“เข้าใจแล้ว พวกเราจะไปกันเดี๋ยวนี้เลย”กู้หว่านเยว่จอดเฮลิคอปเตอร์ไว้ในพื้นที่โล่ง หลังจากนั้นก็พาซูจิ่งสิงเข้าไปใกล้โดยพลันนางโบกมือเก็บเสบียงของเถาเอ๋อร์จนหมดเกลี้ยงจากนั้นก็จู่โจมทหารลาดตระเวนสองนายจนสลบไป หลังจากนั้นก็สวมเสื้อผ้าของพวกเขา และแฝงกายเข้าไปในกองทัพเงียบ ๆ“กระโจมทหารของเถาเอ๋อร์อยู่ที่ใด?”กู้หว่านเยว่ขยิบตาให้ซูจิ่งสิง ก่อนทั้งสองจะสื่อสารกันด้วยคำพูด“ด้านหน้า”ซูจิ่งสิงชี้ไปทางทิศหนึ่งเถาเอ๋อร์เป็นมหาราชครู พื้นที่กระโจมทหารย่อมต้องดีที่สุด พวกเขาเพียงแค่มองหากระโจมทหารด้านหน้าก็พบแล้วทั้งสองคนเดินตามทหารลาดตระเวนไปครู่หนึ่ง ระบบของกู้หว่านเยว่ก็สแกนแผนที่ค่ายทหารเสร็จสิ้น ก่อนจะส่งขึ้นบนหน้าจอ“ไปเถอะ พวกเราต้องไปทางทิศตะวันออก”กู้หว่านเยว่จูงมือซูจิ่งสิง หลังจากสลัดทหารลาดตระเวนทิ้งแล้ว ก็เดินยืดอกผ่านกระโจมทหารไปทั้งสองคนสวมชุดทหารลาดตระเวน กอปรกับฟ้ามืดแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดความสงสัยของผู้ใดแม้แต่น้อยทั้งสองคนเดินมาถึงนอกกระโจมทหารขนาดใหญ่ซึ่งดูโอ่อ่าโดยไม่รู้ตัวขณะที่ได้ยินเสียงพิณอันไพเราะดังออกมาจากข้างในซูจิ่งสิงเดินไปข้างหน้าหน
“ใช้เวลาครึ่งก้านธูป” ยากระตุ้นกำหนัดนี้ เป็นยาที่ที่แรงที่สุดในคอลเลกชันของนาง ทันทีที่ออกฤทธิ์ก็จะสูญสิ้นสติสัมปชัญญะ ร่างกายร้อนรุ่มดั่งไฟผลาญ ปรารถนาเพียงราคะเท่านั้น เมื่อเห็นพวกของทานเริ่มมีท่าทางว่ายาออกฤทธิ์แล้ว กู้หว่านเยว่พูดเสียงต่ำว่า “ไปเถอะ พวกเราออกไปกันก่อน” นางไม่อยากอยู่ดูเรื่องที่ขัดความคิดผิดประเพณีแบบนี้ในกระโจมหรอกนะ “อื้อ” เมื่อคนทั้งสองออกจากกระโจมทัพ ก็พบกับทหารลาดตระเวนเข้าพอดี “เฮ้ นี่พวกเจ้าสองคนทำอะไรกันน่ะ?” ผู้เป็นหัวหน้าทหารที่เดินลาดตระเวนถาม ซูจิ่งสิงรีบดึงกู้หว่านเยว่เข้ามา เลียนแบบสำเนียงของพวกเขาแล้วกล่าวว่า “ท่านมหาราชครูต้องการบุรุษกำยำหลายนาย พวกเราเพิ่งพาคนเข้าไปน่ะ” มีเสียงครวญครางดังออกมาจากกระโจมทัพ พวกทหารลาดตระเวนสบตากัน ต่างพากันหัวเราะออกมาแล้ว เป็นดังคาด ไม่มีใครสงสัยซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ซุบซิบนินทากันไม่คำ ก็ไปเดินลาดตระเวนต่อ ในกระโจมทัพ หลังเถาเอ๋อร์สลบไป ก็ถูกความรุ่มร้อนสายหนึ่งทำให้ตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือด้วยความร้อน ความร้อนรุ่มสายนั้นไม่เหมือนกับความร้อนจากอากาศ เสมือนมีเปลวไฟกองหนึ่งลุกไหม้จากภายใ
