Share

บทที่ 5

last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-01 03:52:00

เวลาล่วงเลยมาเดือนกว่าแล้วที่เพ่ยเพ่ยได้เข้ามาอยู่ในร่างใหม่นี้ ยามนี้ร่างกายเธอกลับมาแข็งแรงดีแล้ว มีเพียงรอยแผลตรงข้อมือและข้อเท้าที่ยังคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่ารอยแผลจะไม่ปรากฏหรือบางทีอาจจะมีรอยจางๆ ให้เห็นไปตลอดชีวิตเลยก็ได้

ตอนนี้เพ่ยเพ่ยเริ่มชินกับสภาพแวดล้อมและการใช้ชีวิตประจำวันที่นี่ รวมถึงนิสัยใจคอของชิงชิงบ้างแล้ว

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอ๋องหมิงไม่เคยย่างกรายเข้ามาในตำหนักจันทราเลย ไม่แม้แต่กระทั่งจะมาเยี่ยมดูอาการป่วยของนางเลยสักนิด แต่นั่นคือสิ่งที่เพ่ยเพ่ยต้องการ นางไม่ได้อยากเจอเขาเสียหน่อย

วันนี้อากาศดีกว่าทุกวันเพ่ยเพ่ยจึงได้ชวนชิงชิงให้ออกมาเดินเล่นที่สวนข้างตำหนักของนาง

ไม่ไกลจากตำหนักมีบ่อน้ำขนาดกลาง ภายในบ่อน้ำมีปลามากมายแหวกว่ายไปมา ดูแล้วก็ทำให้สบายใจขึ้นมาบ้าง เพ่ยเพ่ยนั่งดูพวกมันแล้วปล่อยใจที่ว่างเปล่านึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายในอดีตจนไม่ได้สนใจรอบกาย

"คนอย่างเจ้ามีเรื่องต้องทุกข์ใจอันใด"

เพ่ยเพ่ยสะดุ้งตกใจเพราะเสียงที่ดังอยู่ใกล้ๆ แต่เพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่จึงไม่ได้ฟังว่าเขาพูดว่าอะไร

"ท่านอ๋องมีอะไรกับหม่อมฉันหรือเพคะ"

"หึ ข้าถามว่าคุณหนูตระกูลใหญ่อย่างเจ้า วันๆ จะมีเรื่องทุกข์ใจอันใด"

อะไรของเค้าวะ มาถึงก็แซะ

"อ้อ ก็ไม่มีหรอกเพคะ คุณหนูตระกูลใหญ่อย่างหม่อมฉันจะมีเรื่องทุกข์ใจอันใดได้ล่ะเพคะ ชีวิตสุขสบายออกปานนี้ หม่อมฉันเพียงแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็เท่านั้น แล้วคนอย่างท่านอ๋องล่ะเพคะ มีเรื่องทุกข์ใจอันใดกับเขาด้วยหรือ"

"เจ้า อย่ามายอกย้อนกับเปิ่นหวาง"

"อ้าว ก็เห็นหน้าท่านอ๋องบูดเบี้ยวเช่นนั้น หม่อมฉันก็นึกว่าท่านอ๋องเป็นอันใดไปเสียอีก ดูเหมือนท่านอ๋องจะไม่สบายนะเพคะ"

เพ่ยเพ่ยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่แสดงถึงความห่วงใย

"หน้าข้ามันเป็นเช่นไร"

"ก็หน้าเหมือนไม่ได้ถ่ายท้องมาหลายวัน อย่างไรให้หมอหลวงจัดยาให้ท่านอ๋องดูสิเพคะ เผื่อว่าสีหน้าของท่านอ๋องจะดีขึ้นบ้าง"

พูดเสร็จเพ่ยเพ่ยก็ย่อตัวลา พร้อมกับสะบัดหน้าเดินหนีออกไปจากศาลาริมน้ำทันทีโดยไม่ต้องรอให้เขาไล่

'หมับ'

