Share

บทที่ 10

Author: เย่ชิงขวง
กู้ชูหลันชะงักไป ไม่รู้จะโต้กลับอย่างไร

จะบอกว่านางจงใจไม่ปลุกตัวเอง แต่กลับมาสำนักบัณฑิตแต่เช้างั้นหรือ?

คำพูดแบบนั้น จะให้นางพูดออกไปได้อย่างไร

กู้ชูหน่วนยิ้มเอ่ย "อีกอย่างเจ้าไม่ได้อาบน้ำจุดธูปหอม ไม่ตามข้าไปไหว้พระขอบพระทัยฝ่าบาท ถึงได้จงใจว่าร้ายข้า"

"ข้า..."

ให้ตายสิ นางสารเลวนี้ ติดกับนางอีกจนได้

สีหน้าของกู้ชูหลันเปลี่ยนไปตามอารมณ์ ทว่าตัวนั้นกลับนั่งไม่ติดที่

เซียวอวี่เชียนหันไปหากู้ชูหน่วนแล้วยกนิ้วให้ เพราะกู้ชูหน่วนยืนอยู่ข้างเขา เขาจึงเอ่ยกระซิบ "สาวน้อย ไม่เจอกันวันเดียว ฝีปากเหนือชั้นยิ่งกว่าเดิมอีกนะ"

กู้ชูหน่วนกะพริบตาปริบๆ อย่างใสซื่อ ยกตำราขึ้นมาปิดใบหน้าของตัวเอง หันหน้ามายิ้มเอ่ยกับเซียวอวี่เชียน "ชมกันอีกแล้ว หากฝีปากไม่ดี ท่านจะมาสู่ขอหรือ"

"โครม..."

เซียวอวี่เชียนล้มลงในทันที สีหน้าพลันถมึงทึง

หญิงผู้นี้ เกิดปีลิงหรืออย่างไร ถึงได้เล่ห์เหลี่ยมปานนี้

นางรู้จักทำคำว่าจริงจังหรือไม่

ลองนึกว่าหากตัวเองแต่งงานกับหญิงอัปลักษณ์ ท่านพ่อคงตีเขาจนขาหัก

กู้ชูหลันนั่งข้างเจ๋ออ๋อง นางลอบมองกู้ชูหน่วน

ไม่ได้กลับบ้านไม่นาน น้องสามของนางเปลี่ยนไปยิ่งนัก

ก่อนหน้านี้นางแกล้งโง่ หรือว่า...

"หญิงอัปลักษณ์ แต่อวดดีจริงเชียว เจ้ามาสายเองแท้ๆ ทำเสียเหมือนอาจารย์จงใจกลั่นแกล้งเจ้าเสียอย่างนั้น"

คนพูดคือองค์หญิงตังตัง อายุราวสิบห้าสิบหกปี แม้ว่าจะยังเด็ก แต่หน้าตาใช้ได้ พอมองออกว่าวันหน้าต้องเป็นหญิงงามแน่นอน จากความดื้อรั้นบนใบหน้า มองปราดเดียวก็รู้ว่า ต้องเป็นองค์หญิงเอาแต่ใจ

อาจารย์สวีพยักหน้าเห็นด้วย "องค์หญิงตังตังพูดถูก"

กู้ชูหน่วนผายมือยักไหล่ "ข้าก็ไม่บอกว่าองค์หญิงพูดผิดนี่เจ้าคะ ข้าสำนึกผิดแล้วมิใช่หรือ ถึงได้หวังว่าอาจารย์จะให้โอกาสข้าได้กลับตัว"

หลอกใครกัน

ท่าทางโอหังนั่น เรียกว่าสำนึกผิดหรือ?

"ในเมื่อคุณหนูสามสำนึกผิด ทั้งยังเป็นความผิดครั้งแรก อาจารย์สวีให้โอกาสนางเถิดขอรับ"

ทันใดนั้น น้ำเสียงอ่อนโยนก็เอื้อนเอ่ยขึ้น เสียงนั้นก้องกังวาน ไพเราะเลยทีเดียว ได้ยินแล้วชวนให้รู้สึกสงบนิ่ง

กู้ชูหน่วนหันไปมอง ถึงได้พบว่าข้างอาจารย์สวีนั้นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่

ชั่ววินาทีที่เห็นชายคนนั้น กู้ชูหน่วนก็ตกตะลึงในทันที

นี่มันผู้ชายอะไรกัน อบอุ่นดั่งแสงตะวัน สง่างามทว่าอ่อนน้อม รอบกายแผ่ซ่านไปด้วยกลิ่นอายของผู้คงแก่เรียน

เครื่องหน้าของเขาหล่อเหลา ราวกับเทพเซียนมาจุติ

เขาสวมชุดสีขาวพริ้วลม ดุจดั่งเทวดา เส้นผมสีดำหมึกถูกรวบไว้ด้านข้างด้วยเชือกขาวอย่างไม่ตั้งใจ ปล่อยให้เส้นผมดำขลับนั้นคลอเคลียลงมา

ยามลมพัดผ่าน เส้นผมปลิวไสว ยิ่งทำให้ดูงดงามไร้ปรุงแต่ง โดดเด่นกว่าใคร

กู้ชูหน่วนกล้ายืนยันได้เลยว่า นอกจากชายหนุ่มที่ถูกเธอข่มเหงในวันนั้นแล้ว ตั้งแต่เกิดมานี่คือหนุ่มหล่อที่หล่อที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็น

"นี่ กู้ชูหน่วน เหตุใดถึงเอาแต่จ้องอาจารย์ซ่างกวานเช่นนั้น ข้าขอเตือนเจ้า หากเจ้ากล้ามองเขาอีก ระวังข้าจะควักลูกตาเจ้า" องค์หญิงตังตังโมโห

กู้ชูหน่วนเข้าใจแล้ว

องค์หญิงเอาแต่ใจนั่นชอบอาจารย์หนุ่มน้อยคนนี้สินะ

ตาแหลมไม่เบานี่

อย่างน้อยก็ดีกว่ากู้ชูหลันกับกู้ชูฉิงเยอะ

แม้เจ๋ออ๋องจะไม่ได้ขี้เหร่ แต่หากเทียบกับอาจารย์ซ่างกวานแล้ว ไม่รู้ว่าห่างกันกี่โยชน์

"องค์หญิง หากว่าตามอาวุโสแล้ว ข้าคือน้าสะใภ้ของท่าน พูดจากับน้าสะใภ้ ต้องระวังคำพูดนะเจ้าคะ"

"น้าสะใภ้อะไรกัน ข้าไม่มีน้าสะใภ้อัปลักษณ์เช่นเจ้าหรอก"

"ในสายตาของคนรัก ข้าย่อมงามดุจไซซี บางทีท่านก็ลองถามเสด็จน้าเทพสงครมดู คงชอบแบบข้านี่แหละ"

เงียบกริบ

ทั้งห้องเงียบสงัดไร้เสียง ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะมองกู้ชูหน่วน

ใต้ฟ้านี้ไม่มีผู้ใดกล้าหยิบยกหานอ๋องมาล้อเล่นหรอกนะ นางไม่กลัวว่าตายแล้วจะไม่เหลือศพให้ฝังหรือ?

เมื่ออาจารย์ซ่างกวานพูดเช่นนั้น อาจารย์สวีก็ไม่คิดกลั่นแกล้งกู้ชูหน่วนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้ลามปามไปถึงเทพสงครามด้วย

"เอาละๆ เรื่องนี้ให้จบเพียงเท่านี้ คุณหนูสามตระกูลกู้ ถือว่าเป็นความผิดครั้งแรกของเจ้า คราวนี้ข้าจะไม่เอาความ ครั้งหน้าห้ามมาสายอีกเด็ดขาด"

"เจ้าค่ะ"

"หาที่นั่งเอาเองก็แล้วกัน"

กู้ชูหน่วนกวาดสายตามอง

ข้างกู้ชูหลันกับกู้ชูอวิ๋นก็มีที่ว่างอยู่หรอก แต่ไม่อยากนั่งสักเท่าไร ที่นั่งด้านหน้านั้น นางก็ไม่กล้านั่ง จึงนั่งลงข้างเซียวอวี่เชียน

เซียวอวี่เชียนตกใจ "เจ้ามานั่งข้างข้าทำไม ข้างหน้ามีที่ตั้งเยอะแยะ"

ไม่ใช่ว่าหมายตาเขาจริงๆ หรอกนะ

"หากเจ้าอยากนั่งหน้า ก็ขยับขึ้นไปเองสิ"

ล้อเล่นหรือไง ข้างหน้ามีอาจารย์นั่งอยู่ตั้งสองคน ถ้าเธอนั่งข้างหน้าจะอู้ได้อย่างไร

"แต่ข้ามาก่อน" เซียวอวี่เชียนเถียง

"ใครสนว่าเจ้ามาก่อน อย่างไรเสียที่นั่งนี่ก็ไม่ใช่ของตระกูลเจ้าเสียหน่อย เจ้าไม่อยากนั่งกับข้า ก็ย้ายเองสิ"

โอ้โฮ

หญิงผู้นี้ หน้าไม่อายเสียจริง

นางคงถูกใจหน้าตา ฐานะ และความสามารถของเขาสินะ ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน

"เมื่อครู่พวกเรากล่าวถึงสรรพสิ่ง มีเกิด มีรุ่งเรือง มีเสื่อมถอย เป็นธรรมดา ตอนนี้เรามาว่ากันต่อ..." อาจารย์สวีสอนหนังสือต่อ

"นี่ ชายงามที่นั่งข้างอาจารย์สวีคือใครกัน?" กู้ชูหน่วนใช้ศอกสะกิดเซียวอวี่เชียน ส่งเสียงคิกคัก

"ซ่างกวานฉู่อย่างไรเล่า อาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดในสำนักบัณฑิตหลวง ชาติตระกูลไม่รู้แน่ชัด รู้เพียงแค่ว่ารอบรู้รอบด้าน ได้ชื่อว่าเป็๋นหนึ่งในสี่อัจฉริยะทัดเทียมกับพี่ชายข้า"

"สี่อัจฉริยะ? อีกสองคนคือใคร?"

"ยัยขี้เหร่นี่ เจ้าล้อข้าเล่นหรือไร สี่อัจฉริยะผู้เลื่องชื่อคือใครบ้าง เจ้าไม่รู้เลยหรือ"

สวรรค์โปรดเมตตา เธอไม่รู้จริงๆ ในหัวเธอไม่มีความทรงจำเรื่องนี้เลย

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอถึงได้รู้สึกว่าความทรงจำบางส่วนของตัวเองหายไป

"แล้วทำไมอาจารย์ซ่างกวานถึงไม่สอน แต่ให้ตาเฒ่านั่นสอนคนเดียว?"

เซียวอวี่เชียนหัวเราะ "นี่เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้? ในห้องเรียนของสำนักบัณฑิตหลวง อย่างน้อยต้องมีอาจารย์สองคน คนหนึ่งเป็นผู้สอน อีกคนหนึ่งมาฟัง หากมีนักเรียนถาม แล้วอาจารย์ผู้สอนตอบไม่ได้ อาจารย์ผู้ฟังก็จะตอบแทน ยัยขี้เหร่ ก่อนมาเรียนที่สำนักบัณฑิตหลวง เจ้าไม่เคยรู้กฎระเบียบที่นี่เลยหรือ?"

"จะไปรู้ได้อย่างไรเล่า ที่แบบนี้ สักวันข้าจะยุบทิ้งให้หมด สำนักบัณฑิตควรเปิดให้กับราษฎรทั่วทั้งแคว้นต่างหาก มีที่ไหนให้แต่ลูกหลานขุนนางราชวงศ์เข้าเรียน"

"เงียบ พวกเจ้าสองคนสุมหัวคุยอะไรกัน?" อาจารย์สวีตะโกนลั่น

ในห้องมีเด็กไม่เอาอ่าวอย่างเซียวอวี่เชียนคนเดียวก็พอแล้ว ยามนี้มีคนมาให้ปวดหัวเพิ่มอีก

กู้ชูหน่วนปิดปากอย่างเขินอาย ยกตำราขึ้นมาบังหน้าตัวเองแล้วอ้าปากหาว ยิ่งฟังอาจารย์สวีก็ยิ่งง่วง

เมื่อครู่ตอนที่เธอออกมาจากจวนอัครเสนาบดี เธอแวะร้านยาหลายแห่ง แต่ร้านไหนก็ไม่มียาที่เธออยากได้ ต่อให้มีอย่างน้อยก็ต้องใช้เงินหนึ่งร้อยตำลึงขึ้นไป

เธอต้องการตัวยาทั้งหมดสามสิบสองชนิด หนึ่งในนั้นมีหญ้าตี้อวี้และดอกเยียนหลัวที่หายากที่สุด ร้านยาในเมืองหลวงคงไม่มีขาย

กู้ชูหน่วนคิดหนัก ถ้าไม่มียา ต่อให้เธอเป็นหมอยอดฝีมือแค่ไหน ก็ไม่มีทางถอนพิษบนใบหน้านี้ได้

ส่วนตัวยาอื่น ต่อให้เธอจะไม่มีเงินซื้อ แต่ก็พอหาเองได้เพียงแค่ลำบากนิดหน่อย แต่หญ้าตี้อวี้กับดอกเยียนหลัวนี่สิ? ตัวยาสองชนิดนี้เหมือนจะหายากมากในแถบนี้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
สุบิน สาริกา
สุดยอดทุกเรื่องสนุกๆๆๆจ้า
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 566

    ลูกธนูทั้งสิบดอก ล้วนแต่พุ่งเข้ากลางเป้า ทุกคนต่างก็ตะลึงตาค้าง โดยเฉพาะองค์หญิงตังตังและฮ่องเต้เย่ที่สติหลุด ทำอะไรไม่ถูกอยู่พักใหญ่ เอาแต่มองกู้ชูหน่วนสะบัดมือตนเองแล้วพึมพำอะไรบางอย่างคนเดียว "ธนูนี่จะหนักเกินไปหรือเปล่า ทำเอาข้าปวดแขนไปหมด องค์หญิงตังตัง ธนูสิบดอก ดูเหมือนจะเข้าเป้าทุกดอกเลย ด่านแรกข้าชนะแล้วสินะ" องค์หญิงตังตังพลันได้สติทันที "จะได้ใจไปใย ยังเหลือการแข่งอีกสองด่าน" "เช่นนั้นเจ้าก็ตั้งโจทย์มาเลย รีบๆ แข่งให้จบ ข้าจะได้เลือกเครื่องประดับมาไว้ติดตัว" "ข้อที่สอง ยังคงเป็นธนูสิบลูก เพียงแค่เจ้ายิงให้เข้ากลางเป้าอีกครั้ง เจ้าก็จะชนะ แต่ว่า ครั้งนี้บนกระดานจะมีเหรึยญกษาปณ์ทองแดงแขวนเอาไว้ อีกทั้งเหรียญทั้งสิบจะส่ายไปมา หัวลูกศรของเจ้าต้องทะลุเหรียญกษาปณ์ทองแดง สุดท้ายพุ่งเข้ากลางเป้าพอดี" ซี้ดดด... ทั้งงานเดือดระอุ นี่จะยากเกินไปหรือเปล่า องค์หญิงตังตังหาเรื่องกลั่นแกล้งผู้อื่นแบบโจ่งแจ้งชัดเจน และเกินว่าเหตุไปหน่อยกระมัง แม้แต่ไทเฮาและฮ่องเต้เย่ก็ทนดูไม่ได้จนต้องเอ่ยเตือน "องค์หญิง เอาแต่พอดีเถอะ" "นางบอกเองว่าจะแข่งกับข้า ข้าไม่ได้ขอร้อ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 565

    กู้ชูหน่วนเอ่ย "เช่นนั้นหากข้าชนะล่ะ องค์หญิงจะทำเช่นไร" "เช่นนั้นเจ้าต้องการให้ข้าทำอย่างไร" "องค์หญิงเอ่ยเช่นนี้ อย่างไรข้าก็เป็นอาสะใภ้ของเจ้า หรือหากข้าชนะเจ้าแล้ว ต้องให้เจ้าคลานเข่าร้องเสียงเช่นสุนัขเหมือนกันหรือ" ประโยคนี้ กำลังแอบแดกดันว่าองค์หญิงตังตังคิดเล็กคิดน้อย และใจแคบ องค์หญิงตังตังอาจจะไม่รู้ถึงนัยยะแฝงของประโยคที่นางพูด แต่ไทเฮาเข้าใจทุกอย่าง นิ้วที่เห็นข้อต่อชัดเจนกำแน่นจนเสียงดังแกรบโดยไม่รู้ตัว "เอาเช่นนี้แล้วกัน หากเจ้าแพ้ ข้าจะขอของหนึ่งชิ้นจากในตำหนักองค์หญิงของเจ้า ถือเป็นรางวัลชนะเดิมพัน" "เจ้าต้องการสิ่งใดจากข้า" "องค์หญิงตื่นตระหนกขนาดนี้ คงไม่ได้คิดว่าข้าจะเอาชีวิตองค์หญิงกระมัง ข้าไม่ได้ไร้สาระขนาดนั้นหรอก ของที่ข้าต้องการง่ายนิดเดียว เจ้าให้ได้เป็นแน่" องค์หญิงตังตังตั้งใจฟัง นางหลงกลกู้ชูหน่วนมาหลายหนแล้ว หากไม่ระบุของชนะเดิมพันมาให้ชัดเจน นางไม่มีทางรับปากส่งๆ เด็ดขาด ทว่ากลับเห็นกู้ชูหน่วนมองที่ข้อมือและสร้อยคอที่ว่างเปล่าของตนเอง พลางเอ่ยด้วยความหมองหม่น "พวกท่านแต่ละคนล้วนแต่สวมใส่สร้อยแหวนเงินทอง บนตัวข้ากลับว่างเปล่า ไ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 564

    กู้ชูหน่วนคว้ามือที่ฟาดลงมาของนางเอาไว้ เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม "องค์หญิงตังตัง ลงมือทำร้ายผู้ใหญ่ จะถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เอาได้นะ" "บังอาจ เจ้ากล้าแช่งให้ข้าถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ หรือ" "หากเจ้าไม่ทำร้ายผู้ใหญ่ จะถูกฟ้าผ่าได้อย่างไร สวรรค์คงจะอวยพรเจ้าเสียด้วยซ้ำ" "ตังตัง" ไทเฮาตะโกนเสียงขรึม ฝีปากของกู้ชูหน่วน นางได้เห็นมากับตาตั้งแต่แรกแล้ว ต่อให้คนทุกคนที่นี่รวมกัน ก็ไม่อาจสู้ฝีปากนั่นของนางได้ "ทำความเคารพเสด็จอาของเจ้าเสีย" "เสด็จแม่..." องค์หญิงตังตังอารมณ์พลันหมองหม่นลงไปในพริบตา หากไม่ใช่เพราะกู้ชูหน่วนใช้กลอุบาย นางไม่มีทางเสียเงินมากมายขนาดนั้นประมูลคัมภีร์ซือจิงไร้ประโยชน์มาจากลานประมูลเฟิงเซียงหรอก ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือ นางไม่มีเงิน องค์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ กลับถูกลานประมูลเฟิงเซียงจับตัว ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก ที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่าคือ หลังจากเกิดเรื่อง นางจะไปหาเรื่องลานประมูลเฟิงเซียง แต่เสด็จแม่และเสด็จพี่ต่างก็บอกให้นางอดนทน บอกว่าลานประมูลเฟิงเซียงมีอิทธิพลนัก ไม่จำเป็นอย่าไปมีเรื่องด้วย "รีบทำความเคารพสิ" ใบหน้าขององค์หญิงตังตังราวกับถูกย้อมด้วย

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 563

    "กู้ชูหน่วน เจ้าบังอาจนัก" "ใครใช้ให้ข้าเป็นอาสะใภ้ของท่านล่ะ ใครใช้ให้ข้าเป็นชายาของเทพสงครามล่ะ ข้าถึงได้มีสิทธิ์ที่จะอวดี สามหาวอย่างไรเล่า หากท่านไม่พอใจ ก็ไปหาเย่จิ่งหานได้เลย" หากไม่ใช่เพราะฐานะของนาง ฮ่องเต้เย่อยากจะมอบผ้าขาว ให้นางปลิดชีพตนเองเสียงตรงนั้นให้รู้แล้วรู้รอด ทันใดนั้น เขาก็พลันนึกขึ้นมาได้ "เหมือนข้าจะคิดออกแล้ว เป็นองค์หญิงตังตัง ตอนเด็ก ที่สวมอยู่บนคอขององค์หญิงตังตังก็คือดวงตารูปหัวใจ สีแดงราวกับเลือด ใครหลายคนต่างก็หัวเราะเยาะนาง ต่อมาองค์หญิงตังตังกริ้วหนัก จึงไม่สวมสร้อยเส้นนั้นอีกเลย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยได้เห็นอีก" "เช่นนั้น ความหมายของท่านคือ ดวงตารูปหัวใจอยู่ที่องค์หญิงตังตังหรือ" "โดยทั่วไปควรจะเป็นเช่นนั้น แต่ด้วยนิสัยขององค์หญิงตังตัง หากนางไม่ชอบสิ่งใด ก็จะโยนทิ้งไปทันที สร้อยเส้นนั้นไม่รู้ว่าถูกนางทิ้งไปหรือยัง" "วันนี้เป็นพิธีปฏิญาณตนเป็นผู้ใหญ่ขององค์หญิงตังตังใช่หรือไม่" "ใช่...ใช่น่ะสิ" "ไป พวกเราไปดูกัน" "เมื่อกี้เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือ ขอเพียงแค่ช่วยเจ้าตามหาดวงตารูปหัวใจให้พบ เจ้าจะช่วยขับไล่กองทัพออกไปน่ะ" "ใช่น่ะสิ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 562

    "หรือเย่จิ่งหานต้องการจะเห็นข้าสิ้นแผ่นดินเช่นนั้นรึ เขาเองก็เป็นเสด็จอาแห่งแคว้นเย่" "นั่นสิ เพราะเขาคือเสด็จอาของแคว้นเย่ ฉะนั้นหลังจากที่แคว้นเย่สิ้นแผ่นดินแล้ว เขาก็จะปลุกระดมกองทัพอีกครั้ง ตีแคว้นหวาจนพ่ายแพ้ออกไป ถึงเวลานั้น หากเขาคิดจะนั่งบังลังก์ฮ่องเต้ ก็เป็นเรื่องที่ถูกหลักธรรมนองคลองธรรม ผู้ใดก็ไม่กล้าฝ่าฝืน ส่วนท่าน ก็จะกลายเป็นเด็กถูกทิ้งคนนั้นไป" ฮ่องเต้เย่มีคำพูดมากมายอยากจะตอกนางกลับไป ทว่ากลับคิดเหตุผลที่จะหยุดนางได้ไม่ออก กู้ชูหน่วนพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง "ฉะนั้น ไม่สู้ท่านเลือกที่จะเชื่อข้า ข้ารับประกันว่าจะต้องทำให้เย่จิ่งหานออกมาจัดการแคว้นหวาได้ ทำให้แคว้นเย่ของพวกเรามั่นคงปลอดภัย" "เย่จิ่งหานจะฟังเจ้าหรือ" "แน่นอน เชื่อว่าฝ่าบาทคงเคยได้ยินว่าท่านอ๋องโปรดปรานข้าเพียงใด" "แต่เหตุใดเจ้าต้องช่วยข้าด้วย" เขารู้สึกอยู่ตลอดว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่คิดไปคิดมา ก็คิดไม่ออกว่าเป็นเรื่องใดกันแน่ "ข้ากำลังตั้งท้องของเทพสงครามอยู่ไม่ใช่หรือ หลายวันก่อนข้าฝัน ฝันเห็นว่าเจ้าแม่กวนอิมมาดลบันดาล บอกว่าเทพสงครามฆ่าคนมามากนัก พลังชั่วร้ายหนักหนาเกินไป ลูกจะ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 561

    กู้ชูหน่วนแคะหู พลางบ่นพึมพำอย่างเหลืออด "หนวกหู" "สามหาว ข้าคือฮ่องเต้แห่งแคว้นเย่ ประมุขผู้มีอำนาจสูงสุด เจ้าบังอาจกล้าไม่เคารพข้าเช่นนี้ ใครก็ได้ เข้ามา อ้ะ..." กู้ชูหน่วนสองมือกอดอก ท่าทางสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อน "ฮ่องเต้ ข้าขอเตือนท่านว่า ก่อนจะตะโกนเรียกใคร คิดดูให้ดีๆ เสียก่อน ต่อให้ท่านเรียกเหล่าองครักษ์มาทั้งหมด ในฐานะที่ข้าเป็นชายาเอกของเทพสงคราม พวกเขาจะกล้าจัดการข้าหรือ" "เจ้า......" ฮ่องเต้หงุดหงิด นางผู้นี้ จงใจขู่เขาชัดๆ เพราะการตะโกนเสียงดังของเขา ทำให้เหล่าองครักษ์ตื่นตกใจ พากันเข้ามาคุกเข่าตรงหน้า "กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์อายุยืนหมื่นปีหมื่นหมื่นปี ไม่ทราบว่าฝ่าบาททรงตะโกนเรียกกระหม่อมเพราะ..." องครักษ์ผู้เป็นหัวหน้าแอบเหลือบมองกู้ชูหน่วนปราดหนึ่ง มือพลอยกำด้ามดาบโดยไม่รู้ตัว "ข้าเรียกพวกเจ้าเสียเมื่อไหร่ เป็นถึงองครักษ์แห่งราชสำนัก หูพวกเจ้าแต่ละคนเป็นเช่นนี้ แล้วข้าจะวางใจให้พวกเจ้าคุ้มกันความปลอดภัยข้าได้อย่างไร" "พะยะค่ะๆๆ......" "ยังไม่รีบออกไปอีก" "พะยะค่ะ....." กลุ่มองครักษ์หลายคนเข้ามา แล้วออกไป เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นรวดเร็วใ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status