เมื่อซูจิ่นเอ๋อร์พุ่งเข้าไปกอดรัดกู้หว่านเยว่ สีหน้าของซูจิ่งสิงก็พลันหมองลง ก่อนจะกระชากตัวนางออกไป“พูดจากันดี ๆ อย่าโวยวายต่อหน้าพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้า”ซูจิ่นเอ๋อร์แลบลิ้นอย่างรู้สึกผิด“ขอโทษเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่ ข้า... ข้าคงจะตื่นเต้นเกินไปหน่อย”นางแทบเกือบรู้สึกหมดหวังแล้ว“คาดไม่ถึงว่าพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่จะได้ดอกน้ำแข็งนิลกลับมา”ซูจิ่นเอ๋อร์อยากร้องไห้ สองวันมานี้นางไล่ถามหาดอกน้ำแข็งนิลอยู่ในเมืองตลอดทั้งวันได้ยินมาว่าคนที่ออกตามหาดอกน้ำแข็งนิลในครั้งนี้มีจำนวนมาก การที่พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่แย่งชิงดอกน้ำแข็งนิลจากคนเหล่านี้กลับมาได้จะต้องเสียแรงไปไม่น้อย“ขอบคุณพวกท่านมากเจ้าค่ะ”“เด็กโง่ ครอบครัวเดียวกันไหนเลยยังต้องพูดขอบคุณ”ในพวกเขาสองคนนี้ คนหนึ่งเป็นอาของนาง อีกคนก็เป็นสหายที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กนางไม่มีทางยืนมองโดยไม่เข้าไปยุ่งได้“เอาละ เช็ดน้ำตาของเจ้าเถอะ ข้าต้องไปกลั่นยาอีก”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง ซูจิ่นเอ๋อร์รีบพยักหน้า เนื่องจากฟู่หลานเหิงอ่อนแอมาก จึงได้หมดสติไป“ท่านพี่ ท่านถือโอกาสนี้ปรึกษาหารือกับพี่ใหญ่จงหลี่สิเจ้าคะ ดูว่าสามารถเรียกคนสก
เนื่องจากร่างกายอ่อนแอมาก เวลานี้เขาจึงไร้เรี่ยวแรงที่จะเอ่ยหลังจากกินยาเข้าไป ผ่านไปไม่นานก็หลับสนิทซูจิ่นเอ๋อร์ถอนหายใจอย่างโล่งอกหนึ่งครั้ง เมื่อเห็นฟู่หลานเหิงเช่นนี้ ก็ยิ่งกังวล“พี่สะใภ้ใหญ่ ยาชนิดนี้จะได้ผลใช่หรือไม่?”นางกล่าวถามไปเรื่อย ซูจิ่งสิงจึงถลึงตาใส่นางหนึ่งครั้ง“หากไม่เชื่อพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้า ก็ไปหาคนที่มีความสามารถเหนือกว่า พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้ากลั่นยาชนิดนี้ออกมาอย่างยากลำบาก เจ้ายังกล้าซักถามอีกหรือ?”ซูจิ่นเอ๋อร์หน้าแดงก่ำ “ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนี้”นางเองก็รู้ว่าทักษะการแพทย์ของพี่สะใภ้ใหญ่นั้นไม่เป็นสองรองใคร แต่เพราะเป็นห่วงมากเกินไป จึงอดกังวลไม่ได้“ช่างเถอะ อย่าไปเอาความจิ่นเอ๋อร์เลย”กู้หว่านเยว่ดึงมือของซูจิ่งสิง แล้วพาเขาออกไปจากห้อง“หว่านเยว่ ขอโทษนะ”ทันทีที่ออกมา ซูจิ่งสิงมองนางอย่างรู้สึกผิด “จิ่นเอ๋อร์เป็นน้องสาวของข้า นางเอาแต่ใจและหุนหันพลันแล่นไปหน่อย จึงพาฟู่หลานเหิงไปทูเจวี๋ยด้วยตัวเอง จนสร้างความวุ่นวายให้เจ้าไม่น้อย”“ซูจิ่งสิง?”กู้หว่านเยว่มองเขาด้วยสีหน้าแปลกใจ “ท่านจะเกรงใจข้าทำไม?”“นี่ไม่ใช่เกรงใจ”ซูจิ่งสิงกล่าวอธ
นัยน์ตาของนางราบเรียบ นายท่านเจียงกลับรู้สึกละอายใจ“ข้าเคยบอกว่าข้าอยากร่วมมือกับพวกเจ้า และอยากพาพวกเจ้าไปด้วย”ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความละอายใจ “บัดนี้พวกเจ้ามีดอกน้ำแข็งนิลเป็นของตัวเองแล้ว โดยที่ข้าไม่ได้ช่วยเลยตั้งแต่ต้น กลีบของดอกน้ำแข็งนิลดอกนี้เราไม่ควรค่าจะได้รับมัน”นายท่านเจียงกล่าวอย่างจริงจัง เจียงฮูหยินพยักหน้าเห็นด้วย“ใช่ ๆ เราไม่ได้ลงแรงอะไรเลย จะกล้าครอบครองได้อย่างไร?”ซูจิ่งสิงกล่าวอธิบายด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “อาจารย์อา ท่านเก็บดอกน้ำแข็งนิลดอกนี้เอาไว้เถอะ ของสิ่งนี้มีประโยชน์ต่อท่าน ในฐานะที่ข้าเป็นลูกศิษย์ของท่าน ข้ามีหน้าที่ต้องช่วยเหลืออยู่แล้ว”เขายกมือคารวะ “บัดนี้ข้ายุ่งมาก คงจะไปเยี่ยมเยือนท่านอาจารย์ไม่ได้ หวังเพียงว่าหลังจากที่อาจารย์อาเจอกับท่านอาจารย์แล้ว คงต้องฝากทักทายเขาแทนข้าด้วย”ซูจิ่งสิงกล่าวถึงขนาดนี้แล้ว หากนายท่านหลี่ยังปฏิเสธอีก คงจะไร้เหตุผลเกินไปภายใต้ความจนปัญญา เขาทำได้แค่ตอบตกลง“ก็ได้ ข้าจะเก็บกลีบของดอกน้ำแข็งนิลกลีบนี้ไว้”นายท่านหลี่รับกล่องหยกไป จากนั้นก็ทำการห่ออย่างระมัดระวัง“ศิษย์พี่ใหญ่ เรารีบเดินทางกันได้แล้ว
โม่ไป๋ที่อยู่ข้างกายรีบหันไปมองกู้หว่านเยว่“แม่นางกู้ นายท่านของเราได้รับบาดเจ็บ ได้โปรดท่านช่วยดูเขาให้ข้าหน่อยได้หรือไม่?”“โม่ไป๋!”จงหลี่ตวาดเสียงดัง เขาไม่อยากให้กู้หว่านเยว่เป็นห่วง“นายท่าน อาการบาดเจ็บของท่านต้องได้รับการรักษานะขอรับ”โม่ไป๋เป็นกังวล เขาไม่อยากเห็นจงหลี่ไม่ดูแลร่างกายของตัวเอง เขาอยากปกป้องจงหลี่ และควรต้องปกป้องอีกฝ่าย“ข้าไม่เป็นอะไร พักสักหน่อยก็คงดีขึ้น”จงหลี่โบกมืออย่างรำคาญ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้กู้หว่านเยว่จับชีพจรกู้หว่านเยว่เห็นจงหลี่ได้รับบาดเจ็บ เดิมทีนางก็เป็นกังวลมากอยู่แล้วบัดนี้ครั้นได้เห็นท่าทางห่างเหินที่เขามีต่อผู้อื่น ก็อดฉุนเฉียวขึ้นมาไม่ได้“พี่ใหญ่จงหลี่ ท่านช่วยข้ามาหลายครั้งแล้ว บัดนี้ท่านได้รับบาดเจ็บ เหตุใดถึงไม่ให้ข้าช่วยตรวจดูให้ท่านล่ะเจ้าคะ หรือว่าท่านไม่เห็นข้าเป็นสหายของท่าน? ไม่เชื่อใจข้าแล้วสินะ!”กู้หว่านเยว่โพล่งถามออกไป จงหลี่รีบส่ายหน้าทันที“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้”เขาอธิบายอย่างลำบากใจ “ข้าไม่อยากรบกวนเจ้า”“เป็นสหายกันไม่มีคำว่ารบกวนหรอกเจ้าค่ะ สหายลำบาก ก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือสิเจ้าคะ!”กู้หว่านเยว
“น้องหญิง?”กู้หว่านเยว่ตะลึงงัน มองจงหลี่อย่างตกใจ แม้แต่เข็มเงินที่อยู่ในมือก็ยังสั่นระริก“น้องหญิงอะไรเจ้าคะ?”ทันใดนั้นนางก็คาดเดาได้ในใจ ก่อนจะมองไปทางจงหลี่อย่างประหลาดใจ“เจ้าคือน้องสาวของข้า”จงหลี่สบตากับนาง จากนั้นก็พยักหน้าอย่างไม่ลังเล“บางทีเจ้าคงคิดว่าข้าล้อเจ้าเล่น แต่เจ้ามั่นใจได้เลยว่าเจ้าคือน้องสาวแท้ ๆ ของข้า”กู้หว่านเยว่ตะลึงงัน นางรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ“แต่ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจวนกู้มีบุตรชายอีกหนึ่งคน”อีกอย่างดูจากอายุของจงหลี่แล้ว น่าจะมากกว่านางหกถึงเจ็ดปีปีนี้กู้หว่านเย่เพิ่งจะสามสิบกว่าปี ต่อให้มีบุตรเร็วอย่างไร ก็ไม่สามารถคลอดบุตรที่มีอายุห่างเท่าจงหลี่ได้“ใครบอกว่าเราเป็นบุตรสาวจวนกู้?”มุมปากของจงหลี่ยกยิ้มเย็นเยือก จวนกู้ สายเลือดต้อยต่ำเพียงนั้น คู่ควรอย่างนั้นหรือ?“เจ้าดูของสิ่งนี้สิ เจ้ารู้จักหรือไม่?”เขายกมือขึ้นมาล้วงหยิบหยกชิ้นหนึ่งจากในอกเสื้อ แล้วยื่นให้กู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่มองแวบหนึ่งก็รู้สึกคุ้นเคยกับของชิ้นนี้มาก“ของชิ้นนี้ ... เหมือนกับของที่อยู่ในปากของจ้านจ้านตอนแรกเกิด”ภายใต้การอนุญาตของจงหลี่ กู้หว่านเยว่หยิบ
กู้หว่านเยว่ตกใจเล็กน้อย จู่ ๆ ก็มีพ่อแม่และพี่ชายเพิ่มมาอีกคน เป็นใคร ๆ ก็ตกใจกันทั้งนั้นแต่กู้หว่านเยว่ไม่ได้รังเกียจแวบแรกที่นางเจอจงหลี่ ก็รู้สึกคุ้นเคยอยู่ไม่น้อย“เช่นนั้นข้าก็ยังมีพี่น้องคนอื่นอีกนะสิ?”นัยน์ตาของนางเปล่งประกาย จงหลี่ยิ้มพลางส่ายหน้า“ไม่มีแล้ว ท่านพ่อและท่านแม่รักกันมาก ท่านพ่อไม่มีสนมคนอื่นแล้ว มีแค่ท่านแม่เพียงผู้เดียว ท่านแม่ให้กำเนิดเราสองคน ข้าคือพี่ใหญ่ของเจ้า หากไม่มีอะไรผิดพลาด ปีนี้เจ้าก็น่าจะอายุสิบเก้าปีแล้ว ข้าโตกว่าเจ้าเจ็ดปี”น้ำเสียงของเขาฟังดูอ่อนโยนมาก สายตาคู่นั้นจ้องมองกู้หว่านเยว่ พลางกล่าวอธิบายอย่างชัดถ้อยชัดคำ“ดังนั้น ข้าก็ควรเรียกท่านว่าพี่ใหญ่?” นางมีพี่ชายที่ปกป้องนางแล้วหรือ? “ถูกต้อง”หลังจากที่จงหลี่พยักหน้าตอบรับแล้ว ก็มองไปทางนางด้วยสายตาคาดหวังกู้หว่านเยว่ไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง“พี่ใหญ่!”นางมีความรู้สึกคุ้นเคยกับจงหลี่มาตั้งแต่เกิด ประกอบกับที่จงหลี่เพิ่งช่วยเหลือนาง ทั้งยังช่วยงานของนาง การมีพี่ชายเช่นนี้ กู้หว่านเยว่รู้สึกเชื่อใจและพึ่งพาเขาได้จากก้นบึ้งของหัวใจ นางโพล่งออกไปอย่างอดไม่ได้ ในตอนที่นางตะโกนค
หลังจากที่รู้สถานะของจงหลี่แล้ว นางก็ยิ่งสนใจเขามากขึ้น“เอาสิ”จงหลี่ทำตามความต้องการของกู้หว่านเยว่ ด้วยการนอนลงอย่างว่าง่าย กู้หว่านเยว่สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ เพื่อปรับอารมณ์ของตัวเองหลังจากที่กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติแล้วก็เริ่มฝังเข็มให้จงหลี่จงหลี่คลี่ยิ้มตลอดเวลา พลางมองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความเอ็นดู แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความหยิ่งผยองเล็กน้อยซูจิ่งสิงนั่งอยู่ข้าง ๆ มือถือถ้วยชาพลางมองสองพี่น้องนัยน์ตาฉายแววลึกซึ้ง ครุ่นคิดสถานะของจงหลี่ “เรียบร้อยแล้ว”เวลาผ่านพักใหญ่ กู้หว่านเยว่ก็ถอนหายใจออกมา“พี่ใหญ่ ท่านลองใช้กำลังภายในสักหน่อย ดูสิว่ายังไม่สบายตรงไหนอีกหรือไม่”นางเดาว่าสิ่งที่ทำให้แผลเก่าของจงหลี่กำเริบนั้นเป็นเพราะเขาใช้กำลังภายใน “ได้”จงหลี่หลับตาลงทั้งสองข้าง จากนั้นก็ใช้กำลังภายในตามคำสั่งของกู้หว่านเยว่ และแล้วก็ต้องพบกับความจริงที่คาดไม่ถึง การอุดตันในเส้นลมปราณได้มลายหายไป แทนที่ด้วยความอบอุ่นบางอย่าง“ซังหนิง เจ้าเก่งยิ่งนัก”นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายเล็กน้อย กู้หว่านเยว่เองก็ดีใจ ที่ใช้ทักษะ
เขาสัมผัสได้ถึงความรักของจงหลี่ที่มีต่อกู้หว่านเยว่ เขารู้สึกดีใจอยู่ภายใน “ข้าน้อยซูจิ่งสิง ขอคารวะพี่ใหญ่”“ไม่ต้องมากพิธีหรอก”จงหลี่ยิ้มเล็กน้อย ยากจะยอมรับน้องเขย “เจ้าดีกับซังหนิงมาก ข้าเข้าใจได้”ซูจิ่งสิงอดยิ้มอย่างข่มขื่นไม่ได้ จงหลี่ยังคงมองพิจารณาเขา หากเขาทำไม่ดีต่อภรรยา บัดนี้อาจจะถูกไล่ออกไปแล้ว“พี่ใหญ่โปรดวางใจ หว่านเยว่คือภรรยาของข้า ข้าจะปกป้องนางตลอดชีวิต”“จำคำนี้ของเจ้าไว้”จงหลี่พยักหน้า เขารู้สึกประทับใจต่อซูจิ่งสิงไม่น้อย และไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจมากนัก“พี่ใหญ่ท่านรอก่อน ข้าจะลองหาดูอีกครั้งว่ามีสมุนไพรอะไรอีกบ้างที่บำรุงน่างกายของท่านได้”กู้หว่านเยว่กังวลเรื่องอาการบาดเจ็บภายในของจงหลี่ ซึ่งอาการบาดเจ็บภายในนี้ไม่สามารถรักษาให้หายได้นางมียามากมายอยู่ในห้วงมิติ กู้หว่านเยว่ตั้งใจจะเข้าไปหาว่ามีสมุนไพรอะไรอีกบ้างที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บภายในของจงหลี่ได้จงหลี่ต้องการพักผ่อนพอดี กู้หว่านเยว่รีบคว้าซูจิ่งสิงกลับเข้ามาในห้องของตัวเอง“ท่านพี่ ข้ามีพี่ใหญ่หนึ่งคนแล้วนะ!”หลังจากกลับเข้ามาในห้อง กู้หว่านเยว่ยังรู้สึกสับสนอยู่ไม่น้อย แม้ว่านางจะไม่อ
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป