“รังแกกันเกินไปแล้ว ไป ไปเอาเรื่องพวกเขา!”คนกลุ่มหนึ่ง บ้างก็ทุ่มชาม บ้างก็ด่าทอ ผลักคนที่เข้ามาห้ามปรามออกไปด้านข้าง แล้วมุ่งหน้าไปเอาเรื่องกับกองทัพหนานเจียงด้วยความโกรธเกรี้ยว“ท่านพี่ ท่านนี่มันร้ายจริง ๆ”กู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงออกจากมิติเวลานี้ รอบด้านวุ่นวายไปหมด ฟ้าก็มืดลงแล้วไม่มีใครสังเกตเลยว่ามีคนสองคนโผล่ขึ้นมาจากมุมห้องโดยไม่มีที่มาที่ไปมุมปากของซูจิ่งสิงแฝงไปด้วยรอยยิ้มเอ็นดู “มีแต่ข้าที่ร้ายหรือไร คนที่เก็บอาหารไปหมดคือเจ้าต่างหาก”“อาหารในค่ายทหารของศัตรูแย่จริง ๆ สู้ของพวกเราไม่ได้เลย”กู้หว่านเยว่เลือกอาหารที่เก็บกลับมาอย่างพิถีพิถันมุมปากของซูจิ่งสิงปรากฏรอยยิ้มที่ดูลึกลับ“อยากไปร่วมสนุกอีกหรือไม่?”“ไปสิ”เรื่องสอดรู้สอดเห็น รอดูความสนุก ๆ อะไรแบบนี้ นางชอบที่สุดแล้ว“เจ้ารออยู่ที่นี่”ซูจิ่งสิงพุ่งตัวออกไป ทำให้ทหารชั้นผู้น้อยของราชสำนักสองคนสลบหลังจากถอดเสื้อผ้าของพวกเขาออกแล้ว ก็ถือเสื้อผ้าแล้วพุ่งตัวกลับมา“เปลี่ยนชุดสิ”เขายื่นเสื้อผ้าชุดหนึ่งให้กู้หว่านเยว่หลังจากทั้งสองคนเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก็รีบวิ่งตามกลุ่มใหญ่ไป ในเวลานี้ กองทัพขอ
“ข้าไม่เป็นไร” กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าเบา ๆ ส่งสัญญาณให้ซูจิ่งสิงไม่ต้องพูดอะไรอีก เพื่อไม่ให้คางคกที่อยู่ข้างในนั้นพบเข้านางดูออกว่า คางคกตัวนั้นมีจิตวิญญาณอยู่บ้างทั้งสองคนฟังต่อไปตรงหน้าของชวีเฟิงมีหญิงชราคนหนึ่งยืนอยู่ ในมือของหญิงชราถือหุ่นไม้ตัวหนึ่ง เวลานี้ นางกำลังขยับหุ่นไม้“ท่านทูตใหญ่วางใจได้ แม่ทัพของเจดีย์หนิงกู่ถูกควบคุมแล้วตอนนี้ เขากำลังทรมานจนอยากตายแต่ก็ตายไม่ได้”กู้หว่านเยว่รู้สึกใจหายวาบ แม่ทัพที่คนผู้นี้พูดถึง หรือว่าจะเป็นเกาเจี้ยน?“ดี”บนใบหน้าของชวีเฟิงปรากฏรอยยิ้มพึงพอใจ“ฮ่องเต้ต้าฉีตรัสว่า เจดีย์หนิงกู่เป็นดินแดนทุรกันดาร เดิมทีก็ไม่ได้มีแม่ทัพมากมาย”“เพียงแค่พวกเราควบคุมแม่ทัพเหล่านี้ทีละคน ทำให้พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ถึงตอนนั้น ก็สามารถเอาชนะได้โดยไม่ต้องสู้รบ”ใบหน้าของเขาหล่อเหลา ดวงตาเรียวยาวคู่หนึ่ง หางตาเชิดขึ้นเล็กน้อย มองดูก็รู้ว่าเป็นคนหยิ่งยโส“ท่านทูตใหญ่มีแผนการยอดเยี่ยม” หญิงชราประจบประแจงขณะที่กำลังพูด ซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมห้องก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน แต่ละคนจับตัวคนหนึ่งไว้“พวกเจ้าเป็นใคร?”ชวีเฟ
