"ก็ได้ เช่นนั้นก็เริ่มกันเถอะ"เจ๋ออ๋องปัดมือหมอหลวงออก อดทนความเจ็บปวดเอาไว้ "กู้ชูหน่วน เจ้ากล้าเดิมพันอีกตาหรือไม่""เดิมพันอีกแล้ว? เจ้ามีเงินพอให้แพ้อีกหรือ?"บ่าวเอ่ยเตือนอย่างกังวลใจ "ท่านอ๋อง จะเดิมพันอีกไม่ได้แล้วนะขอรับ ตอนนี้เราไม่มีเงินแล้ว"เจ๋ออ๋องแพ้จนคลั่งไปแล้ว สนใจคำเตือนของบ่าวเสียที่ไหน เขาเอ่ยอย่างไม่ลังเล "ข้ามัดจำด้วยจวนเจ๋ออ๋อง และเรือนอีกหกหลังภายใต้ชื่อจวนเจ๋ออ๋อง หากเจ้าแพ้ เจ้าต้องคืนเงินห้าล้านตำลึงให้ข้า รวมกับมือทั้งสองข้างของเจ้าด้วย"เขาไม่เชื่อหรอกว่านางคนไม่เอาไหนจะแต่งโคลงกลอนได้กู้ชูหน่วนเอ่ยเสียงเย้ยหยัน "ท่านเจ๋ออ๋อง แต่จวนเจ๋ออ๋องกับเรือนอีกหกหลัง แต่คิดจะแลกกับเงินห้าล้านตำลึงและสองมือของข้า จวนเจ๋ออ๋องของเจ้าทำงานทองหรือไร?"บางคนเผลอหัวเราะออกมาเจ๋ออ๋องหน้าเขียวจนม่วงนอกจากจวนเจ๋ออ๋องและเรือนอื่น เขาก็แพ้จนหมดเนื้อหมดตัวแล้วครั้นคิดจะเอ่ยปากขอยืมเงินจากใครดี กู้ชูหน่วนก็พูดแทรกขึ้น"เพราะสงสารเจ้าหรอกนะ เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะเดิมพันกับเจ้า แต่ว่านะเจ๋ออ๋อง เจ้าคิดให้ดีละ หากเจ้าแพ้ครั้งนี้ เจ้าคงสิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว""วางใจเถิด ข
ห้าคนแข่งขัน ฉางเจินและฉางผิงเขียนๆ หยุดๆ ตั้งสมาธิใช้ความคิดเยี่ยเฟิงยังคงนั่งหลังตรงประหนึ่งต้นไผ่ เขาก้มหน้า แพขนตาไม่มีกะพริบ มือจับพู่กันตวัดเขียน ผ่านไปไม่นานก็แต่งกลอนไปเกือบสิบบทแล้วเจ๋ออ๋องแม้จะเขียนไม่หยุด แต่ก็ร้อนรนไม่อาจสงบนิ่ง มือเกาไม่หยุด เรียวคิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันแน่ กลอนที่แต่งเสร็จแล้วเดี๋ยวเดียวก็ถูกขยำทิ้งเมื่อหันไปมองกู้ชูหน่วนที่อ้าปากหาวอย่างเกียจร้าน ทว่ามือเองก็ไม่หยุดเขียน ตวัดแปรงแต่งกลอนบหนึ่งจนเสร็จ แม้จะเสร็จเป็นคนสุดท้าย แต่กลอนที่นางแต่งนั้น เว้นแต่เทียบกับเยี่ยเฟิงแล้ว นางนั้นแต่งได้จำนวนมากที่สุดอาจารย์สวีสบถด่าเหมือนเช่นเคย "จองหอง จองหองเกินไปแล้ว ป่านนี้แล้วนางยังเสแสร้งให้ใครดูอีก"ผู้ชมจากสำนักบัณฑิตหลวงต่างส่ายหน้าถอนหายใจต่อให้ชนะสองรอบแล้วอย่างไรเล่า แต่สามรอบสุดท้ายก็แพ้อยู่ดีเท่าที่พวกเขาคาดการณ์ บัณฑิตยากจนอย่างเยี่ยเฟิงคงเป็นผู้ชนะในครั้งนี้กู้ชูหน่วนเขียนเร็วนัก นางเขียนเสร็จก็เขียนอีกบทต่อ สี่คนที่เหลือถึงกลับเงยหน้าขึ้นมองกู้ชูหน่วนอย่างประหลาดใจไม่รู้ว่านางมีแผนการอะไรอีกกันแน่แม้แต่ฮ่องเต้ยังตกตะลึงกู้ชูหน่วนแต
