“ฆ่าให้หมด” นางกล่าวแม่ทัพเสอได้รับคำสั่งที่แน่ชัด ชะงักไปอย่างรุนแรง ต่อมาจึงรีบพาคนถอยออกไปกู้หว่านเยว่มาถึงข้างเตียง จ้านจ้านนอนหลับสนิทแล้ว นางยื่นมือไปลูบใบหน้าของจ้านจ้าน“ท่านแม่” เด็กที่เล็กขนาดนี้ยามปกติฉลาดหลักแหลม เมื่อใดที่นอนหลับ ความระมัดระวังจะลดลงขณะกึ่งหลับกึ่งตื่น เมื่อเห็นว่าเป็นกู้หว่านเยว่ จึงสะลึมสะลือนอนหลับต่อไปกู้หว่านเยว่หัวเราะ “เด็กใจร้าย”ลูกชายนอนหลับแล้ว นางไม่อยากรบกวน ดึงผ้าห่มมาห่มให้เขาอย่างดีจึงหันหลังออกจากห้องซูจิ่งสิงยังรอนางอยู่ที่ห้อง เมื่อเห็นนางกลับมา จึงผสมน้ำที่เพิ่งเดือดในกา ลงไปในกะละมังให้ได้น้ำในอุณหภูมิที่เหมาะกับการล้างเท้า แล้วยกมาให้“เหนื่อยมาทั้งวัน แช่เท้าแล้วรีบเข้านอนเถอะ”กู้หว่านเยว่พยักหน้าอย่างลวก ๆ นางเหนื่อยมากจริงๆ จึงหลับตาแล้วนั่งอยู่ขอบเตียง ปล่อยให้ซูจิ่งสิงช่วยนางถอดรองเท้าและถุงเท้า นำเท้าทั้งคู่วางลงในน้ำอุ่น“สบายจังเลย” กู้หว่านเยว่กล่าวพวกผู้ติดตามนอกห้องที่เห็นซูจิ่งสิงล้างเท้าให้กู้หว่านเยว่ เห็นเป็นเรื่องปกตินานแล้วพวกเขารับใช้ท่านอ๋อง ภาพทำนองนี้ แทบจะมีให้ได้เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันพระส
ในที่สุดจวงเยียนก็รู้จักกลัวแล้ว ดิ้นรนไม่ยอมให้ลากตัวออกไป“ข้าไม่กลับสกุลจวง ข้าไม่กลับไป ปล่อยข้านะ!”ชิงเยี่ยนตำหนิ “อยู่เฉย ๆ สกุลจวงของพวกเจ้าบังอาจหลอกลวงตงโจว ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วหรือ?”จวงเยียนส่ายหน้าไม่หยุด “เรื่องนี้ล้วนเป็นความผิดของสกุลจวง ไม่เกี่ยวกับข้า หากจะเอาผิดก็ต้องเอาผิดพวกเขา เพียงเพราะข้าแซ่จวงอย่างนั้นหรือ ข้าเองก็ถูกบังคับนะ!”นางไม่พอใจมาก ชิงเยี่ยนเองก็เอ่ยอย่างโมโห “พวกนักเรียนหลายคนที่ชกต่อยกัน แต่เดิมก็ไม่รู้จักกัน และไม่รู้จักเจ้าเจ้าใช้วิชาเสน่ห์ ทำให้พวกเขาตีกันเพราะเจ้า ยังทำให้รัฐทายาทโจวบาดเจ็บสาหัส เรื่องนี้คงเกี่ยวข้องกับเจ้าแล้วนะ”จวงเยียนยิ่งไม่พอใจ “ข้าใช้วิชาเสน่ห์ก็จริง แล้วอย่างไรล่ะ? ไม่มีควันก็ไม่มีไฟ หากพวกเขาไม่เห็นแก่ความงามของข้า จะตีกันได้อย่างไร?”ชิงเยี่ยนนึกไม่ถึงว่าจวงเยียนอายุยังน้อย แต่กลับพูดจาจัดจ้าน เขาโกรธจนกระทืบเท้า ไร้เหตุผล ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!เดิมทีระหว่างรัฐทายาทพวกนั้นไม่มีเรื่องบาดหมางกัน และไม่รู้จักจวงเยียน แต่เพราะวิชาเสน่ห์ที่สมควรตายของนาง ชกต่อยกันใหญ่โต กระทั่งยังมีคนบาดเจ็บสา
ซูจิ่งสิงกดเสียงต่ำ น้ำเสียเจือด้วยความอ่อนโยน “น้องหญิง ไปพักก่อนเถอะ ข้าจะอยู่แทนเจ้าเอง”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “ไม่ต้อง ข้ายังไหว รอต่อไปเถอะ”จะได้อ่านคำให้การที่พวกเขาส่งเข้ามาซูจิ่งสิงเองก็ไม่ได้บังคับ เขาเข้าใจนิสัยกู้หว่านเยว่ดี สิ่งที่นางต้องการทำไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเพียงเพราะคำโน้มน้าวไม่กี่คำของคนอื่นยามฟ้าสาง ในที่สุดก็ไต่สวนนักเรียนทั้งหมดเสร็จสิ้นไม่ไต่สวนก็ไม่รู้ พอไต่สวนก็ตกใจไม่น้อย มีนักเรียนมากถึงยี่สิบกว่าคนที่เป็นผู้สวมรอยแม่ทัพเสอนำตัวนักเรียนทั้งหมดยี่สิบสองคนเข้ามา ให้พวกเขาคุกเข่าอยู่บนพื้นนักเรียนเหล่านี้ถูกไต่สวนมาทั้งคืนโดยไม่ได้นอน อีกทั้งได้รับการลงโทษไปหนึ่งครั้ง แต่ละคนจึงคุกเข่าตัวสั่นอยู่บนพื้น แทบจะหมดสติ“ข้าถูกบังคับ สกุลโจวบังคับให้ข้ามา ข้าเองก็ไม่มีทางเลือก”“ข้าเป็นเพียงคนขับรถม้าของสกุลเฉิง เพราะหน้าตาละม้ายรัฐทายาทห้าส่วน จึงถูกส่งตัวมา”“ข้าเป็นเพียงบุตรอนุของญาติสายข้าง...นี่เป็นคำสั่งของท่านประมุข ข้าไม่กล้าไม่มา”“ขอท่านอ๋องปล่อยพวกข้าไปเถอะ พวกข้าเองก็ล้วนถูกบังคับ”แต่ละคนคุกเข่าคำนับวิงวอนอยู่บนพื้นแรกเริ่มพวกเขาย่อมไม่
เรียกรวมพล แสดงว่าเรื่องนี้คงจบไม่ดีสำหรับคำสั่งของกู้หว่านเยว่ ชิงเยี่ยนทำตามโดยไร้ข้อกังขา เขารับหนังสือสั่งการ แล้วรีบจากไปกู้หว่านเยว่ชี้ไปที่ชัยชนะของวันนี้ “แม่ทัพเสอ รบกวนเจ้าช่วยนำเหยื่อพวกนั้นในเข่งไปที่ห้องครัว ให้พวกเขาช่วยทำอาหารสักโต๊ะ” แม่ทัพเสอเพิ่งได้สติ “ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้ขอรับ”เป่ยหมิงโยวหลานก็ให้เสี่ยวเซวียนำเข่งของพวกเขาเข้ามาเหมือนกัน“ล่าได้ไม่เยอะ แต่ก็น่าจะทำได้หนึ่งโต๊ะ เอาไปในครัวพร้อมกันเถอะ”กู้หว่านเยว่เหลือบมองแวบหนึ่ง พยักหน้า “มีกระต่ายป่า ให้ในครัวทำหมาล่าขากระต่าย”แม่ทัพเสอรีบจำไว้ สั่งให้ผู้ใต้บัญชายกเหยื่อในเข่งหลายใบไปที่ห้องครัวหลังจัดการเรื่องเหยื่อเสร็จ กู้หว่านเยว่ถึงนั่งลงใหม่ เอ่ยเชื่องช้า “นำนักเรียนไปขังไว้ที่หอพักทั้งหมด ค่อยตรวจสอบทีละชุดเถอะ”นางสำทับอีกหนึ่งคำ “หากผู้ใดรายงาน ครอบครัวจะได้รับประโยชน์ไปด้วย”ลูกหลานพระญาติเหล่านี้ส่วนใหญ่รู้จักกันหมด ตรวจสอบทีละคนก็ไม่แน่ว่าอาจมีปลารอดจากอวนไปได้แต่หากมีคนรายงาน เรื่องราวกับง่ายกว่าเดิมมากส่วนจะได้รับประโยชน์อย่างไร กู้หว่านเยว่คิดไว้แล้ว จึงสั่งให้คนไปนำกระดาษพู่กัน
ส่วนกู้หว่านเยว่ก็คือคนที่ทำให้พวกเขากินอิ่มนอนอุ่นคนนั้นดังนั้นพวกเขาจึงนับถือกู้หว่านเยว่ออกมาจากใจกู้หว่านเยว่ไม่อยากให้ทุกคนนั่งคุกเข่าข้างทาง จึงเปิดม่านบอกให้ทุกคนลุกขึ้น“ลุกขึ้นเถอะ แยกย้ายกันไปทำงาน ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว”พวกชาวบ้านไม่ยอมลุกขึ้น ดึงดันจะคุกเข่าอยู่บนพื้นกู้หว่านเยว่จึงต้องสั่งให้คนขับเร็วขึ้น จะได้รีบไปถึงสำนักศึกษาในที่สุดก็มาถึงทางเข้าสำนักศึกษา พวกชาวบ้านถึงได้ทยอยจากไปหนานโย่วยกนิ้วหยอกล้อ “สมกับเป็นเทพธิดา ได้ใจชาวประชา”กู้หว่านเยว่มองค้อนอีกฝ่าย “ไม่พูดก็ไม่มีใครคิดว่าท่านเป็นใบ้หรอกนะ”นางหันมองพวกชาวบ้านที่จากไป ถนนหนทางเป็นระเบียบ ในใจรู้สึกอบอุ่นนี่คือความตั้งใจเดิมที่นางรวมที่ราบแห่งความโกลาหลให้เป็นหนึ่ง ตอนนี้ความหวังเป็นจริงแล้ว พวกชาวบ้านต่างมีชีวิตที่สงบสุขแต่ทุกสิ่งเบื้องหน้าเหล่านี้ยังคงไม่พอที่ราบแห่งความโกลาหลรวมเป็นหนึ่งเพียงชั่วคราว ภายหน้าอาจแตกแยกอีกครั้งถึงตอนนั้น อาจยังคงมีภาพที่ชาวบ้านลำบากยากแค้นเกิดขึ้น ดังนั้น นางต้องพยายามให้มากหันกลับมามองสำนักศึกษาเมืองลู่เบื้องหน้า กู้หว่านเยว่ยกมือ“แม่ทัพ นำทางอยู่ข้าง
กู้หว่านเยว่กล่าว “เข้าเมืองก่อนเถอะ”จวงเยียนหยุดหายใจ หากเมื่อครู่ถูกลงโทษตอนถูกจับ นางกลับไม่มีอะไรให้กลัวทว่าตอนนี้สงบสติอยู่ตรงเชิงเขานานขนาดนี้ ตากลมหนาวนานขนาดนั้น จู่ ๆ ในใจนางเกิดความหวาดกลัวเป็นระยะนางกวาดมองทุกคนหนึ่งครั้ง สุดท้ายเบนเป้าหมายไปหาหนานโย่วที่สีหน้าเป็นมิตรฉวยโอกาสตอนเข้าเมือง นางแอบขอร้องหนานโย่ว “ขอร้องท่านละ ช่วยข้าด้วย”หนานโย่วก้มหน้า พลันเห็นน้ำตาเอ่อตรงหางตาจวงเยียน ดูน่าสงสารมาก“ช่วยข้าด้วย” นางพูดต่อไปหนานโย่วจ้องนางจวงเยียนกะพริบตา น้ำตาไหลรินลงมา หนานโย่วยื่นมือออกไป ภายใต้สายตาน่าสงสารของนางเขาบีบคอนางแน่น“โอ๊ย? !” จวงเยียนยังไม่ได้สติว่าเกิดเรื่องใดขึ้น จึงดิ้นรนพร้อมร้องเสียงดังความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดไป เมื่อเห็นท่าทีของหนานโย่ว กู้หว่านเยว่เดินมาถาม “มีอะไร?”หนานโย่วเอ่ยทีละคำ “นางคิดจะใช้วิชาเสน่ห์กับข้า”ทุกคนหรี่ตาทันทีมิน่าละเพิ่งจะเข้ามาร่ำเรียน ก็สามารถทำให้รัฐทายาททั้งหลายตีกันเพราะนาง ที่แท้จวงเยียนอายุยังน้อยแต่เป็นวิชาเสน่ห์หนานโย่วหัวเราะ “เจ้าคิดจะใช้วิชาเสน่ห์กับข้า เหตุใดไม่สืบดูก่อนว่าข้าเป็นคนที่ไหน? พวกเร