพิการไปอีกคนก็ไม่มีคนนับญาติด้วยโดยสมบูรณ์ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกติดใจในเรื่องนี้มากนัก ถึงจะไม่พอใจกับความตื้นเขินของบุคคล แต่ก็ถือว่าได้ตัดผู้ไม่ประสงค์ดีออกจากชีวิตหงเสวียนซู่บอกกับลูกชายว่านี่เป็นความปรารถนาของนางเอง เขายิ่งไม่เข้าใจใหญ่ว่าเหตุใดต้องเป็นเช่นนั้น“เพราะนางรู้สึกว่าบ้านเราไม่มีเงินหรือขอรับ”“จากที่แม่ไปพูดคุยกับบ้านนั้นมา คิดว่าไม่ใช่หรอก”“แล้วทำไม…”“คงหวาดกลัวถึงขั้นฝังใจกระมัง สกุลจางประสบภัยแล้งตั้งแต่เด็กคนนั้นยังเล็กมาก ประคับประคองอยู่ได้ไม่กี่ปีก็ไม่เหลืออะไรพอที่จะฟื้

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   จะจัดงานแต่งที่เรียบง่าย

    “ขาเจ้าเป็นอย่างนั้นจะยกได้อย่างไร แม่ยกเอง!”ไป่จวิ้นนั่งอึ้งอยู่กับพื้น นี่ไม่ใช่ว่าพวกเขาแม่ลูกกำลังตื่นเต้นเกินไปหรอกหรือ…“นางบอกว่ากลับจากหาของป่าจะมา แต่นี่จะเที่ยงวันแล้วยังไม่เห็นแววเลยท่านแม่”หงเสวียนซู่เหลือบมองบุตรชายที่มานั่งอาบแดดรอจนตัวไหม้ ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรกับภาพที่เห็นนี้ดี“ไม่เข้าไปรอในบ้านล่ะ”ไป่จวิ้นเหล่มองมารดาทีตัวเองยังเอาเปลนอนมากางนั่งรอ มีสิทธิ์อะไรมาเหน็บข้าล่ะนั่น ตื่นเต้นละสิ ตื่นเต้นใช่ไหม จะได้ลูกสะใภ้แล้วนี่ไม่รู้ความน้อยเนื้อต่ำใจก่อนหน้านี้ที่ฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวหายไปไหนหมด พอได้ยินว่านางจะมาเขาก็ไม่ได้คิดเรื่องอื่นอีกเลยเป็นเอามากชายหนุ่มอดยิ้มแห้งให้กับสภาพตัวเองไม่ได้หากนางบอกว่าไปหาของป่าก็คงอาศัยอยู่แถวหมู่บ้านนายพรานกระมัง ที่นั่นอยู่ใกล้ป่าที่สุด ขึ้นลงเขาสะดวก แต่ก็เสี่ยงถูกสัตว์ป่าโจมตีง่ายเช่นกัน อีกไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็จะเที่ยงวันแล้วแต่นางยังไม่มา เช่นนี้ไม่ใช่ว่าเกิดอะไรขึ้นหรอกหรือบุรุษอาภัพรักอย่างเขายังไม่ทันแต่งงานก็จะเป็นหม้ายเสียแล้ว แบบนี้ไม่ได้สิ ถ้าสุดท้ายจะลงเอยแบบนี้สู้เขาตายไปในสนามรบเลยคงดีกว่าระหว่างกำลังตัดพ้อต่

