“โจวเหล่า ท่านรีบนั่งเถอะ”ประคองโจวเหล่าไปนั่งดีแล้ว เขาถึงเอ่ยถาม “ท่านไม่อยู่ที่เจดีย์หนิงกู่ เหตุใดมาที่นี่เล่า?”“ท่านอ๋อง”โจวเหล่าจับแขนของซูจิ่งสิงเพื่อให้เขานั่งลงข้างกัน เปล่งเสียงชรา“ท่านอ๋อง วันที่ฮ่องเต้ต้องการยกทัพด้วยตนเอง ข้าก็เดินทางมาจากเจดีย์หนิงกู่ในวันนั้นข้าเดาว่าท่านจะต้องสามารถจับฮ่องเต้ได้แน่ท่านยังจำได้หรือไม่ ข้าเคยกำชับท่าน อย่าฆ่าฮ่องเต้เป็นอันขาดจะต้อง จะต้องทำเรื่องบางอย่างให้ชัดเจน”ซูจิ่งสิงหยั่งเดาบางอย่างได้“สาเหตุการตายของอดีตรัชทายาทและพระชายารัชทายาท จะต้องให้ฮ่องเต้ยืนยันเรื่องนี้”พูดตามสัตย์จริงมู่หรงถิงคนพรรค์นั้น เขาเป็นฮ่องเต้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากอดีตฮ่องเต้อย่างถูกต้องตามครรลองครองธรรม เว้นเสียแต่สืบหาสาเหตุการตายของอดีตรัชทายาทให้กระจ่าง ซูจิ่งสิงถึงจะสืบทอดบัลลังก์ได้อย่างไร้มลทิน“ท่านข้าล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจ การตายของท่านพ่อท่านแม่หนีไม่พ้นฮ่องเต้ชั่ว”ซูจิ่งสิงหรี่ตาทั้งสองข้างลง“แต่จะให้เขาเอ่ยปากยอมรับ น่ากลัวว่าเป็นไปไม่ได้”ตราบใดที่มู่หรงถิงไม่ได้เสียสติ เขาก็ไม่มีวันยอมรับเรื่องนี้โจวเหล่าพูดเสียงเครียด “ไม่เพ
ดวงตากู้หว่านเยว่ทอประกายระยับ จู่ๆ ก็เอ่ยปากออกมา“วิธีใด?”ซูจิ่งสิงเอ่ยถามเสียงเครียด เขาเห็นว่ามู่หรงถิงเป็นคนดื้อรั้น“ตอนนี้ยังไม่รีบ ต้องรอคนผู้หนึ่งกลับมาเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่หันมองฉู่เฟิง“เจ้าเฝ้าฮ่องเต้ดีๆ อย่าให้เขาหนีไปได้ อีกทั้งอย่าให้เขาฆ่าตัวตายเป็นอันขาด”ทว่า อิงตามความเข้าใจของกู้หว่านเยว่ที่มีต่อฮ่องเต้ชั่ว เขาเป็นคนรักชีวิตคนหนึ่ง ไม่มีวันทำเรื่องฆ่าตัวตายทำนองนี้“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”ฉู่เฟิงรีบเข้าไปในห้อง เฝ้ามู่หรงถิงอย่างใกล้ชิด“พวกเราไปกินข้าวก่อนเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่พาซูจิ่งสิงกลับห้อง ทั้งคู่เหนื่อยมาหนึ่งวันหนึ่งคืน ไม่ได้นอนหลับพักผ่อน อีกทั้งยังไม่ได้กินข้าวแม้แต่มื้อเดียวนางสั่งให้ห้องครัวยกโจ๊กข้าวฟ่างเข้ามาสองถ้วยซูจิ่งสิงไม่อยากอาหารกินสองคำก็วางถ้วยลงแล้ว“น้องหญิงเจ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถอะ งานที่เหลือมอบให้ข้าจัดการก็พอ”“ไม่ได้ ข้าต้องอยู่เป็นเพื่อนท่าน”เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอดีตรัชทายาท นางกังวลซูจิ่งสิงจะวู่วามนางกินโจ๊กข้าวฟ่างทีละคำๆ ตอนวางถ้วยลง เกาเจี้ยนก็กลับมาจากภายนอกแล้ว“กลับมาเร็วถึงเพียงนี้ จ
เขาทำลายทุกอย่างของข้า ยังบังคับให้ข้าเข้าวัง บังคับขืนใจข้า”หนานหลีม่านเอ่ยถึงเรื่องในอดีต ใบหน้างดงามเปี่ยมความแค้นเคือง“ข้าไม่มีวันลืมทั้งหมดที่เขาทำกับสกุลหนานหลี”จู่ๆ นางก็หันมองทางซูจิ่งสิง“เจิ้นเป่ยอ๋อง ท่านทุกข์ใจมากใช่หรือไม่?เมื่อแรกท่านถูกยึดทรัพย์เนรเทศ จะต้องทุกข์ใจมากแน่ ใช่หรือไม่?”นางพูดพึมพำ“แต่ข้าทุกข์ใจยิ่งกว่าท่าน ข้าไม่ได้ทำอันใด ก็แค่เกิดมามีรูปโฉมเช่นนี้จวนหนานหลีอ๋องของข้า ทั้งหมดหลายร้อยชีวิตสกุลหนานหลีของข้า ถูกทำลายทั้งตระกูล เหลือเพียงข้าผู้เดียว”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันแวบหนึ่ง ปีนั้นฮ่องเต้ชั่วทำเรื่องนี้แล้วก็เริ่มหาทางปิดปากทุกคนวันนี้ได้ยินหนานหลีม่านพูดออกมา ทั้งคู่ยังรู้สึกตกใจเพื่อสตรีคนหนึ่งก็สามารถทำเรื่องฆ่าล้างตระกูลได้ฮ่องเต้ชั่วช่างโหดเหี้ยมอำมหิตโดยแท้กู้หว่านเยว่ลอบสอดเรื่องชาวบ้านหนานหลีม่านคนนี้งดงามจริง รูปโฉมงดงามเป็นอันดับหนึ่งทว่า เพราะวาสนาได้พบหน้ากันเพียงครั้งเดียว มู่หรงถิงก็สามารถทำเรื่องบ้าคลั่งเช่นนี้ออกมาได้หรือ?“เจ้าและมู่หรงถิงมีวาสนาได้พบหน้ากันเพียงครั้งเดียวเท่านั้นหรือ?”“ย่อมเป็นเ
กู้หว่านเยว่พยักหน้า “หนานหลีอ๋องไม่ได้ชอบนาง”หนานหลีม่านหัวเราะ “เทียนอวี๋ นางเป็นสตรีที่ชอบคาดเดาจิตใจผู้อื่น หลังจากนางเข้ามาในจวนอ๋อง แสร้งทำเป็นสหายรักกับข้า ต่อมา นางปลอมตัวเป็นข้า แล้วเข้าไปในห้องของพี่ชาย หลังจากที่เขาดื่มเหล้าจนเมา”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลงเทียนอวี๋เป็นคนที่ฉลาดมากจริงๆ หากนางแสร้งตีสนิทกับหนานหลีม่าน แล้วสังเกตเห็นความสัมพันธ์ของหนานหลีม่านกับหนานหลีอ๋อง ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ “มิน่าผู้เฒ่าหวงถึงได้กล่าวเช่นนั้น”เป็นเวรกรรมจริงๆนางคาดเดาความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้แล้ว“ต่อจากนั้น เทียนอวี๋ข่มขู่ให้หนานหลีอ๋องจำเป็นต้องแต่งกับนาง แล้วหลอกล่อมู่หรงถิงมา จากนั้นอาศัยอำนาจของมู่หรงถิง แยกพวกเจ้าออกจากกันเพื่อให้ได้ตัวเจ้ามาครอง มู่หรงถิงจึงทำลายล้างตระกูลหนานหลี”นี่เรียกได้ว่า ราชาชิงรักขุนนางอย่างแท้จริง!“ถูกต้อง”ดวงตาหนานหลีม่านสั่นไหว“พระชายา ท่านคาดเดาได้ถูกต้องทั้งหมด”“นางหลอกเอาภาพวาดของข้า แล้วมอบให้มู่หรงถิง”เรื่องราวต่อจากนั้น เป็นที่รู้กันไปทั่วแผ่นดินเมื่อมู่หรงถิงเห็นภาพวาดหนานหลีม่าน ตกหลุมรักนางทันที จึงไปขอกับหนานหลี
“หนานหลีม่าน?”กู้หว่านเยว่เบิกตาโต รีบพุ่งเข้ามาตรงประตู แล้วถีบประตูออก เมื่อนางเห็นสภาพด้านใน ดวงตานางเพ่งมอง จากนั้นหันไปตะโกนบอกซูจิ่งสิง“ท่านพี่ ท่านอย่าเข้ามา!”ซูจิ่งสิงหดขากลับไป ฟังคำสั่งของกู้หว่านเยว่ ไม่ได้เดินไปข้างหน้าต่อแต่เขาได้กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งออกมาจากในห้องแล้วเขาคาดเดาถึงบางอย่าง เดินวนไปมาในลานบ้านด้วยสีหน้าหนักหน่วง“หนานหลีม่าน เจ้า เจ้าทำเช่นนี้ทำไม?”กู้หว่านเยว่ก้าวไปข้างหน้าหลายก้าว ดึงตัวหนานหลีม่านที่จมอยู่ในกองเลือดขึ้นมาช่วงล่างของนางเต็มไปด้วยเลือดนางถึงกับทำคลอดให้ตัวเอง!“ข้า หน้าที่ของข้าเสร็จสิ้นแล้ว”หนานหลีม่านหายใจอย่างอิดโรย ดวงตาจ้องมองหลังคา“นี่ นี่เป็นมารหัวขนของมู่หรงถิง ข้าเก็บไว้ไม่ได้เด็ดขาด”กู้หว่านเยว่เงียบงัน“พระชายา เรื่องที่ข้ารับปากเจ้าทำได้แล้ว มู่หรงถิงรักข้ามาก เจ้า เจ้านำเด็กในอ่างเลือดไปมอบให้เขา เขาจะรับปากเจ้าแน่นอนและขอร้องเจ้า ให้รับปากข้าเรื่องหนึ่ง”กู้หว่านเยว่ไม่อาจปฏิเสธนางได้ “เจ้าว่ามา”“เสี่ยวเหอ เป็นนางกำนัลที่ข้ารับมาเลี้ยงดู นาง นางเป็นผู้บริสุทธิ์”“คุณหนู” เสี่ยวเหอคุกเข่าบนพื้น
“ซูจิ่งสิงเอ๋ยซูจิ่งสิง เจ้าบอกว่าตัวเองเป็นคนดี เป็นแบบอย่างของคนมีคุณธรรมไม่ใช่หรือ ลงมือกับสตรีเป็นวีรบุรุษประสาอะไร?”เขาพยายามอดกลั้นความห่วงใยที่มีต่อหนานหลีม่าน ไม่อยากถูกทั้งสองควบคุม“ท่านลองดูสิว่านี่คือสิ่งใด?”กู้หว่านเยว่โบกมือ สั่งให้ชิงเหลียนยกอ่างเลือดใบนั้นเข้ามา“นี่มัน”มู่หรงถิงนึกถึงบางอย่าง สองมือสั่นเทาขึ้นมา เขาเงยหน้าขึ้นทันใด ดวงตาแดงก่ำมองไปที่สองสามีภรรยา“เราจะฆ่าพวกเจ้า!”“เราจะฆ่าพวกเจ้า!”“น้องหญิงระวัง” ซูจิ่งสิงรีบโอบเอวของกู้หว่านเยว่ แล้วพานางเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างมู่หรงถิงโผเข้าหาความว่างเปล่า ล้มลงบนพื้นอย่างแรงสายตากินเลือดกินเนื้อของเขาจ้องมองทั้งสอง“พวกเจ้าสองคนมันสารเลว มีความโกรธแค้นชิงชังใด ให้มาลงที่ข้า เหตุใดจึงลงมือกับนาง จิตใจช่างอำมหิตยิ่งนัก!”เขารู้ดีว่าสิ่งที่อยู่ในอ่างเลือดใบนั้นคือสิ่งใดเขาเกลียดชังสุดขีดไม่เคยเกลียดซูจิ่สิงเท่าวินาทีนี้มาก่อน“เจ้าเป็นคนดีวีรุบุรุษประสาอะไร ถึงได้ลงมือกับสตรี?”ซูจิ่งสิงมองเขาคลุ้มคลั่งอย่างเย็นชา“ตอนนั้นที่เจ้าลงมือกับมารดาของข้า เคยคิดบ้างหรือไม่ว่านางคือหญิงท้อง และในท้องน
“พวกเจ้าได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว”“ปล่อยนางซะ”กู้หว่านเยว่เก็บหนังสือรับสารภาพความผิดไว้ แล้วมองมู่หรงถิง “นางตายแล้ว”“อะไรนะ?”มู่หรงถิงเบิกตากว้าง ราวกับยามนี้เพิ่งรู้สึกตัว มองทั้งสองคนอย่างโกรธแค้นมาก“พวกเจ้ากล้าหลอกลวงเราหรือ?”“พวกเจ้าสังหารนางแล้ว แต่กลับหลอกให้เราเขียนหนังสือรับสารภาพความผิดซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่ ทำไมบนโลกนี้ถึงได้มีคนที่เลวทรามต่ำช้าอย่างพวกเจ้า?นางเป็นเพียงสตรีคนหนึ่งเท่านั้น นางคือผู้บริสุทธิ์”เขาราวกับคนเสียสติ ควบคุมยากยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีกกู้หว่านเยว่มองเขา “หนานหลีม่านเป็นผู้บริสุทธิ์จริง คนในสกุลหนานหลีก็บริสุทธิ์เช่นกัน”มู่หรงถิงชะงักไปเล็กน้อย“บอกความจริงกับท่านก็ได้ พวกเราไม่ได้ฆ่านางและเด็กคนนี้ และพวกเราไม่ได้นำเด็กออกจากท้องนาง แต่นางเป็นคนเอาเด็กออกมาด้วยตัวเอง”กู้หว่านเยว่เดินไปตรงหน้ามู่หรงถิง แล้วบอกความจริงกับเขาทีละคำ“ไม่ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด”มู่หรงถิงไม่มีทางยอมรับได้ จึงจ้องกู้หว่านเยว่อย่างเคียดแค้น“นี่ต้องเป็นคำโกหกของเจ้า เจ้าฆ่านางแต่ไม่กล้ายอมรับ ดังนั้นจึงใช้คำโกหกเหล่านี้มาปิดบัง”“นางอยู่
ไม่นานซูจิ่งสิงพาโจวเหล่ามาด้วย“พระชายา หนังสือรับสารภาพความผิดล่ะ” โจวเหล่าถามอย่างรีบร้อนกู้หว่านเยว่หยิบหนังสือรับสารภาพความผิดออกมา ยื่นให้โจวเหล่า “อยู่นี่”โจวเหล่าอ่านอย่างละเอียด น้ำตาคลอเบ้าพยักหน้า “ดี ดี ในที่สุดการตายของอดีตรัชทายาทก็กระจ่างสักที”ตอนนั้นอดีตรัชทายาทและพระชายารัชทายาทเดินทางลงใต้ มู่หรงถิงจ้างวานโจรสลัด ให้พวกเขาลอบโจมตีเรือของอดีตรัชทายาทอีกทั้งยังติดสินบนขุนนางในท้องที่ ทำให้การช่วยเหลือล่าช้าสุดท้าย ทำให้อดีตรัชทายาทและพระชายารัชทายาทต้องตายในแม่น้ำที่เย็นเยือก“โจวเหล่า” ซูจิ่งสิงอารมณ์อ่อนไหวโจวเหล่าเงยหน้ามองทั้งสองคน “ท่านอ๋อง พระชายา ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุด คือต้องประกาศให้ใต้หล้ารับรู้หนังสือรับสารภาพความผิด ให้ราษฎรทั่วหล้ารับรู้ถึงความชั่วของฮ่องเต้”ซูจิ่งสิงกล่าวเสียงเข้ม “ข้าจะสั่งคนไปจัดการเดี๋ยวนี้”เหมือนกับหนังสือรับสารภาพความผิดของหลี่กวงถิงในตอนนั้น หนังสือรับสารภาพความผิดของมู่หรงถิงถูกส่งไปที่ต่างๆ ทั่วแผ่นดินชั่วขณะนั้น ราชสำนักสั่นคลอน“ฝ่าบาทถูกจับแล้ว!”“ที่แท้รัชทายาทองค์ก่อน ตายด้วยน้ำมือฝ่าบาทหรือ”“อดีตฮ่องเต้
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป