ตั้งแต่หวงเฟยหลงไปปราบกลุ่มโจรบนภูเขาเหลียงซาน วันเวลาก็ผ่านไปเนิ่นนานถึงสามเดือนแล้ว ฮุ่ยหมิงใช้ชีวิตประจำวันอยู่ในจวนเสนาบดีเป็นส่วนใหญ่ นางอยากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเรียนรู้สิ่งต่างๆ อีกหลายอย่าง แต่ทุกครั้งที่ออกไปก็ต้องเผชิญการทะเลาะเบาะแว้งกับจางฮูหยินบ้าง จางลี่เซียนที่เสแสร้งอ่อนแอจนนางโมโหบ้าง บางครั้งหวงเฟยเทียนมาหาจางลี่เซียนนางก็หนีไม่พ้นต้องปะทะคารมกับเขา ฮุ่ยหมิงเบื่อหน่ายกับผู้คนเหล่านี้เสียเหลือเกิน นางจึงเลือกใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่แต่ในเรือนของตัวเอง
วันนี้เป็นอีกวันที่นางอารมณ์ดีมาก เนื่องจากชาดอกมะลิและชาดอกบัวที่ทำขึ้นประสบผลสำเร็จ นอกจากนี้ยังมีชาดอกกุหลาบ ชาดอกเก๊กฮวย ชาดอกโบตั๋น ชาดอกหอมหมื่นลี้ หรือชาผลไม้อย่างเช่น ชาส้ม ชาแอปเปิ้ล ชาลูกพีช ของนางก็ล้วนประสบความสำเร็จทั้งหมด เรียกได้ว่านางใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำชา ฮุ่ยหมิงชอบดื่มชามาก การมีชาหอมรสชาติดีให้ดื่มทุกวันทำให้นางมีความสุขยิ่งนัก แต่หารู้ไม่ว่าวันเวลาที่แสนมีความสุขเหล่านี้อีกไม่นานจะถูกรบกวนจนอยากกรีดร้องออกมาให้สุดเสียง
“เฟยเฟิ่ง เจ้าว่าชาของข้าเป็นชารสเลิศที่ดีที่สุดในเมืองหรือไม่” ฮุ่ยหมิงหันไปถามเฟยเฟิ่งผู้กำลังจัดเตรียมอาหารเช้าอยู่ นางบังคับให้เฟยเฟิ่งทดลองดื่มชาทั้งหมดแล้ว รวมทั้งพากันตระเวนดื่มชาตามร้านรวงต่างๆ ในตลาด ไม่มีชาร้านไหนรสชาติดีเท่าชาของนาง
“เจ้าค่ะ ชาของคุณหนูล้วนแต่ดีเลิศทั้งนั้น” เฟยเฟิ่งหันมาบอกกับฮุ่ยหมิงก่อนจะถอนหายใจ คุณหนูทำอะไรข้าก็ต้องบอกว่าดีไหมเจ้าคะ พอบอกว่าไม่ดีท่านก็หาว่าข้าไม่มีรสนิยม
“เฮ้อ แน่นอนข้าทั้งสะสวยรูปร่างก็เย้ายวน ทำอะไรก็ดีเลิศ แถมยังฉลาดหลักแหลมใครจะมาสู้ข้าได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ฮุ่ยหมิงเอามือป้องปากหัวเราะเสียงดัง เฟยเฟิ่งได้แต่มองตามอย่างเหนื่อยใจ คุณหนูท่านรู้บ้างไหมว่าท่าทางที่แสดงออกมาช่างไม่เหมือนคนดีเลยสักนิด
ก่อนฮุ่ยหมิงจะลงมือทานอาหารเช้าก็มีบ่าวรับใช้วิ่งหน้าตั้งเข้ามาแจ้งว่าให้ออกไปเรือนใหญ่เพื่อรอรับราชโองการ รวมทั้งเตรียมตัวเข้าเฝ้าวันนี้ฮ่องเต้หวงป๋อหลินจะเสด็จมาที่จวนพร้อมกับเหล่าองค์ชาย
“หาเจ้าว่าอะไรนะ ฮ่องเต้กำลังเสด็จมา เจ้าฟังผิดหรือเปล่าทำไมกะทันหันแบบนี้” ฮุ่ยหมิงตกใจจนกระเด้งตัวลุกจากเก้าอี้ รีบร้อนถามเสียงดังออกไปหลายประโยค นางนั่งนับวันไว้แล้ว วันนี้ฮ่องเต้จะเสด็จมาเพื่อทำตามสัญญาหนี้ชีวิตที่ให้ไว้กับท่านตา ฮ่องเต้ให้นางเลือกแต่งงานกับองค์ชายคนใดก็ได้ตามที่นางต้องการ เพราะเหตุนี้เองในนิยายฮุ่ยหมิงจึงเลือกแต่งเป็นพระชายาเอกให้กับหวงเฟยเทียนได้โดยไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้าน แต่ตอนนี้สิ่งที่ทำให้นางร้อนรนใจคือหวงเฟยหลงยังไม่กลับมา บ่าวรับใช้ที่ส่งไปเฝ้าหน้าจวนยังไม่เห็นวี่แววของเขา นางจะทำอย่างไรดี ในนิยายเขียนเอาไว้ว่าเขากลับมาเห็นฮุ่ยหมิงเลือกแต่งกับหวงเฟยเทียนต่อหน้าต่อตา เขาจึงยอมตัดใจ
ทำไมตอนนี้ถึงไม่มีวี่แววของเขาเสียอย่างนั้น ไม่รู้ว่าหวงเฟยหลงทำสำเร็จหรือไม่ ไม่ใช่ว่าเขาตายไปแล้วหรอกนะถึงได้เงียบหายเช่นนี้ ฮุ่ยหมิงได้แต่เฝ้ารออย่างกระสับกระส่าย นางไม่อยากแต่งกับหวงเฟยเทียน แต่หากวันนี้นางไม่เลือกแต่งงานกับองค์ชายคนใดจะถือเป็นการขัดต่อราชโองการของฮ่องเต้มีโทษประหารทั้งครอบครัว
คนพวกนั้นต้องไม่ยอมเป็นแน่ ตัวนางเองก็ไม่ยอมเช่นกัน หากนางไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเส้นทางเดินของตัวเองได้หล่ะ ไม่ใช่ว่านางต้องไปทนทุกข์ในวังหลวงเหมือนในนิยายหรอกนะ คงต้องหาทางทำอะไรสักอย่างหรือหากหนีไม่พ้นจริงๆ ฮุ่ยหมิงต้องเสี่ยงดวงตัดสินใจเลือกองค์ชายสักคน แต่นางไม่รู้จักพวกเขานี่สิไม่รู้ว่าเลือกไปแล้วจะได้คนแบบไหนบ้าจริง
ฮุ่ยหมิงเจ้ากลายเป็นคนโง่ไปแล้ว ทำไมไม่หาแผนสำรองไว้ นางได้แต่ตีอกชกลมตัวเองอยู่ในใจ ท่าทางการเดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่นทำให้เฟยเฟิ่งเริ่มตกใจกลัวไปด้วย
“คุณหนูเจ้าคะ เหตุใดฮ่องเต้จึงเสด็จมาที่จวนของเราได้ ไม่ใช่ว่าท่านแอบไปรังแกองค์หญิงคนใดในวังเข้าหรอกนะ หากท่านได้รับโทษข้าจะช่วยท่านได้อย่างไร” เฟยเฟิ่งกระวีกระวาดเข้าไปจับมือฮุ่ยหมิงไว้ หากคุณหนูของนางได้รับโทษทัณฑ์จากฮ่องเต้คงไม่มีใครช่วยได้แน่
“เจ้าจะบ้ารึไงเฟยเฟิ่ง ข้าอยู่กับเจ้าตลอดเวลาจะไปรังแกใครที่ไหนได้” ฮุ่ยหมิงรีบสะบัดมือออกพร้อมกับตอบกลับเสียงเขียว นางกำลังหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่กลับถูกถามแบบนี้เสียได้ ในสายตาเฟยเฟิ่งนางเป็นคนแบบไหนกัน
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะเจ้าค่ะ หากไม่ทันเวลาจะแย่เอา” เมื่อได้ฟังดังนั้นเฟยเฟิ่งก็โล่งใจ นางรีบบอกคุณหนูให้เปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งตัวทันทีหากไปไม่ทันย่อมมีโทษเช่นกัน
