ปรมาจารย์แพทย์เหลือบมองกู้หว่านเยว่ด้วยความไม่พอใจ “เจ้าเด็กบ้า เจ้าอย่าคิดมากเกินไป พวกข้าทั้งสองบริสุทธิ์ใจต่อกัน”ปรมาจารย์แพทย์จมอยู่ในห้วงความทรงจำ ครั้งนั้นเมื่อยังเยาว์วัย ทั้งสองมีรสนิยมตรงกัน และยังตกหลุมรักหญิงสาวคนเดียวกันอีกด้วยทว่าสุดท้ายแล้ว พวกเขาทั้งสองคนก็ไม่ได้ครองคู่กับหญิงสาวผู้นั้น นางแต่งงานกับชายอื่นและให้กำเนิดบุตรสาวหนึ่งคน หลังจากที่สามีภรรยาถูกศัตรูฆ่าตาย บุตรสาวก็ถูกฝากฝังให้พวกเขาทั้งสองเลี้ยงดู“เด็กคนนั้นก็คือเทียนอวี๋ อ้อ และก็คือหญิงสาวลึกลับที่เจ้าพูดถึงนั่นแหละ ชื่อเทียนอวี๋นี้ข้าเป็นคนตั้งให้เอง”ปรมาจารย์แพทย์ทำเสียงจิ๊จ๊ะ สมัยนั้นเขายังรักสนุก ไม่ได้ใส่ใจเด็กคนนี้มากนัก ปล่อยให้หวงเหล่าเป็นคนเลี้ยงดูเสียส่วนใหญ่เมื่อได้ยินดังนั้น กู้หว่านเยว่ก็เข้าใจในทันที “กล่าวคือ แท้จริงแล้วพวกท่านทั้งสองเป็นพ่อบุญธรรมของหญิงสาวลึกลับคนนั้นหรือ?”เมื่อเห็นทั้งสองคนพยักหน้า นางก็ยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ “ถ้าเช่นนั้น เทียนอวี๋ก็น่าจะเคารพท่านทั้งสองมากสิ เพราะอย่างไรเสียก็มีบุญคุณเลี้ยงดูมา”แต่เมื่อครู่ตอนที่นางบุกเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเทียนอวี๋เอาดาบจ่อที่คอข
“รักกันอย่างลึกซึ้งใช้บรรยายถึงสามีภรรยา แต่เท่าที่ข้ารู้ หนานหลีอ๋องไม่เคยแต่งภรรยาหรือมีอนุภรรยา”เรื่องนี้ นางสอบถามกงซุนหงเป็นการเฉพาะในครอบครัวของหนานหลีอ๋อง นอกจากน้องสาวคนหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีสตรีอื่นใดอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงภรรยาหรืออนุภรรยาได้ยินมาว่า แม้แต่คนรับใช้ใกล้ชิดเขาก็ล้วนเป็นผู้ชายทั้งหมด“เจ้าจะไปเข้าใจอะไร ข้าคือภรรยาของท่านอ๋อง” บนใบหน้าของเทียนอวี๋แสดงความเขินอายออกมา“คืนนั้น ข้าและท่านอ๋องมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากันแล้ว”พวกเขาแค่ยังไม่ทันได้ทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินก็เท่านั้น หากท่านอ๋องไม่ตาย ต้องรับผิดชอบนางอย่างแน่นอน ตอนนี้พวกเขาคงเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กลมเกลียวกัน“ฮ่า ๆ ๆ ” ปรมาจารย์แพทย์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา เจ้าหมายถึงเจ้าขโมยยาปลุกกำหนัดของข้าไปงั้นหรือ?”บ้าจริง วางยา?กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากัน ทั้งสองคนสามีภรรยารู้สึกได้ว่าตอนนี้กำลังจะได้รู้ความลับอันน่าตกใจแล้วอืม ไม่รีบร้อน ค่อย ๆ ฟังไป“ไม่ ข้าไม่ได้...” เทียนอวี๋ยังปากแข็ง “ต่อให้ไม่มียาปลุกกำหนัด ท่านอ๋องก็จะ...”เพียงแต่เสียงกลับค่อย ๆ เบาลง หวงเหล่า
คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร ทุกคนยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจก็พบว่าปรมาจารย์แพทย์กำลังมองเทียนอวี๋ด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความหมาย ส่วนเทียนอวี๋ก็รู้สึกหวาดหวั่นเป็นระยะ ๆ กู้หว่านเยว่นึกขึ้นมาได้ทันทีว่ากงซุนหงเคยบอกว่า เดิมทีฮ่องเต้ไม่รู้จักหนานหลีม่านมีคนนำภาพวาดของหนานหลีม่านไปให้ฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น“ภาพวาดของหนานหลีม่าน เจ้าเป็นคนเอาไปให้ฮ่องเต้หรือ?!”กู้หว่านเยว่เกิดความคิดขึ้นมา จ้องมองไปยังเทียนอวี๋ เทียนอวี๋สายตาหลุกหลิก ยิ่งเป็นการยืนยันความคิดนี้ดูเหมือนว่านางจะเดาไม่ผิด ภาพวาดนั้นเป็นฝีมือของเทียนอวี๋จริง ๆ ที่นำไปมอบให้ฮ่องเต้“เพื่อที่จะแยกหนานหลีอ๋องและหนานหลีม่านผลสุดท้าย กลับทำให้คนที่เจ้ารักต้องตาย”เวลานี้ กู้หว่านเยว่ได้รู้ความจริงทั้งหมดของเรื่องราวแล้ว “ความอวดฉลาดของเจ้า เป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมทั้งหมด”“ไม่ ไม่ ไม่ใช่! ข้าแค่อยากให้หนานหลีม่านไปจากท่านอ๋อง เมื่อเป็นเช่นนี้ ในสายตาของท่านอ๋องก็จะไม่มองเห็นนางเพียงคนเดียว” เทียนอวี๋ส่ายหน้าสีหน้าของนางราวกับว่าคนทั้งโลกไม่เข้าใจนาง “ข้าไม่ได้อยากทำร้ายใคร แค่อยากได้รับความรักจากท่า
“ไม่ ไม่!”เทียนอวี๋ตัวสั่น ทันใดนั้นก็กระอักเลือดสีดำออกมา“ไม่ ข้าไม่ได้...”ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ตั้งแต่วินาทีที่นำภาพวาดนั้นออกมา นางก็ไม่มีทางถอยกลับแล้ว หลังจากที่หนานหลีอ๋องเสียชีวิต สิ่งที่นางทำมาตลอดหลายปีนี้ ก็แค่หลอกตัวเองเท่านั้น จนถึงตอนนี้ นางก็เป็นเพียงหญิงสาวที่รักเขาข้างเดียวเท่านั้นหวงเหล่าหันไปมองกู้หว่านเยว่ “แม่นางกู้ ข้าขอร้องเจ้าสักเรื่องได้หรือไม่”กู้หว่านเยว่เหลือบมองเทียนอวี๋ พอจะเดาได้ว่าเขาต้องการขออะไร“ชีวิตของเทียนอวี๋ เหลือน้อยเต็มทีแล้ว”นางเลี้ยงหนอนกู่ ฝึกฝนคาถาหุ่นเชิด สิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลสะท้อนกลับ“ข้าเลี้ยงดูนางมา อยากพานางกลับไปที่เขาไท่ไป๋”หวงเหล่าเคยสัญญากับแม่ของนางว่า จะเลี้ยงดูเทียนอวี๋เป็นอย่างดีคงเป็นเพราะนางเหมือนมารดาของนางมากเกินไป ทั้งสองล้วนเป็นคนที่มีนิสัยคลั่งไคล้ผู้ชายกู้หว่านเยว่เหลือบมองเทียนอวี๋แวบหนึ่ง ในเมื่อเรื่องกาฬโรคไม่ใช่ฝีมือของเทียนอวี๋ และเทียนอวี๋ก็ใกล้เสียชีวิตแล้ว เช่นนั้นนางก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าให้สิ้นซากมิสู้ทำตามสถานการณ์ สร้างไมตรีกับหวงเหล่าดีกว่า“ตกลง ข้ารับปากท่าน”หากไม่ให้หวง
