เวินทิงอวิ๋นนั่งลงอย่างภาคภูมิใจ ซูจิ่งสิงพูดอย่างไม่ปรานี “เวินทิงอวิ๋น”เวินทิงอวิ๋น: ...ไม่ใช่แล้ว เหตุใดสองคนนี้ถึงคาดเดาตัวตนของเขาได้รวดเร็วเช่นนี้ เขายังคิดจะแกล้งโง่อีกสักหน่อย“พวกเจ้าคาดเดาตัวตนของข้าได้ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดไร้สาระอะไรอีกพูดตามตรง พวกเจ้าเอาสมบัติทั้งหมดในห้องเก็บของของตลาดมืดไปไว้ที่ไหนแล้ว”เวินทิงอวิ๋นถือแส้ด้วยรอยยิ้มอำมหิต “พวกเจ้าสามารถเลือกที่จะไม่พูด แต่อย่ามาหาว่าแส้ในมือของข้าไม่ไว้หน้าเลย”กู้หว่านเยว่ตั้งใจจะแกล้งเขา“เจ้าอยากรู้ว่าสมบัติในห้องเก็บของอยู่ที่ไหนหรือ?”“เจ้ารีบบอกข้าเร็วเข้า” สีหน้าของเวินทิงอวิ๋นตึงเครียด กู้หว่านเยว่พูดอย่างดื้อด้าน “ข้าไม่บอกเจ้าหรอก ให้เจ้าโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปเลย”“เจ้า!” เวินทิงอวิ๋นกระอักเลือดออกมา นึกอะไรออกในทันใด มองไปที่กู้หว่านเยว่อย่างอ่อนโยน“ขอเพียงเจ้าบอกข้า ข้าจะปล่อยเจ้าไปไม่เพียงเท่านั้น จากนี้ไปข้าจะดีกับเจ้าสิ่งที่ชายผู้นี้สามารถให้เจ้าได้ ข้าก็ให้เจ้าได้เช่นกัน”อ้วก! กู้หว่านเยว่ตกตะลึง ชายผู้นี้ไม่ได้ป่วยใช่ไหม พูดจาเช่นนี้ออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อเวินทิงอวิ๋นเห็นนางไม่พูดจา
“พวกเจ้าสองคน!”เวินทิงอวิ๋นกระอักเลือดแล้วจริง ๆ เขาคิดว่าตัวเองเหลี่ยมจัดแพรวพราวมากพออยู่แล้ว แต่ไม่นึกว่าสองสามีภรรยาคู่นี้จะหน้าเนื้อใจเสือยิ่งกว่าเขาเสียอีก“พวกเจ้าสองคนทำเกินไปแล้ว”“การทหารย่อมไม่เบื่อหน่ายกลอุบาย เจ้าก็คิดจะใช้ยาสลบกับพวกข้ามิใช่หรือ” กู้หว่านเยว่หัวเราะคิกคัก ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของเวินทิงอวิ๋นถ้าไม่ใช่เพราะความฉลาดของพวกเขา เข้าใจในทุกอย่าง ตอนนี้ฝ่ายที่ถูกลอบโจมตีก็คือพวกเขาเองซูจิ่งสิงลงมือล็อกกระดูกสะบักของเขา แล้วหันไปทางฉู่เฟิง “กุมตัวเขาออกไปข้างนอก”กู้หว่านเยว่เอ่ยเตือน “ไปดูเฉิงเซวียนกับเซี่ยเหอหน่อยสิ”นางไม่เชื่อเซี่ยเหอ ดังนั้นจึงกินยาถอนพิษไว้ล่วงหน้า และไม่นับรวมทั้งสองคนไว้ในนั้นเฉิงเซวียนและเซี่ยเหอในเวลานี้ ถือว่าโดนยาสลบจริง ๆชิงเหลียนเหาะเหินจากไป มาถึงหน้าเฉิงเซวียนแล้วตรวจสอบนางอยู่สักครู่ ส่วนเซี่ยเหอนั้นไม่สมัครใจดู“ฮูหยิน พวกเขาสองคนไม่มีอะไรผิดปกติ แค่โดนยาสลบเท่านั้น หมดสติไปชั่วคราว รอยาสลบหมดฤทธิ์ก็น่าจะตื่นขึ้นมา”“พาพวกเขาสองคนเข้าไปพักในห้องก่อนเถอะ” เวลานี้กู้หว่านเยว่ยังมีธุระอื่นต้องทำอีก ไม่มีเวลาดูแลพวกเข
“ข้าสองคนก็ไม่อยากทำให้เจ้าลำบากใจ ขอเพียงเจ้าบอกที่อยู่ของเจ้าของตลาดมืดแก่เรา เราก็สามารถปล่อยเจ้าไปได้”เวินทิงอวิ๋นกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ตอนนี้เขาเกลียดสองสามีภรรยาคู่นี้มากเหลือเกิน พอคิดว่าตัวเองถูกปั่นหัวมานานขนาดนี้ ในใจก็รู้สึกยอมรับไม่ได้โชคดีที่เขายังโอ้อวดตัวเองว่าฉลาดเหนือใคร ไม่นึกว่าจะตกอยู่ในกำมือของสองสามีภรรยาคู่นี้ หากแพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะถูกคนหัวเราะเยาะเอา“ข้าไม่รู้ว่าเถ้าแก่อยู่ที่ไหน เขาเป็นคนลึกลับซับซ้อน ไม่เคยบอกพวกเราเลย” คำพูดที่เวินทิงอวิ๋นหันหน้าไปพูด ก็เหมือนกับที่พ่อบ้านคนอื่น ๆ พูดไว้หลี่หรงหรงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าของตลาดมืดอยู่ที่ไหนกันแน่ รู้เพียงว่าบางครั้งอีกฝ่ายก็ปรากฏตัวขึ้นเวลามอบหมายภารกิจ“ต่อให้เจ้าไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ก็ควรจะรู้ว่าเขาจะมาที่ตลาดมืดเมื่อไหร่ หรือว่ารูปร่างหน้าตาเขาเป็นยังไง”กู้หว่านเยว่จะไม่เชื่อคำโกหกของอีกฝ่าย เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นพ่อบ้านใหญ่ตลาดมืดอินซาน คนอื่นไม่รู้จักก็ไม่เป็นไร แต่เขาจะไม่รู้อะไรเลยไม่ได้“ไม่รู้”ปากของเวินทิงอวิ๋นแข็งมาก ไม่สนใจสองสามีภรรยาเลยแม้แต่น้อย ดูท่าทางไม่อยากพูดอะไร
หลังจากสอบสวนเวินทิงอวิ๋นเสร็จแล้ว กู้หว่านเยว่ก็มาที่ข้างกองไฟ ใช้มีดเล็กเฉือนเนื้อแกะย่างออกมาชิ้นหนึ่ง“เนื้อแกะย่างแสนอร่อยเช่นนี้ห้ามพลาดเชียวนะ”นางเรียกทุกคน “ชิงเหลียน เจ้าก็มากินด้วยสิ”“เจ้าค่ะ”ชิงเหลียนและคนอื่น ๆ ต่างรายล้อมเข้ามา แต่ก็ไปหาแกะย่างอีกตัวอย่างรู้กาลเทศะฮูหยินดีกับพวกเขา พวกเขารู้สึกขอบคุณอยู่ในใจ แต่ก็ไม่กล้าลืมตัวตนของตนเองเช่นกันกู้หว่านเยว่คุ้นชินอยู่แล้ว และไม่ได้พูดอะไร“ชายาท่านอ๋อง” ทันใดนั้นหลี่หรงหรงก็เดินเข้ามาด้วยความลังเล“เจ้าต้องการตัวเวินทิงอวิ๋นสินะ พวกข้าสอบถามเขาเสร็จแล้วยกเขาให้เจ้าจัดการได้ตามต้องการ”กู้หว่านเยว่รับปากไว้นานแล้ว จะไม่ผิดสัญญาเด็ดขาดแต่ใครจะรู้แววตาของหลี่หรงหรงกลับเป็นประกายวิบวับ “ชายาท่านอ๋อง ยาที่เจ้าเพิ่งใช้ไป เจ้าขายให้ข้าสักขวดได้ไหม?”นางมองออกว่ายานี้ของกู้หว่านเยว่น่าจะเป็นของประเภทเดียวกับยาพูดความจริง สามารถทำให้คนพูดสิ่งที่ใจคิดออกมา“เจ้าต้องการของสิ่งนี้ไปทำไม?”คราวก่อนปรมาจารย์แพทย์ให้นางไว้เยอะมาก ถ้านางเสนอราคาสูง กู้หว่านเยว่ก็ใช่ว่าจะขายไม่ได้“ชายาท่านอ๋อง เจ้า เจ้าอย่าถามเลย เอาเป
เวินทิงอวิ๋นเข้าใจอย่างแท้จริงว่าจะมัดหัวใจของผู้หญิงอย่างไร “ทำไมเจ้าถึงไปอยู่กับพวกเขาแล้วไม่บอกข้าสักคำ เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นห่วงเจ้าแค่ไหน?”“หยุดเสแสร้ง” หลี่หรงหรงกลอกตาใส่ “ถ้าไม่ได้นักฆ่าสองคนนั้นหลุดปาก ข้าคงเชื่อไปแล้วจริง ๆ”“เอ่อ...” เวินทิงอวิ๋นสีหน้ากระดากอาย “นักฆ่าคนนั้นข้าไม่ได้เป็นคนส่งไป แต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาต่างหากที่ตัดสินโดยพลการ”เขาพูดโกหกได้โดยไม่ต้องกะพริบตา“หรงหรง เจ้าต้องเชื่อข้า เราเคยสัญญาว่าจะรักกันชั่วฟ้าดินสลาย”“ไปให้พ้น!”หลี่หรงหรงแค่รู้สึกขยะแขยง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่ายาพูดความจริงในมือนั้นไม่จำเป็นแล้ว“ตอนนี้ข้าแค่อยากถามท่านเป็นประโยคสุดท้ายท่านเคยรักข้าบ้างไหม?”“ข้ารักเจ้าแน่นอนอยู่แล้ว” เวินทิงอวิ๋นพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดในความเป็นจริงเขาไม่ได้พูดโกหก มีชายคนไหนสามารถปฏิเสธรูปร่างอันเร่าร้อนของหลี่หรงหรงได้บ้าง?“ท่านกำลังโกหกข้า”หลี่หรงหรงคิดว่าเมื่อนางได้ยินคำพูดนี้แล้วต้องประทับใจมาก แต่ตอนนี้ นางแค่รู้สึกอยากอาเจียนเท่านั้นเดิมทีในหัวใจส่วนลึกของนาง ไม่เชื่อในความรักของเวินทิงอวิ๋นอีกต่อไป“หรงหรง เพื่อเห็นแก่ความสัมพัน
“ดื่มเหล้าสักจอกเถอะ”กู้หว่านเยว่ส่งเหล้านมม้าให้ “ยามคนอารมณ์ไม่ดี ดื่มเหล้าสักหน่อย ปล่อยให้แอลกอฮอล์ทำให้ประสาทชาเล็กน้อย จะรู้สึกดีขึ้น”“ขอบคุณ”หลี่หรงหรงรับเหล้าไป ดื่มรวดเดียวจนหมด“ข้าช่างเป็นตัวโง่งมโดยแท้” ภายในดวงตานางมีน้ำตาคลอหน่วย เหตุใดนางถึงเชื่อว่าเวินทิงอวิ๋นรักนางได้เล่า?“เขาใช้ประโยชน์จากข้าตั้งแต่แรก เห็นข้าเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์อย่างหนึ่งเขาพูดจาหวานล้ำกับข้า พูดว่าจะมอบครอบครัวให้แก่ข้าบิดามารดาข้าตายไปทั้งหมดแล้ว ขาดความรักตั้งแต่เด็ก เชื่อไปอย่างโง่เขลา”หลี่หรงหรงหยิ่งทระนงไม่ยอมให้น้ำตาไหลลงมา“ข้าน่าจะรู้ตั้งแต่แรกว่าเขากำลังหลอกข้า เป็นข้าไม่ยอมเชื่อเอง ถูกเขาหลอกมาตั้งนาน”ท่าทีที่เวินทิงอวิ๋นแสดงออกมาเมื่อครู่ ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของนางขาดผึงไปแล้ว“ข้าแค้นใจนัก เหตุใด เขาต้องหักหลังข้า!”หลี่หรงหรงมิอาจทนไหวร้องไห้ออกมาในที่สุดกู้หว่านเยว่เองก็ไม่รู้สมควรปลอบเยี่ยงไร ได้แต่ปล่อยให้นางร้องไห้อย่างเต็มที่“ฮูหยิน” องครักษ์เงาเฝ้าเวินทิงอวิ๋นเข้ามารายงาน “เวินทิงอวิ๋นตายแล้วขอรับ”“ชู่ว์ เจ้าออกไปก่อนเถอะ” กู้หว่านเยว่โบกมือ เมื่อคร
“ให้ข้าไปกับพวกเจ้าด้วยเถอะ”หลี่หรงหรงรีบพูด “ฮูหยิน เจ้าลืมไปแล้วเมื่อครู่ข้าบอกว่าบ้านพวกเราทำคาราวานพ่อค้า คาราวานพ่อค้าของอินซาน เดิมทีข้าก็รู้จักทั้งหมด”“ได้ เช่นนั้นเจ้าไปด้วยกันเถอะ”กู้หว่านเยว่คิดว่าให้นางยุ่งสักหน่อยก็ดีเช่นกัน ไม่มีเวลาไปคิดเรื่องผิดหวังในความรัก “อาวุธที่สะดวกใช้คืออะไร?”“มีกระบี่อ่อนหรือไม่?”หลี่หรงหรงแย้มยิ้มออกมา กู้หว่านเยว่โยนกระบี่อ่อนให้เล่มหนึ่งชิงเหลียนกลับรีบวิ่งเข้ามา ท่าทางคล้ายเป็นตากุ้งยิงก็มิปาน“ฮูหยิน คุณชายเฉิงไปไม่ได้แล้ว!”ชิงเหลียนพูดไม่ออก“ยามบ่าวเข้าไป พบว่าเขากับเซี่ยเหอกำลัง...ขยะแขยงจริงๆ”เซี่ยเหอวิ่งออกมาอาภรณ์ยุ่งเหยิง ท่าทางคล้ายได้รับความลำบากอย่างมาก ปาดน้ำตา“ข้า ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว...”เฉิงเซวียนเองก็วิ่งออกมาจากภายใน ท่าทางโอหังมากยิ่งขึ้น ร่างกายท่อนบนแทบจะเปลือยเปล่า“น้องหญิงอย่ามองเลย”ซูจิ่งสิงบังสายตาของกู้หว่านเยว่ ฉึบ ๆ ส่งสายตาฆ่าคนได้มองไปทางเฉิงเซวียน พูดเสียงเย็น“เจ้าจัดการตนเองให้เรียบร้อยก่อนค่อยออกมา”“ไม่ใช่แบบนี้”เฉิงเซวียนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องใดขึ้นแล้ว ใบหน้างุนงง “
“ได้”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ซูจิ่งสิงพาองครักษ์เงาเหินบินจากไปราวสิบกว่านาทีต่อมา ก็เหินบินกลับมาแล้ว“ภายในค่ายมีสุนัขพันธุ์หมาป่ามากมาย คาราวานพ่อค้าน่าจะมีของล้ำค่าไม่น้อย จึงให้สุนัขพันธุ์หมาป่าเหล่านี้เฝ้าไว้”ซูจิ่งสิงวิเคราะห์“หากเข้าใกล้ ก็จะทำให้สุนัขพันธุ์หมาป่าตกใจ เรียกองครักษ์ของคาราวานพ่อค้ามา”หลี่หรงหรงเอ่ยชี้แนะ “มิสู้ให้ข้าเข้าไปเยี่ยมคารวะนายท่านหลัวก่อน จะได้กันคนออกไป”“นายท่านหลัวจะพบเจ้าหรือ?” กู้หว่านเยว่อยากช่วยคน แต่ก็ไม่หวังให้คนข้างกายเผชิญหน้ากับอันตราย“เจ้ายังไม่รู้ ยามบิดามารดาข้ายังอยู่ บ้านพวกเราและสกุลหลัวนับว่าเป็นสหายกันเพียงแต่ หลังจากนั้นข้าก็มิได้ทำกิจการคาราวานพ่อค้าต่อ ดังนั้นจึงขาดการไปมาหาสู่กับสกุลหลัว”แต่ไมตรีในอดีตยังมีอยู่ หากนางเข้าไปเยี่ยมคารวะนายท่านหลัว นายท่านหลัวจะต้องยอมพบนางแน่“ดีเช่นกัน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ให้องครักษ์จันทราติดตามอยู่ข้างกายหลี่หรงหรง ปกป้องนางส่วนนางและซูจิ่งสิง หาสถานที่ไร้ผู้คนแห่งหนึ่ง ก็เทเลพอร์ตเข้ากระโจมไป จากนั้นเริ่มหาเบาะแสของเนี่ยชิงหลานทุกสารทิศทั้งสองคนมาถึงกระโจมด้านหน้าแห่งหนึ่
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป