LOGINเมื่อฟางเฉียนเปิดฉากสนทนาแล้ว ก็กลัวว่าตัวเองจะพูดน้อยเกินไปหัวหน้าขันทีพูดขัดเขาอย่างกระอักกระอ่วน “ใต้เท้าฟาง คำกล่าวของท่านพวกนี้ใต้เท้าโจวเคยทูลฝ่าบาทแล้ว”“เช่นนั้นหรอกหรือ”“ดังนั้นฝ่าบาทถามสิ่งใด ท่านค่อยตอบก็แล้วกัน” หัวหน้าขันทีไม่อยากทำให้เขาตกใจ จึงพยายามทำเสียงนุ่มนวลฟางเฉียนเข้าใจแล้ว ซูจิ่งสิงจึงเริ่มถามเขาเกี่ยวกับการออกแบบเรือ แล้วยังนำภาพเรือที่ซูจื่อชิงสร้างขึ้นกับเรือรบของแคว้นอู๋วั่งให้เขาดู“เจ้าลองดู สามารถสร้างเรือที่ดีกว่าเรือรบในภาพหรือไม่?”ซูจิ่งสิงเอ่ยถาม“เจ้าพูดมาตามจริง ต่อให้ทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว”ฟางเฉียนหยิบภาพแบบขึ้น หลังจากตรวจดูอย่างละเอียด สุดท้ายจึงตอบอย่างมั่นใจ“ฝ่าบาท กระหม่อมทำได้พ่ะย่ะค่ะ”ซูจิ่งสิงตาวาวเป็นประกาย “จริงหรือ”“พ่ะย่ะค่ะ” ฟางเฉียนกล่าว “ยามว่างกระหม่อมวาดภาพแบบเรือไว้มากมาย เพียงแต่ขอฝ่าบาทให้เวลากระหม่อมสองวัน กระหม่อมจะวาดแบบเรือรบที่คิดไว้ออกมา ถึงยามนั้นจะให้พระองค์ทรงทอดพระเนตร”ในใจซูจิ่งสิงหายกังวล “ได้ ช่วงนี้เจ้าพักอยู่ที่กรมโยธาธิการเลยนะ เราจะให้ขุนนางในกรมโยธาธิการทำงานร่วมกับเจ้า เจ้าไม่
“เจ้าก็คือฟางเฉียนหรือ?”“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้นั่งอยู่บนบัลลังก์สูง สองขาฟางเฉียนสั่นไม่หยุด ก้าวเข้าไปคุกเข่า แล้วตอบอย่างระวังบรรพบุรุษของฟางเฉียนล้วนทำการค้า นอกจากโรงขายเรือก็ยังมีกิจการอย่างอื่น เพราะกิจการใหญ่โต จึงต้องจ่ายภาษีจำนวนมาก ดังนั้นจึงพอรู้จักกับขุนนางท้องที่แต่ฟางเฉียนไม่เคยเข้าเฝ้ามาก่อน ไม่เพียงแค่เขา นับจากเขาขึ้นไปอีกสามรุ่นล้วนไม่เคยเข้าเฝ้าฮ่องเต้เขาถือเป็นครั้งแรกและเป็นคนแรกหลายวันก่อน ใต้เท้าโจวไปหาเขาอย่างเร่งรีบ เพื่อแจ้งเขาว่าฮ่องเต้ต้องการให้เขาเข้าเฝ้า เขายังนึกว่าใต้เท้าโจวล้อเล่น“ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะพบข้า ใต้เท้าโจว ท่านล้อเล่นอะไรกัน ข้าเป็นเพียงพ่อค้าตัวเล็ก ๆ เท่านั้น กระทั่งท่านอ๋องยังไม่เคยพบ อย่าว่าแต่ฮ่องเต้เลย พระราชวังนั่น ข้าก็คู่ควรเข้าไปหรือ?”ฟางเฉียนพูดจาเยาะเย้ยตัวเอง จนกระทั่งพบว่าสีหน้าของใต้เท้าโจวเคร่งเครียดมากขึ้น ถึงได้รู้สึกว่าผิดปกติ“สิ่งที่ท่านพูด เป็นเรื่องจริงหรือ?”“ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันต้องการพบข้าจริงหรือ? แต่ว่า แต่ว่าเป็นเพราะเหตุใดเล่า?”ฟางเฉียนคิดไม่ออก เขาเป็นเพียงประชาชนตัวเล็ก ๆ
อีกอย่าง เดิมทีต้าฉีก็ไม่สันทัดเรื่องการทำศึกบนน้ำ อยากหาแม่ทัพที่สามารถทำศึกบนทะเล ก็หาไม่ได้จริงๆนี่คือผลลัพธ์ที่ซูจิ่งสิงผ่านการตรึกตรองมาอย่างดีแล้ว“ส่งคนอื่นไปข้าไม่วางใจ มีเพียงต้องไปเองเท่านั้น”เพียงครู่เดียวกู้หว่านเยว่ก็เข้าใจวิธีการของซูจิ่งสิง จึงพยักหน้า“ท่านอยากนำทัพเอง ข้าสนับสนุนท่าน”“จริงหรือ?”“ถูกต้อง ถึงตอนนั้นข้าจะไปพร้อมกับท่าน”ซูจิ่งสิงทำหน้าตึงทันที ที่เขานำเรื่องนี้ออกมาหารือกับกู้หว่านเยว่อย่างจริงจัง ก็เพราะไม่อยากให้นางไปด้วยกัน“เจ้ากำลังตั้งท้อง ครั้งนี้ไปแคว้นอู๋วั่งกับข้าก็เสี่ยงอันตรายมากแล้ว ข้าปล่อยให้เจ้าออกทะเลไม่ได้”กู้หว่านเยว่ก้มหน้าลง ใช้มือลูบท้องน้อยตัวเองเบา ๆไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ท้องน้อยเริ่มนูนขึ้น รออีกครึ่งเดือนเมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อม เกรงว่าท้องคงใหญ่กว่านี้มิน่าล่ะซูจิ่งสิงถึงไม่วางใจให้นางตามไปด้วยแต่กู้หว่านเยว่ก็ไม่วางใจให้ซูจิ่งสิงไปคนเดียวเหมือนกัน“ตอนท้องจ้านจ้านพวกเราก็กำลังทำศึกเช่นกัน ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกว่าไม่เหมาะสม ทำไมบัดนี้ถึงใส่ใจนัก”ใบหน้าซูจิ่งสิงเผยความเสียใจเป็นเพราะตอนท้องจ้านจ้าน เขาไ
ซูจื่อชิงตบหน้าผากตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองชักจะผิดปกติแล้วแต่เมื่อคิดดูให้ละเอียด หากวันหนึ่งพี่ใหญ่ไม่ต้องการเขาแล้วจริง ๆ ในใจเขาคงจะเสียใจไม่น้อยเมี่ยชิงหว่านเห็นเขาใจลอย จึงยกน้ำชาเข้ามาปลอบใจ “ท่านเองก็เหลือเกิน ช่วงก่อนยังบ่นว่างานราชการรัดตัว กดดันจนท่านหายใจไม่ออก”“ตอนนี้ฮ่องเต้กับพระนางฮองเฮากลับมาแล้ว ท่านจะได้มีเวลาพัก กลับมาโกรธเคืองอยู่ตรงนี้หรือ?”ซูจื่อชิงรับน้ำชาไป แล้วพยุงเมี่ยชิงหว่านให้นั่งลง“ข้าโกรธตัวเอง โกรธที่เหตุใดตัวข้าถึงไร้ประโยชน์เช่นนี้ ที่ไม่มีวิธีแบ่งเบาภาระพี่ใหญ่”เมี่ยชิงหว่านเดาได้แต่แรก“เรื่องในวังข้าก็ได้ยินมาบ้าง แต่ฮ่องเต้บอกแล้วไม่ใช่หรือ เรือรบที่ท่านสร้างใช่ว่าจะใช้ประโยชน์ไม่ได้เลย”ซูจื่อชิงพยักหน้า“แต่ข้ามักรู้สึกว่าไม่ได้ช่วยอะไรพี่ใหญ่ จึงรู้สึกเสียใจ”คนเป็นสามีภรรยากัน เมี่ยชิงหว่านย่อมเข้าใจเขา“ท่านทำเต็มที่แล้ว จะเอาไปเทียบกับฮ่องเต้ทุกเรื่องไม่ได้ แต่ขอแค่ทำแล้วไม่รู้สึกผิด ใครจะสามารถทำได้สมบูรณ์แบบไปเสียทุกเรื่องล่ะ?”เหตุผลเหล่านี้ซูจื่อชิงล้วนเข้าใจดี“ข้ารู้แล้ว ขอบคุณฮูหยินที่ชี้แนะข้า”“ท่านเป็นสามีของข้า พวก
วันนี้เมื่อนึกขึ้นมาได้จึงรู้สึกว่าคนผู้นี้อาจเป็นคนเก่ง ดังนั้นจึงอาจหาญแนะนำใต้เท้าโจวพูดจบในคราวเดียว หน้าผากมีเหงื่อผุดซึมออกมาแล้ว จึงรีบใช้ชายแขนเสื้อเช็ด“ตอนนี้คนผู้นั้นอยู่ที่ใดหรือ?”ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถนี้หรือไม่ อย่างไรก็ต้องเรียกมาพบก่อนลองสอบถามดูก่อนเผื่อสามารถสร้างเรือรบที่ออกทำศึกสงครามได้ ก็ไม่ถือว่าสูญเสียคนมีความสามารถไปโดยเปล่าประโยชน์ ขณะเดียวกันก็คลี่คลายสถานการณ์คับขันได้ด้วยใต้เท้าโจวรีบกล่าว “คนผู้นี้มีนามว่าฟางเฉียน เป็นเถ้าแก่ทำการค้าเรียบชายฝั่ง ตอนนี้คาดว่าน่าจะยังอยู่ในลี่สุ่ยที่กระหม่อมเคยรับราชการพ่ะย่ะค่ะ”ซูจิ่งสิงพยักหน้า เรื่องนี้จัดการไม่ยาก แค่ให้คนไปพาตัวอีกฝ่ายมาก็ได้แล้ว“ในเมื่อเจ้ารู้จักเถ้าแก่ฟางคนนี้ ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ขอมอบให้เจ้าไปจัดการ ใต้เท้าโจว เราหวังว่าเจ้าจะออกเดินทางวันนี้ แล้วพาคนผู้นั้นกลับมาภายในเจ็ดวัน”ซูจิ่งสิงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใต้เท้าโจวนึกไม่ถึงว่าซูจิ่งสิงจะเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของตัวเอง จึงดีใจโดยพลัน รีบคุกเข่าลง“ฝ่าบาทโปรดวางใจ กระหม่อมจะไม่ทำให้พระองค์ผิดหวัง จะนำคนผู้นั้นกลับมาอย่างปลอดภั
เรือรบที่ซูจื่อชิงนำผู้ใต้บัญชาสร้างขึ้น ซูจิ่งสิงดูมาแล้ว แต่กลับมีปัญหาต้าฉีไม่สันทัดเรื่องสร้างเรือรบ ยิ่งไม่เคยทำศึกบนทะเลมาก่อนเรือรบที่ซูจื่อชิงพาผู้ใต้บัญชาสร้างขึ้น แม้จะดูยิ่งใหญ่อลังการมาก อานุภาพดูรุนแรง แต่กลับมีข้อบกพร่องที่อันตรายถึงชีวิตนั่นคือมีทุกสิ่งมารวมกัน เป็นเรือสารพัดประโยชน์ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดโดดเด่นเลยอีกทั้งตัวเรือที่ออกแบบมีแกนกลางของเรือสูงเกินไป ทำให้ลงน้ำได้ไม่ลึก หากเจอลมพายุจะพลิกคว่ำได้ง่าย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ออกรบไม่ได้เด็ดขาดเหล่าขุนนางต่างไม่เข้าใจ “ฝ่าบาท เรือรบนี้มีสิ่งใดไม่ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ?”ซูจิ่งสิงอธิบาย “เราเคยเห็นเรือรบของแคว้นอู๋วั่ง เล็กกะทัดรัด ปราดเปรียวอย่างมาก หากเรือรบของเราปะทะกับเรือรบของพวกเขา เกรงว่าคงไม่มีทางชนะ”เมื่อได้ยินซูจิ่งสิงอธิบายเช่นนี้ ใจของพวกเขาจมดิ่งไปกว่าครึ่ง“ตามที่ฝ่าบาทอธิบาย หากเรือรบของพวกเราปะทะกับเรือของพวกเขา น่าจะไม่มีทางชนะจริงๆ”“ทหารของพวกเราไม่เคยทำศึกบนทะเลมาก่อน ส่วนเรื่องเรือรบก็ไม่มีความรู้เลยสักนิด ไม่ต่างจากคนตาบอดจุดตะเกียงข้ามคลอง”เดิมซูจื่อชิงเตรียมการพร้อมแล้ว แต่นึกไม่ถึงว






![เฟิ่งหวง [鳳凰]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
