เหยาหวังเหว่ยยกยิ้มอย่างพอใจ เพราะชาติก่อนองค์ชายต่างแคว้นมิได้เจอกับเหยาลี่เซียนจึงร่วมมือกับหลัวฮองเฮาสังหารเขาและยึดเมือง แต่เพราะชาตินี้ทั้งคู่ได้เจอกันทำให้หม่าเปี๋ยเทียนนั้นเปลี่ยนใจ
เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็วางใจให้น้องสาวแต่งไปยังต่างแดนได้อย่างสบายใจ และเขาเชื่อว่าพี่ชายและน้องชายของเขาก็คงวางใจได้เช่นกัน เมื่อได้ยินคำตอบนี้ของหม่าเปี๋ยเทียน
องค์หญิงเหยาลี่เซียนผลิยิ้มเจิดจ้าขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดของหม่าเปี๋ยเทียน ในใจของนางรู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่ที่เขามีให้กับนาง เพราะเขาถึงขั้นปฏิเสธเสด็จแม่ของนางอย่างไม่ลังเล
เมื่อเหยาหวังเหว่ยเห็นน้องสาวของตนนั้นยิ้มดีใจ เขาเองก็รู้สึกยินดีกับน้องสาวที่เลือกบุรุษได้ดี ส่วนตัวเขานั้นก็คิดว่าหม่าเปี๋ยเทียนเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะเป็นน้องเขยของเขา เพราะเขาเชื่อว่าบุรุษผู้นี้สามารถปกป้องน้องสาวของเขาจากหลัวฮองเฮาและคนตระกูลหลัวได้
“เช่นนั้นอยากให้ข้าช่วยพาพวกเจ้าออกจากเมืองหลวงหรือไม่” เหยาหวังเหว่ยเอ่ยถาม เพราะในเมื่อบุรุษต่างแคว้นไม่ร่วมมือกับหลัวฮองเฮาแล้ว หลัวฮองเฮาก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องช่วยเหลือพวกเขา
เขานั่งลงที่ขอบเตียงมองสตรีตัวนอนหลับตา แต่เพียงแค่ครู่เดียวมือหนาของบุรุษตัวโตก็เผลอเอื้อมไปลูบแก้มใสของสตรีที่นอนอยู่เสียแล้วบุรุษตัวโตลูบแก้มเนียนอยู่ครู่เดียว สตรีเจ้าของแก้มนิ่มก็สะดุ้งตื่นอย่างฉับพลัน คนตัวเล็กดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นบุรุษชุดดำนั่งอยู่ขอบเตียงนอนของตนบุรุษชุดดำยกมือที่ลูบแก้มเนียนปิดปากของนางในทันที เพียงเพื่อไม่ให้นางส่งเสียงเอะอะโวยวายออกไปทำให้คนทั้งจวนต้องแตกตื่น พร้อมกับยกมืออีกข้างดึงผ้าที่ปิดหน้าของเขาออก เพื่อแสดงตัวตนให้สตรีเจ้าของเรือนได้รู้และเลิกตื่นกลัวจนตัวสั่นเช่นตอนนี้เพียงดวงตาคู่สวยมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษตรงหน้าอย่างชัดเจนก็มิได้ขัดขืน นางเพียงระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ หลังจากตื่นตระหนกบุรุษชุดดำเอามือออกจากปากของนาง พร้อมล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อหยิบเอายาทาแผลของท่านตาออกมาให้สตรีเจ้าของเรือน“รับไว้สิ” ‘นี้คือของแทนคำขอโทษของข้า’ ประโยคหลังเขาไม่กล้าเอ่ยออกมาได้แต่คิดอยู่ในใจ“ข้าน้อยดีขึ้นมากแล้ว ของมีค่าเช่นนี้ท่านหัวหน้าองครักษ์เก็บเอาไว้ใช้เองเถอะเจ้าค่ะ” เ
“คนอื่นอาจคิดว่าข้าทำตัวไม่เหมาะสมจึงถูกท่านพ่อไล่ให้ไปอยู่บ้านเก่า แต่ฮองเฮาและคนตระกูลหลัวไม่มีทางคิดเช่นนั้น เพราะนางกำนัลที่มาในวันนี้จะต้องกลับไปกราบทูลฮองเฮาเรื่องที่นางนั้นได้พบกับท่านพ่ออย่างแน่นอน เช่นนั้นแล้วฮองเฮาและคนตระกูลหลัวจะคิดว่าท่านนั้นไม่พอใจที่ลูกและท่านแม่ทำงานให้ฮองเฮาจึงได้ไล่พวกเราทั้งสองไป และนี่ก็จะเป็นการยืนยันว่าท่านพ่อเลือกที่จะอยู่ฝ่ายชินอ๋องโดยไม่สนใจลูกกับท่านแม่ ลูกและท่านแม่ก็จะเป็นหมากที่ไร้ประโยชน์ที่ฮองเฮาไม่คิดจะใช้ประโยชน์อีก” เจียงเจียวซินเอ่ยเสียงหนักแน่น สีหน้าจริงจัง“เช่นนั้นฮองเฮาและคนตระกูลหลัวจะปล่อยให้เจ้าสองแม่ลูกมีชีวิตอย่างนั้นหรือ” สีหน้าของเจียงจี้ต๋าเคร่งเครียดขึ้นมาทันใดถึงเจียงจี้ต๋านั้นจะไม่ได้สนิทกับเหล่าเชื้อพระวงศ์ แต่เขาก็รู้ดีว่าคนสูงศักดิ์เหล่านี้นั้นมิเก็บหมากที่ไร้ประโยชน์ไว้อย่างแน่นอน ยิ่งโดยเฉพาะหมากที่ล่วงรู้ความลับที่สามารถย้อนกลับมาทำลายพวกเขาได้ในภายหลัง“ท่านพ่ออย่าห่วงเลย ลูกนั้นได้เจรจากับคุณชายต่างแคว้นเอาไว้แล้ว เดิมทีลูกแค่จะขอให้เขาพาไปยังแคว้นต้าหม่าแล
เจียงเจียวซินถึงจะใกล้ชิดกับมารดามากกว่า แต่นางนั้นรู้จักประจบเอาใจคนจึงอ่านสีหน้าและแววตาคนได้ดีต่อให้ไม่ได้สนิทกันมากนักก็ตาม นางจึงรู้ว่าบิดาของนางนั้นมิได้พูดเพราะโกรธแค้นหรือจะถามหาเอาโทษจากนาง“พูดเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ หากไม่เห็นท่านเป็นบิดาแล้วลูกจะเห็นใครเป็นบิดาได้ ท่านพ่อของข้าใจดีมากถึงเพียงนี้ ไม่ว่าใครก็มาเทียบท่านไม่ได้” คุณหนูตระกูลเจียงเอ่ยเสียงออดอ้อน พร้อมเข้าไปสวมกอดบิดาเจียงจี้ต๋ายกมือขึ้นลูบหลังของบุตรสาว น้ำตาของบุรุษชาติทหารหยดลงบนศีรษะของบุตรสาวหนึ่งหยด เมื่อเขาเห็นว่าบุตรสาวของเขานั้นพยายามตีหน้าแสดงความเข้มแข็งใส่เขาทั้งที่ถูกหลัวฮองเฮาทำร้ายมา“ดีอันใดกัน แม้แต่บุตรสาวคนเดียวข้ายังมิอาจปกป้องได้” น้ำเสียงของเขาสั่นเครือ ถึงแม้จะพยายามข่มเอาไว้แล้วก็ตามเพียงแค่ได้ยินเสียงสั่นไหวของบิดา บุตรสาวตัวน้อยก็มิอาจข่มอารมณ์อ่อนไหวที่พยายามเก็บซ่อนเอาไว้ได้ นางรู้ดีว่าบิดาของนางนั้นเจ็บปวดใจมากเพียงใดที่ไม่อาจทำอันใดเพื่อปกป้องนางได้“ท่านพ่ออย่าได้โทษตัวเองเลย ไม่ใช่แค่ท่านที่อยากทำหน้าที่บิดาที่
ในขณะที่เสิ่นหลิวหยางเห็นองค์หญิงเหยาลี่เซียนกำลังจะกลับ เขาก็ลุกขึ้นเพื่อจะคุ้มครองนางไปส่งที่หน้าวัง แต่เมื่อเห็นหม่าเปี๋ยเทียนเดินเข้าไปหาองค์หญิงเหยาลี่เซียน เสิ่นหลิวหยางก็หยุดก้าวเท้าเดินในทันที เพราะดูจากสถานการณ์แล้วเขารู้ว่าองค์หญิงเหยาลี่เซียนนั้นได้ตอบตกลงไปแล้วอย่างแน่นอนที่จะแต่งกับองค์ชายต่างแคว้นผู้นี้เขาจึงไม่คิดจะเข้าไปขวาง เพราะอย่างไรเสียเขาก็รู้ว่าหม่าเปี๋ยเทียนมิอาจไปส่งองค์หญิงเหยาลี่เซียนที่หน้าประตูวังได้ เขาจึงรอให้ทั้งคู่สนทนากันให้จบก่อนที่จะเดินเข้าไปเหยาหวังเหว่ยหยัดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง เขาตั้งใจจะไปส่งฟางหนิงหลินจนถึงจวน แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวเท้าเดินออกไป สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นสวีจื้อซานที่ยังคงนั่งดื่มสุราอยู่ จึงได้คิดจะทดสอบสหายและอดีตศัตรูหัวใจผู้นี้ดู ‘ทั้งที่สายตาเจ้าจับจ้องนางมาทั้งคืน แต่ยามนี้มานั่งแสดงไม่สนใจ ข้าจะดูซิว่าเจ้าจะแสร้งทำได้นานหรือไม่’“ในฐานะสหายข้าว่าเจ้าเลิกเป็นห่วงสตรีของผู้อื่นนั้นถือว่าดีแล้ว เพียงแต่ยามนี้เจ้าสมควรจะไปปลอบใจสตรีของตนเองสักหน่อยหรือไม่” เหยาหวังเหว่ยใช้เพียง
“กองทหารของข้ามีเท่ากับกองทหารของเสด็จพี่ทั้งสามรวมกัน ส่วนขุนนางที่สนับสนุนข้านั้นในท้องพระโรงมีอยู่มากกว่าครึ่ง ส่วนรายชื่อนั้นข้าคงไม่อาจบอกได้ เหมือนกับที่พวกท่านก็ไม่อาจบอกข้าได้ว่าขุนนางคนใดเป็นคนของพวกท่านบ้าง” องค์หญิงเหยาลี่เซียนเอ่ยจบก็หัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างกลั้นไม่อยู่“เจ้าโกหกใช่หรือไม่” เหยาซิงอีเอ่ยพร้อมยกมือชี้ไปยังน้องสาวของตน เมื่อเห็นว่านางกำลังหัวเราะเยาะเขาที่หลงเชื่อคำพูดของนาง“ใครกล้าโกหกท่านพี่เจ้าคะ ข้ามิได้โกหกเสียหน่อย คนที่สนับสนุนข้าก็คือเสด็จพี่ทั้งสามมิใช่หรือ หากพวกท่านรวมกำลังกันมีหรือสิ่งที่เสด็จแม่ทำได้พวกท่านจะทำไม่ได้ จริงหรือไม่” องค์หญิงเหยาลี่เซียนโยกหัวไปซ้ายทีขวาทีสลับไปมาพร้อมทำหน้าทะเล้นใส่เหยาซิงอีเหยาซีฮันกับเหยาซิงอีหัวเราะลั่นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เมื่อได้ยินความจริงจากปากน้องสาวของพวกเขา ส่วนเหยาหวังเหว่ยนั้นเพียงหัวเราะในลำคอเท่านั้นส่วนคนอื่น ๆ นั้นก็พลอยยิ้มและหัวเราะไปกับคำตอบและท่าทางสีหน้าขององค์หญิงเหยาลี่เซียนที่แสดงออกมาด้วยเช่นกัน“เจ้ายอดเยี่ย
ในขณะที่ฟางหนิงหลินกำลังรอสหายรวบรวมความกล้าอยู่นั้น นางก็สังเกตเห็นรอยแผลที่อยู่บริเวณไรผมของเจียงเจียวซินดวงตากลมโตของฟางหนิงหลินเบิกกว้าง เมื่อคิดถึงคนที่ทำร้ายคุณหนูตระกูลเจียง ‘ชินอ๋องทำร้ายนาง และบีบบังคับนางมาให้ขอโทษข้าอย่างนั้นหรือ’ฟางหนิงหลินเพียงคิดว่าเป็นเพราะนางเจียงเจียวซินถึงได้ถูกเหยาหวังเหว่ยลงโทษเสี้ยวหนึ่งในใจก็รู้สึกผิดขึ้นมา อาจเป็นเพราะความผูกพันที่มีด้วยกันมาอย่างช้านาน ทำให้นางรู้สึกผิดที่เป็นสาเหตุให้เจียงเจียวซินถูกทำร้าย“ที่จวนของข้ามียาดีที่หมอหลวงถาน ท่านตาของท่านพี่จื้อซานมอบให้อยู่หลายตลับ ข้าจะสั่งให้คนไปส่งให้เจ้าที่จวน ทาบ่อย ๆจะได้ไม่ทิ้งรอยแผลเอาไว้ ถึงจะอยู่บริเวณไรผมแต่อย่างไรเสียสตรีก็ไม่ควรมีตำหนิ” ฟางหนิงหลินเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกผิดเพียงได้ยินคำของฟางหนิงหลินดวงตาของเจียงเจียวซินก็ร้อนผ่าวขึ้นมา เพียงครู่เดียวหยดน้ำอุ่น ๆก็เอ่อล้นออกมาจากดวงตา เจียงเจียวซินก้มหน้าต่ำปล่อยให้น้ำตาอาบแก้มไร้เสียงสะอื้น“เจ้า...” ฟางหนิงหลินเอ่ยออกมาคำเดียวแล้วก็หยุดไป เพราะยามนี้ความใกล