หร่านถิงตัวสั่นทันที “มีอะไรก็ค่อย ๆ พูด คุยกันดี ๆ ปีนี้ข้าเพิ่งอายุยี่สิบ ยังไม่ได้แต่งภรรยา ไม่อยากตายก่อนวัยอันควร”“ไม่อยากตายก่อนวัยอันควร แต่ก็ทำตัวน่าตายก่อนวัยอันควร?”“...จำเป็นต้องทำเพื่อความอยู่รอด ท่านแม่ที่ป่วย ท่านพ่อติดการพนัน แล้วยังมีน้องชายที่กำลังเรียนหนังสือ”“หยุด!” กู้หว่านเยว่โยนพิณไปตรงหน้าเขา“เล่นให้ข้าฟังสักเพลง”หร่านถิงหยิบพิณขึ้นมาอย่างว่าง่าย การเล่นพิณเป็นงานถนัดของเขา เสียงพิณที่ไพเราะอ่อนหวานดังขึ้นมาอย่างไหลลื่นจากปลายนิ้วของเขากู้หว่านเยว่ตั้งใจฟัง พบว่าเหมือนกับคืนนั้น เสียงพิณของหร่านถิงมีเสน่ห์ดึงดูดใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้วิเศษขนาดนั้น เพราะตอนนี้เป็นเวลากลางวันนางยกมือขึ้น “เจ้าชื่ออะไร?”“หร่านถิงขอรับ” เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว หร่านถิงรีบเอ่ยขึ้น “ข้าน้อยชื่อหร่านถิงจริง ๆ แต่ไม่ใช่พ่อค้าจากทางใต้ ข้าน้อยเป็นนักดนตรีที่หอคณิกา”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ในเมื่ออีกฝ่ายพูดความจริง นางก็จะไม่ทำให้ลำบากใจ“เถาเอ๋อร์ให้เจ้ามาทำอะไร”“ยั่วยวนท่าน” หร่านถิงส่งสายตาเจ้าชู้ “แต่พอได้เห็นท่านแวบแรก ข้าก็ตกหลุมรักท่านอย่างหมดหัวใจ”“พูดภาษา
หงเจายื่นน้ำเต้าหู้ให้กู้หว่านเยว่ พลางกัดเขี้ยวเล็ก ๆ “ลากเขาออกไปให้หมากิน”“เหตุใดเจ้าถึงเกลียดเขามากขนาดนั้น?” ปกติแล้วสาวน้อยผู้นี้เป็นคนอ่อนโยนหงเจาหน้าแดง “บ่าวแค่เกลียดผู้ชายเลว หลอกลวงความรู้สึก สมควรโดนหั่นเป็นชิ้น ๆ ”คืนนั้นนางก็ได้ยินเสียงพิณเช่นกัน ไพเราะมาก แต่น่าเสียดายที่เป็นของคนหลอกลวง! ซวยชะมัด!หร่านถิงยิ่งรู้สึกผิด กู้หว่านเยว่หมุนแก้วในมือ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม“เสียงพิณของเจ้า ไม่ได้ผลกับข้าแต่ได้ผลกับคนอื่น”หร่านถิงตาเป็นประกาย “ขอรับคำสั่งจากฮูหยิน”“เป็นคนฉลาด”กู้หว่านเยว่พอใจกับความเข้าใจของหร่านถิงมาก ช่วยให้นางไม่ต้องเปลืองน้ำลาย“ไม่ต้องรีบ สองวันนี้เจ้าอยู่ข้าง ๆ ข้าก่อน”“ฮูหยินวางใจ” หร่านถิงลังเลครู่หนึ่ง ดูเหมือนมีเรื่องจะพูด“ข้าอยากขอร้องฮูหยิน...”“ฮูหยิน หวงเหล่ามาแล้วขอรับ”เมื่อได้ยินฉู่เฟิงเข้ามารายงาน บอกว่าหวงเหล่าพาเทียนอวี๋มาลา กู้หว่านเยว่จึงรีบออกไปต้อนรับ หร่านถิงจึงทำได้เพียงปิดปากเงียบ“ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดี”ซูจิ่งสิงเหลือบมองหร่านถิงด้วยสายตาเย็นชา สายตาที่เต็มไปด้วยคำเตือนนั้น ทำให้หร่านถิงตัวสั่นเทา“น้องหญิ
หวงเหล่าครุ่นคิดพลางมองดูท้องฟ้า “ได้เวลาแล้ว ข้าพาเทียนอวี๋ไปก่อน”กู้หว่านเยว่รีบไปส่งหวงเหล่าที่หน้าประตู เมื่อเข้าใกล้รถม้า ก็ได้ยินเสียงพึมพำของเทียนอวี๋ดังมาจากข้างใน“ทำไม ทำไมกัน? ข้ารักท่านมากกว่าหนานหลีม่าน ข้าเป็นคนที่รักท่านที่สุดในใต้หล้า เหตุใดท่านถึงมองไม่เห็นข้าหนานหลีม่านที่ท่านพยายามปกป้องอย่างสุดกำลัง กลับไปซบอกศัตรูหลังจากท่านตายนางไม่คู่ควร นางไม่คู่ควร...ท่านพี่ ท่านพี่...”“เทียนอวี๋แก้แค้นมาตลอด แต่เหตุใดถึงไม่ลงมือกับหนานหลีม่าน?”ชิงเหลียนในใจเต็มไปด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าตอนนี้หนานหลีม่านจะเป็นฮองเฮาแล้วแต่ด้วยความสามารถของเทียนอวี๋ หากอยากจะลงมือกับนาง ก็ไม่ใช่เรื่องยาก“เขารักใครนางก็รักด้วย”กู้หว่านเยว่ละสายตา เพราะหนานหลีอ๋องรักหนานหลีม่านมากเกินไป ดังนั้นแม้เทียนอวี๋จะเกลียดชังมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถลงมือกับหนานหลีม่านได้”“ฮูหยิน ท่านว่าหนานหลีม่านเป็นผู้หญิงที่หลงใหลในลาภยศสรรเสริญจริงหรือ? หนานหลีอ๋องรักนางมากเช่นนั้น นางกลับไปเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้ นางไม่รู้สึกผิดต่อหนานหลีอ๋องเลยหรือ?”หลังจากที่ชิงเหลียนได้ฟังเรื่องราวความรักความแค้นระหว่
“ไม่เลว ๆ ”ปรมาจารย์แพทย์เห็นว่ากู้หว่านเยว่อายุก็ยังไม่มาก ไม่เพียงแต่มีฝีมือทางการแพทย์ ยังเชี่ยวชาญด้านพิษอีกด้วย“ให้ทำงานแบบนี้ ข้าไม่มีแรงจูงใจหรอก ให้ห้องครัวเอาของอร่อย ๆ มาเพิ่มหน่อย”กู้หว่านเยว่ยิ้มพลางกำชับหงเจาหนึ่งประโยค ให้นางไปบอกพ่อแม่ของเฉียวโต้วว่า ให้ทำกับแกล้มมาส่งที่เรือนนี้เพิ่มอีกหนึ่งที่กู้หว่านเยว่รู้สึกยินดีมากที่ได้ให้ที่พักพิงแก่ครอบครัวนั้น ทั้งสามคนเป็นคนที่ไม่สร้างความหนักใจ เฉียวโต้วแม้จะอายุยังน้อย แต่ก็ไม่ได้กินอยู่ฟรี ๆ ช่วยพ่อแม่ส่งผักไปตามเรือนต่าง ๆ ทุกวันพ่อแม่ของเฉียวโต้วคนหนึ่งรับหน้าที่ซื้อผัก ส่วนอีกคนเป็นคนทำอาหาร จัดการเรื่องอาหารการกินของจวนกู้ได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ช่วยให้กู้หว่านเยว่ประหยัดเวลาได้มาก“แหะ ๆ กับแกล้ม เจ้าเด็กบ้า เจ้าเข้าใจข้าดีจริง ๆ ”ปรมาจารย์แพทย์ดีใจอย่างยิ่ง ได้ยินเสียงหัวเราะสนุกสนานจากข้างนอก ในที่สุดฟู่หลานเหิงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก“หว่านเยว่ เรื่องโรคระบาดไม่ได้ลุกลามไปที่อื่นใช่หรือไม่?หร่านเหยียนนั่นเป็นอย่างไรบ้าง จับตัวพวกพ้องของนางได้หรือยัง?”ปรมาจารย์แพทย์แบะปาก “เจ้าเด็กนี่อยู่เฉยไม่เ
“ลูกทรพี คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าพาคนอื่นมาถึงที่นี่ เทพธิดาไหมลงโทษเจ้าอย่างแน่นอน” เกาเจี้ยนที่กำลังร้อนใจโฉบบินมาตรงหน้า “หยุดพูดจาเหลวไหลได้แล้ว ท่านหมดหนทางหนีแล้ว เหตุใดยังไม่ยอมแพ้อีก” นัยน์ตาของฮองเฮาหนานเจียงเลื่อนมาหยุดตรงหน้าของกู้หว่านเยว่ “เจ้าคือพระมเหสีแห่งต้าฉีสินะ เจ้าไม่เหมือนสักนิด” กู้หหว่านเยว่เลิกคิ้วสูง ฮองเฮาหนานเจียงมองพิจารณานาง ในขณะเดียวกันนางเองก็มองพิจารณาคนที่อยู่ตรงข้ามด้วย “ท่านไม่เหมือนกับที่ข้าคิดไว้เช่นกัน” นางคิดว่าฮองเฮาหนานเจียงจะเป็นสตรีที่มักใหญ่ใฝ่สูง ใบหน้าคงเต็มไปด้วยความเฉลียวฉลาดและเจ้าแผนการ แต่เวลานี้กลับพบว่ารูปร่างของฮองเฮาหนานเจียงดูอ่อนแอมาก หากไม่ใช่เพราะเห็นสายตาที่เฉลียวฉลาดคู่นั้น ก็คงคิดไม่ถึงว่านางจะเป็นคนทะเยอทะยานเช่นนี้ “หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร คำกล่าวนี้ฮองเฮาทรงเข้าใจเป็นอย่างดี บัดนี้หนานเจียงพ่ายแพ้ ข้าเองก็ตกอยู่ในมือของพวกเจ้าแล้ว จะฆ่าจะแกงยังไงก็แล้วแต่พวกเจ้าเถอะ” ฮองเฮาหนานเจียงหลับตาก่อนหมุนตัวกลับไปคุกเข่าตรงหน้าของเทพธิดาไหม ปากขยับบ่นพึมพำ กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟัง ซึ่งโดยส่วนใ
“แย่แล้ว นางคงไม่ได้หนีไปแล้วหรอกนะ?” เกาเจี้ยนตบหน้าตักของตัวเอง ฮองเฮาหนานเจียงผู้นี้เป็นบุคคลสำคัญ ทางที่ดีควรจับนางให้ได้ ถึงจะสามารถยุติสงครามได้ หากปล่อยให้นางหนีไป ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่านางจะไม่มีวันย้อนกลับมาอีกในสักวันหนึ่ง ถึงอย่างไรฮองเฮาหนานเจียงก็เป็นฮองเฮาของหนานเจียงมายี่สิบกว่าปีแล้ว ในหนานเจียงนางยังพอมีอำนาจอยู่บ้าง แค่นางปรากฏตัวและเอื้อนเอ่ย ถึงตอนนั้นอาจจะมีคนในความลับที่ซื่อสัตย์ต่อนางกลับไปหานาง ทำให้นางกลับมาชีวิตชีวาอีกครั้งก็เป็นได้ กู้หว่านเยว่เกิดความกังวลขึ้นมาเล็กน้อย นางอยากให้ระบบค้นหาว่าฮองเฮาหนานเจียงอยู่ที่ใด แต่นางไม่เคยเจอฮองเฮาหนานเจียงมาก่อน ดังนั้นระบบจึงค้นหาไม่ได้ “นางหนีไปไม่ได้หรอก” เฟิ่งอู๋ชีโพล่งออกไปทันที แววตาของทั้งสองคนเลื่อนมาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเขา เขาหัวเราะอย่างข่มขืนหนึ่งเสียง แล้วเดินมาตรงหน้าของกู้หว่านเยว่ “พระมเหสี หากท่านเชื่อข้า โปรดตามข้าไปยังที่ที่หนึ่ง ข้ารับรองว่านางอยู่ที่นั่น” “ที่ไหน?” กู้หว่านเยว่กล่าวถาม อธิษฐานชีกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ตามข้ามาเดี๋ยวก็รู้เอง แต่ที่แห่งนี้เป็นดินแ
เฟิ่งอู๋ชีดูซีดเซียวลงมาก ในช่วงแรก ๆ เขามีจิตใจฮึกเหิมและมีชีวิตชีวา แววตาคู่นั้นเจือไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ บัดนี้กลับปล่อยให้หนวดเครารกรุงรัง ซึ่งพอจะคาดเดาได้ว่าที่ผ่านมาในใจของเขาต้องดิ้นรนมากเพียงใด “ข้าคิดดีแล้ว” นัยน์ตาของเฟิ่งอู๋ชีฉายแววเคร่งขรึม “ในช่วงที่ข้าอยู่ต้าฉี มีคนเคยถามถึงความเป็นอยู่ของข้างบ้างหรือไม่? เคยมีคนสนใจว่าข้าจะเป็นหรือจะตายบ้างหรือไม่ ท่านแม่ผู้สูงศักดิ์ของข้าผู้นั้นไม่เคยเห็นข้าเป็นบุตรชายของนาง นัยน์ตาของพวกเขามีเพียงพี่หญิงใหญ่ของข้าเพียงผู้เดียว” ในขณะเดียวกัน เฟิ่งหมิงกวงก็ไม่เคยเห็นเขาเป็นน้องชาย