หนานรั่วซีและหนานอันรั่วมีหน้าตาเหมือนกัน แต่วาสนาและชะตากรรมของคนทั้งคู่แตกต่างกันเหลือเกิน หนึ่งคนร่างกายแข็งแรงหนึ่งคนอ่อนแอ แค่เพียงลมพัดเบา ๆ ก็สามารถพรากเอาชีวิตนางไปได้ แต่เหมือนกันแล้วอย่างไรในเมื่อคนที่เขารักไม่ใช่ข้าหนานรั่วซี ความผิดบาปอย่างเดียวที่ข้าทำก็คือการโกหกท่าน "ได้โปรด...ฝ่าบาทโปรดรักข้าเท่าที่ท่านจะรักได้ แม้เพียงเศษเสี้ยวของความรักข้าก็จะน้อมรับมันเอาไว้"
View Moreสายลมแห่งทุ่งหญ้าพัดผ่านแผ่วเบา กลิ่นอายของทุ่งหญ้าทำให้นางรู้สึกสงบใจ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสิ่งที่ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายและปลอดภัย ทัศนียภาพนี้ เป็นทิวทัศน์ที่นางเห็นทุกวันมาตั้งแต่เกิด มองเท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อ หลายคนมักจะคิดว่ามันก็เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน แต่นางไม่คิดเช่นนั้น ต้นไม้ที่สูงขึ้น ผู้คนที่เติบโต ฝูงสัตว์ต่าง ๆ
สำหรับนางแล้วมันไม่เหมือนกันสักวัน วันนี้กับพรุ่งนี้เหมือนกันเสียที่ไหน แม้แต่นางและพี่สาวฝาแฝดที่ใคร ๆ ก็ว่าหน้าตาไม่ต่างกัน หนานรั่วซียังรู้สึกเลยว่าแตกต่าง พี่สาวของนางสดใสราวกับสายน้ำ ดูมีชีวิตชีวาราวกับนกอินทรีที่บินร่อนเหนือทุ่งหญ้าอย่างอิสระ
นางร่างกายอ่อนแอมาแต่เด็กผิดกับแฝดพี่ที่ร่างกายแข็งแรง ตอนเด็กเพราะโดนผึ้งตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งต่อย พิษของผึ้งทำเอานางจับไข้ไปเป็นเดือน ๆ จนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดหลังจากหายป่วย ร่างกายของหนานอันรั่วก็ไม่แข็งแรงดังเก่า จากที่เคยขี่ม้าอย่างอิสระในทุ่งหญ้าต้องมานั่งรักษาร่างกายให้แข็งแรง โตขึ้นมาถึงได้ดีขึ้นมานิดหนึ่ง
ถ้าวันไหนอากาศไม่เย็นจนเกินไป นางมักจะแอบออกไปขี่ม้าเที่ยวเล่นเพียงลำพัง นาน ๆ ที พี่สาวฝาแฝดของนางหนานอันรั่วจะแอบติดตามมาด้วยสักครั้ง ถ้าหนานอันรั่วรู้ว่านางแอบออกมาตามลำพังแฝดพี่จะอารมณ์ไม่ดี นางบอกว่าน้องสาวไม่แข็งแรงไม่อยากให้ไปไหนคนเดียว ถ้าจะไปให้บอกนางด้วย นางร่างกายแข็งแรงไม่ว่าน้องสาวอยากไปไหนนางจะตามไปปกป้องคุ้มครอง
แต่ในวันนี้นั้นหนานรั่วซีอยากจะอยู่คนเดียว จึงแอบออกมาตอนแฝดพี่ไปเรียนหนังสือ แค่คิดถึงหน้าหนานอันรั่วตอนรู้ว่าตนแอบออกขี่ม้าเล่นเพียงลำพัง ผู้เป็นน้องก็นึกตลกแล้ว เกิดห่างกันเพียงไม่กี่นาทีแต่พี่สาวนางทำตัวราวกับว่าเกิดห่างกันหลายปี หนานอันรั่วชอบทำตัวใหญ่ปกป้องคุมภัยนางอยู่เสมอ
คนตัวเล็กรวบชุดคลุมให้กระชับ วันนี้รั่วซีสวมเสื้อคลุมหนังหมาป่าสีเงินอย่างดี นางได้มาจากพี่ชาย เขาบอกว่านางร่างกายทนความเย็นไม่ได้จึงจำเป็นต้องใช้แบบพิเศษ ว่ากันว่าขนของหมาป่าสีเงินอบอุ่นและเป็นของหายาก หนานเจินหยางผู้เป็นพี่ชายจึงตั้งใจเพื่อน้องสาวโดยเฉพาะ
ควบม้าไปได้ไม่นานโพรงไม้ที่นางสร้างเอาไว้ก็ปรากฏ รั่วซีขมวดคิ้ว ที่ตรงนั้นมีชายแปลกหน้าอยู่หลายคน ชุดที่พวกเขาสวมใส่ดูแล้วไม่ใช่คนในเผ่าเดียวกันกับนาง เผ่ารอบข้าง ๆ ก็ไม่ใช่ เป็นเสื้อผ้าของผู้คนที่นางไม่เคยเห็น
หวืด!! นางฟาดแส้ลงไปยังกลุ่มคนที่อยู่ตรงนั้น
“พวกเจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงมายุ่งกับของของข้า” หนานรั่วซีพูดอย่างไม่พอใจ
ชายกลุ่มนั้นวิ่งหลบแส้หนังที่นางฟาดมาออกไปคนละทิศคนละทาง พวกเขาเห็นสตรีผู้หนึ่งใบหน้างดงาม เสื้อคลุมขนหมาป่าสีเงินที่นางสวมใส่ ทำให้นางดูสง่างามน่าค้นหา
“ช้าก่อนแม่นาง ข้าเห็นว่าพวกลูกหมาป่าพวกนี้ดูเหมือนจะป่วย จึงให้ท่านหมอที่ข้าพามาด้วยแวะดูอาการพวกมันเสียหน่อย” ชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีเข้มก้าวเดินออกมาสนทนากับนาง ใบหน้าของเขาหล่อเหลาราวกับรูปสลัก ท่าทางของเขาภูมิฐานสง่างามโดดเด่นกว่าทุกคนตรงนั้น
หัวใจของรั่วซีพลันสั่นไหว นางรู้สึกได้ว่าหัวใจของนางเต้นแรง แต่พอได้ยินว่าเจ้าลูกสุนัขป่วยคนตัวเล็กก็รีบกระโดดลงจากม้าทันที แต่เพราะความเร่งรีบของนาง ตอนลงจากม้าจึงทำให้เจ้าสีหมอกตกใจวิ่งเตลิดหนีหายไปในทุ่งหญ้า
“โอ๊ย” หนานรั่วซีร้องด้วยความตกใจ
หยวนไป๋เจียนรีบปรี่เข้าประคองนาง รั่วซีตกใจรีบสะบัดกายออกจากเขา
“แม่นางระวังด้วย” เขาบอกนางด้วยความเป็นห่วง เมื่อได้ใกล้ชิดกันหยวนไป๋เจียนจึงได้มีโอกาสพิจารณาใบหน้านางชัด ๆ ผู้คนล้วนบอกว่าหญิงสาวชาว ชนเผ่า หน้าตาไม่งดงาม ออกจะตัวใหญ่แถมดูดิบเถื่อน แต่แม่นางผู้นี้กลับมีใบหน้าจิ้มลิ้ม ตัวเล็กกว่าเขาหลายเท่าส่วนสูงของนางก็เพียงแค่ระดับไหล่เขาเท่านั้น
เมื่ออยู่ใกล้เขาหนานรั่วซีเขินอายจนรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดง คนตัวเล็กแสร้งขมวดคิ้วทำหน้าเคร่งเครียดและผละออกจากเขา
“พวกมันเป็นอะไร” นางควบคุมสติเปลี่ยนเรื่องและเดินไปยังโพรงไม้ที่ตนเองเป็นคนสร้างเอาไว้อย่างลวก ๆ
“น่าจะเพราะอากาศที่นี่หนาวไป และขาดความอบอุ่นจากแม่ เลยป่วย”
“น่าสงสารนัก ข้าได้ยินคนในเผ่าบอกว่าพวกมันถูกแม่ทิ้งไป ถ้ามีโอกาสข้าก็มักจะแวะมาเยี่ยมพวกมัน”
คนตัวสูงมองนาง แววตาของนางเศร้าสร้อย นางถือว่าเป็นสตรีที่งดงาม แต่ท่าทางอมทุกข์ ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด ถึงนางจะดูสวยงามแต่ก็เปราะบางราวกับแก้วกระเบื้อง เขาไม่ชอบผู้หญิงที่เป็นเช่นนี้ หยวนไป๋เจียนชอบผู้หญิงที่มั่นใจในตนเอง อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสนุก
“สงสัยเจ้าคงมาไม่บ่อย” หยวนไป๋เจียนเอ่ย เพราะเห็นว่าเจ้าลูกหมาป่าพวกนี้ตัวผอมแห้งหิวโซ
“ข้าก็อยากจะมาบ่อย ๆ แต่เพราะเหตุผลบางอย่างทำให้ข้าออกมาไม่ได้” หากนางแข็งแรงต่อให้ลมหนาวรุนแรงแค่ไหน นางก็ฝ่าออกมาได้
“แล้วทำไมเจ้าไม่รับมันไปอยู่ด้วย” หยวนไป๋เจียนมองใบหน้าเล็ก ๆ ของนาง อากาศยิ่งเย็นขึ้นสายลมเย็นพัดผ่านจนแก้มของนางแดงราวกับผลผิงกั่ว
“ก็ไม่ได้อยู่ดี ข้าคิดว่าสักวันหนึ่งแม่ของพวกมันคงจะกลับมารับลูก ๆ ”
หยวนไป๋เจียนรู้สึกเห็นด้วยกับคำพูดของนางส่วนหนึ่ง
“แล้วถ้าแม่มันไม่กลับมาล่ะ เจ้าจะปล่อยให้มันตายอยู่ตรงนี้งั้นหรือ”
“เอ่อ...” นางไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น “ถ้าอีก 3 วันแม่ของมันไม่มาจริง ๆ ข้าก็จะให้คนมาพามันกลับไปที่เผ่า” หลังจากเล่นกับเจ้าตัวน้อยตรงแล้วนั้น หนานรั่วซีก็ยืนขึ้นพูดคุยกับเขา
ใบหน้างดงามแต่ซีดเซียวของนาง หยวนไป๋เจียนรู้สึกว่านางช่างไม่มีเสน่ห์แบบสตรีเอาเสียเลย
“ไม่ใช่ว่าแม่ของเจ้าพวกนี้กลายเป็นเสื้อคลุมของเจ้าไปแล้วหรือ” เขาสังเกตเห็นเสื้อคลุมบนตัวนาง เสื้อตัวนั้นดูก็รู้ว่าเป็นของหมาป่าสีเงิน คนธรรมดาใช่ว่าจะหามาได้ง่าย ๆ เขาเดาว่านางน่าจะเป็นพวกราชนิกุลของที่นี่
“ย่อมไม่ใช่ เจ้าพวกนี้เป็นพันธุ์เล็ก รูปร่างของมันไม่พอจะถลกหนังมาทำเสื้อคลุมหรอก” นางพูดตามความเป็นจริง
"ไม่ใช่ก็ดีแล้ว”
ตอนแรกก็รู้สึกเขาหล่อดี ผิดจากคนในเผ่าของนาง แต่ตอนนี้ท่าทางเย่อหยิ่งของเขามันลดทอนความหล่อของเขาลงไปเยอะ นางลอบเบ้ปากในใจ
“องค์ชาย!! พวกเราต้องไปแล้ว หากช้ากว่านี้จะเลยเวลา” ผู้ชายชรามีอายุคนหนึ่งร้องเตือน
หนานรั่วซีมองเขา ท่าทางคนผู้นั้นยังเป็นกังวลเรื่องนางกับพวกลูกหมาป่าพวกนี้
“เจ้าไปเถอะไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ข้าจะเอาผ้าห่มกับอาหารมาให้พวกมันอีก”
“แล้วม้าของเจ้า มันหนีไปแล้ว” ดูท่านางจะเข้าใจผิดคิดว่าเขากังวลใจเรื่องพวกลูกหมาป่า แต่เขากังวลเรื่องนางต่างหาก ม้าสีหมอกของนางตกใจหนีหายไปตั้งแต่ต้นนางจำไม่ได้หรือ
หนานรั่วซีเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้เช่นกันว่าม้าของนางหนีไปแล้ว
“งั้นจะทำอย่างไรดี”
หยวนไป๋เจียนส่งมือให้นาง “งั้นไปด้วยกันเถอะ ให้ข้าไปส่งเจ้าที่บ้าน”
คนตัวเล็กอ้ำอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก ตอนแรกก็คิดว่าจะกลับเอง แต่เมื่อนึกถึงระยะทางแล้วยอมไปกับเขาก็ได้ นางส่งมือให้หยวนไป๋เจียน ลักษณะของคนทั้งคู่บนหลังม้าตอนนี้จึงดูคล้ายกับคู่รักก็ไม่ปาน
“บ้านเจ้าอยู่ที่ไหน”
เป็นเรื่องที่นางอ้ำอึ้งอีกเช่นกัน นางไม่อยากให้เขารู้ว่าบ้านนางอยู่ที่ไหน และรู้สถานะของนาง
“......”
แค่เรื่องบ้านนางยังไม่ตอบเขา จะให้เขาไปส่งที่ไหนนางก็อ้ำอึ้ง แต่เมื่อคิดถึงเสื้อคลุมหมาป่าสีเงินล้ำค่าตัวนั้น เอานางไปย่อนไว้หน้าพระราชวังของแคว้นซีตันน่าจะได้ละมั้ง
“งั้นข้าส่งเจ้าที่หน้าวังของแคว้นซีตัน”
“มะ ไม่ได้” นางละล่ำละลัก “ส่งข้าที่ทางเข้าเมืองก็พอ ที่เหลือข้าไปต่อเองได้
“อ้อ”
สนทนากันเสร็จหยวนไป๋เจียนก็รีบควบม้าไปในทันที
ความรู้สึกนี้นางก็บอกไม่ถูก แม้แต่กับพี่ชาย รั่วซีเองก็ไม่เคยขี่ม้าตัวเดียวกันและไม่เคยใกล้ชิดชายใดขนาดนี้มาก่อน คนตัวเล็กนั่งตัวเกร็ง ไม่กล้าขยับเขยื้อน
เมื่อใกล้ชิดนางขนาดนี้ เขาได้กลิ่นยาสมุนไพรหอมเย็นจากตัวนาง ไม่ใช่กลิ่นเครื่องหอมจากดอกไม้ดังเช่นสตรีทั่วไป ดูท่านางไม่ใช่คนที่มีร่างกายแข็งแรงกินยาทุกวันเช่นนี้ทำให้สมุนไพรพวกนั้นเข้าไปผสานกับร่างกายของนางจึงเกิดเป็นกลิ่นหอมประหลาด
กลุ่มอาชาของหยวนไป๋เจียนเคลื่อนตัวไปจนถึงทางเข้าเมือง
รั่วซีเห็นเช่นนั้นจึงร้องเรียกให้เขาปล่อยนางลง
“คุณชายปล่อยข้าลงได้แล้ว”
“ให้ข้าไปส่งถึงบ้านเถอะ” เขาไม่ฟังคำเรียกร้องของนาง
“แล้วท่านรู้หรือว่าบ้านข้าคือที่ไหน” นางเงยหน้ามองหน้าเขา
เห็นใบหน้าเขาเพียงด้านข้างหนานรั่วซีก็รู้สึกหัวใจเต้นระรัว เขาหล่อเกินไป เกินไปจนทำให้นางรู้สึกหวั่นใจ
“ไม่ใช่พระราชวังแคว้นซีตันหรอกหรือ” เขาพูดหยั่งเชิง
“ห๊า ท่านรู้ได้อย่างไร” นางตกใจที่เขารู้ความลับของนาง
“หึ ข้าก็พูดไปเรื่อย เป็นเรื่องจริงสินะ” เขาส่งเสียงหึในลำคอ “องค์หญิงออกมาเที่ยวเล่นเช่นนี้ รู้หรือไม่ว่าไม่ปลอดภัย”
“ก็ไม่เคยมีวันไหนไม่ปลอดภัย” นางทำหน้าบูดบึ้งที่เขารู้ความลับของนาง นางอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยรู้สึกสักครั้งว่าสถานที่แห่งนี้เป็นอันตราย
ข่าวการมาเที่ยวเป่ยฮั่นของคนจากซีตัน ทำเอาหยวนไป๋เจียนรู้สึกตื่นเต้นจนไม่เป็นอันทำอะไร เขาคิดถึงหนานอันรั่วอยู่ทุกวัน เมื่อได้ยินว่าจะได้พบหน้านางอีกครั้งก็ทนไม่ไหว ผละจากงานทุกอย่างที่มีอยู่ในมือ เตรียมการต้อนรับนางหยวนไป๋เจียนส่งคนไปสืบข่าวว่าตอนนี้พวกนางเดินทางถึงไหนแล้ว หากเป็นไปได้เขาจะไปสมทบกับพวกนางที่กลางทางและออกเดินทางด้วยกัน ต่อให้เหน็ดเหนื่อยแต่ได้เจอหน้านางเขาก็มีความสุข หยวนไป๋เจียนคิดถึงแต่ใบหน้างดงามและรอยยิ้มสดใสของหนานอันรั่วเพียงคนเดียวเขารู้จุดประสงค์ของการเดินทางมาครั้งนี้ นอกจากท่องเที่ยวในภาคกลาง ยังถือโอกาสพาองค์หญิงผู้นั้นมารักษาอาการป่วยเรื้อรังอีกด้วย นางชื่ออะไรเขาจำไม่ได้แล้ว จำได้แค่หนานอันรั่วเพียงผู้เดียว“ท่านอ๋อง ท่านจะร่วมเดินทางกับพวกเขาเช่นนั้นหรือ” ผู้ติดตามคนหนึ่งถาม“ไม่ต้องถามให้มากความของที่ข้าสั่งให้พวกเจ้าเตรียม เตรียมไว้หรือยัง”“กระหม่อมเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว หากถึงเมืองหน้าด่านก็สามารถมอบให้พวกเขาได้ทันที”นอกจากพบหน้านางเขายังเตรียมสิ่งของมากม
คนจากซีตันเดินทางเรื่อย ๆ ไม่เร่งรีบ ระหว่างทางมีปะทะกับพวกกลุ่มโจรบ้างประปราย แต่ทุกที่ที่พวกเขาผ่านไป จะมีสหายของบิดาคอยให้การต้อนรับเสมอ พวกเขาจึงรู้สึกสนุกมากกว่าเหน็ดเหนื่อยทุกอย่างเป็นสิ่งที่ไม่เคยพบเจอ หนานเจินหยางไม่ได้ตื่นตกใจกับเรื่องพวกนี้มากนัก เขาท่องเที่ยวเป่ยฮั่นกับผู้เป็นบิดาอยู่บ่อยครั้ง ผิดกับน้องสาวทั้งสองโดยเฉพาะหนานอันรั่ว นางทำให้ทุกอย่างรอบกายเป็นเรื่องสนุกน่าตื่นเต้น ส่วนหนานรั่วซีก็ได้แต่เฝ้ามองสิ่งต่าง ๆ อย่างเงียบ ๆในใจของหนานเจินหยางได้แต่บอกว่าดีแล้วๆ ดีที่หนานรั่วซีนั่งเงียบ ๆ หากนางป่วนเขาด้วยอีกคนเกรงว่าเขาจะรับมือไม่ไหว ระหว่างทางหนานอันรั่วแวะซื้อสิ่งของนู่นนี่นั่นจนต้องหารถม้าเพิ่ม สิ่งนั้นสิ่งนี้นางล้วนอยากได้ไปหมด แม้จะบอกว่าที่ซีตันก็มี แต่นางว่าของพวกนั้นนางไม่ได้เลือกเอง นางไม่ชอบ นางชอบสิ่งของที่ตัวเองเป็นผู้เลือกต่างหากจากทัศนียภาพที่เป็นทุ่งหญ้ากลายเป็นป่าเขา แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเริ่มเข้าใกล้ดินแดนเป่ยฮั่นไปในทุกทีเดินทางมาเกือบครึ่งเดือนอายงที่ติดตามเดินทางมาด้วย พูดกับรั่วซีนับคร
คณะราชทูตจากเป่ยฮั่นจากไปได้ไม่กี่วัน หนานรั่วซีก็ฟื้นขึ้น แพขนตาของนางสั่นไหว พระพี่เลี้ยงเห็นการเคลื่อนไหวของนางเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน ไม่นานคนตัวเล็กที่นอนไม่ได้สติก็ลืมตาฟื้นขึ้น อย่างช้า ๆ“หิวน้ำ” นางร้องเรียกหาน้ำอันอันที่คอยดูแลนางไม่ห่างกายตกใจจนน้ำตาไหล องค์หญิงของนางฟื้นแล้ว รีบกุลีกุจอทำตามที่คนป่วยบอก“เจ้าค่ะ น้ำอยู่นี่เจ้าค่ะ”“อันอันเจ้าร้องไห้ทำไม ข้าไม่ได้เป็นอะไรมากเสียหน่อย”“ร้องไห้เพราะเป็นห่วงพระองค์ไงเจ้าคะ”“หึ ข้าหลับไปกี่วันกันล่ะครั้งนี้” นางถามพระพี่เลี้ยงดูท่าครั้งนี้นางน่าจะหลับไปนาน“ราว ๆ เดือนครึ่งเจ้าค่ะ ตั้งแต่หยวนอ๋องพาท่านกลับมา ท่านก็ไม่ฟื้นอีกเลย จนกระทั่งหยวนอ๋องจากไปวันนี้วันที่ 5 ท่านจึงฟื้น”คำพูดของอันอันทำนางตกใจ หลับไปนานขนาดนั้นเชียวหรือ เมื่อไหร่กันที่ร่างกายนางจะแข็งแรงเสียที แม้กระทั่งเขาจากไปแล้วนางก็ไม่ได้เห็นหน้าเขา น่าเศร้าใจนัก“ระหว่างนี้ใครมาเยี่ยมข้าบ้าง
ร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดของหนานรั่วซีถูกเขาพาไปส่งที่ตำหนักของนาง รอยแผลจากการถูกสุนัขป่ากัดที่แขนซ้ายของนาง สร้างความหวาดหวั่นแก่พระพี่เลี้ยง ทุกคนเกรงว่านางจะกลายผู้หญิงที่เสียโฉม เรียวแขนบอบบางขององค์หญิงมีรอยแผลฉกรรจ์ ร่างกายสตรีจะมีรอยแผลเป็นได้อย่างไรคนที่เกี่ยวข้องรีบตามฮ่องเต้และพระชายามาในทันที หมอหลวงทั้งในวังและนอกวังถูกตามมาเพื่อยื้อชีวิตองค์หญิงหนานรั่วซีหนานอันรั่วและหนานเจินหยางตามมาทีหลัง ผู้เป็นพี่กอดน้องสาวคนรองเอาไว้แน่น นางตัวสั่นหวาดกลัวราวกับลูกนก ตอนที่รั่วซีโดนผึ้งพิษต่อยก็ครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เขาเห็นสายตาหวาดกลัวของนาง ความกลัวที่จะสูญเสียเป็นบาดแผลที่คอยหลอกหลอนน้องสาวเขามาตลอดครั้งนั้นเป็นเพราะน้องสาวคนเล็ก วิ่งเข้ามาช่วยเหลือหนานอันรั่วผู้เป็นพี่ที่กำลังตกอยู่ในดงผึ้งพิษ จึงทำให้นางได้รับบาดเจ็บและส่งผลกระทบต่อร่างกายนางมาจนถึงปัจจุบัน“หยวนอ๋องขอบใจท่านมากที่ช่วยเหลือนาง” หนานปาอี้ขอบคุณชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้าง“โชคดีที่ข้าสังหรณ์ใจ วันที่พบนางวันแรก ข้าสังเกตเห็นรอยเท้าของฝูงหมาป่า และคิดว่านางอาจจะไปหาพวกมันอีก จึงตามไปดู” เขาพูดอย่า
ความรู้สึกที่ถูกจ้องมอง หนานอันรั่วรู้สึกได้ เมื่อมองไปยังฝั่งตรงข้ามสายตาของนางก็ปะทะเข้ากับสายตาคมกริบที่แฝงไปด้วยความเจ้าชู้ของเขา นางรู้สึกประหม่า คนผู้นั้นไร้มารยาทนัก จ้องมองนางอยู่ได้หนานเจินหยางเห็นท่าทีประหม่าของน้องสาวจึงขยับเข้าไปใกล้นาง และสั่งให้นางไปนั่งด้านหลัง เขาเห็นสายตาเช่นนั้นของหยวนอ๋องก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน ถ้าเขาไม่ใช่อ๋องจากเป่ยฮั่นป่านนี้เขาจับควักลูกตาแล้ว ยังมีเมื่อตอนบ่ายที่ขี่ม้ามากับซีเอ๋อ ‘น่าจับแยกร่างจริง ๆ’ ผู้เป็นพี่กำหมัดแน่น“รั่วเอ๋อ ดึกแล้วไปพักผ่อนดีหรือไม่” หนานเจินหยางพูดกับน้องสาว“นั่นสินะ ข้าควรกลับไปพักเสียที” นางเห็นด้วยกับคำพูดของพี่ชายหนานอันรั่วรีบเร่งเดินออกจากโถงงานเลี้ยง หยวนไป๋เจียนเห็นเช่นนั้นก็แอบลุกตามออกไป หวังว่าจะได้พูดคุยกับนางอีกสักครั้ง“ท่านตามข้ามาทำไม” คนตัวเล็กรู้ตัวว่าเขาเดินตามมา“ข้ามีหลายเรื่องที่อยากให้เจ้าแนะนำ” หยวนไป๋เจียน ตั้งใจหาเรื่องสนทนากับนาง“ถามคนอื่นก็ได้ ข้าไม่ใช่คนรอบรู้” นางปฏิเสธ“พูดคุยกับผู้อื่นไม่สนุกเท่ากับเจ้า” คนตัวสูงขยับเข้าไปใกล้นาง รูปร่างของสองพี่น้องเท่ากันไม่มีผิด พวกนางสูงแค่เพียงระดั
กลุ่มอาชาของราชทูตจากเป่ยฮั่นใกล้เข้ามา กองทหารแคว้นซีตันออกมารอต้อนรับ รวมถึงองค์ชายหนานเจินหยางและองค์หญิงหนานอันรั่วพอเงาของกลุ่มคนชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ คิ้วคมเข้มของหนานเจินหยางก็ขมวดเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัวสตรีที่นั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกันกับเขาไม่ใช่ว่าเป็นน้องสาวเขาหรอกหรือหนานอันรั่วเองก็เช่นกันไหนว่าหนานรั่วซีพักผ่อนอยู่ในห้อง เหตุใดจึงโผล่มาที่นี่พร้อมกับคนจากเป่ยฮั่นหยวนไป๋เจียนลงจากม้าก่อน เขารอรับเพื่อประคองนางตอนลงจากม้าแต่เมื่อเห็นสีหน้าขององค์ชายหนานเจินหยาง เขาจึงปล่อยให้พี่ชายนางเป็นคนมารับแทน“เชิญองค์ชาย”หนานเจินหยางส่งมือให้น้องสาว เด็กคนนี้ดื้อนักขนาดร่างกายไม่แข็งแรงยังสามารถเอาเรี่ยวแรงที่มีอยู่น้อยนิดออกไปเล่นซนข้างนอกได้อีก“เสด็จพี่” นางทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม แต่เพราะตอนนี้ร่างกายรู้สึกร้อนรุ่มคล้ายกับจะเป็นไข้ เห็นท่าทางเช่นนั้นของน้องสาวหนานเจินหยางจึงเปลี่ยนเป็นอุ้มลงมาจากม้าแทน“ท่านอ๋องลำบากท่านแล้ว น้องสาวข้าคนนี้ซุกซนนัก” เขาพูดทั้งที่ยังอุ้มนางอยู่ “ตอนนี้ข้าคงต้องพานางกลับเข้าไปด้านในก่อน รั่วซีร่างกายไม่แข็งแรง ข้าจะให้องค์หญิงอันรั่วเป็นผู้รับรองท
Comments