"จะไปตอนนี้เลย ? รีบร้อนเพียงนี้เชียวหรือ" "ฟ้ายังไม่มืด กลับไปก็ไม่มีอะไรทำ ข้าอุดอู้อยู่ในจวนมาตั้งนาน อีกทั้งวันนี้ได้เงินมาเยอะ ข้าอารมณ์ดีอย่างไรเล่า" "ได้" เย่จิ่งหานยิ้มด้วยความเอ็นดู และไม่ได้ซักไซ้นางต่อว่าไปเรียนวิชากลั่นยามาจากที่ใด หรือไปได้วัสดุตัวยามากมายเพียงนั้นมาจากที่ใด ตั้งแต่ที่กู้ชูหน่วนข้ามมิติมา นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เข้าวังหลวงอย่างจริงๆ จังๆ คานแกะสลักและศิลปะภาพวาดหลากสีสันภายใน อร่ามเรืองรอง ตำหนักเรียงรายติดกันไปทีละหลังด้วยสัดส่วนที่พอเหมาะ นางและเย่จิ่งหานเดินเคียงกันเข้าไป ผู้ที่เดินผ่านล้วนแต่พากันคุกเข่าคำนับ ตกใจกลัวจนตัวสั่น วังหลวงกว้างใหญ่ไพศาล เส้นทางที่พวกเขาผ่าน ราวกับไร้ผู้คนไร้เขตแดน ไม่มีผู้ใดกล้าขวาง กู้ชูหน่วนกำลังคิดว่าควรจะสลัดเย่จิ่งหานออกไปเช่นไรดี หากเข้าไปในห้องเก็บสมบัติแล้ว นางสามารถขอหัวใจแห่งหล่อแกต่อหน้าเย่จิ่งหานโดยตรงได้ นางพยายามหลายครั้งที่ให้จะเย่จิ่งหานไปทำธุระของตนก่อน ส่วนนางจะเข้าไปที่ห้องเก็บสมบัติคนเดียว แล้วถือโอกาสไปเดินเล่นในวัง แต่เย่จิ่งหานไม่รู้ไปกินอะไรผิดมาหรืออย่างไร ไม่ยอมห่า
ประโยคนี้ทำให้ชิงเฟิงที่ได้ยินไม่พอใจยิ่งนัก ยิ่งรู้สึกเสียดายแทนชิวเอ๋อร์ ในใจของนาง ในสายตาของนางมีแต่พระชายา นึกถึงพระชายาอยู่เสมอ แต่นางกลับเห็นชิวเอ๋อร์เป็นเพียงสิ่งของ คิดจะยกให้ผู้ใดก็ให้ คิดจะทิ้งก็ทิ้ง ไร้หัวใจจริงๆ เสียงประตูใหญ่ถูกเปิดออก เย่จิ่งหานกลับมาแล้ว เขาอยู่ในเสื้อคลุมสีม่วง สวมหน้ากาก มองไม่เห็นรูปโฉมที่แท้จริง แต่ทั่วทั้งร่างของเขาแผ่ซ่านความน่าเกรงขามและเด็ดเดี่ยวออกมา เพียงมองแค่ปราดเดียว ก็ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ราวกับเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา พวกเขาเป็นเพียงแค่มวกมดต้อยต่ำเท่านั้น เมื่อเย่จิ่งหานเข้ามา กู้ชูหน่วนก็รีบฟ้องด้วยความไม่พอใจทันที "ท่านอ๋อง ท่านดูสิ นี่งานประมูลอะไรกัน ของที่ประมูลไม่มีที่ข้าถูกใจเลยสักชิ้น ข้าอยู่ที่นี่ เบื่อจะแย่อยู่แล้ว เหตุใดท่านไปตั้งนานกว่าจะกลับมา คงไม่ได้ไปเที่ยวหาสตรีอื่นด้านนอกหรอกกระมัง" เย่จิ่งหานมองไปทางชิงเฟิง ชิงเฟิงรีบก้มหน้า ก่อนจะพูดด้วยท่าทางรู้สึกผิด "ของที่ประมูลล้วนแต่เป็นของดีทั้งสิ้น แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด พระชายาถึงไม่ถูกใจเลยสักชิ้น" ไม่รู้เพราะอะไร ชิงเฟิงรู้สึกหัวใจ
"……" ชิงเฟิงถึงขั้นเหวอไปเลย เขายังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ พระชายาก็พูดฉอดๆ ออกมาชุดใหญ่ เขาสลบไปอย่างไร้สาเหตุ หรือนี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรสงสัยหรอกหรือ ไม่ว่าพระชายาจะทำอะไรไป เขาก็ต้องรายงานท่านอ๋องให้หมด ทางที่ดีที่สุดให้ท่านอ๋องจัดการพระชายาไปเลย จะได้ไม่ต้องมีเรื่องวุ่นวายในจวนไม่เว้นวัน ไม่รอให้เขาเอ่ยปาก กู้ชูหน่วนก็เริ่มข่มขู่ทันที "อ้อ...จริงสิ ข้านึกขึ้นมาได้ว่า ช่วงนี้เจ้าสนิทสนมกับชิวเอ๋อร์มากไม่ใช่หรือ เจ้าคงไม่ได้คิดจะเกี้ยวชิวเอ๋อร์หรอกนะ ชิงเฟิง เจ้าคือองครักษ์ที่จงรักภักดีของท่านอ๋อง เจ้าเกี้ยวชิวเอ๋อร์ได้อย่างไร วันนี้เจ้าเกี้ยวนาง วันพรุ่งจะไม่คิดเกี้ยวข้ารึ" ชิงเฟิงตะลึงงัน "พระชายา ท่านพูดอะไรออกมา ข้าน้อยจะกล้าเกี้ยวท่านได้อย่างไร ท่านคือภรรยาของนายท่าน พระชายาแห่งจวนหานอ๋อง" "พูดแบบนี้ เจ้ายอมรับว่าเจ้าเกี้ยวชิวเอ๋อร์รึ" "เปล่า...ไม่มีเรื่องเช่นนั้น ข้าน้อยจงรักภักดีต่อท่านอ๋อง ไม่มีทางทำเรื่องเหลวไหล" "อ่อ...เช่นนั้นข้าอาจจะเข้าใจผิด หลายวันนี้ ข้าเห็นเจ้าแอบไปหาชิวเอ๋อร์อยู่บ่อยๆ ข้าคิดว่าเจ้าถูกใจชิวเอ๋อร์เสียอีก ในเมื่อไม่ใช่ เช่นนั้
นิ้วที่เห็นข้อต่อชัดเจนของกู้ชูหน่วนเคาะโต๊ะเบาๆ ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ ผ่านไปสักพักถึงจะถามออกมา "ยอดเขากุยอวิ๋นคือสถานที่แบบใด" "เรียนนายท่าน ยอดเขากุยอวิ๋นคือศูนย์บัญชาการของเผ่าเทียนเฝิน แต่คนทั่วไปรู้เพียงแค่ชื่อ ส่วนตำแหน่งที่ตั้ง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้" "เช่นนั้น พวกเจ้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายอดเขากุยอวิ๋นอยู่ที่ใดหรือ" "ใช่ ใต้ผืนฟ้าไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ก็เหมือนกับที่ไม่มีใครรู้ว่าเผ่าอวี้อยู่หนใด ข้าน้อยทายว่า ยอดเขากุยอวิ๋นคงถูกข่ายอาคมคลุมเอาไว้เหมือนเผ่าอวี้ ถึงได้ทำให้คนทั่วไปไม่ว่าจะสืบหาเท่าไร ก็หาไม่เจอ" กุญแจรูปดาวดอกหนึ่งอยู่ที่ยอดเขากุยอวิ๋น ต่อให้จะหายากแค่ไหน ก็ต้องหาให้เจอ เวินเส้าอี๋คือนายน้อยของยอดเขากุยอวิ๋น เขาน่าจะรู้ว่ายอดเขากุยอวิ๋นอยู่ที่ใดกระมัง เห็นทีหากต้องการจะตามหายอดเขากุยอวิ๋นจำต้องตามหาเวินเส้าอี๋เสียแล้ว "เช่นนั้นเขาตานหุยเล่า" "เขาตานหุยก็เป็นสถานที่เร้นลับเช่นกัน ผู้ที่รู้ทางเข้ามีน้อยมาก นายท่านต้องการไปที่เขาตานหุยหรือ หากนายท่านไป ข้าน้อยจะรีบสั่งให้คนนำแผนที่มา พร้อมทั้งแอบส่งคนมุ่งหน้าไปที่เขาตานหุยก่อ
