Share

บทที่ 7

Auteur: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
เมื่อซูจิ่นเอ๋อกลับมา น้ำตาบนใบหน้าของนางก็เริ่มแห้ง มุมปากยังขดเม้มอย่างไม่ชอบใจอยู่

เมื่อเดินผ่านกู้หว่านเยว่ นางจงใจแค่นเสียงตะคอก ก่นด่าไปหลายคำ

“ดาวไม้กวาด[footnoteRef:1] บ่างช่างยุ สุนัขจิ้งจอก!” [1: หรือดาวหาง คติชนจีนบอกว่าดาวหางจะกวาดล้างผู้คน หากพบเห็น จะเกิดสงครามหรือภัยธรรมชาติ ส่วนความหมายของสมัยใหม่คือ เป็นคำสาปแช่งบุคคลที่จะนำภัยพิบัติหรือโชคร้ายมาสู่ตน มักใช้กับผู้หญิงเป็นหลัก]

สุนัขจิ้งจอกนางยอมรับ แต่อีกสองคำนั้นนางไม่ยอมรับ

กู้หว่านเยว่เหลือบมองหญิงสาว ได้กลิ่นซาลาเปาเนื้อบนตัวของนางโชยมา พลันพูดเสียงดังว่า “ซูจิ่นเอ๋อ เหตุใดปากเจ้าจึงมันเยิ้มเช่นนั้น? เศษเนื้อเองก็ติดอยู่ที่ปาก เจ้าแอบไปกินซาลาเปาเนื้อลับหลังพวกเราหรือ?”

“ไม่ ไม่ใช่เสียหน่อย!”

ซูจินเอ๋อรู้สึกผิด รีบเช็ดมุมปากทันที สายตามองไปที่ซูจิ่งสิงและคนอื่นๆ โดยไม่รู้ตัว ก่อนจะได้ยินกู่หว่านเยว่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“เจ้าหลอกข้า?”

ใบหน้าของซูจิ่นเอ๋อเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ นางกัดฟันแล้วพูดว่า

“เจ้าบ่างช่างยุ รอก่อนเถอะ เจ้าจะได้มีความสุขเช่นนี้อีกไม่กี่วันแล้ว!”

พี่หญิงซือซือรับปากกับนางแล้วว่าจะช่วยเกลี้ยกล่อมท่านย่ากับพี่ใหญ่ของนางให้คืนดีกัน ถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะยังเป็นครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียวกันเหมือนเดิม

ให้พี่หญิงซือซือเป็นพี่สะใภ้นางแทน

ดาวไม้กวาดนี้ ที่ใดสงบสุขไหนเลยจะอยู่ได้?

นางกำลังจะพูดบางอย่างสมทบขึ้นมา แต่เมื่อเห็นสายตาตักเตือนของพี่ใหญ่ นางก็ตัวสั่น รีบซ่อนตัวอยู่ข้างหลังนางหยาง

“หากครั้งต่อไปนางทำเช่นนี้อีก เจ้าสั่งสอนนางไปก็เป็นพอ”

ซูจิ่งสิงหน้าบึ้ง ซูจินเอ๋อคนนี้ถูกตามใจจนเสียคนแล้ว

กู้หว่านเยว่ยิ้มและพูดว่า “สามีวางใจเถอะเจ้าค่ะ ข้าย่อมไม่มีทางกล้ำกลืนฝืนทน ถ้านางทำให้ข้ารำคาญจริงๆ ถึงตอนนี้ข้าจะสั่งสอนนางเอง หวังเพียงท่านจะไม่ปวดใจก็พอ”

“อืม” ปลายหูของซูจิ่งสิงแดงเล็กน้อย เสียงของนางฟังดูแล้ว... ก็คล้ายกับสุนัขจิ้งจอกอยู่บ้างจริงๆ

“เจ้าเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของนาง สั่งสอนนางก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว”

“มานี่หน่อย ข้าจะใส่ยาที่แผลให้ท่าน”

“อืม……”