ฮุ่ยหมิงรีบเดินมาที่เรือนหลังใหญ่โดยมีเฟยเฟิ่งประคอง นางเดินเร็วมากจนเฟยเฟิ่งกลัวจะหกล้ม จึงได้ประคองกันเข้ามาเช่นนี้ เมื่อมาถึงก็เจอกับสมาชิกทุกคนในจวนนั่งรออยู่ ฮุ่ยหมิงเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ซึ่งเว้นว่างไว้สำหรับนาง พอเงยหน้าขึ้นมาก็เจอเข้ากับสายตาเย้ยหยันของจางฮูหยิน หืมมม มนุษย์ป้าผู้นี้น่าเข้าไปจิ้มตาให้บอดเสียจริง ตอนนี้ฮุ่ยหมิงกำลังว้าวุ่นใจ ยิ่งเห็นท่าทางของจางฮูหยินยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ นางพยายามสงบจิตสงบใจเต็มที่ อย่างน้อยวันนี้ยังสามารถใช้ประโยชน์จากจางฮูหยินเพื่อช่วยถ่วงเวลาได้ ก่อนจะมีการเปิดฉากโต้เถียงเกิดขึ้น กงกงชราก็ได้นำราชโองการออกมาประกาศให้ทุกคนทราบถึงการเสด็จมาพระราชทานสมรสให้กับจางฮุ่ยหมิง
ฮุ่ยหมิงไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนนี้นางกำลังคิดหาทางออกให้ตนเองอย่างหนัก ไม่รู้ว่านางท่องนะโม พุธโธ ในหัวไปกี่จบแล้ว ต่างกับคนอื่นๆ รอบข้างที่มัวแต่ตกใจจนอ้าปากค้าง โดยเฉพาะจางฮูหยินกับจางลี่เซียนที่มีอาการร้อนรนตกใจมากกว่าคนอื่น พวกนางคิดว่าวันนี้ฮ่องเต้เสด็จมาเพื่อสู่ขอจางลี่เซียนไปเป็นพระชายาเอกให้กับองค์รัชทายาท หลังจากประกาศราชโองการเสร็จสิ้นฮ่องเต้หวงป๋อหลินก็เดินเข้ามาในจวนพร้อมด้วยเหล่าองค์ชายหน้าตาหล่อเหลาอีกสามพระองค์
“ทุกท่านนั่งลงเถอะ เจิ้นมาวันนี้ก็เพื่อทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับสหายคนสนิทและเจิ้นยังเป็นหนี้บุญคุณชีวิตเขาถึงสองครั้งสองครา” ฮ่องเต้หวงป๋อหลินสั่งให้ทุกคนนั่งลงหลังจากทำความเคารพเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะหันมามองทางฮุ่ยหมิงและทรงตรัสกับนางด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
“เจ้าสินะจางฮุ่ยหมิง ช่างเหมือนแม่ของเจ้าเสียจริง” ฮ่องเต้พอจะทราบถึงชื่อเสียงของฮุ่ยหมิงมาบ้าง นางมีชื่อเสียงเลวร้ายไม่น้อย เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ทุกคนต่างลงความเห็นกันว่า นางไม่เหมาะสมจะแต่งงานกับองค์ชายคนใดของเขาด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากมิอาจทรยศต่อสัญญาที่ให้ไว้กับหลัวห่าวอู๋ท่านตาของนางได้ บุญคุณที่เคยช่วยชีวิตเอาไว้มันมากมายจริงๆ ฮ่องเต้จึงไม่ได้ตั้งแง่รังเกียจนางจนเกินไป
“เพคะฝ่าบาท” ฮุ่ยหมิงยอบตัวคำนับอีกรอบพร้อมกับเงยหน้าขึ้นตอบด้วยน้ำเสียงลื่นไหล แววตาของนางไม่ได้มีความหวาดกลัวฮ่องเต้อย่างเขา หากจะว่าอวดดีก็ไม่ใช่เขาไม่เห็นสิ่งนั้นในแววตาของนางเป็นเพียงการตอบคำถามอย่างคนมั่นใจฉะฉานเสียมากกว่า
“ดี ดี ดี” เมื่อเห็นดังนั้นฮ่องเต้หวงป๋อหลินก็คิดได้ว่าเขาไม่ควรตัดสินใครจากคำพูดของคนอื่น ตัวนางก็ดูเป็นคนรู้จักกิริยามารยาทคงต้องดูกันต่อไป
“เจ้าคงรู้อยู่แล้วถึงคำสัญญาของเจิ้นกับท่านตาเจ้า วันนี้ได้พาเหล่าองค์ชายมาพบหน้า ไม่รู้ว่าเจ้าพึงพอใจองค์ชายคนไหนของเจิ้นบ้างไหม หรืออยากให้เจิ้นแนะนำใครให้เจ้ารู้จักเพิ่มเติมดี” ฮ่องเต้หวงป๋อหลินลองถามหยั่งเชิงนาง เขาพอรู้ข่าวมาบ้างว่านางมีใจชอบพอให้หวงเฟยเทียน
“เช่นนั้นคงต้องรบกวนฝ่าบาทแนะนำแล้วเพคะ หม่อมฉันความรู้ตื้นเขินยิ่งนัก มิได้รู้จักคุ้นเคยกับองค์ชายท่านอื่นเลย มีเพียงองค์รัชทายาทหวงเฟยเทียนที่เข้าออกจวนเสนาบดีบ่อยครั้ง เพื่อมาเยี่ยมเยียนน้องสาวของหม่อมฉันเท่านั้นเพคะ” ฮุ่ยหมิงต้องการรู้จักกับองค์ชายคนอื่นด้วยเพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจหากนางจำเป็นต้องเลือกใครสักคนจริงๆ แต่กระนั้นก็อดหมั่นไส้เอ่ยวาจา จิกกัดพฤติกรรมไม่เหมาะสมของหวงเฟยเทียนกับจางลี่เซียนไม่ได้
“เฮอะ ถ้าอย่างนั้นสเด็จพ่อก็แนะนำองค์ชายคนอื่นให้นางรู้จักเถอะ นางคงรู้จักข้าดีแล้วกระมัง” หวงเฟยเทียนพูดขึ้นมาบ้าง นางพูดเช่นนี้ต่อหน้าฮ่องเต้และผู้คน มิใช่จงใจให้องค์รัชทายาทอย่างเขาอับอายหรอกหรือที่เทียวเข้าเทียวออกเยี่ยมเยียนหญิงสาวยังไม่ออกเรือน แถมยังพาดพิงถึงจางลี่เซียนให้นางได้อับอายช่างเป็นสตรีหน้าหนาใจบาปหยาบช้าเสียจริง
ฮุ่ยหมิงลอบเบ้ปากมองบนเมื่อเห็นหวงเฟยเทียนพูดดังนั้น นางไม่ใช่ฮุ่ยหมิงคนเก่าที่หลงรักเขาจนโงหัวไม่ขึ้น ผู้ชายแบบเขามีอยู่เกลื่อนกลาดตามท้องถนน นางไม่เสียเวลามาวิ่งตามหรอก ส่วนจางฮูหยินได้แต่ลอบส่งสายตาเกลียดชังมาให้ จางลี่เซียนนั้นหรือก็ได้แต่ก้มหน้าอึกอักพูดไม่ออกสีหน้ากระดากอายเหลือทน เสแสร้งสิไม่ว่าถ้าอายจะเทียวไล้เทียวขื่อกันทำไม ขอเอาคืนสักหน่อยเถอะ
ฮุ่ยหมิงพยายามยั่วโมโหคนเหล่านี้เพื่อถ่วงเวลา หากพวกเขาโกรธคงต้องขัดขวางนางอย่างถึงที่สุดแน่ นางจะได้มีเวลาคิดหาทางออกให้ตัวเองมากขึ้น
