“ข้าทราบแล้ว ขอเพียงคุณหนูฟางหนิงหลินต้องการ ข้าน้อยย่อมไม่มีทางปฏิเสธ” ชายวัยกลางคนเอ่ยเสียงดังขึ้น
เหยาหวังเหว่ยและฟางหนิงหลินหันไปตามเสียงที่ได้ยิน ทั้งสองเห็นบุรุษรูปร่างอ้วนท้วมเดินฝ่าฝูงคนเข้ามา ใบหน้าของเขาเรียบเฉยแต่ทว่ายังมีเม็ดเหงื่อผุดอยู่บนใบหน้าให้เห็น ทำให้ชินอ๋องและคุณหนูสกุลฟางรู้ได้ทันทีว่าเขาคงรีบร้อนเดินทางมาอย่างเร่งรีบด้วยความเป็นห่วงบุตรสาว แต่เมื่อมาถึงเห็นว่าบุตรสาวตนนั้นพ้นเคราะห์แล้ว จึงแสดงสีหน้านิ่งสงบลงได้
เขาผู้นี้ก็คือจางจื่อมู่บิดาของจางซวงซวง เมื่อเขาฝ่าฝูงคนเข้ามาได้ ก็มายืนด้านหน้าพร้อมโค้งคำนับเหยาหวังเหว่ยอย่างนอบน้อม ก่อนที่จะหันมาโค้งตัวให้ฟางหนิงหลิน
“ข้าเลี้ยงบุตรสาวไม่ดี ว่าร้ายคุณหนูครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าต้องขอโทษแทนนางด้วย และขอขอบคุณคุณหนูที่ใจกว้างไม่ถือสา อีกทั้งยังเอ่ยขอความเมตตาแทนซวงซวง บุญคุณครั้งนี้ข้าคนสกุลจางจะจำไม่ลืม”
เขารู้ดีว่าหากฟางหนิงหลินไม่เอ่ยห้าม ชินอ๋องคงไม่หยุดชำระแค้นครั้งนี้ง่าย ๆ เป็นแน่ เพราะครั้งนี้ไม่เพียงแค่ชำระแค้นเท่านั้น แต่บุรุษสายเลือดมังกรคนนี้อยากเชือดบุตรสาวของเขาให้คนอื่นได้
เช้าวันนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงไม่มีผู้ใดไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงน้ำชาไป่เหอ ไม่ว่าจะเป็นข่าวมงคลของชินอ๋องเหยาหวังเหว่ยกับคุณหนูสกุลฟาง หรือเรื่องราวความจริงของฟางหนิงหลินที่ทุกคนล้วนเข้าใจผิดมาตลอด แม้กระทั่งเรื่องความดีงามของคนตระกูลฟางและตระกูลตู้ก็กลายเป็นเรื่องที่ชาวบ้านพากันพูดถึงจนหนาหูแต่เรื่องของคุณหนูสกุลจางกลับไม่ได้เอ่ยเสียหายมากนักอย่างที่ฟางหนิงหลินคิดไว้ แต่นั่นก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะอย่างไรเสียนางก็ยังอยากให้ตระกูลจางช่วยนางเรื่องค้าขาย หากคุณหนูสกุลจางถูกด่าว่าเพราะนางมากนัก นางอาจไม่กล้าสู้หน้าและขอความช่วยเหลือจากจางซวงซวงก็เป็นได้หากจะมีคนพูดถึงจางซวงซวง พวกเขาก็ล้วนแต่พูดเพื่อเตือนคนที่สนทนาด้วยว่าให้ดูเป็นเยี่ยงอย่างเท่านั้น เพราะทุกคนก็เคยว่ากล่าวนินทาฟางหนิงหลินด้วยกันทั้งนั้น พวกเขาเลยไม่กล้าเอ่ยตอกย้ำซ้ำเติมสตรีสกุลจางมากนัก เพียงแค่กล่าวว่าเป็นวันซวยของพวกนางก็เท่านั้นเรื่องการอภิเษกของชินอ๋องถึงจะเป็นเรื่องมงคล แต่ก็มีสตรีมากมายที่เสียใจกับข่าวนี้ เพราะคำขอของฮองเฮาพระองค์ก่อนสร้างความหวังให้สตรีทั่วแคว้นมีความหวังที่จะไ
“ข้าทราบแล้ว ขอเพียงคุณหนูฟางหนิงหลินต้องการ ข้าน้อยย่อมไม่มีทางปฏิเสธ” ชายวัยกลางคนเอ่ยเสียงดังขึ้นเหยาหวังเหว่ยและฟางหนิงหลินหันไปตามเสียงที่ได้ยิน ทั้งสองเห็นบุรุษรูปร่างอ้วนท้วมเดินฝ่าฝูงคนเข้ามา ใบหน้าของเขาเรียบเฉยแต่ทว่ายังมีเม็ดเหงื่อผุดอยู่บนใบหน้าให้เห็น ทำให้ชินอ๋องและคุณหนูสกุลฟางรู้ได้ทันทีว่าเขาคงรีบร้อนเดินทางมาอย่างเร่งรีบด้วยความเป็นห่วงบุตรสาว แต่เมื่อมาถึงเห็นว่าบุตรสาวตนนั้นพ้นเคราะห์แล้ว จึงแสดงสีหน้านิ่งสงบลงได้เขาผู้นี้ก็คือจางจื่อมู่บิดาของจางซวงซวง เมื่อเขาฝ่าฝูงคนเข้ามาได้ ก็มายืนด้านหน้าพร้อมโค้งคำนับเหยาหวังเหว่ยอย่างนอบน้อม ก่อนที่จะหันมาโค้งตัวให้ฟางหนิงหลิน“ข้าเลี้ยงบุตรสาวไม่ดี ว่าร้ายคุณหนูครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าต้องขอโทษแทนนางด้วย และขอขอบคุณคุณหนูที่ใจกว้างไม่ถือสา อีกทั้งยังเอ่ยขอความเมตตาแทนซวงซวง บุญคุณครั้งนี้ข้าคนสกุลจางจะจำไม่ลืม”เขารู้ดีว่าหากฟางหนิงหลินไม่เอ่ยห้าม ชินอ๋องคงไม่หยุดชำระแค้นครั้งนี้ง่าย ๆ เป็นแน่ เพราะครั้งนี้ไม่เพียงแค่ชำระแค้นเท่านั้น แต่บุรุษสายเลือดมังกรคนนี้อยากเชือดบุตรสาวของเขาให้คนอื่นได้
‘หากนางมีถุงหอมที่เจียวซินทำ เช่นนั้นนางย่อมต้องเป็นสหายที่เจียวซินสนิท หรือข่าวลือเรื่องที่ข้ามีใจให้ชินอ๋องจะเป็นเพราะเจียวซินเอามาปล่อย’ ฟางหนิงหลินนั่งคิดทบทวนอยู่ในใจ เพราะเริ่มแรกนางนั้นไม่ได้แสดงออกชัดเจนว่ามีใจให้องค์ชายรอง เพียงแต่นางมักเขินอายยามที่เหยาหวังเหว่ยเดินผ่านหรือตอนที่ได้พบเจอกัน จนในที่สุดองค์หญิงเหยาลี่เซียนและเจียงเจียวซินก็จับพิรุธนางได้หลังจากนั้นไม่นานนักก็มีข่าวลือว่านางหลงใหลองค์ชายรองไปทั่วทั้งเมือง ทางตระกูลฟางและตระกูลตู้ก็ส่งสตรีในจวนมาสอบถามนาง แต่นางไม่คิดปิดบังผู้อาวุโสจึงตอบไปตามความจริง ทั้งสองตระกูลจึงไม่ได้สอบสวนหาคนปล่อยข่าว ทีแรกนางคิดว่าเป็นเพราะนางเก็บอาการไว้ไม่ดี นางกำนัลขันทีได้เห็นจึงเล่าลือต่อ ๆกันจนข่าวนี้เล็ดลอดออกมานอกวังนานวันเข้าเมื่อมีคนรู้กันทั่วแล้ว นางจึงไม่คิดปิดบังและเริ่มที่จะมอบของให้ชินอ๋องด้วยตนเอง แต่ที่นางกล้าทำเช่นนี้ก็เพราะมีเจียงเจียวซินคอยยุยงส่งเสริม ตอนนั้นนางคิดว่าเจียงเจียวซินหวังดีอยากให้นางสมหวัง และอีกอย่างเรื่องที่นางมีใจให้องค์ชายรองก็มีข่าวแพร่ไปทั่วแล้ว ในเมื่อนางมีของที่อยากให้ไยจึงต้อง
เมื่อเหยาหวังเหว่ยเห็นสตรีทั้งสอง ก็ย้อนนึกถึงเรื่องในอดีต ลี่อินใจเย็นอ่อนโยน มักตามใจฟางหนิงหลิน ส่วนลี่จินใจร้อนวู่วามไม่ยอมคนพูดจาโผงผางตรงไปตรงมาเปิดเผย และที่สำคัญลี่จินมักมีปากเสียงกับเหยาซิงอีน้องชายของเขาทุกคราที่ได้เจอหน้ากัน เพราะน้องชายของเขามักพูดจาต่อว่าฟางหนิงหลินอยู่เป็นประจำ จึงไม่แปลกที่ลี่จินจะออกปากปกป้องคุณหนูของนางเหยาหวังเหว่ยรู้ดีว่าลี่อินและลี่จินเป็นคนที่ฟางหนิงหลินสนิทสนมราวกับพี่น้อง ‘เช่นนั้นครั้งนี้มิสู่ข้าทำให้เจ้าสมปรารถนา วันหน้าเจ้าจะได้เอ่ยสนับสนุนข้าต่อหน้านาง” เขายิ้มแฝงความเจ้าเล่ห์ขณะคิดแผนร้าย เหยาหวังเหว่ยหันไปส่งสายตาให้องครักษ์คนสนิท ก่อนที่จะเอ่ย“ครั้นข้าจะสั่งโบยคุณหนูเช่นพวกเจ้า ก็ดูเหมือนพวกเจ้าจะรับไม่ไหว ในเมื่อปากของพวกเจ้าสร้างปัญหา เช่นนั้นมิสู้ถูกตบสักหน่อยจะได้ไม่กล้าปากมากอีก” เขาเอ่ยเสียงราบเรียบ แต่แววตากับสีหน้านั้นราวกับปรารถนาอยากเห็นเลือดคุณหนูทั้งสามราวร่างกายหมดแรง จากที่คุกเข่าอยู่กลายเป็นนั่งราบไปกับพื้น ใบหน้าจากที่มีเพียงเม็ดเหงื่อบัดนี้กลายเป็นมีสายน้ำสองสายไหลอาบแก้ม
“ขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างมาก เพียงแต่ข้ายังมีเรื่องที่ต้องพูดให้ชัดเจน เพราะหนิงหลินเป็นคนใจกว้างมักไม่ถือสาคำนินทาที่ผู้คนใส่ความนางมาโดยตลอด แต่ต่อไปนางคือชายาของข้า เรื่องในอดีตข้าอาจไม่สนใจได้ ทว่านับตั้งแต่วันนี้ไม่เหมือนกัน ใครกล้าว่านางเท่ากับมันผู้นั้นว่าข้า หากเป็นเช่นนั้นจะเกิดอันใดขึ้นกับคนผู้นั้น คงไม่จำเป็นให้ข้าต้องเอ่ยถึงพวกท่านก็น่าจะพอนึกภาพออกใช่หรือไม่” เสียงของเขาหนักแน่นและเฉียบขาดคนในร้านพากันเงียบกริบได้เพียงแต่กลืนน้ำลายลงคอใบหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินคำขู่ เพราะทุกคนล้วนเคยกล่าวถึงคุณหนูสกุลฟางในทางที่ไม่ดีมาก่อน“หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวก่อน” จางซวงซวงรีบขอตัวกลับเมื่อได้ยินว่าชินอ๋องจะไม่เอาความกับเรื่องเก่าก่อน เพราะนางกลัวว่าหากอยู่ต่อเหยาหวังเหว่ยจะกลับใจเอาความกับนาง“เดี๋ยวก่อน จริงอยู่ที่ข้าให้โอกาสผู้ที่เคยว่าร้ายว่าที่ชายาของข้า แต่การกระทำของเจ้าในวันนี้ข้าไม่อาจให้อภัยได้ ผู้อื่นนินทาลับหลังยังพอทน แต่ใครกันให้ความกล้าเจ้าต่อว่านางเช่นนี้ สตรีไร้ยางอายอย่างนั้นหรือ หากเป็นเพราะเรื่อ
ทุกคนในโรงน้ำชามัวแต่สนใจคำพูดของคุณหนูสกุลจางจนไม่สังเกตเห็นแขกอีกคนที่มาเยือนโรงน้ำชาไป่เหอแห่งนี้ เขายืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับองครักษ์คนสนิท บุรุษตัวสูงท่าทางสง่ามาทันได้ยินคำกล่าวของจางซวงซวงทุกประโยค ดวงตาของเขาฉายแววอาฆาต ใบหน้าบ่งบอกถึงความกระหายอยากฆ่า แม้แต่องครักษ์ข้างกายที่ติดตามมาด้วยได้เห็นใบหน้าของผู้เป็นนายก็ยังรู้สึกกลัวจนขนหลังลุกชันเหยาหวังเหว่ยก้าวเท้าเข้าไปหมายจะจัดการสตรีปากมากที่กล้าเอ่ยวาจาว่าร้ายชายาของเขา แต่ไม่ทันที่จะได้ก้าวเท้าอีกข้างเสียงฝ่ามือกระทบกับแก้มนิ่มก็ดังขึ้น เขาถึงกับชะงักไม่ก้าวเท้าต่อ ไม่เพียงแต่เหยาหวังเหว่ยและซูโม่อี้ที่ตกตะลึง แต่คนในโรงน้ำชาทุกคนก็ล้วนงงงันจนพูดไม่ออก พวกเขาล้วนแต่อ้าปากพะงาบ ๆ พร้อมเอามือทาบอกจางซวงซวงใบหน้าชาวาบ นางเงยหน้าขึ้นมองสตรีตรงหน้าด้วยสายตาเปี่ยมไอสังหาร ในใจของนางทั้งโกรธแค้นทั้งอับอาย“โกรธข้าสินะ แล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้” พูดจบฟางหนิงหลินก็ง้างฝ่ามือตบเข้าไปอีกฉาก โดยที่จางซวงซวงไม่ทันตั้งตัวเพราะนางไม่คิดว่าจะโดนตบซ้ำอีกคราใบหน้าของคุณหนูสกุลจางหันไปตามแรงมือ แต่คราน