"เจ้าเทพสงครามนั่นใช้ไม่ได้จริงๆ เขาไม่สามารถยับยั้งความโกรธของตัวเอง อยากจะจัดการเผ่าเทียนเฝิน แต่กลับเปิดเผยตำแหน่งที่ตั้งกองบัญชาการของสำนักซิวหลัวให้เผ่าเทียนเฝินรู้ ทำให้ยอดฝีมือของเผ่าเทียนเฝินพร้อมใจกันมาโจมตีสำนักซิวหลัวของพวกเรา ยังดีที่กองบัญชาการเราเพิ่งเปลี่ยนที่ตั้ง ในสำนักเหลือคนอยู่ไม่มาก ไม่เช่นนั้นพวกเราคงต้องสูญเสียครั้งใหญ่เป็นแน่" เสี่ยวลู่กรอกตามองบนใส่จินเฉียง "เจ้านี่ช่างสะเพร่าเสียจริง คิดอะไรของเจ้า หากข้าเดาไม่ผิด เทพสงครามคงสืบรู้แล้วว่าพวกเราย้ายกองบัญชาการออกมาแล้ว ถึงได้จงใจล่อเผ่าเทียนเฝินไปที่สำนักซิวหลัว เขาเองก็ซุ่มโจมตีทุกอย่างเรียบร้อยทั้งหมด ตีขนาบประสานกับพวกเรา จัดการคนของเผ่าเทียนเฝินได้จนหมด" "นั่นก็เพราะเขาเปิดเผยตำแหน่งกองบัญชาการของสำนักซิวหลัวไปเรื่อยเปื่อยอย่างไรเล่า ครั้งนี้เผ่าเทียนเฝินเสียหายหนัก แทบจะบาดเจ็บล้มตายเกือบหมด เช่นนั้นหากครั้งนี้ เขาไม่ได้ตีขนาบประสานกับพวกเรา พวกเราจะไม่เกิดเหตุนองเลือดครั้งใหญ่เลยรึ" "พวกเราควรจะทบทวนตนเอง ที่ตั้งกองบัญชาการของสำนักซิวหลัวที่ยิ่งใหญ่ กลับปล่อยให้เย่จิ่งหานสืบเจอได้ แม้กระทั่งข่าวก
กู้ชูหน่วนมองไปทางเขา ก่อนจะเอ่ยถาม "นี่คือ..." "นายท่าน พวกเราตามสืบอยู่นาน ในที่สุดก็เจอข้อมูลสำคัญมากข้อมูลหนึ่ง ขอเพียงแค่แกะหล่อแกนี่ออก ก็จะได้ข้อมูลของแก้วมังกรลูกที่หก" "คนของพวกเราพยายามแกะอยู่นาน แต่ก็แกะไม่ออก ต่อมาจึงไปขอคำแนะนำจากอาจารย์เวิน อาจารย์เวินศึกษาอยู่นาน บอกว่า หล่อแกนี่มีหลุมเว้ารูปดาวสามหลุม ทั้งยังมีหลุมเว้ารูปหัวใจอีกหลุม น่าจะมีกุญแจสี่ดอก มีแต่ต้องรวบรวมกุญแจสี่ดอกนี้ให้ครบ ถึงจะเปิดหล่อแกได้ และรู้ที่อยู่ของแก้วมังกร" "แต่เพราะเวลาผ่านมาเป็นพันสองพันปีแล้ว เกี่ยวกับหลักแหล่งของกุญแจรูปดาวสามดอกนั้น พวกเรายังสืบหาไม่พบ แต่หลุมรูปหัวใจบนหล่อแก หรือเรียกอีกอย่างว่าดวงตาหล่อแก พวกเรากลับได้ข่าวมาแล้ว มันอยู่ที่คลังสมบัติวังหลวง" เสี่ยวลู่และคนอื่นๆ ต่างก็ตื่นเต้น สืบหาเบาะแสที่อยู่แก้วมังกรจนเจอ เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา สาเหตุที่ก่อตั้งหอเลิศหล้าขึ้นมา ก็เพื่อที่จะสืบค้นข้อมูลของแก้วมังกร กู้ชูหน่วนลูบหลุมรูปดาวทั้งสามหลุมบนหล่อแก ทันใดนั้น ในสมองของนางพลันผุดความคิดที่กล้าบ้าบิ่นขึ้นมาอย่างหนึ่ง บนม้วนหนังแกะโบราณบั