เถ้าแก่หอว่านเซียนเห็นว่าสถานการณ์ในเวลานี้ใช้ได้แล้ว นี่จึงพูดว่า “เริ่มประมูลที่หนึ่งแสน ขอให้ผู้มีวาสนาทุกท่านยกป้ายประมูล”ตอนกู้หว่านเยว่เข้ามา มีคนยัดป้ายหมายเลขมาไว้ในมืออันหนึ่งแล้วทว่า นางไม่มีความสนใจต่อนางคณิกาชั้นสูง ดังนั้นเพียงแต่มารับชมความคึกครื้น ไม่มีวันเสนอราคาต่อให้คุณชายเว่ยและพวกชุยอวี้เป็นลูกหลานตระกูลใหญ่ แต่ตระกูลสั่งสอนเข้มงวด ย่อมไม่มีวันทำตัวโดดเด่นโอ้อวดอยู่ภายในหอว่านเซียนแห่งนี้ตรงข้ามกันคุณชายท่านหนึ่งที่ร่วมทางมาด้วยกันกำลังเสนอราคา ราคาที่เสนอทำให้กู้หว่านเยว่ตกตะลึงพูดไม่ออก“คิดไม่ถึงเลยว่าคุณชายโจวจะเงินหนาถึงเพียงนี้”คุณชายเว่ยหัวเราะ “ตระกูลเขาทำเหมืองถ่านหิน ย่อมมีเงินเป็นธรรมดา แม้ว่าพวกเราไม่เสนอราคา กลับสามารถรับชมสหายโจวเสนอราคาได้ ไม่แน่ว่าผู้ชนะในวันนี้ อาจจะตกเป็นของคุณชายโจวจริงๆ”คุณชายโจวอมยิ้ม “ข้าชอบฟังเพลงตั้งแต่เด็ก พลาดเสียงเพลงไพเราะถึงเพียงนี้ไปแล้ว กระนั้นในมือข้ามีเงินติดตัวมากอยู่สักหน่อย สามารถลองประมูลดูได้ กระนั้นเงินติดตัวข้าเองก็มีอย่างจำกัด หากมากเกินไป ก็ทำได้เพียงต้องถอดใจแล้ว”ชุยอวี้ตบบ่าเขา “ทำตามกำลังตน
เสียงพิณพระจันทร์เสนาะใสกังวานดุจธารใสกลางหุบเขาก็มิปาน บริสุทธิ์ไร้มลทินต่อจากเสียงของพิณพระจันทร์คือเสียงเพลงประหนึ่งขับขานลงมาจากสรวงสวรรค์ เสียงนี้ใสบริสุทธิ์ไม่มีสิ่งใดเจือปนเลยสักเศษเสี้ยวคุณชายเว่ยถอนหายใจพลางพูดว่า “บทเพลงนี้มีเพียงบนสวรรค์เท่านั้น บนโลกมนุษย์ยากจะได้ยิน”คุณชายอีกท่านเองก็เคลิบเคลิ้ม “ได้ยินว่าบนผืนน้ำมีเผ่าเงือก สามารถร้องเพลงเริงระบำได้ เสียงเพลงของพวกมันสามารถสะกดชาวประมงให้หลงใหลจนลืมกลับบ้านได้ แม้ว่าไม่เคยเห็นเผ่าเงือกมาก่อน แต่เสียงเพลงของนางคณิกาชั้นสูงในวันนี้แตกต่างจากเผ่าเงือกที่ใดกัน?”“พูดถูกยิ่งนัก”เหล่าคุณชายทางด้านบนต่างพากันพยักหน้ามองออกว่าทุกคนกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลงนี้ต่อให้เป็นกู้หว่านเยว่ก็คิดว่าเสียงเพลงนี้ไพเราะจริงๆ ทว่านอกจากชื่นชมเสียงเพลง นางสังเกตรูปร่างของนางคณิกาชั้นสูงคนนี้แล้ว คล้ายกับว่าสูงโปร่งกว่าสตรีทั่วไปเป่ยหมิงโยวหลานเองก็จับตามองนางเขม็งครั้นบทเพลงจบลง ทุกคนไม่อาจทนไหวอีกต่อไป เริ่มกระซิบกระซาบคุยกันขึ้นมา“เสียงเพลงของนางคณิกาชั้นสูงไพเราะถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่ารูปโฉมจะงดงามมากเพียงใด”“หากสามารถ
เพียงแต่เป็นเพราะนางคณิกาชั้นสูงผู้นี้มีฐานะต่ำต้อย ราชวงศ์แห่งแคว้นโยวหลานจึงไม่อาจยอมรับนางเป็นพระชายาของเป่ยหมิงโยวหลานได้ ดังนั้น ทั้งสองคนจึงถูกบังคับให้ตัดขาดการติดต่อกันและนับตั้งแต่ข่าวนี้แพร่ออกไป เป่ยหมิงโยวหลานก็ไม่เคยปรากฏตัวที่หอว่านเซียนอีกเลย ไม่นึกเลยว่าวันนี้เขาจะมาที่นี่คงเป็นเพราะได้ยินว่านางคณิกาชั้นสูงจะถอดหน้ากากในวันนี้ เขาถึงได้อดใจไม่ไหวต้องมาที่นี่”กู้หว่านเยว่ถึงกับตกตะลึง “มิใช่ว่าเป่ยหมิงโยวหลานเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากในรอบร้อยปีของแคว้นโยวหลาน จิตใจบริสุทธิ์ รักสันโดษ ไม่ชอบให้สตรีเข้าใกล้หรอกหรือ?”เหตุใดจึงยังมีเรื่องราวรัก ๆ ใคร่ ๆ ในอดีตเช่นนี้อีก?“จิตใจบริสุทธิ์ รักสันโดษ ใครเห็นกับตาแล้วว่าเขาเป็นเช่นนั้นกันเล่า?น้องหญิงสกุลชุย ข้าว่าเจ้าออกจะใสซื่อเกินไป ไม่เข้าใจผู้ชายหรอก”คุณชายเว่ยยื่นมือออกไป แล้วใช้พัดในมือเคาะศีรษะกู้หว่านเยว่เบา ๆ “ข้าจะบอกว่าข้าเป็นชายบริสุทธิ์ ไม่เคยแตะต้องสตรีมาก่อนเลยก็ได้ แต่ใครจะมาพิสูจน์ได้เล่า?”กู้หว่านเยว่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกชุยอวี้ยื่นมือออกไป ต่อยคุณชายเว่ยอย่างไม่สบอารมณ์“น้องหญิงของข้าผู้นี้เป็น
สีหน้าของชุยอวี้ดูปกติ เห็นได้ชัดว่าเขามักจะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้วกู้หว่านเยว่เห็นดังนั้นก็ไม่คิดจะเซ้าซี้อีก พยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่ขอปฏิเสธอีก ขอบคุณคุณชายชุย”ชุยอวี้กะพริบตาแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “เมื่อครู่ข้าบอกกับพวกเขาว่าท่านเป็นน้องสาวญาติห่าง ๆ ของข้า หากเรียกข้าว่าคุณชายชุยจะไม่เป็นการเผยความลับหรอกหรือ เอาเป็นว่า ท่านเรียกข้าว่าชุยอวี้เหมือนกับพวกเขาก็แล้วกัน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “ก็ได้ พี่ชุยอวี้”ชุยอวี้หัวเราะฮ่า ๆ “บัณฑิตหลายคนเข้ามาประสานมือพลางยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “น้องเล็กสกุลชุยไม่ต้องกลัวไป เจ้าคงเพิ่งเคยมาเมืองหลานฮวาเป็นครั้งแรก อีกสักครู่ตามพวกเรามาก็พอแล้ว”ขณะที่กำลังพูดคุยกัน เด็กรับใช้ที่เข้าไปจองที่นั่งก็วิ่งออกมา“คุณชายทุกท่าน ที่นั่งจองเรียบร้อยแล้ว เชิญตามข้าน้อยเข้ามาได้เลยขอรับ”คุณชายเว่ยได้ยินดังนั้นก็ดีใจอย่างยิ่ง เรียกคนหลายคน “ไป ๆ ๆ พวกเราเข้าไปดูความสนุกกันเถอะ”กู้หว่านเยว่เดินตามหลังพวกเขา เข้าไปในหอว่านเซียนด้วยกันพอเข้าไปก็มีกลิ่นหอมโชยมาเป็นระลอก พร้อมกับเสียงดนตรีอันไพเราะ แตกต่าง
ยามนี้ ผู้คนบนถนนกลับมีมากกว่าที่เห็นตอนกลางวันมากนัก ทั้งยังมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันกู้หว่านเยว่รู้สึกสงสัยในใจ จึงคว้าแขนคนผู้หนึ่งไว้“พวกท่านจะไปที่ใดกันหรือ?”“นางคณิกาชั้นสูงของหอว่านเซียนจะร่ายรำในวันนี้ ผู้คนในเมืองต่างรีบไปเพื่อจะได้ยลโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง”กู้หว่านเยว่ถึงกับตกตะลึง “นางคณิกาชั้นสูงผู้นี้มีชื่อเสียงมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ถึงขนาดทำให้ทุกคนพากันไปชมได้”“นั่นแน่อยู่แล้ว ได้ยินมาว่านางคณิกาชั้นสูงผู้นี้มีความสามารถรอบด้าน มีรูปโฉมงดงามล่มเมืองสิ่งสำคัญที่สุดคือนางมีน้ำเสียงที่ไพเราะใสกระจ่าง ผู้ใดก็ตามที่ได้ฟังเสียงเพลงของนางล้วนหลงใหลน่าเสียดายที่นางสวมผ้าคลุมหน้าตลอดเวลา ไม่มีใครเคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนางวันนี้นางจะถอดผ้าคลุมหน้าออก ย่อมมีผู้คนมากมายที่อยากรู้อยากเห็น”กู้หว่านเยว่เองก็ถูกกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาบ้างคุณชายที่ถูกนางรั้งไว้หัวเราะ “แม่นาง ข้าว่าท่านคงเป็นคนต่างถิ่นกระมัง มิสู้ไปดูกับพวกเรา ข้ายังมีสหายอีกหลายคน พวกเรามาจากสำนักศึกษาเดียวกัน คนเยอะ ๆ ก็ครึกครื้นดีนะ”กู้หว่านเยว่อยากจะไปดูจริง ๆ “ในเมื่อคืนนี้เป็น
กู้หว่านเยว่เดินทางออกจากเมืองศูนย์กลาง พอถึงที่โล่งไม่มีผู้คนก็เรียกเฮลิคอปเตอร์ออกมา จากนั้นก็บินมุ่งหน้าไปยังแคว้นโยวหลานตามทิศทางที่แผนที่ชี้บอกหลังจากบินต่อเนื่องอีกหนึ่งวันหนึ่งคืน กู้หว่านเยว่ก็หาที่แห่งหนึ่งในเมืองหลานฮวา เพื่อเก็บเฮลิคอปเตอร์เข้ามิติ จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ประตูเมือง“มาจากแคว้นใด? แจ้งชื่อมา” ทหารยามของเมืองหลานฮวาขวางกู้หว่านเยว่ไว้กู้หว่านเยว่หยิบป้ายหยกที่เผยหยวนมอบให้นางออกมาจากห่อสัมภาระอย่างช้า ๆ “ข้าคือเผยหยวน ศิษย์ของหมอเทวดาเผย อาจารย์ของข้ากำลังรักษาอาการประชวรของราชินีอยู่ในเมืองโยวหลาน ข้ามาตามหาเขา”ทหารยามมองป้ายหยกสองสามครั้ง จากนั้นก็รีบนำป้ายหยกไปหาแม่ทัพผู้รักษาเมืองไม่นานเขาก็ถือป้ายหยกกลับมา แล้วส่งคืนให้กู้หว่านเยว่อีกครั้งอย่างนอบน้อม“ที่แท้ก็เป็นศิษย์ของท่านหมอเทวดาเผย ข้าน้อยมีตาแต่หามีแววไม่ จึงมองไม่ออก หวังว่าหมอเทวดาน้อยจะไม่ถือโทษ”กู้หว่านเยว่เก็บป้ายหยก “ไม่เป็นไร”ทหารยามเอ่ยขึ้น “ตอนนี้หมอเทวดาเผยอยู่ในพระราชวัง ข้าน้อยจะให้คนนำท่านไปยังศาลาพักม้าก่อน ท่านพักผ่อนที่ศาลาพักม้า แล้วข้าน้อยจะรีบไปรายงานที่พระราชวังทันที”