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง    การตัดสินใจ 2

    แม้ว่าจะถึงคราวสิ้นอายุขัย ก็ต้องไม่ใช่มาจากการที่พวกเขาไม่มีแม้แต่ความสามารถจะยื้อท่านผู้ชราให้อยู่ได้นานอีกหน่อย ต้องลาจากกันแค่เพียงเพราะไร้ความสามารถช่างน่าอดสูเหลือเกินต่อให้มารดาคัดค้านเรื่องนี้ จางอวี๋จิงก็ไม่คิดเปลี่ยนใจ กระท่อมหลังน้อยที่อาศัยกันอยู่อย่างแออัดเงียบเชียบอย่างที่ไม่เคยเป็น บรรยากาศอึมครึมแผ่ปกคลุมทั่วบริเวณบ้านจนน่าหดหู่เหออิงเห็นบุตรสาวกลับมาแล้วก็รีบเข้าไปถามไถ่ จางอวี๋จิงอธิบายให้ครอบครัวฟังอย่างใจเย็น“ท่านพี่ไม่เห็นต้องทำแบบนั้นเลย” น้องชายของนางไม่พอใจมาก แต่ก็ค้านอะไรไม่ได้ ซึ่งตอกย้ำความไร้สามารถของตนบิดามารดารู้สึกผิดต่อบุตรสาวจนไม่กล้ามองหน้าลูก พวกเขาต้องอับจนหนทางขนาดไหนกันถึงบีบให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ต้องสละตนเองถึงขนาดนี้“โธ่ ลูกแม่ เจ้าไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลย” เหออิงลูบแก้มบุตรสาวทั้งน้ำตานางเข้าใจว่ามารดาเป็นห่วง อีกทั้งตัดสินใจกะทันหันแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าชื่นชมอะไร แต่ความมุ่งมั่นของนางไม่สั่นคลอนง่าย ๆ หรอก นางจะไม่เปลี่ยนใจหรือขอร้องฮูหยินท่านให้ยกเลิกข้อตกลงด้วย“ท่านพ่อ ท่านแม่ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดใครทั้งนั้นได้โปรดอย่าคิดโทษต

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง    การตัดสินใจ 1

    ความแน่วแน่ของนางส่งผ่านออกมาทางแววตา แต่แค่ลมปากไม่อาจเชื่อได้ ถึงจะมุ่งมั่นตั้งใจอย่างไรก็ไม่มีสิ่งใดยืนยันว่า อนาคตนางจะไม่คิดหักหลังขึ้นมาเห็นหงเสวียนซู่เงียบไปนางก็เริ่มใจเสีย จางอวี๋จิงคิดวิธีอื่นไม่ออกแล้วจึงได้มาที่นี่ ทั้งที่ฮูหยินก็กำลังตกที่นั่งลำบาก แต่ทำไมถึงได้ลังเลนานนัก หรือเงื่อนไขของสะใภ้บ้านนี้ต้องเป็นสตรีที่คู่ควรด้วยเช่นนั้นจางอวี๋จิงก็เข้าใจแล้วใบหน้าหญิงสาวหมองลงทันตา นางลุกจากเก้าอี้ออกมายืนโค้งลา“ข้าคงรบกวนฮูหยินสินะเจ้าคะ ขออภัยด้วย ข้าไม่ทันได้สังเกตเลย”จางอวี๋จิงเดินก้มหน้าก้มตาออกไปอย่างรีบร้อน หงเสวียนซู่ที่กำลังพิจารณาหลาย ๆ อย่างตกใจจนเอ่ยรั้งนางไว้แทบไม่ทัน ไม่คิดว่าอยู่ ๆ จะพรวดพราดออกไปเลยแบบนี้“เดี๋ยวก่อน! เดี๋ยว! เจ้าจะรีบไปไหนกัน ข้ายังไม่ได้ไล่เจ้าเสียหน่อย”จางอวี๋จิงเอียงศีรษะเล็กน้อยคล้ายไม่เข้าใจ“ไม่ใช่ว่าข้าไม่มีคุณสมบัติหรือเจ้าคะ?”“คุณสมบัติอะไรกัน”“ก็…อย่างเช่นฐานะควรเสมอหรือไม่ห่างชั้นกันมากน่ะเจ้าค่ะ บ้านไหน ๆ ก็เป็นแบบนี้” ประโยคหลังนางเอ่ยเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่หงเสวียนซู่ก็ได้ยินอยู่ดี“...”ต่อให้คนที่นี่นิยมทำแบบนั้นแ

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   ข้อตกลง

    “ท่านแม่ พอเถอะขอรับ” ไป่จวิ้นบอกมารดาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยไม่ต่างกับคนเป็นแม่“...แม่ขอโทษนะจวิ้นเอ๋อร์” ถ้าหากนางไม่รบเร้าให้ลูกรับราชการตั้งแต่ต้น เรื่องคงไม่กลายเป็นแบบนี้“ไม่ใช่ความผิดท่านแม่เสียหน่อย อย่าโทษตัวเองเลยขอรับ แล้วข้าก็เป็นคนตัดสินใจในท้ายที่สุด ท่านแม่ไม่ได้บังคับข้าเสียหน่อย”หงเสวียนซู่พูดไม่ออก บุตรชายผู้กตัญญูและซื่อสัตย์ของนางต้องมีสภาพเป็นแบบนี้ เพราะมีหัวหน้าไม่ได้ความ กองทหารที่ไป่จวิ้นสังกัดอยู่นั้นมีทหารบาดเจ็บล้มตายและพิการมากเป็นประวัติการณ์ ทั้งที่ไม่ใช่สงครามใหญ่ระดับแคว้น นายกองคนนั้นถูกลงโทษจากความสะเพร่าของตน แต่แล้วอย่างไร บุตรชายของนางได้อะไรกันล่ะไป่จวิ้นรับราชการต่อไม่ได้ ถึงจะมีเงินชดเชยมอบให้ก้อนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มากมายเพราะเป็นเพียงพลทหาร หนำซ้ำยังหาคนแต่งงานด้วยไม่ได้เพราะสภาพร่างกายเช่นนี้ ไม่ว่าไปทาบทามสู่ขอลูกสาวบ้านใดล้วนถูกปฏิเสธสามีของหงเสวียนซู่จากไปแล้ว หน้าที่นี้จึงเป็นนางรับผิดชอบ หากทำไม่สำเร็จคงไม่มีหน้าไปเจอบรรพบุรุษ นางอับจนหนทางต้องยอมอายใช้เงินแลกเปลี่ยนจะไม่มีใครต้องการบุตรชายของนางเป็นสามีจริง ๆ หรือ“เฮ่อ…จวิ้นเอ๋อร์ไป

  • ชายพิการผู้นั้น ที่ใครไม่เห็นค่า นางจะเป็นภรรยาของเขาเอง   ชายพิการคนนั้น

    การสละชีพเพื่อปกป้องดินแดนคือเกียรติยศสำหรับทหารกล้า เพราะเชื่อแบบนั้น ต่อให้ตายจึงคิดว่าไม่เป็นไร การตายของตนจะนำมาซึ่งเกียรติยศและชื่อเสียงให้แก่วงศ์ตระกูลเป็นแน่ แต่หากกลายเป็นคนไม่สมประกอบขึ้นมา เรื่องมันจะต่างออกไป…“นี่ ได้ยินเรื่องลูกชายบ้านนั้นหรือเปล่า” เสียงซุบซิบจากคนที่ผ่านไปมาหน้ารั้วบ้านดังให้ยิน“น่าสมเพชจริง ๆ ว่าไหม สภาพแบบนั้น”“ได้ยินว่ามารดาเขายอมจ่ายเงินก้อนใหญ่ให้คนที่จะยอมมาเป็นสะใภ้เลยนี่”“ตายจริง นั่นก็น่าสนใจนะ ข้ามีบุตรสาววัยออกเรือนอยู่ตั้งสองคน”“น่าสนใจอะไรกันล่ะ ลูกต้องได้สามีเป็นคนพิการ ไม่อับอายแย่รึ?”“จริงสิ สภาพแบบนั้นจะรับราชการอีกก็ไม่ได้แล้ว พาลูกข้าไปลำบากเปล่า ๆ “น้ำจากถังไม้ถูกสาดมาโครมใหญ่ หญิงสาววัยกลางคนทั้งสองร้องลั่นด้วยความตกใจ หันไปโวยวายใส่คนที่สาดน้ำใส่ตน“นี่เจ้า!”“ส่งเสียงแว้ด ๆ น่ารำคาญอยู่ได้”“เจ้าเด็กไร้มารยาทนี่”“มาส่งเสียงรบกวนหน้าบ้านคนอื่นมีมารยาทมากอย่างนั้นสิ รีบไสหัวไปเลย ไม่อย่างนั้นถังต่อไปจะเป็นมูลวัวในบ้านข้า!”คำขู่นี้ทำให้พวกนางหวีดเสียงโวยวายอันเสียดหู แต่ก็วิ่งหนีไปอย่างที่จางอวี๋จิงต้องการครอบครัวสกุลจางเค

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status