“นังสารเลวที่สมควรตายนั่น ไม่รู้ว่าเอาเสน่ห์ยาแฝดอะไรให้ฝ่าบาทเสวย ถึงทำให้ฝ่าบาททรงเชื่อนางขนาดนั้น จนให้นางมาคุมทัพ” ผู้ที่เป็นผู้นำ ถึงกับเป็นเจียงเต๋อจื้อ เขานำคนเดินผ่านหน้ากระโจมไป ปากก็บ่นไปว่า “นางนับเป็นตัวอะไรกัน สตรีแพศยานางหนึ่ง ยังกล้ามาวางก้ามข้า” เจียงเต๋อจื้อโมโหจนใบหน้าบิดเบี้ยว “ตอนที่บิดาสู้ศึกอยู่ในสนามรบ นางยังไม่ทันเกิดเลยด้วยซ้ำ” กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันครั้งหนึ่ง ดูท่าเจ้าเจียงเต๋อจื้อนี่กับเถาเอ๋อร์จะไม่ลงรอยกันนะ “ท่านพี่ หรือจะยังไม่ฆ่ามันดี?” กู้หว่านอี๋เสนออย่างเงียบๆ นางมองเจตนาสังหารของซูจิ่งสิงออก “เหลือมันไว้ ให้กัดกันเองกับเถาเอ๋อร์” ซูจิ่งสิงคิดจะฆ่าเจียงเต๋อจื้อจริงๆ เพราะในตอนที่ถูกริบทรัพย์ทั้งตระกูลนั้น เจียงเต๋อจื้อเหยียดหยามดูแคลนสกุลซูและตัวเขาสารพัดวิธี ไอ้คนต่ำช้านี่ พอเห็นผลประโยชน์ก็ลืมคุณธรรม ตายไปก็ไม่มีอะไรให้เสียดาย แต่เขาก็เข้าใจวัตถุประสงค์ของกู้หว่านเยว่เช่นกัน หากฆ่าเจียงเต๋อจื้อในเวลานี้ ฮ่องเต้สุนัขก็จะส่งผู้อื่นมาอีก มิสู้เหลือชีวิตมันไว้เลี้ยงหนอนกู่ดีกว่า แต่ต่อให้ไม่ฆ่ามัน ก็ไม่อาจปล่อยให้มันเป็นสุ
เมื่อซูจิ่งสิงโปรยผงพิษส่งเจียงเต๋อจื้อเสร็จ ก็เหินร่างกลับไปอยู่ข้างกายกู้หว่านเยว่ “เป็นอย่างไรบ้าง สำเร็จแล้วหรือไม่?” ท่าทางของกู้หว่านเยว่ดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ซูจิ่งสิงยิ้มบางๆ ว่า “สามีของเจ้าออกปฏิบัติการทั้งที ก็ต้องสำเร็จอยู่แล้ว” เขาหยิบผงคันคะเยอที่เหลือออกมา “เหลือที่ไม่ได้ใช้อีกมาก เจ้าเก็บไว้ อย่าได้สิ้นเปลืองเสียล่ะ เพื่อในอนาคตยังมีประโยชน์อีก” “ได้” กู้หว่านเยว่หัวเราะอิอิ โบกมือน้อยๆ เก็บผงคันคะเยอเข้าไปในมิติ นางถึงกับนึกภาพน่าอนาถต่อจากนี้ ที่เจียงเต๋อจื้อคันจนทนไม่ไหวออกเลย กู้หว่านเยว่กวาดของไปตลอดทั้งคืน เวลานี้แทบจะขโมยของในค่ายทหารกว่าครึ่งไปหมดแล้ว กระทั่งเสื้อผ้าที่เหล่าทหารถอดออกมาจะนำไปซักก็เก็บไปด้วยแล้ว ไม่ว่าเห็นสิ่งใดเป็นประโยชน์ก็ต้องเก็บ ราวกับโจรร้ายก็ไม่ปาน “เก็บมาทั้งคืน รู้สึกหิวบ้างแล้ว ถือโอกาสที่ฟ้าเพิ่งสาง พวกเราไปกินข้าวเช้ากันเถอะ” กู้หว่านเยว่เสนอ ยามนี้นางกำลังตั้งครรภ์ เดิมก็ใช้พลังงานมากอยู่แล้ว แล้วยังใช้งานมิติอีก จึงยิ่งเผาผลาญพลังงานไปเร็วกว่าเดิม ซูจิ่งสิงรู้ว่าช่วงนี้ภรรยาหิวเร็ว “แต่ว่าตอนนี้พวกเราอยู่ในค่ายท