เหล่าทูตจากแคว้นฉู่ แคว้นจ้าว และแคว้นหวาต่างตกตะลึงอ้าปากค้างกลอนที่กู้ชูหน่วนแต่ง กลับเป็นกลอนชั้นดีเสียอย่างนั้นทุกถ้อยคำสามารถกลายเป็นบทกวีดังที่ตกทอดต่อไป ตอนนั้นต่อให้เป็นเซียนกวีก็มิอาจทำได้ นางคือคนธรรมดาจริงๆ หรือ"ยามใดจะคลี่คลาย เหตุทั้งหลายในอดีต คืนวานลมพัดจันทร์ลอยเด่น แต่ใจเจ็บคิดถึงบ้านนั้นเกินต้าน รอบรั้วกระไดงามยังคงอยู่ ทว่าผู้เป็นที่รักนั้นมิอาจสู้อายุขัย หากถามว่าข้าเจ็บเพียงใด คงเหมือนดั่งสายน้ำหลั่งไหลยามวสันตฤดู "เจ๋ออ๋องได้ยินประโยคแรกก็ปาดเหงื่อ ตอนได้ฟังบ่าวอ่านกลอนของนาง เขาก็พยายามเค้นหัวสมอง อยากจะแข่งกับนางสักตั้งแต่พอบ่าวอ่านต่อ ความคิดนั้นของเขาก็ดับมอดลงครั้นยกพู่กันขึ้นจะเขียนต่อ ในหัวก็มีแต่เสียงกลอนตราตรึงใจที่บ่าวอ่านดังก้องซ้ำไปซ้ำมากลอนของกู้ชูหน่วนเอาชนะกลอนเขาขาดลอย ทำเอาเขาคิดอะไรไม่ออก แต่งกลอนแม้แต่บทเดียวยังทำไม่ได้ ทำได้เพียงเหม่อมองปากขันทีที่อ้าๆ หุบยามอ่าน"ยามสุขจงเริงสำราญ ถ้วยทองจอกเหล้าอย่าได้ว่างเปล่า ทุกคนล้วนมีคุณค่า ไม่เหมือนเงินทองใช้แล้วหมดไป""ยามเจอยากพบ จากแล้วได้เจออีกเมื่อใด ลมบูรพาพัดผ่านดอกไม้บานร่วงโรย ห
พู่กันในมือเจ๋ออ๋องร่วงตกกระแทกพื้นเสียงดัง ใบหน้าซีดเผือดเสียงของเขาสั่นเครือ "กู้ชูหน่วน เจ้าหลอกข้า"ร่างของกู้ชูหน่วนโงนเงนจนแทบตกเก้าอี้ ความง่วงงุนหายสิ้นเพราะความตกใจ นางเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "เจ้าป่วยก็รีบไปหาหมอ จะมาร้องโวยวายอยู่ที่นี่ให้ได้อะไร? เสียงดังจนข้านอนไม่ได้แล้ว"เจ๋ออ๋องโมโหกลอกตามองบน พยายามพยุงตัวกับโต๊ะ ไม่ให้ตัวเองล้มลงเสียงดังจนนอนไม่ได้อย่างนั้นหรือ?นางนอนหลับแต่ยังสามารถแต่งกลอนที่ไพเราะปานนี้ หมายจะให้เขาทำใจยอมรับไม่ได้แล้วโมโหจนอกแตกตายสินะ?"ศิลปะทั้งสี่แขนง ไม่ว่าจะโคลงกลอนหรือสิ่งใดเจ้าก็ช่ำชองอยู่แล้วใช่หรือไม่? ในเมื่อเจ้าฝีมือดีขนาดนี้ เหตุถึงต้องแสร้งทำเป็นคนไม่เอาไหนด้วย?"กู้ชูหน่วนลูบคาง เอ่ยประโยคที่ทำให้คนล้มหน้าคว่ำจนแว่นแตก"อ๋อ... จู่ๆ หัวสมองมันก็แล่นฉิวขึ้นมา หลังจากเบิกเนตร ข้าก็ลืมไปหมดทุกสิ่ง"เหลวไหลฟังนางเพ้อเจ้อสินางต้องจงใจแกล้งโง่ให้พวกเขาตายใจแน่นอนเซียวอวี่เชียนเอ่ยพึมพำกับตัวเอง "มิน่าละยัยขี้เหร่ถึงได้เที่ยวเดิมพันกับคนไปทั่ว ที่แท้นางจงใจแสร้งว่าตัวเองไม่เอาไหน เพื่อจะได้ชนะเดิมพันเยอะขึ้น"เซียวอวี่เชียนไม
ต่างฝ่ายต่างพูด ทั้งงานพากันชื่นชมกู้ชูหน่วน ฮ่องเต้แคว้นเย่ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่พอใจ รีบสั่งให้คนไปดูกลอนของยอดฝีมือคนอื่นบ่าวแสดงผลงานกลอนของฉางเจินและฉางผิง พวกเขาทั้งสองคน คนหนึ่งแต่งกลอนได้แปดบท อีกคนหนึ่งแต่งกลอนได้เก้าบท แม้ว่ากลอนจะไม่เลว แต่หากเทียบกับกู้ชูหน่วนแล้วยังคงห่างชั้นเจ๋ออ๋องนั่นแย่ยิ่งว่า นอกจากจะแต่งกลอนได้เพียงห้าบทแล้ว กลอนของเขานั้นไม่ไพเราะเลยสักนิด ลายมือก็ยิ่งไปกันใหญ่ อักษรหวัดไร้ระเบียบ ประหนึ่งว่าเขาแต่งกลอนพวกนี้ด้วยความร้อนรนสุดขีดกู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ "เจ๋ออ๋อง ฝีมือเช่นเจ้า ยังกล้าเอาจวนเจ๋ออ๋องกับเรือนอีกหกหลังมาเดิมพันกับข้าอีกหรือ เหอะๆๆ หน้าใหญ่เสียจริง เขาเตือนแล้วก็ไม่ฟัง คงต้องยอมเจ้าจริงๆ"เจ๋ออ๋องแน่นหน้าอก เลือดในลำคอตีกลับขึ้นมา จนเขาเกือบกลั้นเอาไว้ไม่อยู่นี่คือฝีมือของเขาเสียที่ไหนเพราะเขาถูกผึ้งต่อยจนทั้งตัวมีแต่แผล ทั้งเจ็บทั้งคันมากจริงๆอีกอย่าง...กู้ชูหน่วนทำเขาตกใจจนสติเตลิดไปหมดทว่าคำพูดเหล่านั้น เขาจะพูดออกไปได้อย่างไร"ที่หนึ่งไม่ได้มีแค่เจ้าเพียงคนเดียว เจ้ายังลำพองใจอยู่อีก""แม้ข้าจะไม่ได้ที่หนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่เจ้าแ
ผลการแข่งขันแต่งกลอนและเขียนพู่กันปรากฏว่ากู้ชูหน่วนและเยี่ยเฟิงคนหนึ่งเหนือกว่าเรื่องหนึ่ง เสมอกันในคราวนี้กู้ชูหน่วนแต่งกลอนชนะเยี่ยเฟิงและจำนวนกลอนมากกว่า กู้ชูหน่วนจึงเป็นผู้ชนะไปในการแข่งขันทั้งห้ารอบ กู้ชูหน่วนชนะเดี่ยวไปแล้วสองสนาม และชนะร่วมกับเยี่ยเฟิงอีกสองสนาม ยามนี้คงไม่มีใครกล้าท้าทายนางแล้วเสียงถกเถียงดังเซ็งแซ่ไปทั้งงาน"เดาไปเดามา ใครจะไปเดาถูกว่ากู้ชูหน่วนจะชนะ เสียดายที่ข้าเอาเรือนไปลงเดิมพันข้างเจ๋ออ๋องไปเสียหมด เกรงว่ายามนี้คงต้องสินเนื้อประดาตัว""ข้าเองก็พอกัน ข้าลงเดิมพันข้างเจ๋ออ๋องและกู้ชูอวิ๋น แต่กู้ชูอวิ๋นไม่มีสิทธิแม้แต่จะแข่งรอบคัดเลือก ส่วนเจ๋ออ๋อง...เจ๋ออ๋องก็ถูกจ้องเล่นงาน เหตุใดข้าถึงได้ซวยเช่นนี้ หากลงเดิมพันข้างเยี่ยเฟิงก็คงไม่อนาถปานนี้""จบเห่แล้ว ข้าลงเดิมพันข้างเจ๋ออ๋องหมดหน้าตัก ข้าคิดว่าเจ๋ออ๋องสติปัญญาหลักแหลม อย่างน้อยก็ต้องชนะสักรอบ แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะได้ที่โหล่""ไม่...ไม่มีใครเดิมพันข้างกู้ชูหน่วนเลยหรือ?""เหมือนจะมี อาจารย์ซ่างกวานเดิมพันข้างกู้ชูหน่วนหนึ่งพันตำลึง บอกว่าเป็นกำลังใจให้กับศิษย์""เจ๋ออ๋องกับกู้ชูอวิ๋นก็เป็น
เจ๋ออ๋องตวาดลั่น "ไม่จำเป็น" ต่อให้เขาต้องเร่ร่อนริมถนน ก็ไม่ต้องการห้องหับที่เจียดจากนางหรอก"ท่านลุง มอบโฉนดที่ดินให้แก่นาง""เอ่อ... ท่านอ๋อง... ให้จริงหรือ?"ท่านลุงหวังเสียงสั่น นั่นเป็นบ้านหลังเดียวของพวกเขา หากต้องมอบให้นางอีกคนสิ้นเนื้อประดาตัวแล้วจริงๆ"ให้ไป" เจ๋ออ๋องเอ่ยเสียงขุ่น ไม่สนใจว่าฮ่องเต้แคว้นเย่และเหล่าทูตยังอยู่ เดินจ้ำออกไปจากงานประลองศิลปะ หลงเหลือไว้เพียงแผ่นหลังอันเปล่าเปลี่ยวทุกคนมองเจ๋ออ๋องอย่างเห็นใจเจ๋ออ๋องชาติกำเนิดสูงส่ง มีทั้งฝีมือและความสามารถ หน้าตาหล่อเหลา คือองค์ชายขี่ม้าขาวของหญิงสาวแคว้นเย่ทว่างานประลองศิลปะครั้งนี่ นอกจากเจ๋ออ๋องจะพ่ายแพ้จนหมดตัวแล้ว ชื่อเสียงยังบ่นปี้อีกต่างหาก เรียกได้ว่าตกจกสวรรค์ตรงดิ่งสู่นรกมิปานฮ่องเต้แคว้นเย่หมดอารมณ์ จนถึงตอนนี้เขารู้ซึ้งแล้วว่าถ่มน้ำลายรดฟ้าเป็นอย่างไรเสี่ยวหลี่จื่อเอ่ยสุมไฟ "ฝ่าบาท ใครต่างก็รู้ดีว่า คุณหนูสามจวนอัครเสนาบดีไม่รู้หนังสือ แต่เหตุใดจู่ๆ ถึงได้เก่งกาจเพียงนี้? ข้าทาสว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล""เอ่อ... หมายความว่าอย่างไร?" ความหวังอันมืดมนฮ่องเต้แคว้นเย่พลันสว่างรำไรขึ้นมา"กล
"คุณหนูกู้กล้าลองหัวข้อดอกเหมยอีกสักสามบทไหม?""ฟังให้ดีมิต้องกลัว เหมยขาวบานบนยอดกิ่งหยง ขึ้นสะพานข้ามห้วยกลับบ้าน มิรู้ดอกไม้บานก่อนหน้า หรือว่าฝ่าลมหนาวรอดชีวิต""ดอกเหมยแลหิมะแข่งรับวสันต์ กวีลังเลจรดหมึก นึกตำหนิฝ่ายใด ดอกเหมยแพ้แก่หิมะขาว หยาดน้ำฟ้าพ่ายแก่สุคนธา""แว่วดอกเหมยบานรับลมวสันต์ ครั้นขุนเขารอบทิศนั้นยังโพลนขาว ต้องมีทรัพย์นับคณาเท่าใดหนอ จึงบันดาลให้เหมยบานตลอดไป"ทั้งงานเงียบสงัด ทุกคนอ้าปากค้างกู้ชูหน่วนกลายเป็นจุดสนใจของดวงตาทุกคู่ นางเองก็ยินดีให้ทุกคนได้มอง มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างห้ามไม่อยู่แต่งกลอนเธอแต่งไม่เป็นหรอก แต่อย่างน้อยก็ท่องกลอนได้ไหมล่ะ?อย่าว่าแต่สามบทเลย สามสิบบท เธอก็เชื่อว่าเอาอยู่แม้ฮ่องเต้น้อยอยากจะเก็บฮุบสมบัติล้ำค่านั้นไว้มากเพียงใด ก็คงไม่มีหวังแล้ว"กงกง ไม่รู้ว่ากลอนสามบทนี้ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง? พอใช้ได้หรือไม่?"แม้เสี่ยวหลี่จื่อจะอยากกลั่นแกล้งนางเพียงใด แต่ไม่พูดไม่ออกแล้วผู้ชมที่เพิ่งได้สติกลับมา พากันยกนิ้วให้ แต่ละคนเอ่ยชมไม่หยุดปาก"แม่เจ้า คุณหนูสามตระกูลกู้คือเซียนกวีกลับมาเกิด ไม่สิ นางเก่งยิ่งกว่าเซียนกวี คุณหน
“แก้วมังกร...” อี้เฉินเฟยหน้าเปลี่ยนสี อยากจะเข้าไปชิงมา ทว่าร่างกายกลับอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง ไม่เป็นไปตามที่เขาควบคุมเลยแม้แต่น้อย นายท่านหลันจะอยากชิงแก้วมังกร ทว่ามือขวาที่ยื่นออกไปกลับถูกเข็มขัดของกู้ชูหน่วนรัดเอาไว้โดยไม่ทันได้ตั้งตัว สายตาเยี่ยเฟิงเย็นเยียบ ต้องการสู้สุดแรงเกิด ยกมีดขึ้นมาแล้วสับแขนขวาของนายท่านหลันอย่างแรงจนขาดเป็นท่อน "อ้ากกก..." นายท่านหลันร้องโหยหวน แขนกระเด็นออกไปกลางอากาศพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาเป็นสายฝน เจ็บเหลือเกิน...... เจ็บจนนายท่านหลันสีหน้าเหยเก มือขวาของเขาถูกเยี่ยเฟิงตัดขาดทั้งเป็นเช่นนี้เสียได้ กู้ชูหน่วนไม่มีเวลาไปสนใจนายท่านหลัน วิ่งไปทางหน้าผาตามสัญชาตญาณ "อาหน่วน..." อี้เฉินเฟยโมโหสุดขีด ตกตะลึงจนใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เยี่ยเฟิงที่เดิมตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะสังหารนายท่านหลัน เห็นกู้ชูหน่วนที่รู้ทั้งรู้ว่าทะเลโลหิตอยู่ตรงหน้า กลับยังวิ่งไปโดยไม่สนใจอะไรอีก จึงจำต้องปล่อยนายท่านหลันไปก่อน แล้ววิ่งตามไปด้วย แก้วมังกรกลิ้งตกหน้าผา กู้ชูหน่วนวิ่งตามไปพลางใช้ผ้าผูกเอวของตัวเองห่อแก้วมังกรเอาไว้ "ฟึบ......" ผ
“ในเมื่อเจ้าอยากให้ข้าตายถึงเพียงนี้ เช่นนั้นพวกเราก็ตายไปด้วยกันเลยเถอะ” นายท่านหลันพูดพลางปล่อยมืออย่างกะทันหัน ปล่อยให้ดาบทิ่มแทงเข้าไปในร่างของเขา ทันทีที่พลิกมือขวาของตัวเองมีดสั้นพลันปรากฏขึ้นในมือ มุมปากของเขายกยิ้มเจ้าเล่ห์และชั่วร้าย ทันใดนั้นก็เสียบมีดเข้าไปบนหน้าอกของเยี่ยเฟิงที่กำลังเอนตัวเข้ามาใกล้เขา ขณะเดียวกัน กู้ชูหน่วนปลดผ้าพันเอวแล้วรวบรวมกำลังภายในไว้บนนั้น ทำให้ผ้าพันเอวราวกับลูกงูที่มีมันสมองพุ่งเข้าไปรัดเอวของเยี่ยเฟิงเอาไว้ ก่อนจะออกแรงดึงเยี่ยเฟิงเข้ามาอยู่ข้างกายตนเอง หลบจากคมมีดของนายท่านหลันได้อย่างหวุดหวิด นายท่านหลันโจมตีครั้งแรกไม่สำเร็จ จึงโจมตีอีกครั้ง เขารวบรวมกำลังเป็นลูกไฟ ลูกไฟแดงเพลิงล้วนแต่แฝงไว้ด้วยพลังเผาไหม้และทำลายล้าง หากสัมผัสโดนลูกไฟ ก็จะลุกไหม้กลายเป็นกองเพลิงและมอดดับไปในที่สุด หรือเน่าสลายกลายเป็นศพ เยี่ยเฟิงหยิบขลุ่ยหยกของอี้เฉินเฟยมาจากบนพื้น วางบนริมฝีปากของตนแล้วเริ่มบรรเลงช้าๆ วิทยายุทธของเขาธรรมดา แต่การโจมตีด้วยเสียงกลับรุนแรงยิ่ง เสียงขลุ่ยกลายเป็นเกราะคุ้มกัน ทำให้ลูกไฟเหล่านั้นถูกกันอยู่ด้านนอก ไม่ว่าอย่าง
“เจ้าจงไปตายเสียเถิด” ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของเยี่ยเฟิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาดึงดาบออกมาอย่างแรง เลือดสีแดงสดของนายท่านหลันพุ่งทะลักไปทั่ว สาดกระเซ็นมาบนใบหน้าขาวซีดของเยี่ยเฟิง ทำให้สายตาของเขาเลือนลาง ทว่าวินานี้ เยี่ยเฟิงกลับเห็นชัดแจ้งกว่าผู้ใด ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นคู่นั้นสะท้อนสีหน้าตกตะลึงของนายท่านหลัน “เจ้ากล้าฆ่าข้าเลยรึ...เจ้าคือผู้ที่ฆ่าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต เหตุใดถึงกล้าฆ่าข้าได้ เฮือก...” สิ่งที่ตอบแทนนายท่านหลันกลับมาคือการแทงด้วยกระบี่เข้าไปอีกครั้งอย่างไร้เยื่อใยจากเยี่ยเฟิง นายท่านหลันถูกแทงติดกันสองครั้ง ร่างกายเจ็บปวดราวกับใจจะขาด แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย เพียงแค่จ้องมองเยี่ยเฟิงด้วยความโกรธแค้น จากความรู้สึกเหลือเชื่อในตอนแรก กลายเป็นปวดร้าว ไปจนถึงโกรธเกลียด เยี่ยเฟิงแสยะหัวเราะเบาๆ “ข้าคือผู้ที่เจ้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต ? เลี้ยงดูงั้นรึ เหอะ...เลี้ยงดูที่เจ้าหมายถึงคือทรมานข้าทุกวันทุกเวลา หน้าหนาวปล่อยให้ข้านอนเปลือยกาย หิวโหยอยู่บนพื้นหิมะ หน้าร้อนแขวนข้าไว้ใต้แสงอาทิตย์ไม่ให้กินดื่มเป็นเวลาหลายวัน ทั้งยังลงโทษอย่างหน
นายท่านหลันที่เดิมก็กระสับกระส่ายจนทำอะไรไม่ถูก เพราะการเข้ามามีส่วนร่วมของกู้ชูหน่วน ทำให้มีบาดแผลเพิ่มขึ้นอีกหลายแผล "ฟึบ..." อาวุธลับของกู้ชูหน่วนเชื่องช้า ทว่าพุ่งออกมากลางอากาศแล้วความเร็วกับเพิ่มกะทันหัน พริบตาเดียวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว อาวุธพุ่งเข้าที่หน้าอกของนายท่านหลัน ฝังลึกในร่างกาย เขาอยากจะตอบโต้ ทว่ากลับถูกต้อนจนจนมุม ไม่มีช่องว่างให้โจมตีกลับได้เลยแม้แต่น้อย ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย นายท่านหลันรู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม หวังแค่ว่านายท่านหมู่ตานและคนอื่นๆ จะรีบมาถึงโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาคงต้องจบลงตรงนี้แล้ว กู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยยิ่งร้อนรน ลำพังเพียงแค่เขาคนใดคนหนึ่งต่างก็ไม่อาจสังหารนายท่านหลันได้ ยามนี้วิทยายุทธของกู้ชูหน่วนแข็งแกร่งไม่พอ อี้เฉินเฟยทั้งเจ็บสาหัสและป่วยหนัก เว้นเสียแต่พวกเขาร่วมมือกัน แต่บาดแผลของอี้เฉินเฟยรุนแรงเกินไป อาจต้านทานไม่ไหวได้ทุกเมื่อ หากเขาทนไม่ไหว เช่นนั้นสถานการณ์การต่อสู้ครั้งนี้จะพลิกผันทันที เสียงขลุ่ยเปลี่ยนไป ราวกับกลองรบคำราม กึกก้องหนักแน่น ดาบที่พุ่งใส่นายท่านหล
ใบหูของกู้ชูหน่วนพลันกระดิก นางรับรู้ได้ถึงไอสังหารของนายท่านหลันแล้ว เพียงแต่ความเร็วของนางยังไม่เปลี่ยน ยังคงรวบรวมกำลังภายในทั้งหมดกระแทกใส่นายท่านเถาฮวา สองนายท่านแห่งกองธงร่วมมือกันโจมตี นางถูกหนีบอยู่ตรงกลาง ไม่มีหนทางจะชนะได้เลย หากเป็นเช่นนี้ ไม่สู้จัดการไปทีละคน สังหารนายท่านเถาฮวาก่อน ค่อยหันไปจัดการนายท่านหลัน ขณะเดียวกัน นางเองก็เชื่อ เชื่อว่าอี้เฉินเฟยไม่มีทางปล่อยให้นางตายอย่างทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของนายท่านหลัน "เฮือก..." นายท่านเถาฮวาไม่มีที่ให้หลบได้อีก ถูกพลังจากฝ่ามือของกู้ชูหน่วนโจมตี ร่างกายราวกับว่าวที่สายขาด กระเด็ดกลับไป สุดท้ายชนเข้ากับหินก้อนโตอย่างแรง เลือดอาบหินก้อนนั้นจนชุ่ม ความเร็วของกู้ชูหน่วนยังไม่เปลี่ยน ถีบลูกเตะออกไปทำให้นายท่านเถาฮวาพลัดตกหน้าผาร่วงไปยังทะเลโลหิตด้านล่าง ความแข็งแกร่งของนางอยู่เพียงแค่ขั้นหนึ่งชั้นกลาง แต่พละกำลังที่นางระเบิดออกมากลับแกร่งกว่าขั้นสอง นายท่านเถาฮวาผู้น่าสงสารจึงต้องตายไปเพราะกู้ชูหน่วนที่วิทยายุทธด้อยกว่าเขามาก ขณะเดียวกัน กระบวนท่าไม้ตายของนายท่านหลันก็พุ่งเข้ามาถึง อี้เฉินเฟยยกมือขวาขึ้นมา
"ในเมื่อเจ้าพูดยากขนาดนี้ เช่นนั้นก็คงต้องทำลายแก้วมังกรทิ้งเสีย ถึงอย่างไรหากต้องตาย มีแก้วมังกรฝังไปด้วยกันก็ไม่เลว" กู้ชูหน่วนพูดพลางเล็งอาวุธลับไปที่ดอกกุหลาบอีกครั้ง นายท่านหลันหน้าถอดสีอย่างรุนแรง นางผู้นี้ไม่เคยทำอย่างที่คนปกติเขาทำกันเลย หากนางยิงแก้วมังกรบนดอกกุหลาบร่วงลงทะเลโลหิตจริง เช่นนั้นก็จะกลายเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนกลับคืนมาได้อีก แม้อี้เฉินเฟยจะรู้ว่ากู้ชูหน่วนไม่มีทางทำให้แก้วมังกรร่วงหล่นทะเลโลหิตไปจริงๆ แต่เห็นแล้วก็ยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่ดี "ผลไม้สีแดงเพลิงของที่นี่มีฤทธิ์ในการรักษาอาการบาดเจ็บ เพียงแค่กินเข้าไปไม่กี่ลูก ก็จะสามารถฟื้นฟูได้ ซึ่งก็คือผลไม้ในมือเจ้าเมื่อครู่นั่นแหละ" "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าผลไม้นี่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้" "กู้ชูหน่วน ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าถามให้มากนัก" เขาจะบอกกู้ชูหน่วนได้อย่างไรว่า เขาไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เพราะความหิว จึงเด็ดผลไม้มากิน คิดไม่ถึงว่าวิทยายุทธจะได้รับการฟื้นฟูกลับมาแบบงงๆ กู้ชูหน่วนคลี่ยิ้มมีเลศนัยให้เขา เช็ดผลไม้ในมือ ก่อนจะยื่นให้อี้เฉินเฟยพลางจ้องมองนายท่านหลันด้วยท่าทีระวังตั
ไม่ไกลออกไป มีเสียงอาวุธกระทบดังขึ้นมาไม่หยุด หลังจากนั้นก็มีเสียงหินแตกกระจายและระเบิดในที่สุด กู้ชูหน่วนถือผลไม้สีแดงเพลิงที่เพิ่งเด็ดออกมาจากต้นเอาไว้ในมือ พลางฟังเสียงความเคลื่อนไหวอย่างละเอียด "มีเสียงกางและหุบพัด ทั้งยังมีเสียงอาวุธลับกลีบดอกไม้อีกบางส่วน น่าหลันหลิงรั่วกำลังต่อสู้กับนายท่านหมู่ตานเผ่าหมอ น่าแปลก คนเผ่าหมอบาดเจ็บหนักไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงได้มีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ น่าหลันหลิงรั่วอาจจะสู้พวกเขาไม่ได้" กู้ชูหน่วนพึมพำคนเดียว นางอยากไปดูด้วยตัวเอง ทว่าอี้เฉินเฟยยังอาการสาหัสขนาดนั้น หากฝืนประครองเขาไป มีแต่จะทำให้อาการเขาแย่กว่าเดิม แต่น่าหลันหลิงรั่วหากไม่ใช่เพราะช่วยนาง ก็คงไม่ต้องตกลงมายังที่แห่งนี้ แม้อี้เฉินเฟยจะบาดเจ็บสาหัสทั้งยังป่วยหนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะฟังอะไรไม่ออกเลย สามารถใช้พลังกระแทกหินก้อนโตให้แตกได้เป็นก้อนๆ ต่อให้พละกำลังยังไม่ฟื้นฟูกลับมาทั้งหมด แต่เกรงว่าจะกลับมาถึงเจ็ดแปดส่วนแล้ว นายท่านหมู่ตานและนายท่านเถาฮวาล้อมโจมตีน่าหลันหลิงรั่ว กลัวแต่ว่าน่าหลันหลิงรั่วจะสู้พวกเขาไม่ไหว อี้เฉินเฟยเอ่ยอย่างเบาแรง "คนที่เจ้
กู้ชูหน่วนฟังด้วยความมึนงง ในเมื่อเกิดมาสูงศักดิ์ เหตุใดถึงได้ถูกปฏิบัติด้วยเช่นนั้น "เป็นหน้าที่แบบใดกันแน่" "หน้าที่ที่หนักมาก หนักอึ้งเสียจนหายใจไม่ออก" "เช่นนั้นตอนนี้นางอยู่ที่ใด" "ข้าก็ไม่รู้ว่านางไปอยู่ที่ใดแล้ว แต่ข้าเชื่อ ว่าอีกไม่นานนางจะกลับมา แค่กแค่ก..." ไม่รู้เพราะพูดมากเกินไปหรือไม่ อี้เฉินเฟยไอออกมาเป็นเลือดอีกครั้ง พลังชีวิตในร่างหายไปอย่างรวดเร็ว กู้ชูหน่วนเริ่มร้อนใจ คำถามมากมายที่กระจุกอยู่ภายในใจไม่อาจถามได้อีกต่อไป ทำได้เพียงแค่เอ่ยออกไป "ท่านอย่าเพิ่งพูดเลย พักผ่อนเถอะ" "อาหน่วน...หากวันใดที่ข้าไม่อยู่แล้ว เจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างดี" "ท่านพูดเหลวไหลอะไร ท่านดูสิ ข้าพบแก้วมังกรเขียวแล้ว พวกท่านหาพบสี่ลูกแล้วไม่ใช่หรือ บวกกับลูกนี้ก็เป็นห้า ขอแค่หาเพิ่มอีกสองลูก อาการป่วยของท่านก็จะรักษาหายแล้ว" กู้ชูหน่วนหยิบแก้วมังกรขนาดเท่าไข่นกพิราบออกมา ดวงตาใสเป็นประกายฉายแววยิ้ม ดวงตาของอี้เฉินเฟยกำลังยิ้ม ทว่าในใจกลับขมขื่น แก้วมังกรลูกเดียว ต้องใช้ความพยายามของคนตั้งกี่รุ่น ถึงจะเจอเบาะแส หาง่ายเช่นนั้นเสียเมื่อไหร่ แก้วมังกรลู
ก้นหลุมดำ ลมพัดจนพวกเขาวิงเวียนศีรษะ กลิ้งตุปัดตุเป๋ สุดท้ายก็ถูกทุ่มลงไปบนพื้นอย่างแรง กู้ชูหน่วนเกือบจะเป็นลมสลบไป โชคดีที่พื้นอ่อนนุ่ม ไม่เช่นนั้นนางคงต้องตายไปแล้ว ทันใดนั้น นางรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ทันทีที่ลืมตาขึ้นมากลับพบว่าไม่ได้อยู่บนพื้นที่อ่อนนุ่ม แต่ล้มลงบนร่างของชายหนุ่มผมขาวชุดขาวคนหนึ่ง กู้ชูหน่วนรู้สึกบีบคั้นหัวใจ รีบประครองเขาขึ้นมา "พี่ใหญ่อี้เฟย ท่านตื่นขึ้นมาสิ..." กู้ชูหน่วนเอื้อมมือออกไป กลับสัมผัสโดนของเหนียวข้นบางอย่าง เมื่อจ้องมองดูดีๆ จะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจากเลือด มุมปากของอี้เฉินเฟยมีเลือดซึม บนร่างโดนหินมีคมบาดจนเป็นแผลทั้งตัว ชุดสีขาวดุจหิมะถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด พื้นที่มืดดำ ใบหน้าของเขาซีดขาว ไร้ซึ่งเลือดฝาด เพียงแต่บนใบหน้าที่อ่อนโยนยังคงคลี่ยิ้มปลอบโยน เอ่ยอย่างอ่อนแรง "เจ้าไม่เป็นไรก็พอ" กู้ชูหน่วนขอบตาแดงก่ำในชั่วพริบตา "ท่านมันโง่เสียจริง เหตุใดถึงดีกับข้าขนาดนี้ ข้ามีอะไรควรค่าให้ท่านช่วยเหลือด้วยชีวิตเช่นนี้" "เพราะ...เจ้าคือน้องสาวของข้า..." "ท่านเจ็บหนักมาก อย่าเพิ่งพูดเลย ข้าจะช่วยท่านรักษาอาการบาดเจ็บ" "ไม่...ไม่