นับตั้งแต่ที่ซูจิ่งสิงเปิดปากพูดปกป้องกู้หว่านเยว่ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็ใกล้ชิดกันขึ้นมาไม่น้อย

ตั้งแต่การยึดบ้านไปจนถึงตัดสัมพันธ์ ตลอดทางนี้เขาทรมานไม่น้อย แต่เขาไม่ใช่คนที่ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น ชีวิตหลังจากนี้จะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากใส่ยาที่บาดแผลแล้ว คนจากศาลาว่าการก็ทานมื้อเย็นเสร็จพอดี

“ลุกขึ้น ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ เดินทางต่อแล้ว!”

การถูกเนรเทศหาใช่การเที่ยวเขาชมสมุทร เหล่านักการเองก็มีภารกิจ ต้องส่งนักโทษไปยังสถานที่เนรเทศให้ตรงเวลา ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย

ดังนั้น ต้องใช้เวลาในช่วงที่ยังไม่มืด เร่งรุดรีบออกเดินทางต่อ

หลังจากเดินเท้าตลอดทั้งบ่าย ใต้ฝ่าเท้าของทุกคนก็ปรากฏแผลพุพองขนาดใหญ่ ย่างก้าวหนึ่งครั้งเจ็บปวดราวเข็มทิ่มตำ แข้งขาคล้ายถูกแท่งตะกั่วถ่วงเอาไว้ เคลื่อนกายยากลำบาก

ทว่ากลับไม่มีใครกล้าบ่น ด้วยรู้ซึ้งถึงการทำงานของเหล่านักการ

นี่เพียงแค่วันแรกเท่านั้น

วันแห่งความทุกข์ทรมาน ยังรออยู่ข้างหน้า

เดินทางไกล นอนกลางดิน กินข้าวไม่อิ่มท้อง

เทียบกับกลุ่มผู้ถูกเนรเทศที่ทุกข์ตรม กู้หว่านเยว่กลับไม่เหนื่อยเท่าใดนัก ตลอดทางคล้ายมาเดินเที่ยวเขาชมสมุทร ในกายนางมีพื้นที่มิติ สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเดินเลย

“เจ้าดาวไม้กวาดนี่เกิดอะไรขึ้น? พวกเราใกล้จะหมดแรงกันอยู่แล้ว เหตุใดนางยังเดินพลิ้วลมได้อยู่อีก?”

นางหลิวเพิ่งหายใจเข้าได้หนึ่งเฮือก ก็เหลือบไปเห็นท่าทางผ่อนคลายของกู้หว่านเยว่ มองอย่างไรก็ไม่ชอบใจ

หลี่ซือซืออดทนต่อความเจ็บปวดแล้วหัวเราะเสียงเย็น “ดาวไม้กวาด แน่นอนว่าย่อมไม่เหมือนกับคนปกติ”

กู้หว่านเยว่ไม่เก็บคำพูดของพวกนางมาใส่ใจ นางกำลังคิดวิธีสร้างสัมพันธ์อันดีกับเหล่านักการของศาลาว่าการอยู่

จากการสังเกต หัวหน้าที่ชื่อซุนอู่เป็นคนดีไม่น้อย หากได้รับการดูแลจากเขา การเดินทางในเส้นทางเนรเทศนี้จะง่ายขึ้นมาก

ทันใดนั้น ก็มีเสียงตะโกนดังมาจากด้านหน้าขบวน

“อ๊ะ... มีแมงป่องพิษ!”

“อะไรนะ? แมงป่องพิษ… แมงป่องพิษอยู่ไหน? อย่ากัดข้านะ อ๊าก!”

ถูกแมงป่องพิษกัดคร่าชีวิตได้ ดังนั้นทุกคนจึงหวาดกลัว ลนลานถอยหนี ทว่าท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว สิ่งรอบกายมองอย่างไรก็ไม่ชัดเจน

สถานการณ์วุ่นวายยิ่งขึ้น

ทันใดนั้น นักการคนหนึ่งก็ตะโกนว่า

“หัวหน้า แมงป่องพิษอยู่บนตัวท่าน!”

โดยมีซุนอู่เป็นศูนย์กลาง ผู้คนรอบตัวเขากระโจนออกห่าง สายตาจับจ้องไปที่ซุนอู่เป็นตาเดียว

มองเห็นว่าบนแขนของเขา มีแมงป่องพิษสีน้ำตาลเข้มนอนอยู่ หนามแหลมที่หางยกสูง เพียงได้มองก็รู้สึกเสียวปลาบ

ใบหน้าของซุนอู่ซีดเผือด สีหน้าดูเจ็บปวด

นักการหลายคนหยิบตะบองออกมา พยายามเขี่ยแมงป่องพิษให้ออกไปอยู่ห่างๆ ทว่าจู่ๆ แมงป่องพิษก็กระโดดลงไปกลางวงมนุษย์

“อ๊ากๆๆ....”

ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง ก้อนหินก้อนหนึ่งก็พุ่งออกมาจากปลายนิ้วของซูจิ่งสิง โดนเป้าแมงป่องพิษทันที

แมงป่องพิษร่วงลงกับพื้น ดีดดิ้นอยู่สองครั้ง

ซุนอู่ใช้โอกาสนี้ ชักดาบใหญ่ออกมาอย่างรวดเร็ว สับแมงป่องพิษออกเป็นสองส่วน

เมื่อเห็นว่าแมงป่องพิษตายแล้ว ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แต่ซุนอู่กลับทรุดล้มลงกับพื้น แขนขาชาหนึบ หลั่งเหงื่อจนศีรษะเปียกชื้น

“หัวหน้า ท่านเป็นอะไรไปหรือขอรับ?”

เหล่านักการพลันมารวมตัวล้อมเขา

“แย่แล้ว หัวหน้าถูกแมงป่องพิษกัด ทำอย่างไรดี?”

หน้าไม่พบหมู่บ้าน หลังไม่พบร้านค้า[footnoteRef:2] ระยะไม่กี่ลี้นี้ไร้บ้านเมือง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหมอเลย [2: สถานที่เปลี่ยว ไม่มีอะไรเลย]

ดูจากสีของแมงป่องพิษเมื่อสักครู่ และอาการของซุนอู่ในตอนนี้ ย่อมรู้ได้ทันทีว่าพิษร้ายแรง

หรือต้องปล่อยให้หัวหน้านอนรอความตายหรือ?

ซุนอู่มองดูบาดแผลที่แขนของตนแล้วนึกเศร้า ไม่คิดว่าเขาจะโชคร้ายขนาดนี้ ถูกแมงป่องพิษตัวหนึ่งกัดตาย

ที่บ้านเขายังมีมารดาชรา ตนเองก็ยังไม่ได้แต่ภรรยา

ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเหนือศีรษะ

“หลีกทางไปให้หมด ข้าช่วยเขาได้”

กู้หว่านเยว่มองหาโอกาสที่จะสานสัมพันธ์กับนักการศาลาว่าการอยู่พอดี ซุนอู่โดนพิษ เวลาที่นางจะลงมือมาถึงแล้ว!

“เจ้าหรือ?”

นักการหลายคนมองไปที่กู้หว่านเยว่ เห็นว่านางเป็นเพียงสตรีร่างอ้อนแอ้น ดูไม่คล้ายจะรู้วิชาแพทย์

แต่ตอนนี้ไม่อาจหาหมอมารักษาทัน เช่นนั้นก็ต้องรักษาม้าตายอย่างม้าเป็นแล้ว[footnoteRef:3] [3: ทำเท่าที่ทำได้ไปก่อน]

หลายคนรีบร้อนหลีกทาง

นักการที่มีรอบแผลบนใบหน้าเอ่ยเตือนอย่างกังวลว่า “รักษาหัวหน้าของพวกเราให้ดี ถ้ากล้าเล่นตุกติก ก็ระวังจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อ!”

กู้หว่านเยว่โบกมือแล้วเดินจากไป “เหอะๆ เจ้าขู่ข้า เช่นนั้นข้าไม่รักษาแล้ว”

“นี่เจ้า...” จางเอ้อไม่คิดว่านางจะสะบัดหน้าปฏิเสธทันที บอกว่าไม่ทำก็ไม่ทำในทันใด

จึงรีบรุดไปหยุดนาง

นี่ทำให้ซูจิ่งสิงบนรถเข็นขมวดคิ้ว มองไปยังสถานการณ์ตรงหน้าอย่างใส่ใจ

ขอเพียงแค่จางเอ้อกล้าทำให้กู้หว่านเยว่ไม่พอใจ เขาก็จะลงมือทันที

โชคดีที่จางเอ้อเป็นเพียงคนปากร้าย หลังจากหยุดกู้หว่านเยว่ไว้ได้ ชายร่างใหญ่ก็กดข่มใบหน้าที่แดงก่ำ ละล่ำละลักพูดออกมา

“ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรขู่เจ้า ขอร้องเจ้าช่วยชีวิตหัวหน้าของพวกเราด้วย”

กู้หว่านเยว่ค่อนข้างประหลาดใจ

เจ้าจางเอ้อคนนี้ดูไปแล้วดุร้าย แต่จริงๆ แล้วกลับเป็นคนมีคุณธรรม

หากเมื่อครู่เขากล้าลงมือ นางก็มีวิธีนับร้อยมารับมือเขา แต่เขาไม่ทำ ทั้งยังคุกเข่าขอโทษนาง

กู้หว่านเยว่พูดด้วยรอยยิ้มติดตลกว่า “เช่นนั้นข้าก็จะเป็นผู้ใหญ่ไม่ถือสาผู้น้อย เมตตาช่วยหัวหน้าของเจ้าสักครั้ง”

จางเอ้อ : ......

กู้หว่านเยว่ไม่ได้ตรวจสอบอาการของซุนอู่ในทันที แต่นางใช้ผ้าห่อแมงป่องพิษที่ตายแล้วขึ้นมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง

หลังจากระบุชนิดและพิษของแมงป่องพิษได้แล้ว ก็หันมาหาซุนอู่

พิษออกฤทธิ์เร็วมาก ซุนอู่ในตอนนี้หมดสติไปแล้ว ดวงตากลอกกลับเป็นสีขาว

นางดึงเปลือกตาของซุนอู่ขึ้นดู จากนั้นก็ยกแขนเขาขึ้นสังเกตบาดแผล หลังจากยืนยันว่าอาการพิษและพิษของแมงป่องเหมือนกันนั้น ก็เข้าไปค้นหาเซรุ่มที่เกี่ยวข้องในหอแห่งโอสถในมิติอย่างมีสติ

เมื่อทุกคนเห็นว่านางไม่เคลื่อนไหว ก็กังวลขึ้นมาเล็กน้อย

“นี่ ตกลงแล้วเจ้ารู้วิชาแพทย์หรือไม่กัน? หากไม่รู้ก็อย่ามาขวางทางหัวหน้าเรา!”
Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application
Commentaires (7)
goodnovel comment avatar
Kaantima Temsiri
สนุกมากค่ะ
goodnovel comment avatar
Malai Punhinkong
สนุกมากนางเอกฉลาด
goodnovel comment avatar
จีรพันธ์
ติตตามต่อ ๆๆๆๆๆๆ
VOIR TOUS LES COMMENTAIRES

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1984

    แต่จี้เยว่ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของสกุลซุน ไม่ได้รับความสำคัญมากเพียงพอ อีกทั้งยังไม่สามารถตำหนิพวกเขาอย่างรุนแรงได้นางหยางกวาดตามอง “ดูเด็กคนนี้น่ารักมากเพียงใด ข้าอายุปูนนี้แล้ว ว่างงานยิ่งนัก ชอบให้เด็กรายล้อมรอบกาย หากไม่สะดวกเลี้ยงดูในวัง ก็สามารถส่งมาที่จวนข้าได้”“เด็กคนนี้งดงามดุจหยก ขาวๆ นุ่มๆ มองดูแล้วเป็นคนมีวาสนาคนหนึ่ง กินอิ่มแล้วก็นอน นิสัยเองก็ดี ภายภาคหน้าจ้านจ้านโตแล้ว ก็ช่วยคลายเหงาให้จ้านจ้านได้”ซูจิ่งสิงไม่รับสนม วังหลังคล้ายไม่มีอยู่จริง กู้หว่านเยว่เองก็ไม่มีลูกในตอนนี้ภายในวังมีเพียงจ้านจ้านเป็นเด็กคนเดียว เหงาอยู่บ้างจริงๆมีเด็กคนอื่นอยู่เป็นเพื่อน ก็เป็นเรื่องดีสองสามคนปรึกษากันและตัดสิน ให้จี้เยว่อยู่ภายในวังก่อนอย่างน้อยทางฝั่งสกุลซุนนั้น ซูจิ่งสิงย่อมส่งคนไปแจ้งข่าว คาดว่าสกุลซุนเองก็ไม่มีวันคัดค้านขณะเดียวกันดรุณีน้อยนอนหลับฝันหวานภายในอ้อมกอดของชิงเหลียนยังไม่รู้เลยว่าบัดนี้ชะตาชีวิตของตนกำลังจะเปลี่ยนไปแล้วนับตั้งแต่นี้ไป จะผูกติดกับองค์ชายน้อยที่มอบขนมให้ตนเองกินสองสามคนพูดคุยกันขณะรอ กู้หว่านเยว่เล่าเรื่องที่ได้พบเห็นในที่ราบแห่งความโกลาหล

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1983

    ห้องเครื่องของวังหลวงทำอาหารเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว เหล่าญาติฝ่ายหญิงที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงภายในวังหลวงล้วนถูกกระจายออกไปแล้วชิงเหลียนมองกู้หว่านเยว่ที่ไม่ได้พบหน้านานมาก ตื่นเต้นจนน้ำตาไหล“ฮูหยิน นับว่ารอจนท่านกลับมาแล้ว”นางปาดน้ำตา พูดยิ้มๆ อย่างเก้อกระดาก “หงซิ่งเด็กคนนั้นแต่งงานแล้ว ตอนนี้จึงไม่ได้อยู่ภายในวัง วันหน้าบ่าวจะพานางเข้ามาโขกศีรษะให้ท่านให้ได้เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่แปลกใจอยู่บ้าง“เวลาผ่านไปเร็วยิ่งนัก หงซิ่งเด็กคนนั้นแต่งงานแล้วหรือนี่”นางนึกถึงก่อนหน้านี้เตรียมสินเดิมให้เหล่าสาวใช้ รอได้พบหงซิ่ง จะต้องมอบสินเดิมให้นางชิงเหลียนพยักหน้ายิ้มๆ “พวกเขาสองสามีภรรยาเปิดร้านขายผ้าแห่งหนึ่งในเมืองหลวง การค้านับว่าไม่เลว ไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง”กู้หว่านเยว่นึกดีใจแทนพวกเขาภายในก้นบึ้งของหัวใจ“ใช่แล้ว นี่เป็นลูกของใคร เหตุใดไปอยู่ในตำหนักบรรทมของจ้านจ้านได้?”จู่ๆ กู้หว่านเยว่ก็นึกถึงเด็กหญิงตัวน้อยที่หลบใต้โต๊ะของจ้านจ้านขึ้นมาได้ ดวงตากลมโตดุจหยก กลับเป็นเด็กน่ารักคนหนึ่งชิงเหลียนรีบเล่าฐานะของเด็กหญิงให้กู้หว่านเยว่ฟัง กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงชะงักไป เงียบ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1982

    “ร้องไห้ทำไม? โตเพียงนี้แล้วยังเสียน้ำตาอีก”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว สั่งสอนอย่างเข้มงวดภายในสายตานางหยางเจือประกายน้ำตา สบมองกู้หว่านเยว่ ทั้งยังหันมองซูจิ่งสิง“ตอนเจ้าไม่อยู่ จื่อชิงเด็กคนนี้สุขุมมากนัก”“มีเพียงได้เห็นพวกเจ้า เขาถึงตื่นเต้นมากถึงเพียงนี้”ซูจื่อชิงไม่ตื่นเต้นได้หรือ เขาทำงานหนักเพื่อพี่ใหญ่พี่สะใภ้ทุกวัน ดูแลบ้านเมืองงานยิ่งใหญ่นี้ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด นอนดึกยิ่งกว่าสุนัข ตื่นเช้ายิ่งกว่าไก่ เหนื่อยแทบตาย“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาแล้ว ฮือฮือๆ...” ซูจื่อชิงกอดขาทั้งคู่ ร้องไห้โฮ“รีบปล่อยเร็วเข้า อย่าทำให้ข้าขายหน้า”ซูจิ่งสิงสบถด่าเสียงเยียบเย็นทั้งคู่ทำความเคารพนางหยางพร้อมกัน “ท่านแม่ พวกเรากลับมาแล้ว ช่วงนี้ทำให้พวกท่านกังวลแล้ว”จ้านจ้านขาวขาวเนียนเนียน สุขภาพแข็งแรงร่าเริง นางหยางย่าคนนี้ใส่ใจไม่น้อย กู้หว่านเยว่รู้สึกซาบซึ้งอยู่ภายในก้นบึ้งของหัวใจ“ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน พูดจาห่างเหินเพียงนี้ทำอันใด”นางหยางปาดน้ำตาที่หางตา มองกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงอย่างชื่นชม“ขอเพียงพวกเจ้าสองคนกลับมาได้อย่างปลอดภัย แม่ก็วางใจแล้ว”“ใ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1981

    ในสายตาเจ้าเด็กบ้ามีเพียงมารดา ไม่มีบิดา!ซูจิ่งสิงอยากตีก้นเจ้าเด็กคนนี้สักที แต่เห็นใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาของเขา ยังตัดสินใจปล่อยไปก่อนจ้านจ้านเงยหน้า เหลือบมองบิดาของเขาแวบหนึ่ง พูดขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด “เสด็จพ่อ ท่านไม่ใช่พูดว่าจะพาเสด็จแม่กลับมาในสองเดือนหรือ?”เขากำหมัดแน่นถูกบิดาหลอกแล้ว!ตอนบิดาจากไปยังพูดว่าสองเดือนก็กลับมา เขาถึงดีใจพูดว่าอยากได้น้องสาวสักคน ขอให้พาน้องสาวกลับมาพร้อมกันใครรู้เล่าว่าบิดาไปครั้งนี้นานถึงหนึ่งปี!“เกิดความเปลี่ยนแปลง กลับมาช้าไปแล้ว”ซูจิ่งสิงลูบศีรษะเต็มไปด้วยเส้นผมของลูกชาย “แต่ครั้งนี้ข้าและแม่เจ้าได้รับมาไม่น้อย รอภายภาคหน้าค่อยๆ เล่าให้เจ้าฟังดีหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ฟังออก ซูจิ่งสิงนี่คือต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของจ้านจ้านนางพยักหน้าให้ความร่วมมือ “ใช่แล้วจ้านจ้าน พวกเราผ่านป่าซิงโตวมาด้วย นั่นคือสถานที่กว้างใหญ่เท่าต้าฉีสองแห่งเลยทีเดียว”จ้านจ้านกระพริบตา เขาอ่านหนังสือมาไม่น้อย นึกถึงระยะห่างภายในสมองภายในหนังสือพูดว่าอาณาเขตเหนือใต้ของต้าฉีมีระยะห่างราวหนึ่งพันห้าร้อยลี้ ต้าฉีสองแห่ง นั่นไกลมากเหลือเกิน“ภายใ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1980

    “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เขารู้จักจี้เยว่ สายตามองไปที่หน้าอกของนาง ก็เห็นคราบน้ำลายเต็มไปหมดจริง ๆ นางยังหลบอยู่ใต้โต๊ะทำงานของเขา ที่มุมปากก็ยังมีเศษขนมติดอยู่พอมองขึ้นไปบนโต๊ะ ขนมที่วางไว้เมื่อเช้าก็หายไปแล้วจริง ๆ เจ้าเด็กโง่คนนี้หลบอยู่ใต้โต๊ะทำงานของเขาเพื่อแอบกินขนม! มุมปากของจ้านจ้านกระตุกจี้เยว่ดูสีหน้าคนไม่ออก ยังไม่รู้ตัวว่าทำให้องค์ชายน้อยโกรธแล้ว ยังคงจ้องมองดวงตาแดง ๆ ของเขาอย่างสงสัย“ท่านพี่ ท่านร้องไห้ทำไมหรือ? กินขนมสักคำก็จะไม่ร้องไห้แล้วนะ ขนมที่นี่อร่อยมาก เยว่เอ๋อร์ไม่เคยกินขนมที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย”เจ้าแมวน้อยตะกละกินจนท้องกลม ก็พูดเยอะขึ้นแล้ว “ข้าไม่ได้ร้องไห้”จ้านจ้านกล่าวอย่างดุดัน“ถ้ากล้าพูดว่าข้าร้องไห้อีก ข้าจะต่อยเจ้า!”จี้เยว่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง มองไปที่กำปั้นของจ้านจ้าน แล้วก็เบะปาก ดวงตาที่ดูโตเป็นพิเศษคู่นั้นก็เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาในทันที“ฮือ ๆ ๆ ...” นางถูกขู่จนร้องไห้จ้านจ้านตกตะลึง เขากลัวผู้หญิงร้องไห้ที่สุด จึงรีบเอามือปิดปากของจี้เยว่ แก้มของเด็กหญิงทั้งกลมทั้งนุ่ม แถมยังเด้งอีกด้วยเขาก็เผลอใช้แรงหยิกไปทีหนึ่งโดยไม่รู้ตั

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1979

    ก็ไม่แปลกที่กู้หว่านเยว่จะลังเลตอนที่นางจากไปครั้งแรก ได้ให้สัญญากับซูจิ่งสิงไว้ว่าจะกลับมาภายในหนึ่งปีแต่ตอนนี้ ผ่านมาสองปีเต็มแล้วตอนนั้นจ้านจ้านยังเดินเตาะแตะ พูดได้แค่คำสองคำง่าย ๆ แต่ตอนนี้กลับขยับขาสั้น ๆ ของตนวิ่งได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็วหากไม่เอ่ยปากก็แล้วไป แต่หากเอ่ยปากพูดเมื่อใดก็สามารถทำให้คนโกรธจนแทบกระอักเลือดได้ดังนั้น ตอนแรกที่กู้หว่านเยว่เห็นเด็กน้อยคนหนึ่งวิ่งมา นางก็เพียงแค่รู้สึกตามสัญชาตญาณว่านั่นคือจ้านจ้านจนกระทั่งเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด นางถึงกล้าตัดสินจากท่าทางของเด็กคนนั้นได้ว่า นั่นคือจ้านจ้านลูกชายสุดที่รักของนาง!“เป็นลูกชายจริง ๆ ด้วย!” กู้หว่านเยว่แสดงสีหน้าตื่นเต้นนางเร่งฝีเท้า เดินตรงไปยังทิศทางของจ้านจ้านซูจิ่งสิงเองก็จ้องมองเด็กคนนั้นไม่วางตา เขาจากไปช้ากว่ากู้หว่านเยว่เล็กน้อย ตอนนั้นจ้านจ้านก็สามารถพูดคุยกับเขาได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว“จ้านจ้าน!”ทั้งสองคนร้องเรียกออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ตั้งใจจะเข้าไปกอดลูกชายจ้านจ้านที่วิ่งมาได้ครึ่งทางพลันหยุดนิ่ง เขามองทั้งสองคน ก่อนจะเช็ดที่หางตาของตนเองอย่างแรงจากนั้น ก็หันหลังกลับแล้

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status