เฟิ่งอู๋ชีถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ข้าขอเพียงเรื่องเดียว หวังว่าท่านจะตอบรับข้า” กู้หว่านเยว่พยักหน้า “ว่ามาสิ” เฟิ่งอู๋ชีกล่าวอย่างจริงใจ “ราษฎรแห่งหนานเจียงล้วนแต่เป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งสิ้น ข้าหวังว่าท่านจะปล่อยพวกเขาไป อย่าให้พวกเขาต้องไร้บ้าน และอย่าให้หนานเจียงต้องเจอกับการสูญเสียนับไม่ถ้วนอีกเลย” หนานเจียงคือบ้านเกิดเมืองนอนของเขา และเป็นสถานที่ที่งดงามมากแห่งหนึ่ง เขาไม่อยากเห็นบ้านเกิดของตัวเองกลายเป็นร่องรอยแห่งความเจ็บปวดจากสงคราม
ระหว่างเดินทางกลับ ภายในใจกู้หว่านเยว่เกิดความคิดมากมายได้เห็นจดหมายของซูจิ่งสิง จู่ๆ นางก็ไม่ร้อนใจแล้วถือกล่องกลับเข้ากระโจมของตน อีกทั้งยังเข้าไปอาบน้ำภายในมิติ ถึงออกมาเปิดจดหมายอ่านอย่างละเอียด“เห็นอักษรดุจได้พบหน้า น้องหญิง ราชสำนักสงบเรียบร้อยดี”“เรื่องแต่งงานของจื่อชิง กำหนดไว้วันที่ห้าเดือนหน้า”“หนานเจียงเป็นเช่นไร ปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศได้หรือไม่?”“หวังว่าจะกลับมาในเร็ววัน ข้ามีเรื่องสำคัญต้องการปรึกษากับน้องหญิง บางทีอาจเกี่ยวข้องกับพี่ใหญ่”เดิมทีมุมปากกู้หว่านเยว่ผลิยิ้มอ่อนหวาน จู่ๆ ก็นิ่งเงียบไป นางอ่านจดหมายอย่างละเอียดหนึ่งรอบสุดท้ายแน่ใจว่าเนื้อความในจดหมายไม่ผิดไป อาจเกิดเรื่องกับพี่ใหญ่ของนางแล้ว“ครั้งก่อนตอนแยกจากกัน แม้พี่ใหญ่ไม่พูดออกมาให้ชัดเจน แต่ข้าเองก็ฟังออกว่าพี่ใหญ่กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาบางอย่าง”กู้หว่านเยว่เก็บจดหมาย ขมวดคิ้วแน่น หรือว่าจะเกิดเรื่องกับพี่ใหญ่แล้ว?จงลี่วิชายุทธ์สูง องค์รักษ์ข้างกายล้วนเป็นปรมาจารย์ทั้งสิ้น มีเรื่องอะไรทำให้เขารับมือยากกันนะกู้หว่านเยว่ใคร่ครวญครู่หนึ่ง หยิบพู่กันขึ้นมาเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ“ข้าจะรีบย
ทันทีที่เข้ามา เกาเจี้ยนก็เอ่ยถามอย่างทนรอแทบไม่ไหวกู้หว่านเยว่ดื่มน้ำก่อนหนึ่งแก้ว กระแอมไล่เสียง“อย่าเพิ่งรีบ ข้าจะเล่าให้พวกเจ้าช้าๆ เรื่องนี้ยาวยิ่งนัก”จากนั้นนางให้ทั้งสองคนขยับขึ้นมาข้างหน้า เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในอุโมงค์เหมืองให้พวกเขาทั้งคู่ฟัง แน่นอนว่าส่วนของมิตินั้น นางหลีกเลี่ยงไปได้อย่างแนบเนียน“ศาสตร์ความเป็นอมตะ?”เกาเจี้ยนได้ยินมุมปากก็กระตุกริกกู้หว่านเยว่มองเขาอยากแปลกใจ “ท่านยิ้มอันใด?”“ข้าแค่ยิ้มที่คนเหล่านี้คิดเพ้อฝัน พวกเราเป็นคนมีกายเนื้อ ไฉนเลยจะมีความเป็นอมตะ? มากที่สุดก็อายุยืนมากหน่อยเท่านั้น”“ยิ่งไปกว่านั้นทางที่พวกเขาเลือกเดิน เพียงได้ยินก็รู้ว่าชั่วร้าย เพียงแค่ไม่ได้รับผลกระทบก็ดีมากแล้ว”เขาส่ายหน้า สีหน้าหมิ่นแคลนกู้หว่านเยว่ลอบถอนหายใจ คนผู้นี้สมเป็นสหายที่ดีของซูจิ่งสิงคนทั่วไปได้ยินศาสตร์ความเป็นอมตะ ใบหน้าล้วนเผยแววกระตือรือร้นอย่างบ้าคลั่งแม้แต่ตอนที่ชวีเฟิงได้ยินเจ้าสิ่งนี้ ชั่วขณะนั้นก็เผยความละโมบออกมาจนนางจับได้ทว่าตั้งแต่เริ่มจนจบสายตาเกาเจี้ยนแหลมคม ไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ ส่วนทางด้านอวิ๋นมู่เองก็ไม่ใส่ใจในเรื่อง
“เฮ้อ นี่เพราะข้ากังวลไม่ใช่หรือ? สหายอวิ๋น เจ้าดูเจ้าพูดเข้า ไม่น่าฟังเอาเสียเลย”เกาเจี้ยนอึดอัดใจอวิ๋นมู่เป็นคนสสุภาพอ่อนโยน พูดจาไม่น่าฟังน้อยมากอวิ๋นมู่ค้อมตัวลง “ขออภัย อันที่จริงสองวันนี้ได้ยินเจ้าพูดซ้ำไปมาว่าจะเกิดเรื่องกับพวกเขาหรือไม่ หูฟังเสียจนจะด้านแล้ว”“ข้าผิดไปแล้วๆ นี่เพราะข้ากำลังกังวลไม่ใช่หรือ? ก่อนจากมา ฝ่าบาทกำชับข้าเอาไว้ว่าจะต้องดูแลฮองเฮาดีๆ”“หากเขารู้ว่าข้าปล่อยให้ฮองเฮาไปหนานเจียงเพียงลำพัง จะต้องเด็ดหัวข้าลงมาแน่”เกาเจี้ยนหมดอาลัยตายอยากเรื่องนี้ย่อมปิดเอาไว้ไม่มิดเขาสามารถนึกภาพออกได้ หลังกลับไปเมืองหลวงแล้วจะต้องเจอกับพายุคลั่งเช่นไร“ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพ!”ทหารวิ่งเข้ามาด้วยความดีใจ ตอนถึงหน้าประตูเกือบบล้มคะมำลงไป“กลับมาแล้ว กลับมาแล้ว!”“อะไรกลับมา เจ้าพูดให้ชัดเจนหน่อย” เกาเจี้ยนขมวดคิ้วดวงตาอวิ๋นมู่กลับทอประกาย “ใช่พวกฮองเฮากลับมาหรือไม่?”ทหารกลืนน้ำลายหนึ่งอึก ออกแรงพยักหน้า“ใช่แล้วๆ ฮองเฮากลับมาแล้ว ตอนนี้เข้าค่ายใหญ่มาแล้ว กำลังมาทางนี้ขอรับ”“ดียิ่งนัก!”เกาเจี้ยนดีใจอย่างบ้าคลั่ง อวิ๋นมู่พุ่งพรวดพราดออกไปพบกู้หว่านเยว่
ฮองเฮาหนานเจียงเงียบไป แต่นางคิดมากยิ่งกว่านั้น“ไป ไปสกุลชวีตอนนี้เลย หากพบใคร ก็จับทุกคนเอาไว้”นางออกคำสั่งหน่วยลาดตระเวนรีบไปจับคนไว้วูเหมิงถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง ในเมื่อมีคนรับผิดที่แท้จริงแล้ว เรื่องนี้น่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีก“วูเหมิง”ฮองเฮาหนานเจียงกลับผินมองใบหน้าเขาอย่างเชื่องช้า ตอนนางไม่ยิ้ม ดวงตาเหยี่ยวดุดันและเย็นชาอยู่บ้าง“ข้าเชื่อใจเจ้าถึงเพียงนั้น ปรากฏว่าเจ้าทำให้ข้าผิดหวังเสียได้”ข้อมูลภายในห้องปรุงพิษล้วนเสียหายไปแล้วงูยักษ์ตัวนั้นก็ถูกเผากลายเป็นเถ้าไปแล้วได้ยินมาว่าตอนนี้ทั้งอุโมงค์เหมืองล้วนถล่มไปแล้ว ไม่สามารถลงไปตรวจสอบได้อีกฮองเฮาหนานเจียงรู้สึกโมโหเดือดดาลภายในใจ เพียงแค่สกุลชวีไม่เพียงพอให้นางระบายโทสะทั้งหมดออกมาได้“เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเจ้า”ฮองเฮาหนานเจียงลุกขึ้น เดินมาหยุดต่อหน้าวูเหมิง“หากไม่ใช่เพราะเจ้าต้องการแต่งงานกับชวีอวี้ บดบังสติปัญญา มอบโอกาสให้สกุลชวี พวกเขาก็คงไม่พบห้องปรุงพิษ”ฮองเฮาหนานเจียงยกความผิดเรื่องห้องปรุงพิษถูกเปิดเผยทั้งหมดไว้ที่วูเหมิงนางหยั่งเดา จะต้องเป็นวูเหมิงต้องการแสดงความสามารถต่อหน้าชวีอวี้แ
“เสี่ยวเฟิง เจ้ายังจะไปสมคบคิดกับคนของต้าฉีอีกหรือ?”สีหน้านายท่านชวีโกรธจัดอิงตามการมองของเขา น่าจะฉวยโอกาสนี้จับตัวกู้หว่านเยว่เอาไว้ใช้ข่มขู่ต้าฉี เพื่อให้พวกเขาถอนทัพ“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่หญิง”ชวีเฟิงพูดด้วยท่าทางจริงจัง“ไม่ว่าพวกท่านสามารถเข้าใจได้หรือไม่ ข้าก็ไม่มีทางให้หันหลังกลับแล้ว จะต้องไปขอรับ”เขาสั่ง “หลังข้าจากไปแล้ว หวังว่าพวกท่านจะพาคนในตระกูลลี้ภัยไปในทันที ข้าจะเอาชีวิตรอดกลับมาขอรับ”“ขวับ!”นายท่านชวีเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองเขานายหญิงชวีน้ำตาไหล “เสี่ยวเฟิง เจ้าจะต้องกลับมานะ”“เสี่ยวเฟิง พี่หญิงเข้าใจเจ้า” ชวีอวี้ตบบ่าชวีเฟิงเบาๆ พลางพูดเสียงอ่อนโยนนอกจากเอาชีวิตรอดกลับมา น้องเล็กยังต้องการสร้างเส้นทางที่แตกต่างออกไปให้สกุลชวีอีกด้วย“รีบกลับมา”“ขอรับ...”กู้หว่านเยว่รอที่หน้าประตูนานราวครึ่งก้านธูปแล้ว ชวีเฟิงจึงออกมาเขาหดหู่ใจอย่างมาก สีหน้าลังเล“เสียใจภายหลังตอนนี้ก็สายไปแล้ว รีบไปเถอะ”“ฮองเฮาเข้าใจผิดแล้ว ข้าน้อยไม่ได้เสียใจภายหลัง”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น เขาไม่สมควรเสียใจภายหลังจริงนั่นล่ะ ต่อให้บิดาไม่เข้าใจเขา แต่เขาก็อยากมีชีวิตอยู่ อยาก
“ท่านพี่หญิง เพื่อช่วยพวกท่าน เกือบจะต้องแต่งงานกับวูเหมิงแล้ว ตอนนี้นางยังรอพวกท่านอยู่ที่บ้าน หากพวกท่านไม่อยากให้นางเป็นห่วง ก็ตามข้ามาดี ๆ เถิด”“เจ้า!”นายท่านชวีหมดหนทางแล้ว นายหญิงชวีจึงเกลี้ยกล่อม “ลูกพูดถูกแล้ว รีบกลับบ้านกันเถิด”“ที่เขาทำไปก็เพื่อช่วยพวกเราเช่นกัน”“กว่าพวกเราจะหนีออกมาจากสถานที่บ้า ๆ นั่นได้ ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือกลับบ้านก่อน”“ก็ได้” นายท่านชวีพยักหน้าอย่างจนใจ“ตามข้ามา”ชวีเฟิงพาทั้งสองคนกลับไปยังสถานที่ที่เขากับกู้หว่านเยว่ผูกม้าไว้ก่อนหน้านี้สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ กู้หว่านเยว่กลับมารออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว“พระมเหสี?”ชวีเฟิงวิ่งเข้าไปข้างหน้าด้วยความตกตะลึง“เหตุใดท่านจึงมาถึงเร็วกว่าพวกเราเสียอีกพ่ะย่ะค่ะ?”กู้หว่านเยว่อารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย เมื่อครู่นี้ นางเก็บผลึกสีน้ำเงินข้างล่างไปจนหมดเกลี้ยงแล้วคราวนี้ได้รับผลเก็บเกี่ยวไม่น้อยเลยทีเดียวอีกทั้งยังได้ศาสตร์ศพพิษนั่นมาอีก สามารถนำไปศึกษาค้นคว้าให้ดีได้“ข้าใช้ทางลัดออกมา ก็เลยเร็วกว่าพวกเจ้าหน่อย ที่นี่ไม่ควรอยู่นาน พวกเรารีบไปกันเถอะ”กู้หว่านเยว่พลิกตัวขึ้นม้า“พวกคนงานเหมื