“เอาละๆ ถ้าอย่างนั้นองค์ชายที่นั่งถัดจากองค์รัชทายาท คือองค์ชายสามหวงปิง เขามีหน้าที่รับผิดชอบดูแลกรมกลาโหม ลูกชายคนนี้ของข้าเป็นคนใจเย็น แต่เจ้าไม่ต้องกลัวเขาเป็นคนจิตใจดี ส่วนคนถัดไปคือองค์ชายสี่หวงสวี่คุณ รับผิดชอบดูแลกรมพิธีการ เขานิสัยขี้เล่นอาจจะกวนใจเจ้าไปบ้างแต่อ่อนโยนไม่น้อย หากเจ้าเลือกแต่งกับเขาเจ้าจะได้เป็นพระชายาเอก เขาไม่มีแม้แต่พระ สนมมากวนใจเจ้าแน่นอน เจ้าว่าเป็นอย่างไรบ้าง” เมื่อแนะนำเสร็จฮ่องเต้ก็รีบหันกลับมาถามนาง เขามีภารกิจรัดตัวมากมายจะชักช้าแค่เรื่องเดียวไม่ได้ หากไม่ใช่คำสัญญาที่มิอาจละเลยได้เขาคงไม่มาด้วยตนเอง
ฮุ่ยหมิงมององค์ชายที่ฮ่องเต้ทรงแนะนำอย่างละเหี่ยใจ องค์ชายสามหวงปิง นางว่าไม่ใช่ใจเย็นธรรมดาหรอกเขาเยือกเย็นจนเป็นน้ำแข็งต่างหาก รัศมีความเย็นชาแผ่ซ่านออกมาขนาดนี้ ส่วนองค์ชายสี่หวงสวี่คุณ มองยังไงก็เป็นองค์ชายตัดแขนเสื้อที่เขายังไม่มีเมียก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ฮุ่ยหมิงได้แต่ลอบถอนหายใจออกมา ไม่มีองค์ชายคนไหนน่าคบสักคน แล้วนางจะทำอย่างไรดี หวังพึ่งใครก็ไม่ได้อยากจะกัดลิ้นตัวเองตายเสียเดียวนี้ หรือนางจะยอมตายตั้งแต่ต้นเรื่องดีจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป
“ทูลฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันว่าองค์รัชทายาทหวงเฟยเทียน” ฮุ่ยหมิงพูดยังไม่จบประโยคก็ได้ยินเสียงคัดค้านจากจางฮูหยินดังขึ้นมา
“ไม่ได้ เจ้าจะแต่งกับองค์รัชทายาทไม่ได้เด็ดขาด” จางฮูหยินเมื่อได้ยินก็รีบผุดตัวลุกจากเก้าอี้ร้องห้ามเสียงหลง นางไม่ยอมให้จางฮุ่ยหมิงเด็กร้ายกาจคนนี้แย่งตำแหน่งของจางลี่เซียนไปเด็ดขาด ถึงหวงเฟยเทียนจะมีพระสนมอยู่หลายคนแต่ตำแหน่งพระชายาเอกยังว่าง หากจางฮุ่ยหมิงแต่งเข้าไปต้องกลายเป็นพระชายาเอกแน่นอน แม้หวงเฟยเทียนจะรักจางลี่เซียนแค่ไหนลูกสาวของนางก็ยังเป็นลูกคนรองของตระกูล หากแต่งช้ากว่าต้องกลายเป็นพระชายารอง นางไม่ยอมให้ลูกสาวของตนเองเป็นรองนังเด็ก ร้ายกาจคนนี้แน่ ต้องขัดขวางเอาไว้อย่างถึงที่สุด
เวลาสิบปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตของ ฮุ่ยหมิงจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ตอนนี้นางมีสามีแสนที่ดีและครอบครัวที่อบอุ่น (จริงหรือ) อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน“หมิงเออร์เจ้าคิดสิ่งใดอยู่ พี่เห็นเจ้าเหม่อลอยนานแล้ว” หวงเฟยหลงพึ่งพาลูกชายทั้งสามคนกลับมาจากในเมืองเอ่ยถามขึ้น เขาเห็นนางนั่งใจลอยตั้งแต่อยู่หน้าบ้าน“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ แล้วลูกชายทั้งสามของท่านหล่ะ คงไม่ได้ไปก่อเรื่องให้ข้าปวดหัวอีกใช่หรือไม่” ฮุ่ยหมิงถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายหลังจากคลอดลูกชายคนแรกได้เพียงหนึ่งปีนางก็ตั้งครรภ์เจ้าก้อนแป้งคนที่สองและสามตามมา ท้องนี้เล่นเอานางเกือบแย่เหมือนกัน นางแพ้ท้องหนักมากและตอนคลอดก็ลำบากเช่นกันเพราะเป็นลูกชายฝาแฝด หลังจากท้องครั้งนั้นฮุ่ยหมิงก็เข็ดขยาดไม่ยอมมีเจ้าก้อนแป้งอีกเลย แม้ว่าคุณพ่อลูกสามอย่างหวงเฟยหลงจะอ้อนวอนขอลูกสาวจากนางทุกเมื่อเชื่อวันก็ตามที“หือ ลูกไม่ได้ก่อเรื่องอะไรนี่” หวงเฟยหลงตอบเสียงสูงออกมาอย่างมีพิรุธ“อย่าให้ข้ารู้แล้วกันว่าลูกของท่านไปก่อเรื่องอะไรมา” ฮุ่ยหมิงมองหน้าเขาอย่างคาดโทษ เหตุผลที่นางชอบพูดว่าลูก ของเขา ก็เพราะลูกชายทั้งสามคนที่นางอุ้มท้องและคลอ
หลังจากหมอชราได้ตรวจสอบดูอาการของฮุ่ยหมิงอย่าง ถี่ถ้วนแล้ว เขาก็หันมาแสดงความยินดีกับว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่อย่างรวดเร็ว“ยินดีด้วยนายท่าน ฮูหยินตั้งครรภ์ได้เกือบสองเดือนแล้ว” หมอชราเอ่ยบอกกับหวงเฟยหลงด้วยรอยยิ้มยินดี“จริงหรือท่านหมอ ขะ ข้าจะได้เป็นพ่อคนแล้วจริงหรือ” หวงเฟยหลงไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เขารอคอยวันนี้มานานในที่สุดก็กลายเป็นจริง“จริงนายท่าน ข้าเอาหัวเป็นประกัน เดี๋ยวข้าจัดยาบำรุงครรภ์ไว้ให้ฮูหยินด้วยเลย” หมอชรายืนยันให้หวงเฟยหลงฟังอีกครั้ง ก่อนลงมือจัดเทียบยาจนเรียบร้อยเสร็จสรรพ“ท่านหมอ แล้วข้าต้องดูแลนางยังไงบ้าง” หวงเฟยหลงสอบถามเรื่องการดูแลฮุ่ยหมิงระหว่างตั้งครรภ์ออกมา เขากังวลว่าตนเองจะทำอะไรผิดพลาดจนกระทบไปถึงเจ้าก้อนแป้งในครรภ์ เขาต้องการให้ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี“ในช่วงสองถึงสามเดือนอาการเบื้องต้นของฮูหยินมีเพียงแพ้ท้อง เบื่ออาหาร อ่อนเพลียง่าย อารมณ์แปรปรวน ท่านต้องดูแลเอาใจใส่ให้ดี อย่าให้ฮูหยินเดินเหินมากเกินไปและหลีกเลี่ยงการ ยกของหนักเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว” หมอชราอธิบายรายละเอียดให้ หวงเฟยหลงฟังอย่างครบถ้วน“ข้าจะดูแลนางให้ดี หากมีอันใดคงต้องรบกวนท่านอีก
ข่าวการตายของหวงเฟยหลงหรือที่รู้จักกันในนามฮ่องเต้ทรราชแพร่กระจายไปทั่วแผ่นดิน แม้จะได้ชื่อว่าเป็นฮ่องเต้ทรราชแต่ขณะที่เขาครองราชย์ประชาชนทั้งหลายกลับมิได้อดอยากอย่างเช่นที่ผ่านมา ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้นไม่น้อยเนื่องจากขุนนางทั้งหลายถูกส่งออกมายังหัวเมือง ปัญหาเรื้อรังที่มีอยู่จึงได้รับการแก้ไข การจากไปของหวงเฟยหลงได้รับความอาลัยจากราษฎรกว่าครึ่งแผ่นดินหลังจากสังหารพี่ชายหวงเฟยเทียนก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ของแผ่นดิน ส่วนฮองเฮาคู่บัลลังก์ก็ยังคงเป็นเฉินอ้ายเหม่ย อย่างในอดีตที่ผ่านมา เหตุการณ์บ้านเมืองกลับมาสงบสุขอีกครั้ง วิถีชีวิตของผู้คนก็เป็นไปอย่างปกติวิสัย เช่นเดียวกันกับครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่งในหมู่บ้านเชิงเขาอันเงียบสงบ“ฮ่าๆๆๆ ท่านอย่าแกล้งข้า หยุดเดี๋ยวนี้ ฮ่าๆๆ” ฮุ่ยหมิงหัวเราะออกมาไม่หยุดเมื่อโดนสามีอย่างหวงเฟยหลงปลุกด้วยการจั๊กจี้“ก็เจ้าไม่ยอมตื่นเสียที สายจนตะวันโด่งขนาดนี้แล้ว เจ้าไม่สบายหรือเปล่า” หวงเฟยหลงหยุดมือที่กำลังจั๊กจี้บนเอวนางไว้ แล้วเลื่อนขึ้นมาแตะบนหน้าผากแทน“ข้าสบายดีเจ้าค่ะ มิได้ตัวร้อนหรือเจ็บปวดอันใดแค่อ่อนเพลียนิดหน่อย สงสัยใกล้เข้าหน
การปกครองของหวงเฟยหลงดำเนินไปด้วยความไม่พอใจของขุนนางหลายฝ่าย และนับวันความไม่พอใจก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากหวงเฟยหลงไม่ยอมฟังผู้ใด เขาไม่ยอมพัฒนากองทัพ แต่เลือกส่งทหารประจำการเข้าไปในพื้นที่ประสบภัยทางธรรมชาติแทน หมอหลวงถูกส่งไปยังพื้นที่โรคระบาด ขุนนางทั้งหลายถูกไล่ให้ไปปฏิบัติหน้าที่นอกเมืองเพื่อดูแลช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบภัยหนาว ภัยความแห้งแล้ง ขุนนางหลายคนต้องลำบากลำบนไปยังหัวเมืองห่างไกล พวกเขาจึงเกิดความไม่พอใจอย่างถึงที่สุด ไม่เคยมีฮ่องเต้องค์ใดกระทำการเช่นนี้มาก่อน มีเพียงหวงเฟยหลงเท่านั้นการต่อต้านในราชสำนักเกิดขึ้นอย่างลับๆ แต่ถึงแม้จะลับเพียงใดก็ยังไม่รอดพ้นสายตาของหวงเฟยหลง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคลื่อนไหวต่างตกอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด หวงเฟยหลงเลือกเงียบเอาไว้ ในยามนี้เขาไม่ต้องการตอบโต้อันใด เพียงรอคอยให้ถึงเวลาที่เหมาะสม เขาจะสะสางเรื่องทั้งหมดให้จบลงในคราเดียวเมื่อฮ่องเต้ผู้นั่งบัลลังก์คนปัจจุบันไม่เป็นที่พึงพอใจ ขุนนางทั้งหลายจึงคิดหาทางนำตัวฮ่องเต้องค์ก่อนอย่างหวงเฟยเทียนกลับมา พวกเขาวางแผนสืบเสาะหาและติดต่อกับหวงเฟยเทียนอย่างลับๆ การไปมาหาสู่กันในช่วงเวลายาก
หวงเฟยหลงขึ้นครองราชย์มาได้เกือบสองปีแล้วแต่ยังไร้วี่แววของฮองเฮาคู่บัลลังก์ เหล่าขุนนางทั้งหลายในราชสำนักจึงพยายามเสนอบุตรหลานของตนเองให้เขาเต็มที่ แต่หวงเฟยหลงหาได้สนใจใครเขายังคงดื้อด้านไม่ยอมแต่งงานใหม่ พร้อมกันนั้นก็ดำเนินการสร้างตำหนักแสนสวยงามขึ้นมาเพื่อระลึกถึงพระชายาที่จากไป ขุนนางและเหล่าราษฎรทั้งหลายต่างรับรู้กันถ้วนหน้าว่า หวงเฟยหลงรักปักใจต่อพระชายาเอกอย่างจางฮุ่ยหมิงมากเพียงใด“ฮ่องเต้พะยะค่ะ เรื่อง เอ่อ เรื่อง” ขุนนางในราชสำนักคนหนึ่งมีท่าทีกระอักกระอ่วนเมื่อต้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมา“มีอันใด เจ้าพูดออกมาเถอะ วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์สั่งประหารใคร” หวงเฟยหลงพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ การประชุมในท้องพระโรงวันนี้เลยกำหนดเวลามากว่าครึ่งค่อนวันแล้ว เขาอยากกลับไปพักผ่อนเต็มที“ระ เรื่องฮองเฮาพะยะค่ะ อะเอ่อ พระองค์ทรงครองราชย์มาได้เกือบสองปีแล้ว หากว่ายังไม่มีฮองเฮาเคียงบัลลังก์คงไม่เป็นการเหมาะสมเท่าไหร่ ตามโบราณราชประเพณีแล้ว”ยังไม่ทันที่ขุนนางคนนั้นจะพูดจบ หวงเฟยหลงก็ยกมือขึ้นปรามเป็นเชิงบอกให้เขาหยุดพูดทันที“เจ้าช่างใจกล้าดีจริง สงสัยอยากถูกประหารเหมือนเสนาบดีกลาโหมคนก่อนกระมัง” หวง
หวงเฟยหลงเมื่อเห็นร่างของฮุ่ยหมิงร่วงหล่นลงไปต่อหน้าต่อตาก็ไม่อาจทำใจยอมรับได้ เขารู้สึกเหมือนว่าโลกทั้งใบกำลังพังทลายลงตรงหน้า ไม่มีนางเขาจะมีชีวิตอยู่อย่างไร หวงเฟยหลงเคียดแค้นไทเฮาอย่างถึงที่สุด เขาไม่เคยคิดทำร้ายหวงเฟยเทียน เลยสักครั้ง หลีกเลี่ยงการแย่งชิงอำนาจมาตลอด แต่สิ่งที่เขาได้รับวันนี้มันคืออะไรในเมื่อคนพวกนี้ทำร้ายเขาให้เจ็บปวดอย่างสุดแสนเขาก็จะทำให้คนพวกนี้ได้รับรู้ถึงความทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเช่นเดียวกัน เมื่อตั้งสติได้หวงเฟยหลงก็ประกาศตัดขาดกับหวงเฟยเทียนอย่างไม่ไยดีทันที เขาสาบานว่าชีวิตนี้จะไม่มีวันให้อภัยหวงเฟยเทียนกับไทเฮาเป็นอันเด็ดขาด จะตามล่าพวกเขาให้ได้รับรู้ถึงรสชาติของการอยู่ไม่สู้ตายเมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างจบลงเช่นนี้หวงเฟยเทียนจึงรีบเร่งพาไทเฮาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสหลบหนีไป เขาได้รับการช่วยเหลือจากฮองเฮาจึงหลบหนีออกมาได้ ท่านพ่อของนางเป็นแม่ทัพใหญ่แม้ในตอนนี้ถูกยึดอำนาจไปแต่ก็ยังมีเหล่าทหารผู้จงรักภักดีพร้อมรับใช้อยู่หลังจากทหารของหวงเฟยหลงบุกเข้ายึดอำนาจภายใน วังหลวงได้ ท่านพ่อก็ให้ทหารบางส่วนพานางหนีออกมา พร้อมทั้งกำชับว่าต้องช่วยเหลือฮ่องเต้ให้ได้ โชค