Share

บทที่ 7

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
เมื่อซูจิ่นเอ๋อกลับมา น้ำตาบนใบหน้าของนางก็เริ่มแห้ง มุมปากยังขดเม้มอย่างไม่ชอบใจอยู่

เมื่อเดินผ่านกู้หว่านเยว่ นางจงใจแค่นเสียงตะคอก ก่นด่าไปหลายคำ

“ดาวไม้กวาด[footnoteRef:1] บ่างช่างยุ สุนัขจิ้งจอก!” [1: หรือดาวหาง คติชนจีนบอกว่าดาวหางจะกวาดล้างผู้คน หากพบเห็น จะเกิดสงครามหรือภัยธรรมชาติ ส่วนความหมายของสมัยใหม่คือ เป็นคำสาปแช่งบุคคลที่จะนำภัยพิบัติหรือโชคร้ายมาสู่ตน มักใช้กับผู้หญิงเป็นหลัก]

สุนัขจิ้งจอกนางยอมรับ แต่อีกสองคำนั้นนางไม่ยอมรับ

กู้หว่านเยว่เหลือบมองหญิงสาว ได้กลิ่นซาลาเปาเนื้อบนตัวของนางโชยมา พลันพูดเสียงดังว่า “ซูจิ่นเอ๋อ เหตุใดปากเจ้าจึงมันเยิ้มเช่นนั้น? เศษเนื้อเองก็ติดอยู่ที่ปาก เจ้าแอบไปกินซาลาเปาเนื้อลับหลังพวกเราหรือ?”

“ไม่ ไม่ใช่เสียหน่อย!”

ซูจินเอ๋อรู้สึกผิด รีบเช็ดมุมปากทันที สายตามองไปที่ซูจิ่งสิงและคนอื่นๆ โดยไม่รู้ตัว ก่อนจะได้ยินกู่หว่านเยว่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“เจ้าหลอกข้า?”

ใบหน้าของซูจิ่นเอ๋อเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ นางกัดฟันแล้วพูดว่า

“เจ้าบ่างช่างยุ รอก่อนเถอะ เจ้าจะได้มีความสุขเช่นนี้อีกไม่กี่วันแล้ว!”

พี่หญิงซือซือรับปากกับนางแล้วว่าจะช่วยเกลี้ยกล่อมท่านย่ากับพี่ใหญ่ของนางให้คืนดีกัน ถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะยังเป็นครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียวกันเหมือนเดิม

ให้พี่หญิงซือซือเป็นพี่สะใภ้นางแทน

ดาวไม้กวาดนี้ ที่ใดสงบสุขไหนเลยจะอยู่ได้?

นางกำลังจะพูดบางอย่างสมทบขึ้นมา แต่เมื่อเห็นสายตาตักเตือนของพี่ใหญ่ นางก็ตัวสั่น รีบซ่อนตัวอยู่ข้างหลังนางหยาง

“หากครั้งต่อไปนางทำเช่นนี้อีก เจ้าสั่งสอนนางไปก็เป็นพอ”

ซูจิ่งสิงหน้าบึ้ง ซูจินเอ๋อคนนี้ถูกตามใจจนเสียคนแล้ว

กู้หว่านเยว่ยิ้มและพูดว่า “สามีวางใจเถอะเจ้าค่ะ ข้าย่อมไม่มีทางกล้ำกลืนฝืนทน ถ้านางทำให้ข้ารำคาญจริงๆ ถึงตอนนี้ข้าจะสั่งสอนนางเอง หวังเพียงท่านจะไม่ปวดใจก็พอ”

“อืม” ปลายหูของซูจิ่งสิงแดงเล็กน้อย เสียงของนางฟังดูแล้ว... ก็คล้ายกับสุนัขจิ้งจอกอยู่บ้างจริงๆ

“เจ้าเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของนาง สั่งสอนนางก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว”

“มานี่หน่อย ข้าจะใส่ยาที่แผลให้ท่าน”

“อืม……”

นับตั้งแต่ที่ซูจิ่งสิงเปิดปากพูดปกป้องกู้หว่านเยว่ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็ใกล้ชิดกันขึ้นมาไม่น้อย

ตั้งแต่การยึดบ้านไปจนถึงตัดสัมพันธ์ ตลอดทางนี้เขาทรมานไม่น้อย แต่เขาไม่ใช่คนที่ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น ชีวิตหลังจากนี้จะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากใส่ยาที่บาดแผลแล้ว คนจากศาลาว่าการก็ทานมื้อเย็นเสร็จพอดี

“ลุกขึ้น ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ เดินทางต่อแล้ว!”

การถูกเนรเทศหาใช่การเที่ยวเขาชมสมุทร เหล่านักการเองก็มีภารกิจ ต้องส่งนักโทษไปยังสถานที่เนรเทศให้ตรงเวลา ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย

ดังนั้น ต้องใช้เวลาในช่วงที่ยังไม่มืด เร่งรุดรีบออกเดินทางต่อ

หลังจากเดินเท้าตลอดทั้งบ่าย ใต้ฝ่าเท้าของทุกคนก็ปรากฏแผลพุพองขนาดใหญ่ ย่างก้าวหนึ่งครั้งเจ็บปวดราวเข็มทิ่มตำ แข้งขาคล้ายถูกแท่งตะกั่วถ่วงเอาไว้ เคลื่อนกายยากลำบาก

ทว่ากลับไม่มีใครกล้าบ่น ด้วยรู้ซึ้งถึงการทำงานของเหล่านักการ

นี่เพียงแค่วันแรกเท่านั้น

วันแห่งความทุกข์ทรมาน ยังรออยู่ข้างหน้า

เดินทางไกล นอนกลางดิน กินข้าวไม่อิ่มท้อง

เทียบกับกลุ่มผู้ถูกเนรเทศที่ทุกข์ตรม กู้หว่านเยว่กลับไม่เหนื่อยเท่าใดนัก ตลอดทางคล้ายมาเดินเที่ยวเขาชมสมุทร ในกายนางมีพื้นที่มิติ สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเดินเลย

“เจ้าดาวไม้กวาดนี่เกิดอะไรขึ้น? พวกเราใกล้จะหมดแรงกันอยู่แล้ว เหตุใดนางยังเดินพลิ้วลมได้อยู่อีก?”

นางหลิวเพิ่งหายใจเข้าได้หนึ่งเฮือก ก็เหลือบไปเห็นท่าทางผ่อนคลายของกู้หว่านเยว่ มองอย่างไรก็ไม่ชอบใจ

หลี่ซือซืออดทนต่อความเจ็บปวดแล้วหัวเราะเสียงเย็น “ดาวไม้กวาด แน่นอนว่าย่อมไม่เหมือนกับคนปกติ”

กู้หว่านเยว่ไม่เก็บคำพูดของพวกนางมาใส่ใจ นางกำลังคิดวิธีสร้างสัมพันธ์อันดีกับเหล่านักการของศาลาว่าการอยู่

จากการสังเกต หัวหน้าที่ชื่อซุนอู่เป็นคนดีไม่น้อย หากได้รับการดูแลจากเขา การเดินทางในเส้นทางเนรเทศนี้จะง่ายขึ้นมาก

ทันใดนั้น ก็มีเสียงตะโกนดังมาจากด้านหน้าขบวน

“อ๊ะ... มีแมงป่องพิษ!”

“อะไรนะ? แมงป่องพิษ… แมงป่องพิษอยู่ไหน? อย่ากัดข้านะ อ๊าก!”

ถูกแมงป่องพิษกัดคร่าชีวิตได้ ดังนั้นทุกคนจึงหวาดกลัว ลนลานถอยหนี ทว่าท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว สิ่งรอบกายมองอย่างไรก็ไม่ชัดเจน

สถานการณ์วุ่นวายยิ่งขึ้น

ทันใดนั้น นักการคนหนึ่งก็ตะโกนว่า

“หัวหน้า แมงป่องพิษอยู่บนตัวท่าน!”

โดยมีซุนอู่เป็นศูนย์กลาง ผู้คนรอบตัวเขากระโจนออกห่าง สายตาจับจ้องไปที่ซุนอู่เป็นตาเดียว

มองเห็นว่าบนแขนของเขา มีแมงป่องพิษสีน้ำตาลเข้มนอนอยู่ หนามแหลมที่หางยกสูง เพียงได้มองก็รู้สึกเสียวปลาบ

ใบหน้าของซุนอู่ซีดเผือด สีหน้าดูเจ็บปวด

นักการหลายคนหยิบตะบองออกมา พยายามเขี่ยแมงป่องพิษให้ออกไปอยู่ห่างๆ ทว่าจู่ๆ แมงป่องพิษก็กระโดดลงไปกลางวงมนุษย์

“อ๊ากๆๆ....”

ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง ก้อนหินก้อนหนึ่งก็พุ่งออกมาจากปลายนิ้วของซูจิ่งสิง โดนเป้าแมงป่องพิษทันที

แมงป่องพิษร่วงลงกับพื้น ดีดดิ้นอยู่สองครั้ง

ซุนอู่ใช้โอกาสนี้ ชักดาบใหญ่ออกมาอย่างรวดเร็ว สับแมงป่องพิษออกเป็นสองส่วน

เมื่อเห็นว่าแมงป่องพิษตายแล้ว ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แต่ซุนอู่กลับทรุดล้มลงกับพื้น แขนขาชาหนึบ หลั่งเหงื่อจนศีรษะเปียกชื้น

“หัวหน้า ท่านเป็นอะไรไปหรือขอรับ?”

เหล่านักการพลันมารวมตัวล้อมเขา

“แย่แล้ว หัวหน้าถูกแมงป่องพิษกัด ทำอย่างไรดี?”

หน้าไม่พบหมู่บ้าน หลังไม่พบร้านค้า[footnoteRef:2] ระยะไม่กี่ลี้นี้ไร้บ้านเมือง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหมอเลย [2: สถานที่เปลี่ยว ไม่มีอะไรเลย]

ดูจากสีของแมงป่องพิษเมื่อสักครู่ และอาการของซุนอู่ในตอนนี้ ย่อมรู้ได้ทันทีว่าพิษร้ายแรง

หรือต้องปล่อยให้หัวหน้านอนรอความตายหรือ?

ซุนอู่มองดูบาดแผลที่แขนของตนแล้วนึกเศร้า ไม่คิดว่าเขาจะโชคร้ายขนาดนี้ ถูกแมงป่องพิษตัวหนึ่งกัดตาย

ที่บ้านเขายังมีมารดาชรา ตนเองก็ยังไม่ได้แต่ภรรยา

ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเหนือศีรษะ

“หลีกทางไปให้หมด ข้าช่วยเขาได้”

กู้หว่านเยว่มองหาโอกาสที่จะสานสัมพันธ์กับนักการศาลาว่าการอยู่พอดี ซุนอู่โดนพิษ เวลาที่นางจะลงมือมาถึงแล้ว!

“เจ้าหรือ?”

นักการหลายคนมองไปที่กู้หว่านเยว่ เห็นว่านางเป็นเพียงสตรีร่างอ้อนแอ้น ดูไม่คล้ายจะรู้วิชาแพทย์

แต่ตอนนี้ไม่อาจหาหมอมารักษาทัน เช่นนั้นก็ต้องรักษาม้าตายอย่างม้าเป็นแล้ว[footnoteRef:3] [3: ทำเท่าที่ทำได้ไปก่อน]

หลายคนรีบร้อนหลีกทาง

นักการที่มีรอบแผลบนใบหน้าเอ่ยเตือนอย่างกังวลว่า “รักษาหัวหน้าของพวกเราให้ดี ถ้ากล้าเล่นตุกติก ก็ระวังจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อ!”

กู้หว่านเยว่โบกมือแล้วเดินจากไป “เหอะๆ เจ้าขู่ข้า เช่นนั้นข้าไม่รักษาแล้ว”

“นี่เจ้า...” จางเอ้อไม่คิดว่านางจะสะบัดหน้าปฏิเสธทันที บอกว่าไม่ทำก็ไม่ทำในทันใด

จึงรีบรุดไปหยุดนาง

นี่ทำให้ซูจิ่งสิงบนรถเข็นขมวดคิ้ว มองไปยังสถานการณ์ตรงหน้าอย่างใส่ใจ

ขอเพียงแค่จางเอ้อกล้าทำให้กู้หว่านเยว่ไม่พอใจ เขาก็จะลงมือทันที

โชคดีที่จางเอ้อเป็นเพียงคนปากร้าย หลังจากหยุดกู้หว่านเยว่ไว้ได้ ชายร่างใหญ่ก็กดข่มใบหน้าที่แดงก่ำ ละล่ำละลักพูดออกมา

“ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรขู่เจ้า ขอร้องเจ้าช่วยชีวิตหัวหน้าของพวกเราด้วย”

กู้หว่านเยว่ค่อนข้างประหลาดใจ

เจ้าจางเอ้อคนนี้ดูไปแล้วดุร้าย แต่จริงๆ แล้วกลับเป็นคนมีคุณธรรม

หากเมื่อครู่เขากล้าลงมือ นางก็มีวิธีนับร้อยมารับมือเขา แต่เขาไม่ทำ ทั้งยังคุกเข่าขอโทษนาง

กู้หว่านเยว่พูดด้วยรอยยิ้มติดตลกว่า “เช่นนั้นข้าก็จะเป็นผู้ใหญ่ไม่ถือสาผู้น้อย เมตตาช่วยหัวหน้าของเจ้าสักครั้ง”

จางเอ้อ : ......

กู้หว่านเยว่ไม่ได้ตรวจสอบอาการของซุนอู่ในทันที แต่นางใช้ผ้าห่อแมงป่องพิษที่ตายแล้วขึ้นมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง

หลังจากระบุชนิดและพิษของแมงป่องพิษได้แล้ว ก็หันมาหาซุนอู่

พิษออกฤทธิ์เร็วมาก ซุนอู่ในตอนนี้หมดสติไปแล้ว ดวงตากลอกกลับเป็นสีขาว

นางดึงเปลือกตาของซุนอู่ขึ้นดู จากนั้นก็ยกแขนเขาขึ้นสังเกตบาดแผล หลังจากยืนยันว่าอาการพิษและพิษของแมงป่องเหมือนกันนั้น ก็เข้าไปค้นหาเซรุ่มที่เกี่ยวข้องในหอแห่งโอสถในมิติอย่างมีสติ

เมื่อทุกคนเห็นว่านางไม่เคลื่อนไหว ก็กังวลขึ้นมาเล็กน้อย

“นี่ ตกลงแล้วเจ้ารู้วิชาแพทย์หรือไม่กัน? หากไม่รู้ก็อย่ามาขวางทางหัวหน้าเรา!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (8)
goodnovel comment avatar
Maliwan
น่าติดตามสนุกมาก
goodnovel comment avatar
Kaantima Temsiri
สนุกมากค่ะ
goodnovel comment avatar
Malai Punhinkong
สนุกมากนางเอกฉลาด
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2258

    วันนี้เมื่อนึกขึ้นมาได้จึงรู้สึกว่าคนผู้นี้อาจเป็นคนเก่ง ดังนั้นจึงอาจหาญแนะนำใต้เท้าโจวพูดจบในคราวเดียว หน้าผากมีเหงื่อผุดซึมออกมาแล้ว จึงรีบใช้ชายแขนเสื้อเช็ด“ตอนนี้คนผู้นั้นอยู่ที่ใดหรือ?”ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถนี้หรือไม่ อย่างไรก็ต้องเรียกมาพบก่อนลองสอบถามดูก่อนเผื่อสามารถสร้างเรือรบที่ออกทำศึกสงครามได้ ก็ไม่ถือว่าสูญเสียคนมีความสามารถไปโดยเปล่าประโยชน์ ขณะเดียวกันก็คลี่คลายสถานการณ์คับขันได้ด้วยใต้เท้าโจวรีบกล่าว “คนผู้นี้มีนามว่าฟางเฉียน เป็นเถ้าแก่ทำการค้าเรียบชายฝั่ง ตอนนี้คาดว่าน่าจะยังอยู่ในลี่สุ่ยที่กระหม่อมเคยรับราชการพ่ะย่ะค่ะ”ซูจิ่งสิงพยักหน้า เรื่องนี้จัดการไม่ยาก แค่ให้คนไปพาตัวอีกฝ่ายมาก็ได้แล้ว“ในเมื่อเจ้ารู้จักเถ้าแก่ฟางคนนี้ ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ขอมอบให้เจ้าไปจัดการ ใต้เท้าโจว เราหวังว่าเจ้าจะออกเดินทางวันนี้ แล้วพาคนผู้นั้นกลับมาภายในเจ็ดวัน”ซูจิ่งสิงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใต้เท้าโจวนึกไม่ถึงว่าซูจิ่งสิงจะเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของตัวเอง จึงดีใจโดยพลัน รีบคุกเข่าลง“ฝ่าบาทโปรดวางใจ กระหม่อมจะไม่ทำให้พระองค์ผิดหวัง จะนำคนผู้นั้นกลับมาอย่างปลอดภั

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2257

    เรือรบที่ซูจื่อชิงนำผู้ใต้บัญชาสร้างขึ้น ซูจิ่งสิงดูมาแล้ว แต่กลับมีปัญหาต้าฉีไม่สันทัดเรื่องสร้างเรือรบ ยิ่งไม่เคยทำศึกบนทะเลมาก่อนเรือรบที่ซูจื่อชิงพาผู้ใต้บัญชาสร้างขึ้น แม้จะดูยิ่งใหญ่อลังการมาก อานุภาพดูรุนแรง แต่กลับมีข้อบกพร่องที่อันตรายถึงชีวิตนั่นคือมีทุกสิ่งมารวมกัน เป็นเรือสารพัดประโยชน์ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดโดดเด่นเลยอีกทั้งตัวเรือที่ออกแบบมีแกนกลางของเรือสูงเกินไป ทำให้ลงน้ำได้ไม่ลึก หากเจอลมพายุจะพลิกคว่ำได้ง่าย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ออกรบไม่ได้เด็ดขาดเหล่าขุนนางต่างไม่เข้าใจ “ฝ่าบาท เรือรบนี้มีสิ่งใดไม่ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ?”ซูจิ่งสิงอธิบาย “เราเคยเห็นเรือรบของแคว้นอู๋วั่ง เล็กกะทัดรัด ปราดเปรียวอย่างมาก หากเรือรบของเราปะทะกับเรือรบของพวกเขา เกรงว่าคงไม่มีทางชนะ”เมื่อได้ยินซูจิ่งสิงอธิบายเช่นนี้ ใจของพวกเขาจมดิ่งไปกว่าครึ่ง“ตามที่ฝ่าบาทอธิบาย หากเรือรบของพวกเราปะทะกับเรือของพวกเขา น่าจะไม่มีทางชนะจริงๆ”“ทหารของพวกเราไม่เคยทำศึกบนทะเลมาก่อน ส่วนเรื่องเรือรบก็ไม่มีความรู้เลยสักนิด ไม่ต่างจากคนตาบอดจุดตะเกียงข้ามคลอง”เดิมซูจื่อชิงเตรียมการพร้อมแล้ว แต่นึกไม่ถึงว

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2256

    ตอนเช้าเพิ่งตื่นมา พวกเขาสองคนก็รออยู่ด้านนอก เขากับกู้หว่านเยว่ยังไม่ได้กินอาหารเช้า“พวกเจ้าสองคนออกไปก่อน” ซูจิ่งสิงเห็นคนทั้งสองมองหน้ากันไปมา มีตาหามีแววไม่ จึงทำหน้าเข้มแล้วไล่แขกซูจื่อชิงถึงได้รู้สึกตัว แล้วยิ้มอย่างเขินอาย “พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่ได้กินอาหารเช้าสินะ? ถ้าอย่างนั้นน้องขอตัวลาไปก่อน ไว้ตอนบ่ายค่อยกลับมา”ซูจิ่งสิงพยักหน้า กู้หว่านเยว่ที่อยู่ข้างกันเห็นทั้งสองคนรีบจากไป จึงหันมองซูจิ่งสิงอย่างจนปัญญา“ดุเหลือเกิน”ซูจิ่งสิงกอดเอวกู้หว่านเยว่ ทำหน้าอาลัยอาวรณ์“ตอนนี้เรารู้แล้วว่าอะไรคือฮ่องเต้ไม่ว่าราชการตอนเช้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นนิ้วมือออกมาแตะปลายจมูกซูจิ่งสิง“ฮ่องเต้พูดอย่างนี้ อยากเป็นทรราชหรือเพคะ”ซูจิ่งสิงกระแอมหนึ่งเสียง สีหน้าเปลี่ยนเป็นขึงขังไม่น้อยเขาย่อมไม่เป็นทรราชก็แค่พูดเล่นไปอย่างนั้นเอง“ไปกินอาหารเช้าก่อน กินอาหารเช้าเสร็จแล้วข้าจะไปจัดการธุระ เจ้าพักอยู่ในตำหนักให้ดี”เมื่อนึกถึงฎีกาที่กองพะเนินเหมือนภูเขา ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วแน่นกู้หว่านเยว่พยักหน้า พอดีอาหารเช้าเป็นสิ่งที่นางชอบทั้งนั้น จึงกินอย่างเอร็ดอร่อยไปหนึ่งมื้อ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2255

    ซูจิ้งได้เห็นภาพนี้ ความกังวลในใจลดลงไม่น้อยเขากังวลมาตลอดว่าซูจื่อชิงจะไม่รู้จักแยกแยะ แต่ดูจากตอนนี้ ลูกชายรู้จักแยกแยะมากกว่าผู้ใดเมื่อการทารข้าวฉันท์ครอบครัวจบลง กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงกลับไปในวัง ทั้งสองคนเดินทางติดต่อกัน ยามวิการก็ไม่อยากจัดการเรื่องใดอีก จึงพักผ่อนโดยตรงหลังนอนหลับเต็มอิ่ม เช้าวันรุ่งขึ้น ซูจื่อชิงมารออยู่ข้างนอกตั้งแต่เช้าตรู่ นอกจากนี้คนที่มาขอเข้าเฝ้ายังมีเว่ยเฉิง“องค์ชายน้อยล่ะ?”สายตาเว่ยเฉิงตัดพ้อ สอนได้แค่ไม่กี่วัน นักเรียนก็หายไปแล้วกู้หว่านเยว่ยิ้มแล้วให้ทั้งสองคนนั่ง “จ้านจ้านยังไม่กลับมา ยังอยู่ที่ราบแห่งความโกลาหล”เว่ยเฉิงถอนหายใจ แล้วกุมขมับอย่างจนปัญญา “เอาเถอะ เอาเถอะ ขอให้ตอนที่องค์ชายน้อยกลับมาอย่าลืมสิ่งที่กระหม่อมเคยสอนก็พอ”กู้หว่านเยว่สีหน้าขึงขัง “รอให้ได้พบเขา ข้าจะบอกเขาแทนราชครู ว่าท่านคิดถึงเขา”ใบหน้าเว่ยเฉิงแดงเถือก “กระหม่อมไม่ได้หมายความเช่นนั้น เพียงแต่เป็นห่วงว่าองค์ชายน้อยจะลืมทำการบ้าน แต่องค์ชายอายุยังน้อย ชอบเที่ยวเล่นก็เป็นเรื่องปกติ”เว่ยเฉิงไม่รู้เลย ที่จ้านจ้านยังอยู่ที่ราบแห่งความโกลาหลไม่ใช่เพื่อเที่

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2254

    เดิมทีซูจิ่นเอ๋อร์พูดเช่นนี้โดยไม่มีเจตนา ทว่ากลับตรงใจกู้หว่านเยว่พอดิบพอดีความคิดของกู้หว่านเยว่ตรงกับซูจิ่นเอ๋อร์ ในเมื่อทำลายกระปุกพิษและสังหารฮ่องเต้ชีไปแล้ว ตอนนี้ทั่วทั้งแคว้นอู๋วั่งวุ่นวายโกลาหลไปหมด ไม่สู้ฉวยโอกาสนี้จัดการแคว้นอู๋วั่งให้สิ้นซากเสีย“ที่จิ่นเอ๋อร์ว่ามาไม่ผิดเลยสักนิด ในเมื่อพวกเขาไม่มีคุณธรรม ไม่สู้พวกเราก็หาโอกาสบุกไปโจมตีพวกเขาเสีย”กู้หว่านเยว่หันมองซูจิ่งสิง สองสามีภรรยาหารือกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว“ก่อนพวกเราจะกลับมา ข้าได้เขียนจดหมายถึงเจ้าหนึ่งฉบับ โดยให้เหยี่ยวทองส่งมา เจ้าได้รับหรือไม่?”ซูจื่อชิงได้ยินดังนั้น จึงรีบพยักหน้า“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ จดหมายที่พวกท่านเขียนถึงข้า ข้าล้วนได้รับทั้งสิ้น อีกอย่างข้าได้สั่งการตามเนื้อหาในจดหมายแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมาล้วนกำลังฝึกทหารเรือ”ซูจื่อชิงรีบกล่าว “ยังให้ผู้บัญชาการเรียบชายฝั่งเริ่มสร้างเรือรบ ตอนนี้น่าจะเสร็จไปพอสมควรแล้ว”ซูจิ่งสิงพยักหน้าอย่างพอใจ ตอนนี้ซูจื่อชิงทำงานได้น่าเชื่อถือมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว หนักแน่นกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย เขาจึงรู้สึกวางใจ“ส่วนเรื่องรายละเอียด ชั่วขณะหนึ่งข้าก็อธิบาย

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2253

    ซูจิ่นเอ๋อร์ยิ้มอย่างดูแคลน “แม่สามีข้า...ตอนนี้นางยังเอาตัวไม่รอด จะมีเวลามาสนใจข้าได้อย่างไร”นางหยางยังไม่รู้สึกตัวซูจิ่นเอ๋อร์กลับเปลี่ยนหัวข้อ ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกต่อไปนางไม่ใช่เด็กสาวที่จริงใจต่อผู้อื่นโดยไม่คิดจะป้องกันตัวแม้แต่น้อยเหมือนในอดีตแล้ว ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าฟู่ไม่อยากอยู่ร่วมกับนาง นางก็มีสารพัดวิธีทำให้อีกฝ่ายเจ็บใจ“ท่านแม่วางใจเถอะ บัดนี้พี่ใหญ่ของข้าเป็นฮ่องเต้ พี่รองเป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน ตระกูลฝั่งมารดาคือจวนกั๋วกง ตัวข้าเองก็เป็นองค์หญิงใหญ่ ไม่มีใครรังแกข้าได้หรอก”เมื่อก่อนซูจิ่นเอ๋อร์ขี้เกรงใจมากเกินไปคิดแต่อยากจะอยู่ร่วมกันกับคนสกุลฟู่ให้ดี ไม่อยากใช้อำนาจข่มใคร ไม่เคยวางท่าขององค์หญิงใหญ่ กลับทำให้พวกเขานึกว่าตัวเองรังแกได้ง่าย ๆแต่ลืมไปว่าสันดานคนก็คือรังแกผู้อ่อนแอกว่า พวกเขานึกว่าซูจิ่นเอ๋อร์รังแกได้ง่าย ๆ จึงยิ่งได้คืบจะเอาศอกนางหยางจับมือซูจิ่นเอ๋อร์อย่างคนที่เคยผ่านโลกมาแล้ว กล่าวเตือน “อย่าทำจนน่าเกลียดเกินไป อย่างไรก็เป็นมารดาของสามีเจ้า เขาอยู่ตรงกลางก็ลำบากใจ ระวังจะกระทบความสัมพันธ์ของพวกเจ้า”ซูจิ่นเอ๋อร์ถอนหายใจเฮือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status