ไม่สู้ซ่อมแซมเรือน แล้วย้ายเข้าไปอยู่ใหม่ จ้างคนรับใช้อีกสักสองสามคน วันข้างหน้าจะได้มีที่หลบหลบฝนด้วยหลังจากซ่อมแซมเรือนเสร็จแล้ว ห่าวเจินเจินยังได้ตั้งใจไปหากู้หว่านเยว่ เชิญพวกเขามาเป็นแขกที่บ้านอีกด้วยกู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงก็ยังพักอยู่ในโรงเตี๊ยมพอดี กำลังรอข่าวจากทางชายแดน และยังไม่มีแผนที่จะออกเดินทาง จึงย้ายไปพักที่จวนสกุลห่าวตามคำเชิญสองสามวัน“แม้ฮูหยินห่าวอายุยังน้อย กลับเก่งเรื่องการค้าขาย บริหารร้านค้าที่อยู่ในมือได้ดีมาก”กู้หว่านเยว่เปิดดูสมุดบัญชีเหล่านี้ ในแววตาเต็มไปด้วยความชื่นชมห่าวเจินเจินยิ้มอย่างถ่อมตน “ฮูหยินไม่รู้หรอก ข้าเกิดในตระกูลพ่อค้า ครอบครัวของข้าทำการค้าขายตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ และซึมซับจากท่านพ่อตั้งแต่เด็ก ย่อมคุ้นเคยกับเรื่องเหล่านี้เป็นพิเศษ”สองวันมานี้ นางก็ได้วางแผนทิศทางชีวิตของตัวเองแล้ว“ต่อไปนี้ ข้าว่าจะทำเกี่ยวกับการค้าขาย และข้าตั้งใจจะรับเลี้ยงเด็กสักคน แล้วถ่ายทอดเคล็ดลับการค้าให้กับนาง”การหย่าร้างไม่ได้แปลว่าชีวิตจะไปต่อไม่ได้แล้วขอแค่นางมีเงินมากพอ และมีเรื่องที่ตัวเองอยากทำ ชีวิตก็ยังสามารถก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคงห่า
“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง ข้าส่งเงินไปขอให้ทางด้านทางการช่วยเหลือแล้ว จะต้องหาตำแหน่งดีๆ ให้ลูกแน่นอน”จูจิ้งเหวินมั่นใจในตัวเองมากฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า ขณะที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆ ก็มีสาวใช้เดินเข้ามาจากด้านนอก “คุณชายใหญ่ เส้าฮูหยินเชิญท่านไปหาเจ้าค่ะ”จูจิ้งเหวินพยักหน้า รีบกล่าวตอบทันที “เจ้ากลับไปบอกฮูหยิน ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”สาวใช้หมุนกายเดินออกไปจูจิ้งเหวินลุกขึ้นประสานมือกล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่าจู “ท่านแม่พักผ่อนเถอะ ลูกไม่รบกวนแล้ว ขอตัวก่อน”บนใบหน้าฮูหยินผู้เฒ่าจูฉายแววไม่พอใจเสี้ยวหนึ่ง “ข้ายังพูดไม่จบเลย เจ้าก็จะไปแล้ว ไปช้าหน่อยจะเป็นอะไรผู้หญิงที่เคยเรียนหนังสือนี่มันเรื่องมากจริงๆ ข้าเห็นเจ้าไปอยู่กับนางแทบตลอดเวลา นางพูดอะไรก็เชื่อฟังลูกแม่ เจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้นะ เจ้าเป็นผู้ชาย ต้องทำตัวให้สมกับเป็นผู้ชายหน่อย”ตอนที่ซ่งอวิ้นยังไม่แต่งเข้ามา ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นนางเป็นดั่งสมบัติล้ำค่า ไม่เพียงมีความรู้ แถมยังสอบติดอันดับ พูดออกไปมีหน้ามีตาเพียงใดแต่หลังจากซ่งอวิ้นแต่งเข้ามา ในใจฮูหยินผู้เฒ่าก็เริ่มเกิดความไม่พอใจตั้งแต่ลูกสะใภ้คนนี้แต่งเข้ามา ก็ไม่เคยมาปรนนิบ
“เจ้าว่าอะไรนะ?”ฮูหยินผู้เฒ่าฟู่เบิกตากว้าง ราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน“เจ้าถึงขั้นจะทิ้งข้าไว้ที่นี่คนเดียวเลยหรือ เจ้ามันได้เมียแล้วลืมแม่ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าลำบากตรากตรำเลี้ยงเจ้ามาอย่างไร…เจ้ามันหมาป่าตาขาวที่เลี้ยงไม่เชื่อง หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ข้าก็คง…”“ท่านแม่ นี่ท่านพูดอะไร?” ฟู่หลานเหิงขมวดคิ้ว หมาป่าตาขาวอะไร เหตุใดท่านแม่พูดจาแปลกๆ?ดวงตาซูจิ่นเอ๋อร์สั่นระริก เก็บความระแวงไว้ในใจ“เรื่องนี้ข้าตกลงกับจิ่นเอ๋อร์แล้ว แล้วก็แม่นางท่านนี้ด้วย ในเมื่อท่านแม่ชอบนาง ก็ให้นางคอยดูแลท่านเถอะ”ตั้งแต่เริ่มจนจบ ฟู่หลานเหิงไม่มองญาติผู้น้องคนนั้นแม้แต่แวบเดียวและไม่อยากหาเรื่องอีกฝ่าย เพราะรู้ดีว่าท่านแม่เป็นคนสั่งให้นางมาฮูหยินผู้เฒ่าเบิกตากว้าง “เจ้าพูดจริงหรือ เจ้าจะทำเช่นนี้จริงๆ หรือ?”“ลูกตัดสินใจแล้ว ท่านแม่โปรดสงเคราะห์ด้วย” ฟู่หลานเหิงพูดมาถึงตรงนี้ เมื่อเห็นฮูหยินผู้เฒ่ายังคงโกรธมาก จากจับมือซูจิ่นเอ๋อร์เดินจากไป ก่อนไปยังได้สั่งให้พ่อบ้านไปเชิญหมอมากระทั่งเดินพ้นประตูใหญ่ไปแล้ว ซูจิ่นเอ๋อร์ก็ยังรู้สึกงงงันอยู่ไม่น้อย“ท่านพี่ ท่านตัดสินใจจะก
ฮูหยินผู้เฒ่าฟู่กับแม่นมหลี่ร่วมมือกันจัดฉาก อยากให้ซูจิ่นเอ๋อร์มาจับชู้ด้วยตัวเองด้วยนิสัยของซูจิ่นเอ๋อร์ หากเจอฟู่หลานเหิงอยู่บนเตียงกับผู้หญิงคนอื่น จะต้องหมุนกายเดินจากไปอย่างไม่ลังเลนางเป็นคนประเภทยอมเป็นหยกที่แหลกลาญ ก็ไม่ขอเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์“จิ่นเอ๋อร์ไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น”ฟู่หลานเหิงอธิบายเบาๆ ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความโล่งใจ โชคดีที่หลังจากรู้ว่าท่านแม่อยากหาอนุภรรยาให้เขา จึงได้ระวังตัวไว้ ไม่เช่นนั้นคงโดนวางยาแล้วซูจิ่นเอ๋อร์เม้มปาก ลึกๆ ในใจนางก็ไม่อยากหย่ากับฟู่หลานเหิงดังนั้นเมื่อรู้ว่าฟู่หลานเหิงยังไม่โดนวางยา นางก็พลอยโล่งใจไปด้วยแม้โล่งใจก็จริง แต่สิ่งที่ควรจัดการก็ต้องจัดการ พี่สะใภ้ใหญ่พูดถูก หากไม่ทำให้เรื่องราวชัดเจน วันข้างหน้ายังจะมีปัญหาตามมาไม่รู้จบนางกล่าวถามโดยตรง “ท่านตั้งใจจะจัดการเรื่องในวันนี้อย่างไร?”ซูจิ่นเอ๋อร์กลัวว่าตัวเองพูดไม่ชัดเจนพอ จึงรวบรวมความกล้าแล้วเสริมอีกประโยค“ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ชอบข้า พยายามทุกวิถีทางเพื่อหาอนุภรรยาให้ท่าน และวันนี้ก็มาเกิดเรื่องเช่นนี้อีก เกรงว่าต่อไปข้ากับฮูหยินผู้เฒ่ายากจะอยู่ร่วมใต้ช
ตอนนี้เพิ่งมาเซียงหยางได้แค่สองครั้ง ก็เห็นซูจิ่นเอ๋อร์ถูกรังแกสองครั้งติดกัน เขาที่เป็นพี่ใหญ่คนนี้ย่อมรู้สึกไม่สบายใจสีหน้าของทั้งสองดูไม่ดูนัก เมื่อมาถึงหน้าประตูสกุลฟู่ กลับเห็นประตูใหญ่ของสกุลฟู่ปิดสนิท แม้แต่คนเฝ้าประตูก็ไม่มี“ลองเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น” กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง ชิงเหลียนรีบไปตรวจดูทันทีหลังจากนั้นครู่หนึ่งก็กลับมารายงาน “ฮูหยิน เหมือนว่าจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรในจวนเจ้าค่ะ ทุกคนไปรวมตัวกันที่เรือนส่วนหน้า บ่าวมองผ่านร่องประตู แต่เห็นไม่ชัดว่าเกิดเรื่องอะไร”“จิ่นเอ๋อร์อยู่ข้างในหรือไม่?”“อยู่ มองเห็นองค์หญิงแล้วเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่พยักหน้าแล้วส่งจ้านจ้านให้ชิงเหลียน จากนั้นนางกับซูจิ่งสิงกระโดดขึ้นไปบนคานบ้าน มองเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นข้างในโดยตรงทั้งสองคิดไม่ถึงว่าเพิ่งเข้าไปก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากในลาน และยังมีเสียงเฆี่ยนตีด้วย“พอแล้ว อย่าตีแม่นมหลี่อีกเลย นางอายุมากแล้ว รับไม่ไหวแล้ว!” เป็นเสียงร้องไห้แทบขาดใจของฮูหยินผู้เฒ่าฟู่ส่วนคนที่กำลังถูกเฆี่ยนตีก็คือแม่นมหลี่ นางถูกตีจนเหลือเพียงลมหายใจรวยริน“คุณชายใหญ่ บ่าวถูกปรักปรำ ถูกปรักปรำ!”“
ห่าวเจินเจินหันกลับไปมองด้วยสายตาแน่วแน่ “ไม่มีวันเสียใจ!”หัวใจจูจิ้งเหวินก็พลันสั่นสะท้าน จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีของบางอย่างกำลังค่อยๆ ออกห่างจากเขาทีละนิดห่าวเจินเจินไม่รอให้พวกเขาตั้งตัว รีบพาคนออกจากสกุลจูอย่างรวดเร็ว“ฮูหยินทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อสกุลจูตั้งหลายปี สุดท้ายเอาแค่สินเดิมตามสิทธิ์ไป พวกเขากลับไม่ได้รับการลงโทษอะไรเลย ถูกคนเลวพวกนี้เอาเปรียบจริงๆ”สุ่ยซิงกำหมัดแน่น แววตาเต็มไปด้วยความโกรธห่าวเจินเจินกลับปล่อยวางแล้ว นางส่ายศีรษะอย่างอ่อนโยน “สามารถหลุดพ้นจากบ่อโคลนแห่งนี้ ก็ถือว่าข้าโชคดีมากแล้ว ส่วนเรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ พวกเราควรมองไปข้างหน้า”มีหรือที่ห่าวเจินเจินจะไม่อยากให้ผู้ชายกากเดนคนนี้ได้รับผลกรรม แต่นางเป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ไร้อำนาจไร้อิทธิพล จะไปต่อกรกับจูจิ้งเหวินได้อย่างไร?ไม่สู้ปกป้องตัวเองให้ดีก่อน แล้วค่อยวางแผนใหม่ในวันข้างหน้าสุ่ยซิงพยักหน้า “คุณหนูไม่ต้องห่วง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น บ่าวจะอยู่เคียงข้างคุณหนูเสมอ ไม่ทิ้งคุณหนูระหว่างทางเด็ดขาด”ห่าวเจินเจินจับมือสุ่ยซิง “ต่อไปพวกเราสองคนต้องพึ่งพากันและกันแล้ว”นายบ่าวสองค