กู้หว่านเยว่มองเขาแวบหนึ่ง สายตานั้นราวกับจะพูดว่า เจ้าหนู ถ้าเจ้าไม่สารภาพ ก็มีคนอื่นสารภาพอยู่ดี“ข้ากำลังถามเจ้าว่าผมที่ผูกอยู่บนหุ่นไม้นี่เป็นของใคร? ใช่ของแม่ทัพเกา เกาเจี้ยนหรือไม่?”“คะ คือว่า...”หญิงชราลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กู้หว่านเยว่ยกหมัดขึ้นทำท่าจะต่อยนางอีกครั้ง นางจึงรีบพูด“ยะ อย่าต่อยข้า ข้าจะบอก ผมบนหุ่นไม้นี้เป็นของแม่ทัพเกาเจี้ยนจริง ๆ เป็นผมที่ตัดมาจากบนศีรษะของแม่ทัพเกาเจี้ยนในสนามรบวันนี้”หญิงชรารีบกล่าว กล่าวไปพลาง กุมศีรษะของตนเองไปพลางกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากัน ในที่สุดทั้งสองคนก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่เกาเจี้ยนกลับมาจากสนามรบแล้วรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัวที่แท้เป็นเพราะชวีเฟิงวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว หาโอกาสเอาผมของเกาเจี้ยนไปขณะที่อยู่ในสนามรบ จากนั้นก็นำผมของเขามาผูกไว้บนหุ่นไม้นี้สุดท้ายก็ให้แม่หมอคนนี้ใช้วิชาไสยศาสตร์กับหุ่นไม้ ทำให้เกาเจี้ยนเจ็บปวดทรมาน อยากจะฆ่าคน“ข้าถามเจ้าหน่อย เพียงแค่เอาผมของคนอื่นมาผูกไว้บนหุ่นไม้นี้ไม่ว่าจะเป็นใคร เจ้าก็สามารถใช้วิธีการทำร้ายคนแบบนี้กับเขาได้หรือ?”กู้หว่านเยว่เริ่มสนใจสิ่งนี้ขึ้น
หญิงชราผู้นี้มีความสามารถกู้หว่านเยว่กังวลว่านางจะล่วงรู้ความลับสวรรค์ ก่อนที่นางจะพูด ก็ใช้มือฟาดลงไป ทำให้นางสลบส่วนชวีเฟิง นางยังมีเรื่องที่อยากจะถามชวีเฟิงคิดไว้ในใจอย่างดี ไม่ว่ากู้หว่านเยว่จะถามอะไร เขายอมตายดีกว่ายอมสารภาพไม่มีทางที่สามีภรรยาคู่นี้จะล้วงความลับอะไรจากปากเขาได้แม้แต่คำเดียว“ไม่พูดความจริงใช่หรือไม่?”กู้หว่านเยว่ยิ้มจนตาหยี“ถ้าอย่างนั้นก็กรีดหน้าเจ้าเสีย บนแก้มซ้ายกรีดหนึ่งที แก้มขวาก็อีกหนึ่งที”นางหยิบกริชที่ส่องประกายเย็นยะเยือกออกมา ทำท่าจะกรีดลงบนใบหน้าของชวีเฟิงกริชเฉียดผ่านใบหน้าของเขาทำให้เขากรีดร้องด้วยความตกใจ“อย่าแตะต้องใบหน้าของข้า มีอะไรก็พูดกันดี ๆ !” หญิงบ้าผู้นี้ รู้ได้อย่างไรว่าจุดอ่อนของเขาคือใบหน้า?ใบหน้าของเขานี้ บำรุงรักษาอย่างดีทุกวัน ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนหากถูกกรีดเป็นแผล เขาคงจะใจสลาย!เขาพยายามจะหลบ แต่ถูกซูจิ่งสิงจับไว้แน่น ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลยชวีเฟิงรู้สึกสิ้นหวัง ได้แต่มองกู้หว่านเยว่ใช้กริชเลื่อนผ่านไปมาบนใบหน้าของเขายังดีที่กู้หว่านเยว่ลงมืออย่างระมัดระวัง เพียงแค่ขู่เขาเท่านั้น ไม่ได้กรีดลงบนใบหน้า
“น้องหญิง เจ้าคิดจะฆ่าเขาจริง ๆ หรือ?”เวลานี้ ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยปากขึ้น“เก็บคนผู้นี้ไว้ ภายหน้าค่อยมอบเขาให้กับเฟิ่งอู๋ชี จะสามารถซื้อใจเขาได้”ภายในหนานเจียงวุ่นวาย หลายฝ่ายแตกแยก การสู้รบภายในรุนแรงยิ่งกว่าต้าฉีเสียอีกและชวีเฟิง ก็คือคุณชายของตระกูลชวี ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มอำนาจเหล่านั้นซูจิ่งสิงคาดเดาว่า ชีวิตของชวีเฟิง น่าจะมีประโยชน์ต่อเฟิ่งอู๋ชีอยู่บ้าง“เช่นนั้นก็ฟังท่าน ยังไม่ฆ่าเขาตอนนี้”กู้หว่านเยว่ชักมือที่กำลังจะจัดการชวีเฟิงกลับ แล้วหยิบเชือกออกมามัดเขาไว้ หลังจากนั้น นางก็ฉีกแขนเสื้อของชวีเฟิงออกมา“ไปกัน พวกเราออกจากมิติกันก่อน”นางโบกมือ พาซูจิ่งสิงและหญิงชราออกจากมิติ อ้อมผ่านชวีเฟิงไป แต่ชีวิตของหญิงชราผู้นี้ กู้หว่านเยว่ไม่คิดจะเก็บไว้กำลังจะลงมือ ทว่ากลับเห็นหญิงชราเลือดออกทวารทั้งเจ็ด สิ้นใจไปแล้ว“นางตายได้อย่างไร?”กู้หว่านเยว่ตกใจ นางยังไม่ได้ลงมือเลย“อาจจะรู้ตัวว่าอยู่ได้ไม่นานแล้ว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทรมาน จึงปลิดชีพตัวเอง”ซูจิ่งสิงเดินเข้าไปตรวจสอบเมื่อแน่ใจว่าหญิงชราตายสนิทแล้ว จึงโยนนางไปด้านข้าง“ก็ดีจะได้ไม่ต้องเปื้อ
“หาที่ฝังเส้นผมนี้ก่อน”หลังจากที่ออกจากค่ายทหารแล้ว กู้หว่านเยว่ก็หยิบหุ่นไม้และเส้นผมของเกาเจี้ยนออกมา“ฝังไว้ตรงนี้เถอะ”ซูจิ่งสิงใช้จอบขุดหลุมเล็ก ๆ บนพื้นดิน วางเส้นผมลงไป แล้วกลบให้เรียบร้อยระหว่างที่เขากำลังขุดหลุม กู้หว่านเยว่ก็หยิบน้ำมันก๊าดออกมา ราดลงบนหุ่นไม้จากนั้นก็หยิบตะบันไฟออกมา แล้วโยนเข้าไปหุ่นไม้ลุกไหม้ในทันที ไม่นานก็ไหม้จนกลายเป็นถ่านดำ“พวกเราไปกันเถอะ”เมื่อแน่ใจว่าของทั้งสองอย่างถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว กู้หว่านเยว่ก็รีบจูงมือซูจิ่งสิงจากไปสองสามีภรรยาก็นำม้าออกจากมิติอีกครั้งเพื่อที่จะนำตัวชวีเฟิงกลับไปอย่างเปิดเผย กู้หว่านเยว่จึงนำชวีเฟิงออกจากมิติ วางไว้บนหลังม้าจากนั้นก็กลับไปยังค่ายทหารพร้อมกับซูจิ่งสิงในชั่วข้ามคืนเวลานี้ หวงเหล่าตรวจดูอาการของเกาเจี้ยนเสร็จพอดีการวินิจฉัยของเขา เหมือนกับที่หมอผีชราพูดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน“หุ่นไม้นี้ต้องอยู่ในค่ายของฝ่ายศัตรูแน่ ๆ การจะเอามันมาไม่ใช่เรื่องง่าย”หวงเหล่าถอนหายใจหลิวชวี่กล่าวอย่างกังวล “เช่นนั้นพี่เกาเจี้ยน จะต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดเลยหรือ?”“ไม่สิ”หวงเหล่าส่ายหน้าทันที“วิชาไสยศาสตร์ในร