“ข้าจะสอนให้ท่าน” กู้หว่านเยว่แนะนำวิธีกดชัตเตอร์เพียงคร่าว ๆ ซูจิ่งสิงถือว่าหัวไว ไม่นานเขาก็เรียนรู้จนทำได้ เขาหันมากดชัตเตอร์ใส่กู้หว่านเย่วเสียงดังแชะแชะ “ให้ข้าดูหน่อย” กู้หว่านเยว่หยิบกล้องขึ้นมา จากนั้นหุบยิ้มทันที เป็นจริงตามคาด ไม่มีแฟนหนุ่มคนไหนถ่ายรูปแฟนสาวออกมาดูดีสักคน! ผู้ชายไม่เอาไหน! “ไม่สวยเลย!” กู้หว่านเยว่เบ้ริมฝีปากแดง “ท่านถ่ายรูปข้าไม่สวยเลย” ซูจิ่งสิงรู้สึกผิด “น้องหญิง ให้โอกาสข้าอีกครั้งเถอะ” เขาก็ไม่รู้เพราะเหตุใด เห็นชัดว่าในกล้องน้องหญิงดูงดงาม ทว่าเมื่อถ่ายออกมาไม่เป็นภาพซ้อนก็เป็นภาพมุมอับ... เขาวางกล้องไว้ข้างมือ รอกินอาหารเสร็จแล้วค่อยศึกษาดูใหม่ ทว่าตอนที่กินแซนด์วิชไข่ดาว สีหน้าของเขาดูเหยเกอีกแล้ว นี่คือสิ่งใดกัน หวานหวาน เค็มเค็ม รสชาติไม่ดีเลย... ทว่าน้องหญิงกลับกินอย่างเอร็ดอร่อย ซูจิ่งสิงแอบวางแซนด์วิชไข่ดาวลง และหยิบเกี๊ยวน้ำที่อยู่ข้างกันขึ้นมากู้หว่านเยว่คิดไม่ถึงว่าซูจิ่งสิงจะไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับอาหารเช้าในสมัยปัจจุบันได้เลย ทว่าก็ไม่บังคับฝืนใจเขา จากนั้นจึงรีบหยิบแซนด์วิชไข่ดาวมากินเองหลังจากกินอาหารมื้อเช้าเ
บุรุษที่นอนอยู่บนเตียงเหล่านั้น มุมปากยังมีน้ำลายติดอยู่ พวกเขาอายุไม่เท่ากัน ทั้งหนุ่มและแก่ทว่าสิ่งเดียวที่เหมือนกันคือ บนร่างกายของพวกเขามีตุ่มแดงและตุ่มน้ำขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน เมื่อคืนพวกเขาคงจัดหนักเกินไป ตุ่มน้ำแตกออกและมีของเหลวไหลซึมออกมา ทำเอาเจียงเต๋อจื้อตกใจจนต้องถอยห่าง “กาม กามโรค!”เขาไม่เคยเป็นโรคนี้มาก่อน ทว่าเขาเคยเห็นสหายสนิทเป็นโรคนี้สหายสนิทมักจะไปหอนางโลม หลังจากติดโรคนี้มา ตุ่มน้ำแดงบนร่างกายของเขาจะเริ่มแตกและเน่าเปื่อยคันไปทั่วทั้งตัวจนทนไม่ไหวในเวลาไม่ถึงครึ่งปี เขาก็จากไปหลังจากเจียงเต๋อจื้อตกใจแล้ว เขาพลันรู้สึกเบิกบาน และปรบมือ“มหาราชครู ท่านถูกผู้ใดใช้อุบายชั่วเล่นงาน?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงโอหัง “เฮ้อ เดิมทีข้าก็เคยบอกท่านแล้ว ในยามปกติประพฤติตัวให้ดีหน่อย อย่าสร้างศัตรูให้มาก” เจียงเต๋อจื้อเยาะเย้ย “ตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรือไม่ ถูกคนลอบวางแผนเล่นงาน ท่านว่าในกระโจมทหารใหญ่โตแห่งนี้ ผู้ใดต้องการลอบเล่นงานท่าน?”เขาหยุดพักความคิดที่จะข่มเหงเถาเอ๋อร์ผู้หญิงที่เป็นกามโรค เขาไม่กล้ายุ่งเกี่ยวด้วย“ตามความเห็นของข้า สตรีไม่สมควรออกหน้าออกตา”เจ
“กินยาถอนพิษ แล้วไปเสีย อย่าให้ข้าเห็นหน้าพวกเจ้าอีก”กลุ่มคนที่เพิ่งจุดไฟเผ่ายุ้งฉางทยอยกับเก็บยาถอนพิษที่กระจายอยู่บนพื้น แล้วรีบโยนเข้าปากกลืนลงคอเมื่อยาถอนพิษลงท้องไปแล้ว ทุกคนจึงพากันคารวะหัวโขกดิน“ใต้เท้าโปรดวางใจ ข้าน้อยจะหายตัวไปทันที”“ไปเถอะ”พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา รับคำสั่ง ลู่จิงเองก็ขี้เกียจจะสร้างความลำบากใจให้พวกเขา“ขอบคุณขอรับใต้เท้า”คนกลุ่มนั้นพากันคารวะหัวโขกดิน จากนั้นก็รีบจากไปโดยไม่หันกลับมา“ไม่นาน กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็ลอยตัวเข้ามา“เรียกองครักษ์จันทรารวมตัว เราจะกลับเจดีย์หนิงกู่ก่อน”กู้หว่านเยว่รู้สึกไม่สบายใจอยู่ภายใน นางมักจะรู้สึกว่าเถาเอ๋อร์กำลังจะก่อปัญหาลู่จิงพยักหน้า “ข้าเรียกองครักษ์จันทรารวบตัวเรียบร้อยแล้วขอรับ”ทุกคนเร่งควบม้ามายังริมแม่น้ำ ตั้งใจว่าจะนั่งเรือข้ามฟากข้ามแม่น้ำมู่ตันไปแต่ด้านหลังกลับถูกฝนธนูกลุ่มหนึ่งกราดยิงเข้ามา“กู้หว่านเยว่ เจ้าจริง ๆ ด้วย เจ้าหนีไม่พ้นแล้ว!”เถาเอ๋อร์พาคนกลุ่มใหญ่ติดตามมาด้วยพวกเขาไล่ตามมาเร็วมาก กู้หว่านเยว่ประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานก็ตระหนักได้ว่าคนกลุ่มนี้จะต้องวิทยายุทธ์แ
ความคิดนี้ทำให้กู้หว่านเยว่ไม่สบายใจ“นี่ ระบบ ออกมาอธิบายหน่อยสิ”กู้หว่านเยว่ถือโอกาสนี้ถามระบบไม่ใช่ว่านางเผด็จการ แต่หลังจากที่นางมายังโลกใบนี้แล้ว ดูเหมือนว่ายังไม่เคยเจอคนที่มีพลังพิเศษเหมือนกับนาง“เถาเอ๋อร์ มีพลังพิเศษอย่างแน่นอน” ระบบกล่าว “แต่พลังพิเศษของนางสามารถย้อนกลับได้”“ย้อนกลับหรือ?”นัยน์ตาของกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง คนที่ตระหนักรู้ถึงพลังพิเศษนั้นมีไม่น้อย แต่พลังพิเศษของทุกคนนั้นแตกต่างกันการย้อนกลับนางเองก็เคยได้ยินมาก่อน พลังพิเศษที่ตื่นรู้ของคนบางคนแข็งแกร่งมาก แต่ร่างกายกลับไม่วิวัฒนาการเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้นทุกครั้งที่ใช้พลังพิเศษ ร่างกายจะได้รับการย้อนกลับในระดับที่แตกต่างกัน“พลังพิเศษแบบห้วงมิติของโฮสต์นั้นต่างจากผู้อื่น ไม่เพียงแต่ไม่มีผลข้างเคียงแล้ว ในระหว่างที่กักตุนสิ่งของก็ยังสามารถชะล้างร่างกายและเติมพลังชีวิตให้เจ้าไปพร้อมกันได้” ระบบอธิบายอย่างเงียบ ๆ “มิเช่นนั้นในขณะที่เจ้าท้อง เจ้าจะกระโดดโลดเต้นไปทั่วทุกหนแห่งเช่นนี้ได้อย่างไร”กู้หว่านเยว่รู้อยู่แล้วว่าชนรุ่นหลังสามารถตระหนักรู้ถึงความสามารถขั้นสูงสุดของตัวเองได้สิ่งที่นางเป็นก
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป
นางอยากรู้ว่าราชินีหนานเจียงผู้นี้กำลังจะทำอะไรลับหลังนางกันแน่ ตั้งใจจะใช้ห้องปรุงพิษแห่งนั้นทำสิ่งที่น่าประหลาดใจอะไรอยู่กันแน่พิษ หากใช้มันจริง ๆ ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับดินปืนเลยเวลานี้เกาเจี้ยนเพิ่งได้เข้าใจ “ท่านจะปลอมตัวเป็นหนึ่งในคนชุดดำเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางทำหน้ากากหนังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“ในเมื่อเจ้าและอวิ๋นมู่ร่วมมือกันแล้ว ต่อไปข้าคงฝากฝังเจ้าได้อย่างวางใจ ข้าขอเก็บของสักครู่แล้วจะออกเดินทางทันที”กู้หว่านเยว่ดูรีบร้อนมากเรื่องนี้จะช้าไม่ได้“ขอรับ”เกาเจี้ยนคงพูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ผิดหวังความไว้วางใจของพระมเหสีไปแล้ว แต่นางก็ยังยกกองกำลังแนวหน้าให้เขาดูแลทั้งหมด!กู้หว่านเยว่คว้าป้ายอาญาสิทธิ์ของหกคนนั้น ก่อนจะควบม้ามุ่งหน้าไปกับทิศทางของหนานเจียงพร้อมกับชวีเฟิง“หวังว่าหว่านเยว่จะกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นมู่มองไปยังทิศทางที่กู้หว่านเยว่จากไป แววตาเป็นห่วงยังคงจ้องมองอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานเกาเจี้ยนจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นห่วง เมื่อครู่ใยไม่โน้มน้าวกับข้าเล่า เป็นห่วงตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา”อวิ๋นมู่คลี่ยิ้ม
“แบบนี้ไม่ได้นะขอรับ พระมเหสี การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ก่อนจะออกเดินทาง ข้าสัญญาต่อฝ่าบาทว่าจะต้องปกป้องท่านอย่างดีที่สุดหากเขารู้ว่าข้าให้ท่านเดินทางไปหนานเจียงเพียงลำพัง เขาจะไม่ตัดหัวของข้าเลยหรือ?”เกาเจี้ยนร้อนใจมาก เหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงได้มีความคิดที่เหลวไหลและกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขายังไม่อยากตายกู้หว่านเยว่ยกมือเท้าคางพลางคลี่ยิ้ม“ไม่ได้จะไปเพียงลำพังเสียหน่อย นี่ ข้าให้ชวีเฟิงไปกับข้าด้วย”“เขา?” เขาเนี่ยนะ?เกาเจี้ยนส่ายหน้าทันที“พระมเหสี ได้โปรดท่านคิดทบทวนดี ๆ เถิด”ทว่าแม้แต่ซูจิ่งสิงก็ยังโน้มน้าวกู้หว่านเยว่ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเกาเจี้ยน“เรื่องนี้ว่าไปตามนี้ก่อนแล้วกัน กว่าฟ้าจะสว่างยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าง่วงแล้ว ขอพักสักหน่อย เจ้าออกไปจุดพลุส่งสัญญาณเถอะ รอให้คนของอวิ๋นมู่มาถึงแล้วค่อยมาปลุกข้า”เมื่อกู้หว่านเยว่กล่าวจบ ก็เข้าไปในกระโจมที่อยู่ถัดไปอื้อ ไม่ใช่ว่านางอยากเปลี่ยนกระโจมหรอก ความจริงคือกลิ่นเท้าในกระโจมของเกาเจี้ยนแรงเกินไปต่างหาก!พรุ่งนี้ต้องหาผงดับกลิ่นเท้ามาให้เขาสักห่อ รักษากลิ่นเท้าของเขาให้หาย“พระมเหสี!”เกาเจี้ยนไล่ตามม
มิน่าล่ะในระหว่างการสอบสวนเมื่อครู่ นางมองเล่ห์เหลี่ยมที่พวกเขาพยายามจะใช้พิษไม่ต่ำกว่าห้าครั้งนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ภายใต้ความจนปัญญานางทำได้แค่กดจุดทั่วร่างกายของคนเหล่านี้ไว้ เหลือเพียงปากของพวกเขาที่ยังสามารถพูดได้“ชวีเฟิง เจ้าสมควรตาย”เมื่อคนชุดดำเห็นชวีเฟิงขายความลับของหนานเจียงจนหมดเกลี้ยง ดวงตาก็พลันเบิกกว้างอย่างโกรธเคือง และสบถเป็นภาษาถิ่น“หุบปาก”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงโวยวาย ก็ขว้างเข็มเล่มหนึ่งออกไปปักลิ้นของคนผู้นั้นอย่างหมดความอดทน“อ๊าก!”เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาออกมาคนชุดดำคนอื่นเห็นเหตุการณ์นี้ก็ทยอยกันตัวสั่นงันงก รีบปิดปากทันที“เอาละ ตอนนี้เจ้าพูดต่อได้แล้ว” กู้หว่านเยว่หันไปมองชวีเฟิงชวีเฟิงตัวสั่นงันงกนางมารยังไงก็คือนางมารอยู่วันยังค่ำ น่ากลัวเหมือนกับในความทรงจำจริง ๆเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่“ว่ากันว่า ในห้องปรุงพิษมีคนอยู่มากกว่าสามสิบคน ทุกคนอาศัยลวดลายบนแขนมาระบุสถานะ”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมาเกาเจี้ยนตั้งสติแล้วรีบเดินขึ้นหน้า ถกแขนเสื้อของคนชุดดำทั้งหกคนขึ้น เผยให้เห็นแขนข้างภายใต้ร่มผ้าเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ บนแขนของคนชุด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้