ฮูหยินผู้เฒ่าตื่นตระหนกตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “เจ้า เจ้าอย่าเข้ามา ออกไปไกล ๆ ข้าเดี๋ยวนี้”นัยน์ตาของซูหรานหร่านฉายแววผิดหวัง แต่ก็ยังยืนกรานจะเดินเข้าไปหาพวกเขา“พวกท่านอยากพาตัวข้าไปส่งให้สกุลเฉียนไม่ใช่หรือ ถึงอย่างไรก็ต้องดูแลข้าสิ ข้าติดโรคเรื้อนเช่นนี้จะไปสกุลเฉียนได้อย่างไร พวกท่านต้องรักษาโรคเรื้อนให้ข้า”ก่อนจะหันไปหาพ่อบ้านเฉียน “พวกท่านจะพาข้าไปหาหมอใช่หรือไม่?”“ล้อกันเล่นใช่หรือไม่?” พ่อบ้านเฉียนสบถคำหยาบคายออกมาทันที “นายท่านของเราอายุมากก็จริง แต่เขาไม่ใช่คนโง่ เว้นเสียสกุลเฉียนจะบ้าอนุญาตให้เจ้าเข้าไป”เมื่อเห็นใบหน้าของซูหรานหร่านที่เต็มไปด้วยผืนแดงขนาดใหญ่ ดูน่าเกลียดและน่ารังเกียจที่สุดพ่อบ้านเฉียนจึงวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต“พ่อบ้านเฉียน เจ้ากล้าผิดสัญญาได้อย่างไร?”ซูหัวหยางรีบเข้ามาคว้าตัวเขา แต่กลับถูกพ่อบ้านผลักออก “ก่อนหน้านั้นเจ้าไม่เคยบอกว่าบุตรสาวของเจ้าเป็นโรคเรื้อน ข้ายังไม่คิดบัญชีเรื่องที่เจ้าโกหกข้าเลยนะ”ซูหัวหยางบ่นอย่างรู้สึกผิด “นางไม่เคยเป็นมาก่อน”“เมื่อก่อนจะเป็นยังไงข้าไม่สน แต่ตอนนี้นางเป็นโรคนี้แล้ว สกุลเฉียนไม่รับนางเป็
“หนังสือตัดสายเลือด พอใจแล้วใช่หรือไม่ เราไปกันเถิด!”ซูหรานหร่านรีบคลี่อ่านทันที เมื่อมั่นใจว่าเป็นหนังสือตัดสายเลือดจริง ๆ นางก็โล่งใจ จากนั้นก็เงยหน้าส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับกู้หว่านเยว่แต่เมื่อซูหัวหยางเห็นท่าทางของพวกนางสองคน เขาก็รู้ทันทีว่าตัวเองนั้นติดกับเข้าแล้วเพียงแต่ไม่รอให้เขาคิดมาก ฮูหยินผู้เฒ่าซูผู้ไม่ชอบความโชคร้าย รีบเข้ามาลากเขาออกไป“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าเป็นอิสระแล้ว”ซูหรานหร่านดีใจจนน้ำตาไหลหวังปี้กระชากตัวนาง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอ!”“ท่านแม่ทัพหวัง....”ยังไม่ทันที่ซูหรานหร่านจะตอบตกลง นางก็ถูกเขาลากออกไป นางรีบห้ามเขา “ไม่ต้องไปหาหมอหรอก เปลืองเงินเสียเปล่า ๆ”“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน ข้าจะหาวิธีเอง โรคเรื้อนสามารถรักษาให้หายได้ ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอ”สายตาของหวังปี้ฉายแววร้อนใจจริง ๆ ก่อนจะหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาให้ซูหรานหร่านดู“ท่านแม่ทัพหวัง โรคเรื้อนสามารถติดต่อกันได้ ท่านไม่กลัวหรือ?”กู้หว่านเยว่ยิ้มเยาะ นางตั้งใจลองเชิงเขา“มีอะไรต้องกลัวเล่า ไปหาหมอสำคัญที่สุด อีกอย่างข้าบอกไปแล้วว่าข้าจะสู่ขอหรานหร่านมาเป็นภรรยาของข้
“ไกลหรือไม่?”“ไม่ไกล ห่างจากเราแค่ห้าลี้”กู้หว่านเยว่รู้สึกตื่นเต้น สิ่งที่นางคิดคือหลังจากมาถึงหมู่บ้านสือหานแล้ว นางยังไม่ได้สำรวจรอบ ๆ หมู่บ้านอย่างละเอียดในเมื่อหมู่บ้านชาวประมงอยู่ไม่ไกล ไม่สู้พรุ่งนี้นางเดินทางไปยังหมู่บ้านชาวประมง แล้วถือโอกาสหาอาหารทะเลที่นั่นกินเลย“ท่านพี่ พรุ่งนี้เราไปหมู่บ้านชาวประมงกันเถอะ”กู้หว่านเยว่ขยับเข้าใกล้ซูจิ่งสิง ความตื่นเต้นของนางมากมายจนไม่อาจปฏิเสธได้ ซูจิ่งสิงจึงพยักหน้าตอบตกลงอย่างอ่อนโยน“ได้สิ แล้วแต่เจ้า”“คุณชายโจว อาหารทะเลสองตะกร้านี้ราคาเท่าไหร่ ข้าเหมาหมดเลย”นางจะพลาดอาหารทะเลเหล่านี้ไปไม่ได้“เจ้าจะเหมาหมดเลยหรือ?”โจวลิ่วหลางตื่นตกใจก่อน จากนั้นก็รีบกล่าวอธิบาย“กุ้งหนอนเป็นกุ้งเปลือกแข็งเนื้อน้อย ไม่คุ้มเสีย พวกชาวประมงให้ข้ามา ว่าแต่เจ้าอยากดูปลากะพงหรือไม่?”ปลากะพงในถังเป็นตัวที่เขาเพิ่งซื้อมาอีกทั้งเดิมทีเขาตั้งใจจะให้ปลากะพงกับกู้หว่านเยว่ด้วย“กุ้งหนอนหรือ?”กู้หว่านเยว่ดีใจ ที่แท้คนโบราณก็เรียกกั้งว่ากุ้งหนอนนี่เอง“ข้าไม่อยากได้ปลากะพง ข้าอยากได้กุ้งหนอน เจ้าช่วยคิดให้ข้าหน่อยว่าเท่าไหร่ ข้าเหมาสองถัง
เมื่อได้ยินว่ากู้หว่านเยว่เป็นคนซื้อมา ทุกคนก็พากันปิดปากเงียบ แล้วก็คลี่ยิ้ม“พี่สะใภ้ใหญ่ซื้อก็ถูกแล้ว”“นั่นนะสิ พี่สะใภ้ใหญ่ไม่หลอกพวกเราหรอก”ซูจิ่งสิง ‘….เขาดูเป็นส่วนเกินอยู่ไม่น้อย’ ซูจิ่นเอ๋อร์ยกมือทาบอกเบา ๆ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจัดการกุ้งหนอนกองนี้เถิด .... ข้า ข้าจะรับผิดชอบย่างเนื้อจิ้งจอกเอง!”เด็กคนนี้แสดงสีหน้าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัดกู้หว่านเยว่คลี่ยิ้ม “วางใจเถอะ ถึงเจ้าจะอยากทำข้าก็ไม่ให้เจ้าทำ”นางรอกินอาหารชั้นเลิศด้วย เวลานี้จึงสั่งให้ซูจิ่งสิงขนอาหารทะเลเหล่านี้เข้าไปในห้องครัวกู้หว่านเยว่ปิดประตูห้องครัว แล้ววุ่นวายอยู่ในนั้นก่อนอื่นนางต้องนำกั้งทั้งหมดชั่งน้ำหนักใหม่อีกครั้ง ซึ่งได้ประมาณสิบจินกุ้งมังกรหนึ่งถังที่เหลือ ทุกตัวจะมีก้ามขนาดใหญ่ ชั่งออกมาได้ที่สิบจินเช่นกันกู้หว่านเยว่โยนมันทั้งหมดเข้าไปในห้วงมิติ จากนั้นก็เริ่มรังสรรค์อาหารอยู่ในห้องครัว“กั้งผัดพริกเกลือห้าจิน กั้งต้มห้าจิน กุ้งมังกรผัดกระเทียม!”นางโยนวัตถุดิบเข้าไป ส่วนซูจิ่งสิงนั้นช่วยปิดบังซ่อนเร้นให้นางนอกห้องครัว ซูจิ่นเอ๋อร์กำลังโรยเครื่องปรุงลงบนตัวของจิ้งจอกย่างพลางขบคิด
ปรมาจารย์แพทย์ถูมือ“เจ้ามีต้นเทียนหมาให้ข้ายืมสักหน่อยได้หรือไม่”กู้หว่านเยว่ไม่ได้โต้แย้งใด ๆ ในห้วงมิติยังมีวัตถุดิบอีกมากมาย นางจึงทำการตรวจสอบว่าต้นเทียนหมาในห้วงมิติหรือไม่ไม่นาน ความสนใจของนางได้ไปหยุดอยู่ที่ต้นเทียนหมาที่อยู่ในมุมของห้วงมิติดูเหมือนจะเป็นต้นเทียนหมาที่มาจากสถาบันแพทย์หลวง“ข้าจะให้เสี่ยวอันไปหยิบมาให้จากห้องปรุงยา”“เจ้า เจ้ามีจริง ๆ หรือ?”ปรมาจารย์แพทย์แค่ลองหยั่งเชิงถาม คาดไม่ถึงว่าจะได้สิ่งนั้นจริง ๆ เขาจึงตื่นตกใจไม่น้อย“ไม่เพียงแค่มีเท่านั้น เจ้ายังยกให้ข้าด้วย?”“อื้อ ก็แค่ต้นเทียนหมา ไม่ได้มีค่าอะไร”ไม่มีค่า แต่เขามีความแค้น! ปรมาจารย์แพทย์ยังคิดอยู่เลยว่าเด็กคนนี้คงจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเป็นแน่“ข้าบอกแล้ว ว่าแม่นางกู้ให้เจ้า” หวงเหล่าที่กำลังแทะขาจิ้งจอกได้กล่าวออกมาดั่งที่คาดการณ์ไว้แล้วปรมาจารย์แพทย์รู้สึกลำบากใจ เขาต้องสะดุ้งตื่นเพราะตบตัวเองถึงสองครั้งก่อนหน้านั้นทำไมเขาถึงเชื่อฟังคำกล่าวของมู่หรงอวี้ คิดว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่จิตใจโหดเหี้ยม?เด็กคนนี้เดินทางสายกลางด้วยซ้ำ!“เด็กดี รอให้ข้าปรุงยาเสร็จ ข้าจะให้เจ้าหนึ่งเม็ด”
กู้หว่านเยว่ไม่มีอะไรทำ จึงหาข้ออ้างกลับห้อง และกลับเข้าไปในห้วงมิตินางไม่ได้เข้ามาในนี้สองวันแล้ว ภายในห้วงมิติไม่ว่าจะเป็นทุ่งสมุนไพร ต้นไม้ หรือแม้กระทั่งฟาร์มล้วนแต่มีแนวโน้มค่อย ๆ เติบโตขึ้น“แย่แล้ว ประมาณการบริโภคน้อยกว่าความเร็วในการเติบโต”จู่ ๆ ระบบก็กล่าวเตือนด้วยความหวังดี “นายท่านสามารถใช้เครื่องควบคุมได้ เก็บผลของต้นแล้วนำมาสกัดเป็นแยมผลไม้และผลไม้ตากแห้งได้”“ไม่ต้องลงมือทำเองหรือ?” นัยน์ตาของกู้หว่านเยว่เปล่งประกาย จากนั้นก็รีบเปิดแผงควบคุมส่วนกลางทันทีหลังจากงมอยู่ครึ่งวัน ในที่สุดนางสามารถเก็บผลไม้จากต้นทั้งหมดได้เพียงคลิกเดียว ทั้งยังทำแยมผลไม้ได้ภายในคลิกเดียว สถานที่สำหรับตากแห้งก็มีปุ่มให้กดเช่นกันนางคลิกเปิดแผงควบคุมการทำงานของฟาร์ม กระทั่งพบว่ามีปุ่มสำหรับฆ่า ปุ่มสำหรับตากเนื้อ และปุ่มสำหรับความเย็นอยู่บนนั้น“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าในห้วงมิติจะสะดวกเช่นนี้”กู้หว่านเยว่ดีใจมาก ดูท่าทางทักษะด้านเทคนิคในห้วงมิติยังมีให้นางศึกษาอีกมาก ไว้นางค่อย ๆ ขุดคุ้ยแล้วกันกู้หว่านเยว่ลองกดทำแยมผลไม้สตอว์เบอร์รี่ ผลลัพธ์ก็ออกมาเป็นแยมผลไม้จริง ๆ เพียงแต่พริบตาเดียว
“ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นท่านแม่ไปกับเรา”กู้หว่านเยว่หยิบเศษเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากห้วงมิติ เพื่อความสะดวกในการจับจ่าย หลังจากที่ทั้งสามคนออกจากบ้านได้ไม่นาน ระหว่างทางพวกเขาก็บังเอิญเจอกับโจวลิ่วหลางโดยบังเอิญ“กำลังรอพวกเจ้าอยู่พอดี”โจวลิ่วหลางห่อตัวมิดชิดคล้ายกับบ๊ะจ่าง จมูกแดงก่ำ “ภรรยาของข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้าจะไปหมู่บ้านชาวประมง นางเป็นห่วงกลัวว่าพวกเจ้าจะโดนหลอก ก็เลยให้ข้าพาพวกเจ้าไป”มือมีดแห่งอาหารทะเล เชี่ยวชาญการเชือดคนต่างถิ่นในชีวิตที่แล้วกู้หว่านเยว่เคยถูกหลอกในตอนที่นางไปเดินเล่นริมชายหาดแม้จะบอกว่าตอนนี้นางไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทอง แต่ก็ไม่อยากเสียเงินเปล่า ๆ โดยใช่เหตุอีกเมื่อได้ยินว่าโจวลิ่วหลางจะนำทางให้นาง กู้หว่านเยว่ก็คลี่ยิ้มกว้างทันที จากนั้นก็ผายมือให้โจวลิ่วหลางนำหน้า“แม่นางสกุลโจวใจดียิ่งนัก จริงสิ นางกินยาเข้าไปแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?”“นางกินตามที่เจ้าสั่ง กินตลอด ไม่กล้าขาดเลยสักวัน”กู้หว่านเยว่ใช้นิ้วนับวันครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าหยุด กินอีกสักครึ่งเดือน เตรียมฟังข่าวดีได้เลย”“ข่าวดี?”โจวลิ่วหลางเกิดความสับสนพร้อมกับมือสั่นระริ
“อื้อ” กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วแน่น นางดูออกว่าบ้านหลังนี้ไม่ค่อยรักษาความสะอาด“ของทะเลส่วนใหญ่อยู่ตรงนี่ ฮูหยินเชิญเลือกตามสบายเจ้าค่ะ” ป้าสวี่พาพวกเขามาถึงลานกว้างด้านหลัง จากนั้นก็ตะโกนเรียกบุตรสาวทั้งสองคนอย่างสุดเสียง“ซิ่งเอ๋อร์ อวี๋เอ๋อร์ มีลูกค้าออกมาช่วยหน่อยเร็ว”เด็กสาวร่างกายซูบผอมทั้งสองคนรีบวิ่งออกมาจากในห้อง ดูท่าทางพวกนางน่าจะกำลังผ่าท้องปลา เพราะยังมีกรรไกรถือคาอยู่ในมือเมื่อทั้งสองคนเห็นกู้หว่านเยว่ที่แต่งตัวงดงาม จึงรีบเช็ดมือทันทีกระทั่งเห็นซูจิ่งสิงที่มีรูปโฉมงดงาม พวกนางถึงกับตะลึงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้ารูปไข่ของเขาแดงก่ำ“ท่านแม่ พวกเขาคือ....” บุตรสาวคนโตซิ่งเอ๋อร์กระซิบถามเบา ๆ “แขกที่มาซื้อปลา!” ป้าสวี่ตั้งใจกัดฟันเน้นคำว่าแขกซิ่งเอ๋อร์และอวี๋เอ๋อร์มองตากัน จากนั้นก็ปรี่เข้าไปช่วยป้าสวี่เปิดฝาพลางชำเลืองมองซูจิ่งสิงด้วยสายตาเปล่งประกายในใจของกู้หว่านเยว่นึกถึงแต่หอยนางรม จึงไม่ได้สังเกตเห็นปฏิกิริยาของพวกนางเมื่อฝาไม้ถูกเปิดออก ก็เจอกับของทะเลจำนวนมากอยู่รวมกันในบ่อแห่งนี้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นกุ้งและปลา หอยนางรมก็มีแต่น้อยมากกู้หว่านเยว่ชี้ไปยังหอยน
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป
นางอยากรู้ว่าราชินีหนานเจียงผู้นี้กำลังจะทำอะไรลับหลังนางกันแน่ ตั้งใจจะใช้ห้องปรุงพิษแห่งนั้นทำสิ่งที่น่าประหลาดใจอะไรอยู่กันแน่พิษ หากใช้มันจริง ๆ ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับดินปืนเลยเวลานี้เกาเจี้ยนเพิ่งได้เข้าใจ “ท่านจะปลอมตัวเป็นหนึ่งในคนชุดดำเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางทำหน้ากากหนังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“ในเมื่อเจ้าและอวิ๋นมู่ร่วมมือกันแล้ว ต่อไปข้าคงฝากฝังเจ้าได้อย่างวางใจ ข้าขอเก็บของสักครู่แล้วจะออกเดินทางทันที”กู้หว่านเยว่ดูรีบร้อนมากเรื่องนี้จะช้าไม่ได้“ขอรับ”เกาเจี้ยนคงพูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ผิดหวังความไว้วางใจของพระมเหสีไปแล้ว แต่นางก็ยังยกกองกำลังแนวหน้าให้เขาดูแลทั้งหมด!กู้หว่านเยว่คว้าป้ายอาญาสิทธิ์ของหกคนนั้น ก่อนจะควบม้ามุ่งหน้าไปกับทิศทางของหนานเจียงพร้อมกับชวีเฟิง“หวังว่าหว่านเยว่จะกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นมู่มองไปยังทิศทางที่กู้หว่านเยว่จากไป แววตาเป็นห่วงยังคงจ้องมองอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานเกาเจี้ยนจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นห่วง เมื่อครู่ใยไม่โน้มน้าวกับข้าเล่า เป็นห่วงตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา”อวิ๋นมู่คลี่ยิ้ม
“แบบนี้ไม่ได้นะขอรับ พระมเหสี การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ก่อนจะออกเดินทาง ข้าสัญญาต่อฝ่าบาทว่าจะต้องปกป้องท่านอย่างดีที่สุดหากเขารู้ว่าข้าให้ท่านเดินทางไปหนานเจียงเพียงลำพัง เขาจะไม่ตัดหัวของข้าเลยหรือ?”เกาเจี้ยนร้อนใจมาก เหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงได้มีความคิดที่เหลวไหลและกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขายังไม่อยากตายกู้หว่านเยว่ยกมือเท้าคางพลางคลี่ยิ้ม“ไม่ได้จะไปเพียงลำพังเสียหน่อย นี่ ข้าให้ชวีเฟิงไปกับข้าด้วย”“เขา?” เขาเนี่ยนะ?เกาเจี้ยนส่ายหน้าทันที“พระมเหสี ได้โปรดท่านคิดทบทวนดี ๆ เถิด”ทว่าแม้แต่ซูจิ่งสิงก็ยังโน้มน้าวกู้หว่านเยว่ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเกาเจี้ยน“เรื่องนี้ว่าไปตามนี้ก่อนแล้วกัน กว่าฟ้าจะสว่างยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าง่วงแล้ว ขอพักสักหน่อย เจ้าออกไปจุดพลุส่งสัญญาณเถอะ รอให้คนของอวิ๋นมู่มาถึงแล้วค่อยมาปลุกข้า”เมื่อกู้หว่านเยว่กล่าวจบ ก็เข้าไปในกระโจมที่อยู่ถัดไปอื้อ ไม่ใช่ว่านางอยากเปลี่ยนกระโจมหรอก ความจริงคือกลิ่นเท้าในกระโจมของเกาเจี้ยนแรงเกินไปต่างหาก!พรุ่งนี้ต้องหาผงดับกลิ่นเท้ามาให้เขาสักห่อ รักษากลิ่นเท้าของเขาให้หาย“พระมเหสี!”เกาเจี้ยนไล่ตามม
มิน่าล่ะในระหว่างการสอบสวนเมื่อครู่ นางมองเล่ห์เหลี่ยมที่พวกเขาพยายามจะใช้พิษไม่ต่ำกว่าห้าครั้งนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ภายใต้ความจนปัญญานางทำได้แค่กดจุดทั่วร่างกายของคนเหล่านี้ไว้ เหลือเพียงปากของพวกเขาที่ยังสามารถพูดได้“ชวีเฟิง เจ้าสมควรตาย”เมื่อคนชุดดำเห็นชวีเฟิงขายความลับของหนานเจียงจนหมดเกลี้ยง ดวงตาก็พลันเบิกกว้างอย่างโกรธเคือง และสบถเป็นภาษาถิ่น“หุบปาก”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงโวยวาย ก็ขว้างเข็มเล่มหนึ่งออกไปปักลิ้นของคนผู้นั้นอย่างหมดความอดทน“อ๊าก!”เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาออกมาคนชุดดำคนอื่นเห็นเหตุการณ์นี้ก็ทยอยกันตัวสั่นงันงก รีบปิดปากทันที“เอาละ ตอนนี้เจ้าพูดต่อได้แล้ว” กู้หว่านเยว่หันไปมองชวีเฟิงชวีเฟิงตัวสั่นงันงกนางมารยังไงก็คือนางมารอยู่วันยังค่ำ น่ากลัวเหมือนกับในความทรงจำจริง ๆเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่“ว่ากันว่า ในห้องปรุงพิษมีคนอยู่มากกว่าสามสิบคน ทุกคนอาศัยลวดลายบนแขนมาระบุสถานะ”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมาเกาเจี้ยนตั้งสติแล้วรีบเดินขึ้นหน้า ถกแขนเสื้อของคนชุดดำทั้งหกคนขึ้น เผยให้เห็นแขนข้างภายใต้ร่มผ้าเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ บนแขนของคนชุด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้