เหตุการณ์ลอบสังหารในงานเลี้ยงฉลองชัยราชสำนักสูญเสียขุนนางไปครึ่งค่อน โอรสสวรรค์พิโรธหนักเรียกขุนนางใหญ่ทั้ง 3 กรมเข้าเฝ้าเพื่อสืบคดีให้ถึงที่สุด ลากตัวผู้อยู่เบื้องหลังการลอบปลงพระชนม์ออกมาสำเร็จโทษ หลังการสอบสวนเสนาบดีกรมพิธีการ และพรรคพวกถูกลากไปตัดหัวที่ประตูอู่เหมินเซ่นดวงวิญญาณของผู้สูญเสีย เหอต๋าผู้บัญชาการทหารเก้าประตูถูกโบยแปดสิบไม้ และปลดออกจากตำแหน่งโทษฐานเพิกเฉยต่อหน้าที่
เฉินเทียนอี้ถือโอกาสนี้ปรับขั้วอำนาจในราชสำนักครั้งใหญ่ จ้วงหยวน ปั๋งเหยี่ยน และทั่นฮวาฝ่ายบุ๋น[1] ในปีนี้โชคดีราวกับมีขนมเปี๊ยะหล่นลงมาจากฟ้า ล้วนแล้วแต่เข้ารับตำแหน่งสำคัญทั้งสิ้น 'หานจางหมิ่น' จ้วงหยวนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นราชครูในองค์รัชทายาท จินซานปั๋งเหยี่ยนเลื่อนจากขุนนางในกรมอารักษ์เล็กๆ ขึ้นเป็นรองเสนาบดีกรมพิธีการ ส่วนทั่นฮวาผู้ไม่ถูกเอ่ยนามได้รับตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นสี่ในกรมโยธา แน่นอนว่าไทเฮาย่อมเป็นฝ่ายเสียหายหนัก เพราะขุนนางที่ถูกสังหารล้วนแล้วแต่เป็นคนของหลี่ย่าเสียงไทเฮาทั้งสิ้น ตระกูลหลี่ทั้งบนล่างร้อนใจดุจมดในกระทะร้อน อู๋กั๋วกงหลี่เจียงเองก็ไม่นิ่งนอนใจ รุดเข้าเฝ้าไทเฮาแต่เช้าจนถึงตอนนี้ประตูตำหนักฉือซวนยังไม่มีทีท่าว่าจะเปิดต้อนรับผู้ใด
ภายในตำหนักฉือซวนหลี่เจียงเห็นบุตรสาวเอนกายผ่อนคลายอารมณ์อยู่บนตั่งคนงาม มีหม่าหมัวมัวนางกำนัลคนสนิทคอยรับใช้ข้างกาย ความร้อนรุ่มกลุ้มใจที่มีก็คลายลงไม่น้อย
“เหนียงเหนียง[2]”
“ท่านพ่อไม่ต้องมากพิธี มาหาข้าแต่เช้าเช่นนี้มีเรื่องด่วนอะไรหรือ” หลี่ย่าเสียงส่งสายตาให้หม่าหมัวมัวยกโต๊ะรินชาให้กับอู๋กั๋วกงผู้เฒ่า หลี่เจียงเองก็ไม่มากพิธีอีก พอนั่งลงบนเก้าอี้ก็เริ่มปรึกษาหารือเรื่องในราชสำนักกับบุตรสาวอย่างเคร่งเครียด
“จะเรื่องใดเล่า หากไม่ใช่เหตุการณ์ลอบสังหารในครานี้ พวกเซียนเป่ยน่าตายนั่นทำคนของเราตายดุจใบไม้ร่วง เหนียงเหนียงก็รู้ว่าสองสามปีมานี้ ตั้งแต่พระนางลงจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทน ตระกูลเราถูกลดทอนอำนาจไปมากเพียงใด คนเก่าคนแก่ยังมาถูกพวกเซียนเป่ยสังหารไปอีก ช่วงนี้พ่อกับอาเจี๋ยจะขยับตัวทำอะไรก็ลำบากไปหมด คนที่เข้ามารับตำแหน่งแทนคนของเราก็เป็นคนของไอ้เด็กเวรนั่นทั้งนั้น ทีนี้เราจะทำอย่างไรกันดีเล่า”
“ท่านพ่อจะร้อนใจไปไย ในเมื่อแต่งตั้งได้เราก็หาเรื่องปลดได้เช่นกัน หากปลดออกจากตำแหน่งไม่ได้ เราก็แค่หยิบยื่นผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ หลอกล่อ ใครบ้างไม่ต้องการ อันคำว่ามนุษย์นั้นย่อมมีความเห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง ผู้ใดจะปฏิเสธหนทางก้าวหน้าในชีวิตของตนเอง ช่วงนี้ท่านพ่อกับพี่ชายก็ทนอึดอัดคับข้องใจไปก่อน หลังจากนี้ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเอาคืน” หลี่ย่าเสียงรับน้ำชามาจิบให้ชุ่มคอ หม่าหมัวมัวคอยนวดขาคลายเมื่อย ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจไปกับบิดาเลยสักนิด มีพี่ชายอย่างหลี่เหยียนเจี๋ยเป็นถึงเสนาบดีกรมขุนนาง เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายขุนนางในราชสำนักนั้นง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ
“เหนียงเหนียงตรัสเช่นนี้พ่อค่อยสบายใจหน่อย แล้วเรื่องของเหลียนเอ๋อร์เล่าไปถึงไหนแล้ว แต่งงานมาตั้ง 9 ปี เหตุใดถึงยังไม่มีข่าวดีเสียที อย่าหาว่าพ่อเร่งรัดเลยนะ เหนียงเหนียงก็รู้เรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการให้กำเนิดองค์ชายน้อยจากตระกูลหลี่ของเรา ถ้าเหลียนเอ๋อร์ไม่ได้จริงๆ ยังมีเหม่ยเอ๋อร์กับอิงเอ๋อร์ที่ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ อย่าได้รังเกียจว่าเหม่ยเอ๋อร์กับอิงเอ๋อร์เป็นแค่สายรอง อย่างไรเสียพวกนางก็มีสายเลือดตระกูลหลี่เช่นกัน พอองค์ชายคลอดออกมาอย่างไรก็ต้องยกให้เป็นบุตรของเหลียนเอ๋อร์อยู่ดี แต่ถ้าเหนียงเหนียงไม่ชอบใจก็รอให้เหลียนเอ๋อร์มีบุตรเป็นของตัวเอง ถึงตอนนั้นเราค่อยเปลี่ยนตัวฮ่องเต้ก็ยังไม่สาย” หลี่เจียงหารือกับบุตรสาว เหม่ยเอ๋อร์กับอิงเอ๋อร์ที่เขากล่าวถึงก็คือ หลี่ลู่เหม่ย และหลี่ลู่อิงหลานสาวของน้องชายเขาที่เพิ่งเข้าวังมาก่อนหน้านี้
“ใช่ว่าข้าจะไม่ร้อนใจกับเรื่องนี้เสียเมื่อไหร่ เดิมทีข้าวางแผนส่งตัวเหม่ยเอ๋อร์และอิงเอ๋อร์เข้าตำหนักหยางซินได้แล้ว แผนการรัดกุมทุกอย่างถูกเตรียมการไว้พร้อมสรรพขาดก็แต่ลมบูรพาเท่านั้น ผู้ใดเล่าจะคิดว่าลมยังไม่มา แต่ที่มาคือพายุฝนคาวโลหิตแทน แผนที่ข้าวางไว้เลยพังไม่เป็นท่า” หลี่ย่าเสียงแค้นใจ แผนการที่วางไว้เสียดิบดีกลับต้องมาพังไม่เป็นท่าเพราะคนป่าเถื่อนพวกนั้น
“ทางด้านเต๋อเฟยก็ไม่มีวี่แววเลยหรือ”
“นังปีศาจจิ้งจอกนั่น นอกจากยั่วยวนไปวันๆ แล้ว หาได้มีประโยชน์อันใดไม่ แค่ส่งข่าวเล็กๆ น้อยๆ ยังอิดออดเกียจคร้าน ถ้าไม่เห็นแก่หน้ารองเสนาบดีซูแล้วละก็ข้าคงกำจัดนางทิ้งไปตั้งนานแล้ว”
“เวลาก็ผ่านมาตั้งเนิ่นนานขนาดนี้แล้ว เหตุใดถึงยังไม่มีองค์ชายองค์หญิงหลุดออกมาสักคน หรือว่าข่าวลือจะเป็นเรื่องจริง” หลี่เจียงพึมพำเสียงเบาลูบหนวดครุ่นคิดถึงข่าวลือที่แพร่สะพัดในหมู่ประชาราษฎร์กันหนาหูในระยะนี้
“ข่าวลือเรื่องใดหรือท่านพ่อ”
“จำเรื่องที่เราส่งคนไปลอบสังหารไอ้เด็กนั่นในสนามรบได้หรือไม่” หลี่เจียงกล่าวถึงตอนที่เฉินเทียนอี้อาสายกทัพไปปราบเผ่าซยงหนูในคราวนั้นด้วยตนเอง เขารู้ถึงความทะเยอทะยานของเฉินเทียนอี้ดี เลยซ้อนแผนกะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายตกไปในสงครามนั่นเสีย แล้ววางแผนยกเฉินซือหยางขึ้นครองบัลลังก์แทน เพราะถึงอย่างไรตอนที่หลานกุ้ยเฟยตั้งครรภ์เฉินเทียนอี้ก็ไม่ได้ล่วงรู้ว่ามีบุตรคนนี้อยู่ การฆ่ามารดาเอาบุตรนั้นเป็นเรื่องง่ายดายยิ่ง เพราะสำหรับสตรีแล้วการคลอดบุตรก็เหมือนกับการไปเยือนประตูผีมารอบหนึ่ง เดิมทีแผนการทุกอย่างรัดกุม บัลลังก์มังกรก็เหมือนกับของที่อยู่ในถุงหนังของสกุลหลี่ ใครจะนึกว่าเฉินเทียนอี้กลับดวงแข็งสามารถยกทัพกลับมาพร้อมชัยชนะทั้งยังข่มขู่เอาเด็กไปจากพวกเขาได้ ถึงแม้อีกฝ่ายจะแลกกับการแต่งตั้งเหลียนเอ๋อร์เป็นฮองเฮา และยอมดื่มพิษสะบั้นวิญญาณก็เถอะ แต่เขาก็รู้สึกว่าไม่คุ้มค่าอยู่ดี ถ้าไม่มัวแต่อยากได้องค์ชายที่มีสายเลือดสกุลหลี่ ป่านนี้สกุลหลี่ของเขาคงลักมังกรเปลี่ยนหงส์สำเร็จไปนานแล้ว พูดมาก็ให้เสียดายยิ่งนัก หลี่เจียงส่ายศีรษะทอดถอนใจ
“ลูกจำได้แม่นเลยทีเดียว” เห็นชัดว่าหลี่ย่าเสียงก็คิดเช่นเดียวกัน
“เห็นเขาลือว่าฝ่าบาทได้รับบาดเจ็บที่ส่วนนั้นตอนสู้รบจึงไม่สามารถมีทายาทได้อีก”
“จะเป็นไปได้อย่างไร แล้วที่เขาเที่ยวหว่านเมล็ดพันธุ์เป็นว่าเล่นในวังหลังนั่น เขาตบตาอายเจียอยู่หรือ บัดซบ!” หลี่ย่าเสียงเขวี้ยงถ้วยชาโมโหเลือดขึ้นหน้า หลายปีที่นางยัดเยียดนางสนมมากหน้าหลายตาเข้าวังหลังเพื่อสิ่งใดกัน
“เหนียงเหนียงโปรดระงับโทสะ ถึงอย่างไรก็เป็นแค่ข่าวที่ชาวบ้านเขาลือกัน ใช่ว่าจะเป็นจริงเสียเมื่อไหร่ เราหาทางสืบเรื่องนี้ให้แน่ชัดแล้วค่อยวางแผนกันอีกทีดีหรือไม่” หลี่เจียงพยายามระงับอารมณ์ของบุตรสาว หลี่ย่าเสียงสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ ข่มอารมณ์กรุ่นโกรธ เค้นเสียงสั่งบิดาเสียงต่ำ
“ได้! ท่านพ่อรีบให้พี่ชายสืบเรื่องนี้ให้กระจ่างเถิด หากข้ารู้ว่าเจ้าเด็กนั่นกล้าเล่นแง่กับข้ามาหลายปีขนาดนี้แล้วละก็ ข้าจะทำให้มันอยู่ไม่สู้ตาย”
หลี่เจียงไม่ขัดบุตรสาวเพียงพยักหน้าคล้อยตาม ก่อนกลับไม่ลืมกำชับบุตรสาวอีกรอบ “ราตรียาวนาน ความฝันมากมาย[3] เหนียงเหนียงรีบหาวิธีเถิด หากชักช้าจะยิ่งเสียการใหญ่”
[1] เป็นตำแหน่งของผู้ที่สอบเข้ารับราชการเป็นขุนนางในสมัยโบราณ แบ่งเป็นฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ โดยจ้วงหยวนคือ ผู้ที่สอบได้อันดับ 1 ปั๋งเหยี่ยนคือ ผู้ที่สอบได้อันดับ 2 และทั่นฮวาคือ ผู้ที่สอบได้อันดับ 3 ในการสอบเตี้ยนซื่อหรือการสอบหน้าพระที่นั่ง
[2] เหนียงเหนียง (娘娘) คำที่ใช้เรียกไทเฮา ฮองเฮา หรือพระสนมยศสูงด้วยความเคารพ
[3] หมายความว่า เวลายิ่งยาวนาน อุปสรรคยิ่งมีมากขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ง่าย