อ๋องหมิงคว้าข้อมือกระชากแขนของเพ่ยเพ่ยเอาไว้ ก่อนที่จะดึงแขนนางอย่างแรงจนตัวนางหมุนเข้ามาประจันหน้ากับเขา

"อย่ามาสามหาวกับข้า"

"หม่อมฉันเปล่านะเพคะ ทุกอย่างล้วนเตือนท่านอ๋องด้วยความหวังดี หม่อมฉันพูดอันใดผิดหรือเพคะ"

"เจ้าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขในตำหนักอ๋องนี่แล้วก็จงบอกมา ข้าจะได้สนองให้"

"หึ ใครจะไม่อยากอยู่อย่างเป็นสุขล่ะเพคะ ทุกวันนี้หม่อมฉันก็ต้องขอบพระทัยที่ท่านอ๋องเมตตาไม่มาปรากฏกายให้เห็น หากท่านอ๋องจะทรงเมตตามากกว่านี้ หม่อมฉันว่าท่านอ๋องอย่างทรงลดตัวลงมาเสวนากับหม่อมฉันเลยเพคะ เจอหน้ากันก็ต่างคนต่างอยู่เถอะเพคะ"

เพ่ยเพ่ยจ้องตาอ๋องหมิงอย่างไม่เกรงกลัว นางพูดความในใจออกไปจนหมด

"หึ อย่ามาเล่นไม้นี้กับเปิ่นหวาง คราก่อนยังวางยาปลุกกำหนัดกับข้าอยู่แท้ๆ ครานี้มาทำเป็นไม่อยากรู้จักกันเพื่อจะดึงความสนใจจากข้าอย่างนั้นรึ ลูกไม้ตื้นๆ เช่นนี้ใช้กับข้าไม่ได้หรอก"

"เหอะ หม่อมฉันพูดจริงๆ จากใจเลยเพคะ หากท่านอ๋องไม่ทรงเชื่อก็คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วเพคะว่าหม่อมฉันคิดจริงอย่างที่พูดออกไปหรือไม่"

เพ่ยเพ่ยหมุนข้อมือแล้วสะบัดแขนอย่างแรงจนหลุดออกจากมือแกร่งของอ๋องหมิง

"หม่อมฉันขอตัวเพคะ…เบื่อ!"

เพ่ยเพ่ยกล่าวเน้นคำว่าเบื่อออกมาอย่างจงใจแล้วเร่งเดินหนีออกไปในทันที

"หึ…มารยาสาไถย"

อ๋องหมิงมองตามร่างบางอย่างไม่คิดที่จะเดินตามนางไป แม้ในใจจะโมโหกับกิริยามารยาทที่นางแสดงออกมามากเพียงใดก็ตาม เห็นว่านางเพิ่งจะหายดีจากการป่วย ครั้งนี้เขาจะปล่อยนางไปก่อนก็แล้วกัน

-ตำหนักจันทรา-

เพ่ยเพ่ยเอาแต่จ้องมองดูใบหน้าของตัวเองที่สะท้อนออกมาจากกระจกทองเหลือง แม้จะมองเห็นไม่ชัดนัก แต่เธอก็พอจะดูออกว่าใบหน้านี้เรียกได้ว่างดงามมาก ดวงตากลมโต แพขนตายาวงอน ปากบางเป็นกระจับ ใบหน้าเรียวรูปไข่ จมูกรั้นเชิดขึ้นนิดหน่อย

เพอร์เฟค!

เพ่ยเพ่ยยกยิ้มพออกพอใจในรูปโฉมของตน แม้ว่าในชาติที่แล้วนางก็ถือว่าหน้าตาดีแล้ว แต่ก็ไม่ได้งดงามถึงเพียงนี้ อีกทั้งความอ่อนเยาว์เช่นสาวแรกรุ่นนั่นก็ยิ่งทำให้หยางเพ่ยเพ่ยดูงดงามยิ่งขึ้นไปอีก

"เฮ้อ!" อยู่ๆ เพ่ยเพ่ยก็ถอนหายใจออกมา

"ทำไมคนงามเช่นเราต้องมาติดแหง็กอยู่ในตำหนักอ๋องนี่ด้วยเล่า"

"คุณหนูว่าอะไรนะเจ้าคะ ข้าฟังไม่ถนัดเจ้าค่ะ"

เสียงใสจากชิงชิง ที่เอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยความสงสัย

"ไม่มีอะไรหรอกชิงชิง ข้าเพียงบ่นไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ข้าก็แค่เบื่อน่ะ อยากจะออกไปเปิดหูเปิดตาสูดอากาศข้างนอกบ้าง เราออกไปข้างนอกกันดีไหม"

"มันจะไม่งามนะเจ้าคะหรือถ้าคุณหนูอยากออกไปจริงๆ ลองไปทูลขออนุญาตจากท่านอ๋องก่อนดีไหมเจ้าคะ"

ชิงชิงแอบเป็นกังวลแทนเจ้านาย หากคุณหนูออกไปโดยไม่แจ้งท่านอ๋องก่อน อาจจะมีเรื่องไม่คาดฝันตามมาหากว่าท่านอ๋องจับได้

"ไม่เป็นไรหรอกน่าชิงชิง เจ้าอย่ากลัวไปเลย ท่านอ๋องคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเราออกไปจากตำหนัก เขาเคยมาสนใจพวกเราเสียที่ไหนกัน"

อย่าว่าแต่อ๋องหมิงเลย บ่าวไพร่คนอื่นก็ไม่เคยย่างกรายมาที่ตำหนักจันทราของเพ่ยเพ่ยเลยด้วยซ้ำ ราวกับว่าตำแหน่งพระชายาเอกของนางนั้นไร้ซึ่งความหมาย

"แต่ว่า..."

ชิงชิงยังพูดไม่ทันจบ เพ่ยเพ่ยก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน

"ชิงชิง เจ้านี่กังวลเกินไปแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นมา ข้าจะรับผิดชอบเอง รีบไปเตรียมตัวซะ แล้วกลับมาเปลี่ยนชุดให้ข้าด้วย"

"อืม...ขอเป็นชุดบุรุษละกัน น่าจะปลอดภัยกว่า"

เพ่ยเพ่ยจ้องชิงชิง ส่งสายตาท่าทางจริงจังให้นาง

"เอ่อ…เจ้าค่ะ"

ข้าคงจะห้ามคุณหนูไม่ได้แล้วจริงๆ

ชิงชิงพยักหน้ารับคำอย่างจำใจ แล้วรีบไปเตรียมตัวทันที

-ห้องหนังสือ ตำหนักใหญ่-

"ศิษย์พี่ทานอีกหน่อยนะเจ้าคะ"

ฝูเหวินป้อนองุ่นให้อ๋องหมิง ที่กำลังเคร่งเครียดอยู่กับกองงานตรงหน้า

"อืม ขอบใจเจ้ามากเหวินเอ๋อ"

อ๋องหมิงรับองุ่นเข้าปาก แต่ก็ยังไม่ละสายตาออกมาจากกองกระดาษเหล่านั้น

"ศิษย์พี่พักผ่อนสักนิดดีหรือไม่เจ้าคะ ท่านดูเคร่งเครียดเกินไปแล้ว"

"อืม ก็ดีเหมือนกัน"

อ๋องหมิงละสายตาจากกองเอกสารแล้วหันมายิ้มให้หญิงสาวข้างกาย

"ศิษย์พี่ เราออกไปนั่งจิบชากันที่ศาลาริมน้ำกันดีกว่านะเจ้าคะ วันนี้อากาศดี ข้าอยากออกไปสูดอากาศข้างนอกเจ้าค่ะ"

ฝูเหวินเอ่ยแล้วช้อนสายตาออดอ้อนอย่างที่นางชอบทำและอ๋องหมิงเองก็เอ็นดูนางยิ่งนักยามที่นางออดอ้อนเขาเช่นนี้

"เจ้าหายดีแล้วหรือเหวินเอ๋อ หากออกไปตากลมยามนี้ศิษย์พี่เกรงว่าเจ้าจะไม่สบายไปอีก"

"ข้าหายดีแล้วเจ้าค่ะไม่เป็นอันใดแล้ว เราออกไปกันนะเจ้าคะ"

ฝูเหวินสบตาออดอ้อนและอ๋องหมิงก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ลูกอ้อนของนางทุกที

"ตามแต่ใจเจ้า ขอข้าอ่านรายงานฉบับนี้จบแล้วเราออกไปเดินเล่นกัน"

ฝูเหวินยิ้มให้อ๋องหมิง รู้สึกพอใจที่เขานั้นตามใจตนเสมอ

-ตำหนักจันทรา-

"คุณหนูแต่งเช่นนี้แล้วเหมือนบัณฑิตหนุ่มรูปงามเลยนะเจ้าคะ"

ชิงชิงชื่นชมคุณหนูของนางที่บัดนี้แปลงโฉมใส่ชุดบุรุษเรียบร้อยแล้ว

"เจ้าก็หล่อเหลาไม่แพ้กันนะชิงชิง มานี่มา เจ้าต้องลบเครื่องประทินโฉมพวกนี้ออกเสียก่อน มันมากจนเกินไป เกินกว่าที่จะดูเป็นบุรุษ"

เพ่ยเพ่ยรวบพัดแล้วเคาะไปบนหัวชิงชิงเบาเบาอย่างคุณชายเจ้าสำราญ นางยกยิ้มหัวเราะ ตื่นเต้นดีใจสุดๆ ที่จะได้ออกไปเดินเยี่ยมชมตลาด

เมื่อทั้งสองนายบ่าวแปลงโฉมเรียบร้อยแล้วก็พากันย่องเดินไปยังประตูท้ายตำหนักที่มีไว้ให้พวกคนรับใช้เข้าออกและก็เป็นดังที่เพ่ยเพ่ยคิด ไม่มีใครสนใจพวกนางเลย

เพ่ยเพ่ยมองดูถนนสายหลักที่ทอดยาวในตลาดอย่างตื่นตาตื่นใจ เธอแวะเข้าออกร้านนู้นทีร้านนี้ที อันที่จริงแล้วเธอเดินเข้าแทบจะทุกร้าน เรียกได้ว่าเป็นการสำรวจตลาดแบบทุกซอกทุกมุมเลยก็ว่าได้

เพ่ยเพ่ยเดินเข้าออกหลายร้านก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่ร้านขายมีดร้านหนึ่ง

"คุณชาย ท่านต้องการมีดแบบไหนรึขอรับ ร้านข้ามีมีดหลายแบบหลายขนาดเลย ท่านสนใจมีดแบบไหนเป็นพิเศษ ข้าช่วยแนะนำให้ท่านได้นะขอรับ"

"เถ้าแก่พอจะมีมีดสั้นที่เอาไว้ใช้สำหรับป้องกันตัวหรือไม่ข้าขอดูหน่อย"

เพ่ยเพ่ยถามด้วยความสนใจ

"มีขอรับคุณชาย"

ไม่นานเถ้าแก่ก็นำมีดสี่ห้าเล่มออกมาจากหลังร้านให้เพ่ยเพ่ยได้เลือกสรร

เพ่ยเพ่ยจับมีดพลิกไปพลิกมา เธอลองโยนมีดไปมาเพื่อหาเล่มที่นางใช้ถนัดมือมากที่สุด

"ข้าเอาเล่มนี้ก็แล้วกันเถ้าแก่"

"แล้วท่านพอจะมีมีดบินหรือไม่ ขอมีดเล็กสักสองสามเล่มที่พอจะซ่อนไว้ใช้เป็นอาวุธลับได้บ้างไหม"

เพ่ยเพ่ยลดเสียงขณะถามคำถามกับเถ้าแก่ร้านมีด

"มีขอรับคุณชาย ท่านต้องการอะไรเพิ่มอีกหรือไม่ขอรับ"

เถ้าแก่ถามพลางส่งมีดบินให้เพ่ยเพ่ยดู

"เอาแค่เท่านี้ก่อนเถ้าแก่"

"ขอรับคุณชาย"

เพ่ยเพ่ยจ่ายเงินเสร็จก็เดินออกจากร้านไป พร้อมกับชิงชิงที่ทำหน้าฉงน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยคำถามมากมายว่าคุณหนูจะเอามีดพวกนี้ไปทำอะไรกัน

หึ…ช่างเป็นสตรีที่น่าสนใจนัก

บุรุษรูปงามในชุดสีน้ำเงินยกยิ้มในใจ เขาพอจะดูออกว่าพวกนางเป็นสตรีที่ปลอมเป็นชาย ขนาดปลอมเป็นชายยังดูรูปงามขนาดนี้ หากแต่งเป็นหญิงนางจะงดงามขนาดไหน

ท่าทางที่นางโยนมีดไปมานั้นดูชำนาญอย่างมาก เหมือนคนที่เคยใช้มีดในการต่อสู้มาก่อน อีกทั้งรูปโฉมของนางที่ดูสะดุดตา จึงทำให้เขานึกสนใจนางอยู่ไม่น้อยเลย

เขาลอบมองดูเพ่ยเพ่ยตั้งแต่ที่พวกนางเดินเข้ามาในร้านขายมีดแล้ว แต่ด้วยความตื่นเต้นเพ่ยเพ่ยจึงไม่ได้สังเกตเห็นเขา

"คารวะท่านรองแม่ทัพไป๋ มีดที่ท่านสั่งทำไว้ได้แล้วขอรับ ไม่คิดว่าท่านจะมารับด้วยตัวเอง ข้ากำลังจะให้ลูกน้องนำไปให้ที่จวนอยู่พอดีเลยขอรับ"

เถ้าแก่ร้านมีดกล่าวทักทายบุรุษชุดน้ำเงินผู้นั้น

"ไม่ลำบากท่านหรอกเถ้าแก่ ข้าผ่านมาแถวนี้พอดีจึงแวะเข้ามาดูว่าของที่สั่งไว้ทำเสร็จแล้วหรือยัง"

"ไม่ลำบากอะไรเลยขอรับ นี่ขอรับมีดที่ท่านรองแม่ทัพสั่งทำ เชิญท่านตรวจสอบได้เลยขอรับ"

เถ้าแก่ยื่นมีดให้เขาอย่างนอบน้อม

'ไป๋หลิงฟง' รับมีดเล่มนั้นมา เมื่อตรวจสอบจนพอใจแล้วจึงเดินออกมาจากร้านขายมีด เขากวาดสายตามองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของสตรีปลอมเป็นบุรุษสองนางนั้นแล้ว

"หากมีวาสนาคงได้เจอกันอีก"

ไป๋หลิงฟงกล่าวกับตัวเอง สายตาก็จับจ้องไปบนถนนที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน

เพ่ยเพ่ยเดินเล่นในตลาดจนเริ่มเหนื่อยและเริ่มหิว เธอจึงชวนชิงชิงเข้าไปหาอะไรทานในโรงเตี๊ยมหรูหราที่ตั้งอยู่ใจกลางตลาด

เพ่ยเพ่ยมองสถานที่ตรงหน้า 'โรงเตี๊ยมมู่เหอ'

ทำเลดีไม่น้อยเลย กิจการก็ใหญ่โต หากข้าสามารถมีกิจการแบบนี้ได้บ้างก็คงดี

"คุณหนูจะรับสำรับที่นี่หรือเจ้าคะ"

ชิงชิงถามขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล

"ใช่สิ ทำไมล่ะ ไม่ได้หรือ ข้าหิวมากแล้ว อีกอย่างเจ้าห้ามเรียกข้าว่าคุณหนู เจ้าต้องเรียกข้าว่าคุณชาย เข้าใจไหม"

"เอ่อ…ขอรับคุณชาย ข้าเพียงคิดว่าที่นี่เป็นร้านดัง ผู้คนพลุกพล่านมากเกินไป ข้ากลัวว่าคุณชายอาจจะพบปะคนรู้จักเข้าได้ขอรับ"

"จริงสิ ข้าก็ลืมไป แต่กินที่นี่แหล่ะ ไม่มีใครจำเราได้หรอกอย่าลืมสิว่าวันนี้เราปลอมตัวเป็นบุรุษ"

เพ่ยเพ่ยพูดจบก็ไม่รอให้ชิงชิงคัดค้าน เธอหมุนตัวแล้วรีบเดินเข้าไปในร้านทันที เธอหิวมากและไม่อยากเสียเวลาเปลี่ยนร้านแล้ว

"คุณชายมากันสองท่านใช่ไหมขอรับ"

เสี่ยวเอ้อเอ่ยถามอย่างนอบน้อม

"ใช่แล้ว ช่วยหาที่นั่งเงียบๆ ให้ข้าที แล้วช่วยจัดชาชั้นดีกับอาหารขึ้นชื่อของที่นี่มาให้ข้าสักสองสามอย่างด้วย"

เพ่ยเพ่ยกดเสียงเข้ม สั่งอาหารฉะฉานราวกับว่าเป็นคนในยุคสมัยนี้ แต่หารู้ไม่ นางนั้นพูดตามบทในนิยายจีนที่ตัวเองเคยอ่านมาเป๊ะๆ

เพ่ยเพ่ยและชิงชิงนั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่าง

อืม…วิวดีมากจริงๆ

เพ่ยเพ่ยคิดแล้วก็มองออกไปชมวิวนอกร้านสอดส่ายสายตาดูวิถีชีวิตของชาวบ้านในตลาด

ที่มุมหนึ่งไม่ไกลจากโต๊ะที่พวกนางนั่งอยู่ บุรุษรูปงามสองคนก็กำลังนั่งสนทนากันอยู่ บุรุษในชุดสีน้ำเงินสอดส่ายสายตาไปมองเพ่ยเพ่ยทันทีที่นางเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสอง

หรือเราจะมีวาสนาต่อกันจริงๆ สาวน้อย

เขายกยิ้มมุมปากขึ้นจนบุรุษชุดขาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามต้องหันไปมองตามสายตาของเขาด้วยความสงสัยใครรู้

หืมบุรุษงั้นรึ นึกว่าจะมองคุณหนูบ้านไหนเสียอีก

แล้วทำไมบุรุษร่างบางสองคนนั้นจึงดูคุ้นตานัก ชายชุดขาวมองบุรุษสองคนไปมาจนหัวคิ้วเริ่มย่นเข้าหากัน

หึ…คงจะไม่ใช่อย่างที่ข้าคิดหรอกนะ!

เพ่ยเพ่ยรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังจ้องมองเธออยู่ เธอจึงได้หันหน้าไปมองอย่างไม่เกรงกลัว เธอสบสายตาเข้ากับบุรุษชุดขาว พลันความทรงจำของหยางเพ่ยเพ่ยก็ปรากฏชัดขึ้นมาในหัว

"ซวยแล้ว! ชิงชิงนั่นคงจะไม่ใช่พี่ชายของข้าหรอกใช่ไหม"

เพ่ยเพ่ยหน้าตาบูดเบี้ยวแทบจะดูไม่ได้ ชิงชิงหันไปมองตามเพ่ยเพ่ย ก่อนที่จะตกใจจนเกือบจะทำจอกน้ำชาหล่นลงพื้น

"คุณชายใหญ่!"
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 111

    -จวนตระกูลหยาง- "มากันแล้ว มากันแล้วขอรับ!" เสียงพ่อบ้านทั้งวิ่งทั้งตะโกนเรียกทุกคนในเรือนไปพร้อมๆ กัน ทุกคนวางมือจากงานที่ทำอยู่อย่างลนลานก่อนจะรีบไปรวมตัวกันที่หน้าประตูจวนเพื่อนต้อนรับอ๋องหมิงและพระชายา ระหว่างเดินทางอ๋องหมิงให้ม้าเร็วมาแจ้งตระกูลหยางล่วงหน้าแล้วว่าเขากำลังพาเพ่ยเพ่ยกลับมาชางห

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 110

    เพ่ยเพ่ยมองทั้งสามและพิจารณาถึงสิ่งที่อี้ซินบอก ใช่แล้ว คนเคร่งขรึมหน้าตาไร้อารมณ์เช่นเขาความจริงแล้วไม่น่าจะมีเด็กที่ไหนอยากเล่นด้วยเลยต่างหาก อาจเป็นเพราะสัมพันธ์พ่อลูกที่ตัดอย่างไรก็ไม่ขาดกระมัง เวลาล่วงเลยมาจนถึงเวลารับสำรับเย็น ไม่น่าเชื่อว่า อาหารพื้นๆ ในเรือนหลังไม่ใหญ่แต่อาหารมื้อนี้สำหรับ

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 109

    "ท่านพ่อ ท่านแม่ เมื่อไหร่จะตื่นเสียที พวกเรารอตั้งนานแล้วนะ" เด็กทั้งสองเคาะประตูอยู่หน้าห้องไม่หยุด อี้ซินมีสีหน้าซีดเผือด นางพยายามห้ามนายน้อยและคุณหนูอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่สองแฝดผู้เอาแต่ใจก็หาได้ฟังใครไม่ หลังจากที่รอบิดากับมารดามาตั้งแต่เช้า กระทั่งพวกเขารับสำรับเช้าเสร็จแล้วแต่ท่านพ่อท่

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 108

    "เมื่อกี้เจ้าจูบข้าก่อน" อ๋องหมิงมองเพ่ยเพ่ยพร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มขึ้น หัวใจกระตุกเพราะนางไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน ทุกครั้งมีเพียงเขาที่เป็นฝ่ายจูบนางก่อนและเกือบทุกครั้งคือการบังคับให้นางต้องรับจูบจากเขา "ใช่เพคะ มิได้หรือ" "ทำไมจะมิได้ เปิ่นหวางชอบ" เพ่ยเพ่ยมอบจุมพิตแผ่วเบาบนริมฝีปากของเขาอีกครั

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 107

    "แล้วหม่อมฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าหม่อมฉันพูดอันใดไปบ้าง ท่านอ๋องก็บอกหม่อมฉันสิเพคะ" "เจ้าจับหน้าเปิ่นหวาง เรียกข้าว่าอ้ปป้าแล้วยังบอกว่าหากได้จูบอ้ปป้าสักครั้งจะตั้งใจทำงาน" "หา! หม่อมฉันเนี่ยนะเพคะกล่าวเช่นนั้นออกมา" แต่ภาษาวัยรุ่นแบบนั้น ไม่ใช่แกแล้วเขาจะคิดเองได้หรือไงเล่ายัยบ้า เมื่อคิดได้เช่

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 106

    "เจ้าพูดอะไรของเจ้า ยิ่งฟังเจ้าข้าก็ยิ่งงง ท่านอ๋องเคยไปรังแกเจ้าด้วยรึ" "หึ เจ้าอยากโดนรุมซ้อมดูบ้างไหมล่ะ คนของเขาเท้าหนักๆ กันทั้งนั้น เพราะอารมณ์หึงหวงอย่างมิมีเหตุผลของเขาอย่างไรล่ะ" อย่าให้เขาบรรยายเลย บุรุษยุคนี้ หน้าใหญ่ใจโต ถือว่าตนมีอำนาจก็ไม่เห็นหัวใครทั้งนั้น กดทุกคนให้อยู่ต่ำหมดไม่ว่า

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status