LOGINซูจิ่งสิงแตกต่างจากฮ่องเต้คนอื่น เขาเคยเป็นแม่ทัพมาก่อน และเป็นเจิ้นเป๋ยอ๋องที่มีชื่อเสียงโด่งดังก่อนที่จะมาเป็นฮ่องเต้เหล่าแม่ทัพที่อยู่ที่นี่ มีจำนวนไม่น้อยที่เคยเป็นทหารผู้ใต้บัญชาของเขา ขอพูดอย่างอวดดี หากว่าด้วยเรื่องการทำศึก ไม่แน่ว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ตรงนี้อาจไม่มีใครเอาชนะซูจิ่งสิงที่เป็นฮ่องเต้“ฝ่าบาทอยากทรงนำทัพด้วยตัวเอง พวกกระหม่อมย่อมสนับสนุน เพียงแต่ไม่ทราบว่าพระองค์เลือกรองแม่ทัพแล้วหรือยัง”ขุนนางฝ่ายกลาโหมหันไปสบตากัน ต่อมาจึงพากันสอบถามซูจิ่งสิงครุ่นคิดชั่วครู่ “การทำศึกครั้งนี้แตกต่างจากที่ผ่านมา เมื่อก่อนพวกเราล้วนออกไปทำศึกกันบนหลังม้า แต่ครั้งนี้พวกเราต้องนั่งเรือออกไป ดังนั้นคนที่ว่ายน้ำไม่เก่งย่อมไปด้วยไม่ได้ คนที่เมาเรือก็ไม่ได้เช่นกัน แม่ทัพอย่างพวกเจ้าทั้งหลายล้วนเคยติดตามเรา ความสามารถในการทำศึกของพวกเจ้าเราย่อมรู้ดีไม่ว่าจะพาพวกเจ้าคนใดไปด้วย เราเชื่อว่าพวกเจ้าจะสามารถทำหน้าที่ได้อย่างดี”ซูจิ่งสิงพูดเอาใจทุกคนก่อน หลังจากนั้นค่อยเข้าสู่ประเด็นสำคัญ“ท่ามกลางพวกเจ้าที่เป็นแม่ทัพใครว่ายน้ำเป็น ใครที่นั่งเรือแล้วไม่เมาเรือ จงก้าวออกมาสองก้าว”
ดูเหมือนจะซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชนยากจะสังเกตเห็น แต่หากตรวจสอบให้ละเอียด จะกระชากพวกเขาออกมาอย่างง่ายดายอย่างไรก็เป็นคนนอก ไม่ได้เติบโตมาในต้าฉีตั้งแต่เด็กเว่ยเฉิงเอ่ยข้อเสนอแนะ “ฝ่าบาทต้องประกาศความผิดของคนพวกนี้ให้ใต้หล้ารับรู้ เพื่อกระตุ้นความโกรธของชาวบ้าน ยิ่งประชาชนเกลียดพวกเขา จะยิ่งใส่ใจการจับตัวพวกเขา”ในใจเขาย่อมมีวิธีเกลี้ยกล่อม“อย่างไรกำลังของทางการก็มีจำกัดอีกทั้งหากค้นหาในหมู่ชาวบ้าน ย่อมทำให้แตกตื่น หากประชาชนไม่เข้าใจ เมื่อเวลาผ่านไปนาน อาจทำให้ตัดพ้ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่สู้ประกาศสิ่งที่พวกเขากระทำให้ใต้หล้ารับรู้ ถึงตอนนั้นประชาชนจะเข้าใจการกระทำของพวกเรา”นี่ยังมีข้อดีอีกอย่างหนึ่ง“พวกเขาอาจจะอาสาช่วยเหลือราชสำนัก เพื่อลากตัวคนชั่วให้ได้ในเร็ววัน ไม่ใช่เผ่าพันธุ์เรา ย่อมมีข้อแตกต่าง เหตุผลเช่นนี้ พวกชาวบ้านต่างรู้ดี”สิ่งที่เว่ยเฉิงพูด มีเหตุผลซูจิ่งสิงพยักหน้าอย่างเห็นชอบ “ก็ดี ทำตามที่เจ้าว่า เราจะประกาศความชั่วของพวกเขาในทุกเรื่องให้ใต้หล้าได้รับรู้”แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต้องปิดบังเอาไว้นั่นคือข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหาย“ครั้งนี้หญิงสาวที่ถู
ในจดหมายนายอำเภอยังกล่าวถึง มีหญิงสาวสิบสองคนหลังจากถูกคนพวกนั้นย่ำยี เมื่อแต่ละคนกลับบ้าน มีคนฆ่าตัวตายบ้าง มีคนเสียสติบ้างยังมีหญิงสาวอีกส่วนหนึ่ง แม้ยังมีชีวิตอยู่แต่ก็โดนเหยียดหยาม โดนคนในตระกูลดูถูก ความจริงไม่ต่างจากตายเมื่อกู้หว่านเยว่ได้อ่านเนื้อหาในจดหมาย รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยจะเห็นได้ว่านายอำเภอก็เสียใจมากเช่นกันสำหรับชะตากรรมของหญิงสาวเหล่านี้ แต่ก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ ทำได้เพียงเขียนจดหมายมากราบทูลฮ่องเต้และฮองเฮา สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในท้องที่คำว่าบริสุทธิ์ต่อให้กู้หว่านเยว่อยากเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเปลี่ยนได้ในทันที ต่อให้เป็นยุคใหม่ เกรงว่าหญิงสาวเหล่านี้ก็ไม่พ้นถูกคนนินทา“ข้าจะสั่งคนไปมอบเงินจำนวนหนึ่งเพื่อชดเชยให้พวกนาง” ซูจิ่งสิงเงียบไปสักพัก ก่อนจะกล่าวเช่นนี้ทั้งสองคนรู้ดีว่าเงินจำนวนนี้สำหรับบาดแผลที่พวกนางได้รับถือว่าเล็กน้อยมาก แต่นี่คือสิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้“เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่ปล่อยให้พวกเขาเหิมเกริมได้นานนัก ไม่ช้าหรือเร็วจะจัดการพวกเขาทั้งหมด”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว ขณะนี้ถึงได้ตระหนักว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา ได้มีคนจ
หัวหน้าขันทีรับหนังสือมาอย่างนอบน้อม “บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้”ตอนออกไป ในใจเขายังครุ่นคิดว่า ใต้เท้าฟางผู้นี้ช่างมีวาสนาเหลือเกินที่สามารถเข้าตาทั้งสองท่าน หากสามารถวาดแบบเรือได้จริง ต่อไปคงมีวาสนาที่เสวยสุขไม่หมด“ฝ่าบาท รายงานด่วนจากเมืองอวี้พ่ะย่ะค่ะ”กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงกำลังพูดคุยกัน องครักษ์ด้านนอกตะโกนเสียงดังกะทันหัน“เมืองอวี้?”สีหน้าซูจิ่งสิงเผยความประหลาดใจ เมืองอวี้เป็นสถานที่ไม่ใหญ่แห่งหนึ่ง ชาวบ้านชีวิตเรียบง่าย ที่ผ่านมาไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นอีกทั้งหลายปีที่ผ่านมาไม่มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้น เหตุใดจึงมีรายงานด่วนเมื่อคิดได้ดังนั้น ซูจิ่งสิงไม่ลังเลอีกต่อไป กล่าวเสียงดัง “นำจดหมายเข้ามา”องครักษ์ด้านนอกรีบนำจดหมายเข้ามาทันที“ฝ่าบาท เชิญทอดพระเนตร”จดหมายที่เป็นสุดยอดความลับเช่นนี้ จำเป็นต้องมอบให้ถึงมือฮ่องเต้ซูจิ่งสิงเปิดจดหมายออก พวกบ่าวในตำหนักล้วนถอยห่างออกไปสองก้าวเขามาข้างกายกู้หว่านเยว่ แล้วเปิดจดหมายออก“จดหมายนี้มาจากนายอำเภอเมืองอวี้” กู้หว่านเยว่เห็นชื่อที่ลงท้ายซูจิ่งสิงเองก็สังเกตเห็นเช่นกันหลังอ่านไม่กี่บรรทัด สีหน้าของทั้งสองคนย่ำแย่มาก
เมื่อฟางเฉียนเปิดฉากสนทนาแล้ว ก็กลัวว่าตัวเองจะพูดน้อยเกินไปหัวหน้าขันทีพูดขัดเขาอย่างกระอักกระอ่วน “ใต้เท้าฟาง คำกล่าวของท่านพวกนี้ใต้เท้าโจวเคยทูลฝ่าบาทแล้ว”“เช่นนั้นหรอกหรือ”“ดังนั้นฝ่าบาทถามสิ่งใด ท่านค่อยตอบก็แล้วกัน” หัวหน้าขันทีไม่อยากทำให้เขาตกใจ จึงพยายามทำเสียงนุ่มนวลฟางเฉียนเข้าใจแล้ว ซูจิ่งสิงจึงเริ่มถามเขาเกี่ยวกับการออกแบบเรือ แล้วยังนำภาพเรือที่ซูจื่อชิงสร้างขึ้นกับเรือรบของแคว้นอู๋วั่งให้เขาดู“เจ้าลองดู สามารถสร้างเรือที่ดีกว่าเรือรบในภาพหรือไม่?”ซูจิ่งสิงเอ่ยถาม“เจ้าพูดมาตามจริง ต่อให้ทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว”ฟางเฉียนหยิบภาพแบบขึ้น หลังจากตรวจดูอย่างละเอียด สุดท้ายจึงตอบอย่างมั่นใจ“ฝ่าบาท กระหม่อมทำได้พ่ะย่ะค่ะ”ซูจิ่งสิงตาวาวเป็นประกาย “จริงหรือ”“พ่ะย่ะค่ะ” ฟางเฉียนกล่าว “ยามว่างกระหม่อมวาดภาพแบบเรือไว้มากมาย เพียงแต่ขอฝ่าบาทให้เวลากระหม่อมสองวัน กระหม่อมจะวาดแบบเรือรบที่คิดไว้ออกมา ถึงยามนั้นจะให้พระองค์ทรงทอดพระเนตร”ในใจซูจิ่งสิงหายกังวล “ได้ ช่วงนี้เจ้าพักอยู่ที่กรมโยธาธิการเลยนะ เราจะให้ขุนนางในกรมโยธาธิการทำงานร่วมกับเจ้า เจ้าไม่
“เจ้าก็คือฟางเฉียนหรือ?”“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้นั่งอยู่บนบัลลังก์สูง สองขาฟางเฉียนสั่นไม่หยุด ก้าวเข้าไปคุกเข่า แล้วตอบอย่างระวังบรรพบุรุษของฟางเฉียนล้วนทำการค้า นอกจากโรงขายเรือก็ยังมีกิจการอย่างอื่น เพราะกิจการใหญ่โต จึงต้องจ่ายภาษีจำนวนมาก ดังนั้นจึงพอรู้จักกับขุนนางท้องที่แต่ฟางเฉียนไม่เคยเข้าเฝ้ามาก่อน ไม่เพียงแค่เขา นับจากเขาขึ้นไปอีกสามรุ่นล้วนไม่เคยเข้าเฝ้าฮ่องเต้เขาถือเป็นครั้งแรกและเป็นคนแรกหลายวันก่อน ใต้เท้าโจวไปหาเขาอย่างเร่งรีบ เพื่อแจ้งเขาว่าฮ่องเต้ต้องการให้เขาเข้าเฝ้า เขายังนึกว่าใต้เท้าโจวล้อเล่น“ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะพบข้า ใต้เท้าโจว ท่านล้อเล่นอะไรกัน ข้าเป็นเพียงพ่อค้าตัวเล็ก ๆ เท่านั้น กระทั่งท่านอ๋องยังไม่เคยพบ อย่าว่าแต่ฮ่องเต้เลย พระราชวังนั่น ข้าก็คู่ควรเข้าไปหรือ?”ฟางเฉียนพูดจาเยาะเย้ยตัวเอง จนกระทั่งพบว่าสีหน้าของใต้เท้าโจวเคร่งเครียดมากขึ้น ถึงได้รู้สึกว่าผิดปกติ“สิ่งที่ท่านพูด เป็นเรื่องจริงหรือ?”“ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันต้องการพบข้าจริงหรือ? แต่ว่า แต่ว่าเป็นเพราะเหตุใดเล่า?”ฟางเฉียนคิดไม่ออก เขาเป็นเพียงประชาชนตัวเล็ก ๆ







![เฟิ่งหวง [鳳凰]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)