ทหารหนานเจียง “กล้าฆ่าท่านทูตใหญ่และหมอผีใหญ่ของพวกเรา สู้กับพวกเจ้าให้ตายกันไปข้าง!”ทหารราชสำนัก “พวกเจ้าเห่าหอนอะไร?”“ตูม!” ดินปืนตกลงบริเวณรอบนอกค่ายทหาร คราวนี้ทุกคนจึงได้สติ“แย่แล้ว กองทัพของเจดีย์หนิงกู่บุกมาแล้ว รีบไปหยิบอาวุธเร็วเข้า”“จะสู้อะไรกัน แม่ทัพใหญ่ก็ตายไปแล้ว พวกเราจะสู้ได้อย่างไร?”ค่ายทหารวุ่นวายไปหมด“ตูม!” เสียงดังขึ้นอีกครั้ง ดินปืนของเจดีย์หนิงกู่ ขว้างมาทางนี้ ราวกับไม่ต้องเสียเงินเสียทองเมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง และกองทัพราชสำนักและกองทัพหนานเจียงก็ไร้ผู้นำ ไม่นานก็แตกพ่าย“ยอมแพ้ไม่ฆ่า ยอมแพ้ไม่ฆ่า!”บนกำแพงเมืองมีเสียงตะโกนของกองทัพเจดีย์หนิงกู่ หลายคนเห็นว่าสู้ไม่ได้ ก็วางอาวุธลง หาซอกมุมนั่งยอง ๆ กอดศีรษะแล้วรีบยอมแพ้จนกระทั่งดวงอาทิตย์เพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้าทางทิศตะวันออก แสงแรกสาดส่องลงบนผืนดิน กองทัพเจดีย์หนิงกู่ก็เข้ายึดครองเมืองเซินได้อย่างสมบูรณ์“ชนะแล้ว! ชนะศึกอีกแล้ว”เหล่าทหารโห่ร้องด้วยความยินดี ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งซูจิ่งสิงขี่อยู่บนหลังม้า เขาที่ออกรบมาทั้งคืน สังหารข้าศึกไปมากมายนับไม่ถ้วน เวลานี้ มือและหอกยา
“รีบจัดการเงินทองกับของมีค่าให้เรียบร้อย ของหนักของใหญ่โตเหล่านั้น ก็ไม่ต้องเอาไปแล้ว”ฮูหยินสกุลจ้าวอุ้มลูกชายหนึ่งหญิงหนึ่ง เข้ามาอย่างรีบร้อน“นายท่าน พวกเราจะไปไหนกันหรือ?”จ้าวหวยตัดสินใจทุบหม้อจมเรือ “อยู่ในเมืองหลวงต่อไปไม่ได้แล้ว พวกเราจะลี้ภัยไปที่เจดีย์หนิงกู่!”ติดตามมู่หรงถิงไป ก็มีแต่ทางตันขาของจ้าวฮูหยินอ่อนแรง“นายท่าน ท่าน ท่านคิดจะกบฏหรือ?”จ้าวหวยส่ายหน้า “ไม่ใช่กบฏ แต่ไปเป็นขุนนางที่มีความดีความชอบของฮ่องเต้องค์ใหม่”พูดถึงครอบครัวเดิมของจ้าวฮูหยิน ก็ทำงานในพื้นที่ด้วยเช่นกันหลังจากได้สามีพูดเช่นนี้ นางก็ครุ่นคิดสักครู่ สุดท้ายก็ตัดสินใจทุบหม้อข้าวจมเรือพลางเอ่ยขึ้น“ในเมื่อท่านพี่ต้องการไป เช่นนั้นพวกเราก็ไปขอพึ่งพิงที่บ้านเดิมของข้าก่อน แล้วพาพวกเขาไปด้วยกัน”หลังจากหารือกันในครอบครัวแล้ว จึงเก็บข้าวของในคืนนั้น ปลอมแปลงอำพรางตัว จ้างรถม้าคันหนึ่งเพื่อออกจากเมืองหลวงอย่างรวดเร็วนอกจากสกุลจ้าวแล้ว ลับหลังยังมีครอบครัวอื่น ๆ อีกมากมายที่มีความคิดเช่นเดียวกับสกุลจ้าวทุกคนเก็บเงินทองของมีค่าอย่างเงียบ ๆ แล้วรีบหนีไปจ้าวหวยเพิ่งออกมาจากเมือง ก็พบกับใต
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป