คูเมืองที่อยู่ห่างไม่ไกลติดกับชายแดน คล้ายมังกรยาวขนาดใหญ่ตัวหนึ่งขดอยู่บนพื้นดิน“นี่คือเมืองตะวันไม่ตกดินหรือ? งดงามเหลือเกิน”ซูจิ่นเอ๋อร์อุทานออกมาอย่างจริงใจฟู่หลานเหิงเคยมาเมืองตะวันไม่ตกดินหนึ่งครั้ง สีหน้ากลับเรียบเฉย กระซิบบอกซูจิ่นเอ๋อร์เรื่องอุปนิสัยใจคอและวัฒนธรรมของคนภายในเมืองตะวันไม่ตกดิน“คนเข้าเมืองคล้ายมีมาก?”กู้หว่านเยว่แปลกใจอยู่บ้าง นางคิดว่าเมืองตะวันไม่ตกดินมีเพียงนักโทษอุกฉกรรจ์ ไม่มีราษฎร์เสียอีกกงจ่างเฮ่ออธิบาย “เจดีย์หนิงกู่พื้นที่กว้างใหญ่คนกลับน้อย มีคูเมืองเพียงสองแห่ง หนึ่งแห่งคือเมืองตู้เปียน อีกหนึ่งแห่งคือเมืองตะวันไม่ตกดิน เมืองตะวันไม่ตกดินแห่งนี้ไม่มีหมู่บ้าน แต่มิได้หมายความว่าทางฝั่งนี้ไม่มีราษฎร์อยู่ นอกเมืองมีหมู่บ้านอยู่อย่างกระจัดกระจาย ยังมีราษฎร์อีกจำนวนมากเข้าเมืองมาหาของกินในฤดูหนาว”กู้หว่านเยว่มองเห็นราษฎร์เหล่านั้นสวมเสื้อผ้าขาดหวิ่น เท้าเองก็ไม่สวมรองเท้าดีๆ ใบหน้าและใบหูล้วนโดนความเย็นกัด ต้านลมหนาวอย่างน่าสงสาร ชนิดที่ว่าเส้นทางทั้งสองฝั่งมีเด็กและผู้ชราแข็งตายทั้งเป็นไม่น้อยศพถูกฝังไว้ใต้สายลมและหิมะ อีกทั้งยังถูกสุนั
“วางใจเถอะ ไม่มีวันเกิดเรื่อง”กู้หว่านเยว่วิเคราะห์จึงพูดออกมาในเมื่อคนอยู่เบื้องหลังใช้วิธีการวางยา ต้องการไล่พวกเขาออกจากเมืองตะวันไม่ตกดินนั่นก็หมายความว่าอีกฝ่ายยังมีหลักฐานไม่มากพอให้ฉีกหน้า เผชิญหน้ากับทหารกลุ่มนี้อย่างเปิดเผยได้ดังนั้นแม้ร้อนใจก็ยังต้องเสแสร้ง“ขอบคุณมาก” กงจ่างเฮ่อมองกู้หว่านเยว่หลายหน คิดว่านางคล้ายสหายเก่าก็มิปาน“ท่านลุงอยู่ที่ใดกัน?”หลี่เฉินอันร้อนใจจนน้ำลายแตกฟอง “ตอนนี้พวกเรากำลังไปหาเขากระนั้นหรือ?”กงจ่างเฮ่อพยักหน้า “สหายเกิ่งยังอยู่ที่จวน แต่บัดนี้จวนเกิ่งน่าจะถูกทหารล้อมไว้แล้ว ข้าพาพวกเจ้าไปดูๆ ก่อน”“ได้”รถม้าแล่นไปอย่างเชื่องช้ามาถึงด้านนอกจวนเกิ่ง ดังคาด พบว่าภายนอกถูกทหารสวมชุดฟ้ามากมายล้อมไว้ ประตูสี่ทิศแปดด้านล้วนมีคนเฝ้า ไม่ให้คนเข้าออก “ไป พวกเราไปดูๆ ที่ร้านชาฟังตรงข้ามก่อน”กู้หว่านเยว่เสนอให้สืบข่าวจากร้านชาสองสามคนต่างเห็นด้วย รีบลงจากรถม้า เดินเข้าร้านชา สั่งชามาสองกา“แม่ทัพเกิ่งท่านนี้ดวงซวยยิ่งนัก ถึงขั้นเป็นไข้ทรพิษ สิ่งนี้ถึงตายเชียวนะ”เพิ่งนั่งลงก็ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาแล้วกู้หว่านเยว่และคนอื่นสบตากันแว
“ขอบคุณเจ้าของร้านมาก ท่านออกไปก่อนเถอะ”หลี่เฉินอันเอ่ยอย่างกังวล“ท่านอาจารย์หญิง ด้านนอกมีทหารมากเพียงนี้ พวกเราแค่ไม่กี่คนคล้ายจะเข้าไปไม่ได้”กู้หว่านเยว่ขยับนิ้ว ต้องการเข้าไปกลับไม่ยากเมื่อครู่นางตรวจสอบบ้างแล้ว แม้ประตูจวนเกิ่งมีคนมาก แต่ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ที่ประตูหลัก ประตูรองและประตูหลังมีทหารลาดตระเวนเพียงไม่กี่คนกู้หว่านเยว่วางแผนช่วยเหลืออย่างหนึ่งกงจ่างเฮ่อกลับมีสีหน้าประหลาดใจ ไม่พูดจาแม้คำเดียว มองดูแล้วคล้ายมีเรื่องภายในใจ“ท่านเป็นอะไร?” กู้หว่านเยว่เห็นเขาคล้ายปิดบังอะไรอยู่“เปล่า” กงจ่างเฮ่อขมวดคิ้ว กระซิบต่ออีกหนึ่งประโยค “ข้าเพียงกังวล แม้พวกเราเข้าไปอย่างยากลำบากได้แล้ว ก็ไม่แน่ว่าสหายเกิ่งจะยอมจากไปกับพวกเรา”อย่างไรเสียเกิ่งกวงก็มีวิชายุทธ์สูงมากกว่าเขา ครั้งก่อนเดิมทีสามารถหนีไปกับเขาได้ ปรากฏว่าเขาไม่ยอมไป“นี่หมายความว่ากระไร?” กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว ตกลงเกิดเรื่องใดที่นางยังไม่รู้กระนั้นรึ?“เฮ้อ ช่างแล้ว รอพวกเจ้าพบเขาก็รู้แล้ว” กงจ่างเฮ่อจิบชาหนึ่งอึก พูดอย่างอารมณ์ไม่ดีสองสามคนกลับยิ่งงุนงง ทำได้เพียงดื่มชาจนหมดรอจนกระทั่งสบโอกาสยามองครักษ์
เห็นเกิ่งกวงจะฉีกผ้าพันแผลที่นางพันไว้อย่างดี กู้หว่านเยว่ระเบิดขึ้นมาในทันใดคว้าปกคอเสื้อของอีกฝ่าย ตบหน้าเขาหนึ่งฉาด“แม่ทัพเกิ่ง ท่านอยากตายก็ไม่มีใครห้าม แต่ก่อนท่านตาย ข้าอยากให้ท่านคิดถึงน้องสาวที่ตายไปอย่างไม่เป็นธรรมและหลานชายที่ต้องอยู่เพียงลำพังของท่านดูก่อน หากรู้แต่แรกว่าท่านเป็นตัวไร้ประโยชน์พรรค์นี้ ก็ไม่ควรเดินทางไกลมาช่วยท่าน”กู้หว่านเยว่เองก็โมโห คนผู้นี้รู้ว่าซ่อมหลอดเลือดยากเพียงใดหรือไม่? เมื่อครู่นางเกือบเหนื่อยตายไปแล้ว“ท่านลุง?”หลี่เฉินอันได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว รีบเข้ามาจากด้านนอกประตู กงจ่างเฮ่อห้ามเขาไว้“อย่าเปล่งวาจาที่ดีอันใดกับลุงเจ้า ให้อาจารย์หญิงของเจ้าสั่งสอนเขาเถอะ”ใบหน้าเล็กของหลี่เฉินอันเกร็งเครียด “ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น!”จากนั้นมาที่ข้างเตียง สบมองเกิ่งกวง“ท่านลุง ท่านรู้จักข้าหรือไม่?”“เสี่ยวอัน?” คลื่นระลอกหนึ่งสะท้อนขึ้นในแววตาของเกิ่งกวง “เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่?”หลี่เฉินอันมองกลิ่นอายความตายทั่วทั้งสรรพางค์กายของเกิ่งกวง ใบหน้าเล็กดำทะมึน“เหตุใดท่านต้องรนหาที่ตายด้วยเล่า ท่านอาจารย์หญิงช่วยท่านเอาไว้อย่างยากลำบาก พวกเราล
คนมากินข้าวเป็นประจำอย่างกงจ่างเฮ่อไปจนถึงสหายเหล่านั้นล้วนมีอาการป่วยเหมือนกันนับตั้งแต่กู้หว่านเยว่พูดว่ากงจ่างเฮ่อถูกวางยาพิษ ไม่ใช่ไข้ทรพิษ เขาพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นภายในใจนั่นก็คือหลินเสี่ยวฉือตั้งใจวางยาลงในอาหารของพวกเขา ระยะนี้มีนางเป็นตัวแปรเพียงหนึ่งเดียว“เจ้า เจ้าพูดเหลวไหล...”เกิ่งกวงส่ายหน้า ยังไม่ยอมเชื่อ“หากนางเป็นคนวางยาพิษพวกเราจริง เหตุใดนางต้องไปหาหมอ มิหนำซ้ำยังถูกทหารฆ่าตายเพราะสาเหตุนี้อีกเล่า?”เอ่ยถึงเรื่องนี้ เกิ่งกวงน้ำตาหลั่งรินลงมาแล้ว เจ็บปวดทรมานอย่างหนักกงจ่างเฮ่อ ‘แม่ XX มีหนึ่งประโยคไม่รู้พูดได้หรือไม่’“พวกเจ้าอย่าสนใจข้าอีกเลย ปล่อยข้าไปตามยถากรรมเถอะ” เกิ่งกวงหลับตาลง สีหน้าเจ็บปวดหลี่เฉินอันเกร็งใบหน้าสบมองเขา อยากพูดอะไรแต่หยุดไว้แล้ว“ช่างเถอะ พวกเราออกไปก่อน”บัดนี้เกิ่งกวงอยู่ภายในโลกของตน ยังไม่ได้สติกลับมาพูดกับเขามากไปก็ไร้ประโยชน์“เฉินอัน เจ้าอยู่เฝ้าลุงของเจ้าที่นี่ อย่าปล่อยให้เขาเฉือนข้อมืออีก”กู้หว่านเยว่ขยับนิ้วมือ หากอีกฝ่ายยังกล้าทำเรื่องเหลวไหล เช่นนั้นนางก็ไม่รับปากว่าจะช่วยอีกครั้งสองสามคนเดินออกไปด้านนอ
กงจางเฮ่อรีบรับยาถอนพิษไป เผยสีหน้าซาบซึ้งใจ“ฮูหยินซูวางใจได้ ข้าไม่มีวันทำให้เจ้าผิดหวัง”เขาและเกิ่งกวงอยู่ป้องกันเมืองตะวันไม่ตกดินมานานหลายปี ผู้อยู่ใต้อาณัติแม้ไม่ถึงหนึ่งพันก็มีนับร้อย มิหนำซ้ำล้วนเป็นทหารกล้า ไม่กลัวทำการใหญ่ไม่สำเร็จ“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จวนเกิ่งนี้ขอมอบให้ท่านแล้ว พวกเราสองสามีภรรยาไปหาผู้ว่าการอำเภอหลินก่อน”พูดจบ กู้หว่านเยว่ขยิบตาให้ซูจิ่งสิง ทั้งสองคนจากไปอย่างว่องไวปานเหินบิน“ข้ายังมิได้บอกพวกเขาว่าจวนผู้ว่าการอำเภออยู่ที่ใดเลยนะ”กงจ่างเฮ่อขยับขึ้นไปสองก้าว น่าเสียดายเงาร่างคนทั้งสองหายไปแล้ว ทำเสียจนเขาตกตะลึง“ตกลงคุณชายซูมีฐานะเยี่ยงไรกันแน่ วิชายุทธ์สูงเพียงนี้... ช้าก่อน เขาสกุลซูรึ? คงมิใช่ เขา เขาคือเจิ้นเป่ยอ๋อง?”ชื่อเสียงของเจิ้นเป่ยอ๋อง ไม่มีทหารป้องกันชายแดนอย่างพวกเขาเหล่านี้คนใดไม่รู้จัก ชนิดที่ว่ากงจ่างเฮ่อยังเป็นเขาเป็นแบบอย่างอีกด้วยแม้ว่าเจิ้นเป่ยอ๋องถูกยึดทรัพย์เนรเทศ ทว่าภายในใจของกงจ่างเฮ่อ วีรกรรมปราบเผ่าทูเจวี๋ยจนพ่ายแพ้ราบคาบได้จะยังคงอยู่ชั่วนิรันดร์เขาคือเจิ้นเป่ยอ๋องตลอดกาล!แบบอย่างเชียวนะ นิ้วมือกงจ่างเฮ่อสั่นๆ
“ขุนนางชั่ว!”กู้หว่านเยว่สบถด่าหนึ่งประโยค เป่าผงสีชมพูทำให้แม่ครัวเหล่านั้นหมดสติ ต่อมาโบกมือเก็บอาหารเหล่านั้นไปขณะเดียวกันระดับความโกรธของกู้หว่านเยว่ที่มีต่อผู้ว่าการอำเภอหลินเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งร้อยแล้ว“พวกเราไปพบผู้ว่าการอำเภอหลินคนนั้น ดูว่าขุนนางทุจริตรังแกราษฎร์ผู้บริสุทธิ์มีหน้าตาเช่นไร”“ไป”ซูจิ่งสิงเห็นภรรยามีโทสะเพียงนี้ ลอบคาดโทษตายให้ผู้ว่าการอำเภอหลินแล้วทั้งสองมาถึงเรือนผู้ว่าการอำเภอหลินอย่างว่องไวปรากฏว่าเสียงหนึ่งชายหนึ่งหญิงดังออกจากภายใน“เกิ่งกวงคนนั้นฆ่าตัวตายแล้ว เจ้าไม่ปวดใจหรือ?”“ข้าปวดใจอะไร? ร่างกายและหัวใจข้าล้วนมอบให้ท่านตั้งแต่แรกแล้ว ปวดก็ปวดที่ท่านผู้นี้”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันแวบหนึ่ง ทั้งสองคนเจาะรูหน้าต่างกระดาษลอบฟังเสียงนินทาที่มุมกำแพงด้วยกัน“ปากเจ้านี้หวานล้ำโดยแท้ เสี่ยวฉือ รีบใช้ปากหวานๆ ของเจ้าจูบข้าเถอะ”เสี่ยวฉือ?หลินเสี่ยวฉือ?!กู้หว่านเยว่ตกตะลึงพรึงเพริด นี่ไม่ทันระวังก็เจอเรื่องชวนตกตะลึงมากเพียงนี้ไปเสียได้ หลินเสี่ยวฉือถึงขั้นยังไม่ตาย ยังสมรู้ร่วมคิดกับผู้ว่าการอำเภอหลินอีกด้วย!“แม่นางคนนั้นที่เกิ่งกวงพ
เกิ่งกวงโมโหจวนเจียนจะหมดสติไป ในที่สุดก็มิอาจอดกลั้น ยกขาถีบประตูเข้าไปแล้ว“ชายโฉดหญิงชั่ว พวกเจ้าทำร้ายข้าสาหัสนัก!”ผู้ว่าการอำเภอหลินและหลินเสี่ยวฉือกำลังหน้าแดงใจเต้น มองเห็นเกิ่งกวงปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ตกใจจนกอดกันแน่น“อ๊า ท่าน เหตุใดท่านมาอยู่ที่นี่?”“หากข้ามิได้มาอยู่ที่นี่ ข้าคงไม่รู้อุบายอำมหิตของพวกเจ้า หลินเสี่ยวฉือ เจ้าทำร้ายข้าได้เจ็บแสบนัก!”ขณะเดียวกันเกิ่งกวงเกิดจิตสังหารต่อนางแล้ว อะไรคือแสงจันทร์ขาว อะไรคือทำเพื่อเขาโดยไม่ต้องการแม้แต่ชีวิต? หญิงคนนี้หลอกลวงเขาจนเจ็บปวดไปหมด!“บังอาจนัก เกิ่งกวง ข้าขอสั่งเจ้า ถอย ถอยไปเสีย!”ผู้ว่าการอำเภอหลินตกตะลึงพรึงเพริด ดึงกางเกงขึ้นไม่ทันเกิ่งกวงยิ้มเย็น “ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่เฝ้าชายแดนเมืองตะวันไม่ตกดิน เจ้าเป็นเพียงผู้ว่าการอำเภอขั้นเก้าเท่านั้น เจ้าขวัญกล้าออกคำสั่งข้า?”อยากจัดการผู้ว่าการอำเภอหลินให้ตายไปเสียเลย แต่สติสัมปชัญญะบอกเขา เบื้องหลังผู้ว่าการอำเภอหลินยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดอีกมาก เขาต้องสืบสวนอีกฝ่ายช้าๆส่วนหลินเสี่ยวฉือ...พูดว่าไม่ปวดใจนั่นคือความเท็จทว่าผ้าพันแผลยุ่งเหยิงบนมือกลับคล้ายกำลังเยาะหย
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป