อย่าพูดถึงว่าตีเขาสักหน แม้แต่ตีเขาครั้งเดียว หวงฮูหยินก็ทำใจไม่ลง บัดนี้เห็นบุตรชายถูกทุบตีจนมีสภาพเช่นนี้ หวงฮูหยินจึงร้องไห้จนแทบขาดใจ “ยังเหม่ออะไรอยู่อีก? รีบให้คนไปเชิญท่านหมอ แล้วไปตามนายท่านกลับมา” หวงฮูหยินด้านหนึ่งกอดบุตรชายร้องไห้อย่างเจ็บปวด อีกด้านก็สั่งการด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด เด็กรับใช้ชายรีบวิ่งออกไปทันที “รีบพูดมา ลูกชายของข้าออกไปเล่นสนุกกับพวกเจ้าดีๆ ตอนกลับมาเหตุใดจึงมีสภาพเป็นเช่นนี้ได้?” หวงฮูหยินมองคุณชายพวกนั้นอย่างแค้นใจยิ่ง เหล่าคุณชายต่างก็ตกใจแทบตาย แม้ครอบครัวของพวกเขาจะมีชื่อเสียงในเมืองจี้หนิง แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับสกุลหวงเลย “ท่านน้าหวงโปรดระงับโทสะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเราเลยขอรับ” “มีสามีภรรยาคู่หนึ่งทำร้ายคุณชายหวง พวกเราแต่ละคนก็ล้วนถูกทุบตีเช่นกันขอรับ” หนึ่งในคุณชายพวกนั้นก้าวออกมา นับได้ว่าครอบครัวเขายังสนิทสนมกับสกุลหวงอยู่บ้าง “สามีภรรยาคู่หนึ่ง?” หวงฮูหยินโกรธอย่างยิ่ง “ช่างกล้านัก ถึงกับกล้าทำร้ายจื่อหานของพวกเราในเมืองจี้หนิง” นางก็ไม่รอให้ใต้เท้าหวงกลับมา รีบสั่งให้คนไปสืบหาเบาะแสของกู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงในเม
กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงยังไม่ทันได้กล่าวสิ่งใด มู่หรงฉางเล่อก็รีบอธิบายว่า “ไม่โทษท่านอ๋องกับพระชายา พวกเขาสองคนทำเพื่อช่วยข้า วันนี้ข้าเจอพวกอันธพาลคนหนึ่งบนถนนเข้า เจ้าอันธพาลคนนั้นเป็นคุณชายของสกุลหลิว” มู่หรงฉางเล่อรีบอธิบายเรื่องราวออกมารอบหนึ่ง เกาเจี้ยนจึงได้เข้าใจ “ไอ้พวกชั่วช้าแบบนั้นสมควรโดนสั่งสอนแล้วจริงๆ ยังดีที่ข้าไม่อยู่ หากข้าอยู่ต้องทุบมันจนฟันร่วงเต็มพื้นแน่” “แล้วค่อยหิ้วมันไปหาพ่อแม่ของมันที่จวนสกุลหวง ถกกันดีๆ สักรอบ” เมื่อเทียบกับซูจิ่งสิงแล้ว นิสัยของเกาเจี้ยนยังแย่กว่าอีก ทนเห็นพวกขยะสังคมแบบนี้ไม่ได้ที่สุด “พวกมันยังกล้าตามมาหาเรื่องอีก ช่างไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตาเกินไปแล้ว” “เรื่องนี้ไม่รีบ รอดูก่อนว่าพวกเขาจะทำสิ่งใด” ซูจิ่งสิงกับกู้หว่านเยว่ทั้งสองกลับสงบนัก เวลานี้ หวงฮูหยินได้นำบ่าวรับใช้ของสกุลหวงมากปิดกั้นประตูโรงเตี๊ยมไว้แล้ว หลังไต่ถามจนได้ความเรื่องห้องพักของกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงจากปากผู้ดูแล ก็วางแผนจะนำคนบุกขึ้นมาโดยตรง “ฮูหยิน มีเรื่องอะไรได้โปรดพูดคุยกันดีๆ เถิดขอรับ ร้านเล็กๆ ของเราทำกิจการได้ไม่ง่ายเลย” เมื่อผู้ดูแลร้า
“ใครเข้ามา จับพวกมันมัดไว้” หวงฮูหยินโบกมือ วางจะแผนนำตัวพวกเขากลับจวนไปก่อน แล้วค่อยๆ ลงมือสั่งสอน “ข้าจะดูว่าผู้ใดกล้า” ผลคือบ่าวรับใช้สองคนเพิ่งก้าวเข้าไป ก็ถูกเกาเจี้ยนถีบลอยออกไปในเท้าเดียว เกาเจี้ยนเรี่ยวแรงมหาศาล ลูกถีบนี้ ถึงกับถีบกระเด็นออกไปนอกโรงเตี๊ยม เมื่อได้ยินเสียงร้องอย่างน่าอนาถดังมาจากหน้าประตูโรงเตี๊ยม เปลือกตาของหวงฮูหยินก็กระตุกขึ้นมา “ช่างบังอาจนัก พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือผู้ใด? ถึงกลับกล้าสามหาวต่อหน้าข้า ฮูหยินผู้นี้” เกาเจี้ยนดูแคลนพวกอาศัยอำนาจรังแกคนเป็นที่สุด หันหัวไปพูดกับซูจิ่งสิงคำหนึ่งว่า “จิ่งสิง เจ้าอย่าขยับ ข้าไม่ได้ขยับเขยื้อนกระดูกเส้นเอ็นมานานแล้ว วันนี้ ก็ให้ข้ามาสั่งสอนคนพวกนี้เถอะ” “ได้” ซูจิ่งสิงยิ้มพลางพยักหน้า จูงมือภรรยาของตนไปยืนดูอยู่ด้านข้างอย่างไม่รีบเร่ง “คิดจะจับพวกเราไปสั่งสอนใช่ไหม? เข้ามาได้เต็มที่เลย” เกาเจี้ยนกำหมัดทั้งสองข้างจนเสียงดังกรอบแกรบ เมื่อเห็นบรรดาบ่าวรับใช้บุกเข้ามา ก็ก้าวเข้าไปใช้หมัดสอยล้มลงหนึ่งคนในเสี้ยววินาที พลังการต่อสู้ของเขา ทำให้หวงฮูหยินและหวงจื่อหานตกใจไม่น้อย “ท่านแม่ พวกมัน ท
“ท่านแม่!” หวงจื่อหานกรีดร้องเสียงหลง เขาถูกตบจนเลือดกบปาก มุดเข้าไปในอ้อมกอดของหวงฮูหยินด้วยความหวาดหวั่นจนฉี่ราด หวงฮูหยินก็ตกใจจนกอดบุตรชายไว้แน่น เมื่อเห็นเขามีเลือดเต็มปาก ก็สงสารจนใจสลาย “จื่อหาน? ลูกชายของแม่!” “ท่านแม่ พวกมันตีข้า ข้าเจ็บเหลือเกิน ฮือ ๆ ๆ” “พวกเจ้ากล้าตีจื่อหานของข้า?” หวงฮูหยินโมโหจนหน้าอกกระเพื่อม อันธพาลชั่วช้าพวกนี้ช่างบังอาจนัก ถึงกับกล้าทำร้ายลูกชายของนางต่อหน้านาง น่าเสียดายที่ บ่าวรับใช้ที่นางนำมาล้วนถูกเกาเจี้ยนจัดการไปหมดแล้ว แม้หวงฮูหยินจะโมโห แต่ยามนี้ก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นใดดี ในตอนนั้นเอง ด้านนอกก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังเข้ามา “พวกเจ้ากำลังทำสิ่งใดกัน?" “ท่านพี่?” เมื่อหวงฮูหยินหันไปเห็นใต้เท้าหวง ดวงตาทั้งคู่ก็เปล่งประกายขึ้นมา พุ่งเข้าไปทันที “ท่านพี่ ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับพวกเรานะ คนพวกนี้ คนพวกนี้ทำร้ายจื่อหานจนเลือดออกแล้ว” นางดึงหวงจื่อหานเข้าไป หวงจื่อหานถูกตีจนร้องไห้สะอึกสะอื้น ดูไปแล้วยังตลกอยู่บ้าง เมื่อเห็นใต้เท้าหวงก็กอดต้นขาเขาเริ่มร้องไห้ยกใหญ่ทันที “เจ็บเหลือเกิน ท่านพ่อต้องให้ความเป็นธรรมกับข้านะขอรั
ซูจิ่งสิงเดินไปถึงเบื้องหน้าของใต้เท้าหวง “ข้าเดินทางผ่านเมืองจี้หนิง เดิมต้องการเข้ามาดูความเป็นอยู่ของราษฎรในเมืองจี้หนิง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าใต้เท้าหวงจะปกครองเมืองจี้หนิงเช่นนี้” แววตาของเขาเย็นชาเล็กน้อย แต่ทำให้ใต้เท้าหวงตกใจจนคุกเข่าลงดังตึงทันที “ท่านอ๋อง โปรดระงับโทสะ ข้าน้อยไม่ทราบเรื่องนี้เลยจริงๆ ขอรับ” “เจ้าไม่รู้?” เกาเจี้ยนอดไม่อยู่ ส่งเสียงถามออกมาอย่างไม่พอใจ “เรื่องที่ลูกชายเจ้าลวนลามหญิงชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องวันสองวันแล้วกระมัง เจ้าบอกว่าเจ้าไม่รู้ ใครมันจะไปเชื่อ!” เขาด่าทอต่อไปว่า “เจ้ามีฐานะเป็นนายอำเภอเมืองจี้หนิง แต่กลับให้ท้ายลูกชายของเจ้าไปฉุดคร่าหญิงชาวบ้าน เจ้ายังมีหน้ามาเป็นขุนนางท้องที่ที่ควรดูแลราษฎรดุจบุตรในอุทรได้อย่างไร?” ใต้เท้าหวงหลั่งเหงื่อเต็มศีรษะ “ข้าน้อย ข้าน้อย…” เขาย่อมรู้อยู่แล้ว เพียงแต่เป็นเพราะฮูหยินลำเอียงเข้าข้างจื่อหานมากเกินไป ส่วนเขาก็คิดว่าไม่ได้เป็นเรื่องราวถึงชีวิต จึงปล่อยให้พวกเขาทำตามอำเภอใจ “พูดมาสิ…” เกาเจี้ยนโมโหจนถีบเขาพลิกคว่ำในเท้าเดียว “ท่านพ่อ!” หวงจื่อหานหลบอยู่ด้านหลังหวงฮูห
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ ท่านจะทิ้งข้าแล้วใช่หรือไม่? ท่านจะทิ้งข้าไม่ได้นะ!” หวงจื่อหานกอดขาของนายท่านหวงไว้แน่นนายท่านหวงฝืนความเจ็บปวดแกะมือของเขา “ทหาร พาคุณชายไปขัง”หวงฮูหยินร้องไห้สะอื้น ครั้นเห็นสามีของตัวเองตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ก็หมดสติไปอย่างสิ้นเชิง“จิ่งสิง เจ้าจะปล่อยสกุลหวงไปเช่นนี้หรือ?”เกาเจี้ยนไม่ยอม สำหรับเขาแล้ว การกระทำของหวงจื่อหานร้ายแรงพอที่ส่งสกุลหวงเข้าคุกได้ทั้งตระกูล“เมืองจี้หนิงไม่ได้อยู่ในการปกครองของข้า ผู้ว่าการอำเภอปฏิบัติหน้าที่ได้เพียงเท่านี้”ซูจิ่งสิงกล่าวเสียงเรียบนายท่านหวงจำได้ขึ้นใจ จะช้าหรือจะเร็วก็ต้องจัดการเขาพวกเขากลับมากินข้าวในหอต่อ เวลานี้พวกเขาอยู่ในเมืองหลวงแล้วมู่หรงถิงเพิ่งจะได้รับรายงาน “มู่หรงฉางเล่อหนีไปแล้ว?”สีหน้าของเขาฉุนโกรธ แทบจะฉีกจดหมายลับตรงหน้าให้กลายเป็นเศษกระดาษเสีย“หนีไปไหน?”เขาตอบตกลงแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับซินเจียงแล้ว หากมู่หรงฉางเล่อหนี แล้วเขาจะแต่งงานกับใครเล่า?“ข้าได้ซักถามผู้ใต้บัญชาของจวนองค์หญิงมาแล้ว ว่ากันว่าหนีออกไปทางเจดีย์หนิงกู่ขอรับ”องครักษ์มีเหงื่อเย็นผุดพราย “ยังมีอีกเรื่อง ข้าน้อยมิ
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง หมอหญิงลั่วช่างแสนดียิ่งนัก” นางหยางยิ้มอย่างรู้ทัน จากนั้นก็เรียกทุกคนเข้ามาภายในจวนมีอาหารวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ ก่อนที่ทั้งสองคนจะกลับมา นางหยางได้สั่งให้สาวใช้ของนางทำความสะอาดห้องที่เป็นที่พักอาศัยของพวกเขาไว้เรียบร้อยแล้ว“กลับบ้านแล้วรูสึกดียิ่งนัก”กู้หว่านเยว่สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วเอนกายนอนลงบนเตียงอย่างสบายตัวนางยกให้จวนกู้เป็นบ้านของนางไปปริยาย“น้องหญิง ข้าจะไปที่ว่าการอำเภอสักเดี๋ยว เจ้าพักผ่อนอยู่ในจวนไปก่อนนะ”ซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่บอกกล่าวกัน หลังจากที่กู้หว่านเยว่กลับมาก็มีเรื่องมากมายที่นางต้องจัดการ“ไปเถอะ”นางให้หงเจานำบัญชีล่าสุดของร้านขายชาดเข้ามาให้ หลังจากเปิดดูหนึ่งรอบก็ไม่ได้ถามสิ่งใดกระทั่งจะสั่งให้คนไปสำนักศึกษาถงซัน เรียกเฉินจื่อวั่งกลับมาหงเจากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เวลานี้ฮูหยินอย่าเพิ่งเรียกเขากลับมาเลยเจ้าค่ะ ผู้อำนวยการเฉินกำลังเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวอยู่”“เขาจะแต่งงานหรือ?”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางจำได้ว่าก่อนหน้านั้นเฉินจื่อวั่งพาเจียงอวิ๋นจิ่นมาหานาง บอกว่าหลังจากที่เจียงฮูหยินมาถึง เขาจะแต่งง
“ฮูหยิน ฮ่องเต้ได้ส่งกองทัพไปโจมตีเจดีย์หนิงกู่แล้ว”นัยน์ตาของซูจิ่งสิงเคร่งขรึมลง ข่าวนี้สร้างความประหลาดใจให้กู้หว่านเยว่อย่างมาก“เร็วขนาดนั้นเชียวหรือ?”แม้ว่าพวกเขาจะวางแผนก่อการกบฏหลังจากที่กลับมาจากทูเจวี๋ยแล้วแต่ก็คาดไม่ถึงว่าฮ่องเต้ชั่วจะนั่งไม่ติด ชิงนำหน้าไปก่อนหนึ่งก้าว“เขาทำสิ่งใด?”“ลักพาตัวองค์หญิงมู่หรง ทำลายการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างต้าฉีและหนานเจียง”นัยน์ตาของซูจิ่งสิงเคร่งขรึมลง “ดูท่าทางจวนองค์หญิงจะมีอันตราย”นางมั่นใจว่าข่าวนี้แพร่สะพัดออกมาจากจวนองค์หญิง กู้หว่านเยว่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างทะลุปรุโปร่งดูท่าทางฮ่องเต้ชั่วคงจะรู้แล้วว่าซูจิ่งสิงรู้ที่มาของเขา จึงได้ร้อนใจเช่นนี้ทันทีที่ออกพระราชโองการ ทหารม้าก็เคลื่อนทัพไปยังเจดีย์หนิงกู่สงครามได้ปะทุขึ้นแล้วกู้หว่านเยว่มีแผนการในใจแล้ว จึงพึมพำออกมาว่า “พรุ่งนี้จะต้องเรียกตัวเกิ่งกวง หลี่เฉินอัน ฟู่หลานเหิง หนานหยางอ๋องและคนอื่น ๆ กลับจวนเพื่อหารือเรื่องสำคัญเสียแล้ว”ซูจิ่งสิงเข้าใจความหมายของกู้หว่านเยว่ทันที จึงพยักหน้าคืนนั้น จดหมายจากนกพิราบหลายฉบับได้ถูกส่งออกจากจวนกู้ ไปยัง
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป