ม่านหรูถึงแม้จะอยู่แถวหลังกลุ่มทหารที่มาจากเมืองหลวง แต่นางก็เห็นหน้าของแม่ทัพใหญ่ซึ่งหล่อเหลาและตัวสูงใหญ่มากกว่าทหารคนอื่นที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยกันเกือบหนึ่งช่วงศรีษะ ยิ่งได้ยินเสียงจากพลังลมปราณที่กล้าแกร่งของเขา นางก็ยิ่งคิดว่าตนเองยังเป็นกบในกะลา ทั้งที่ตัวนางเองฝึกฝนมานานยังมีลมปราณไม่มากเท่าชายผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ที่อายุน่าจะห่างจากนางไม่มาก
ทหารใหม่ทั้งหมดเกือบร้อยคนมายืนเรียงแถวกันที่หน้าเวที พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาเท่านั้น อีกทั้งกลุ่มคนพวกนี้เป็นลูกพ่อค้าจึงทำตัวเกเรแต่แรกทหารคนอื่นคิดว่าพวกเขาน่าจะถูกแม่ทัพใหญ่ลงโทษไม่น้อย
“พวกเจ้าฝึกฝนมานานเท่าไหร่แล้ว เหตุใดแค่จัดแถวจึงทำไม่ได้”
หม่าต้าเฟยหัวหน้ากลุ่มลูกพ่อค้าถือตัวว่าที่บ้านร่ำรวยจึงคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง เขาพยายามยัดเงินให้หัวหน้าหมู่กับนายกองเพื่อความสบาย แต่พวกเขาไม่ยอมรับเงิน จึงทำให้หม่าต้าเฟยรวมตัวลูกพ่อค้าเที่ยวก่อกวนไปทั่วมาตั้งแต่แรก
“พวกข้าฝึกเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น เจ้าจะให้พวกเราชาวบ้านตาดำ ๆ ทำอย่างพวกเจ้าที่เป็นทหารมานานได้อย่างไร”
“เจ้าชื่ออะไร เหตุใดก่อนรายงานไม่ขานชื่อตนเองก่อน นายกอง นำตัวไปลงโทษตามกฎทหาร ข้าซื่อหวนหลงเป็นแม่ทัพใหญ่ของพวกเจ้า กฎเกณฑ์ในกองทัพบอกไว้ชัดเจนว่าทุกคนต้องให้ความเคารพข้า ไม่ว่าพวกเจ้าจะอายุเท่าใด เข้าใจหรือไม่!”
“เข้าใจขอรับท่านแม่ทัพใหญ่!!!” เสียงทหารในแถวก้องกังวานตอบรับคำแม่ทัพใหญ่
“กลุ่มทหารที่ก่อความวุ่นวายไม่ตั้งใจฝึกฝนให้ลงโทษตามกฎทหารอย่างหนักจนกว่าจะมีวินัยเหมือนทหารคนอื่น เรื่องนี้ให้นายกองรับผิดชอบแยกพวกเขาไปฝึกฝนให้เข้าที่เข้าทางภายใน 7 วัน นายกองรับคำสั่ง!”
“ข้านายกอง 13 น้อมรับคำสั่งท่านแม่ทัพขอรับ”
นายกองที่พาคนกลุ่มนี้มารีบรับคำสั่งของแม่ทัพใหญ่ทันที เขาไม่คิดเลยว่าแม่ทัพใหญ่อายุน้อยผู้นี้จะน่ากลัวมากสมกับที่ได้รับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่จากฮ่องเต้ให้มาทำศึกใหญ่ในครั้งนี้
“เจ้าพาพวกเขาออกไปให้พ้นหน้าข้า ทหารทั้งหมดดูไว้เป็นตัวอย่าง ถึงพวกเจ้าจะถูกเกณฑ์มาได้ไม่นาน แต่กฎทหารพวกเจ้าจงปฏิบัติให้ได้ ไม่เช่นนั้นข้าจะลงโทษโดยไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่!!!”
“เข้าใจขอรับท่านแม่ทัพใหญ่!!!” เหล่าทหารในลานรวมพลต่างตอบรับเสียงดัง
“ดี!!! อีก 7 วัน ข้าจะพาพวกเจ้าทำศึกใหญ่กับแคว้นเจิ้ง ก่อนถึงวันนั้น ทุกคนต้องฝึกให้หนัก ในสนามรบไม่มีใครช่วยพวกเจ้าได้ นอกจากตัวเจ้าเอง ทหารทุกนายต้องฟังคำสั่งเดินทัพจากหัวหน้าของตัวเองให้ขึ้นใจ ทหารกลุ่มใดทำนอกเหนือคำสั่งแล้วเกิดบาดเจ็บล้มตาย ทางการจะไม่รับผิดชอบครอบครัวของพวกเจ้า นายกองออกมารายงานการฝึกทหารใหม่ที่ด้านหน้า”
นายกองนับ 100 ออกจากแถวมาหน้าเวที ยกเว้นนายกอง 13 ที่ไปทำตามคำสั่งก่อนหน้านี้ ซื่อหวนหลงฟังรายงานการฝึกจากนายกองต่าง ๆ พอรู้ว่าทหารใหม่ยังอ่อนด้อยเรื่องฝีมือและสัญญาณเดินทัพ เขาสั่งนายกองฝึกคนที่อ่อนแอให้ทันภายใน 7 วันเช่นกัน เหล่านายกองรับคำสั่งแล้วกลับเข้าแถวไปตามคำสั่งแม่ทัพใหญ่ ซื่อหวนหลงย้ำทหารทุกคนอีกครั้งว่าจะทำศึกใน 7 วันหลังจากนี้ ก่อนจะปล่อยให้ทหารกลับไปฝึกฝนตอนบ่ายต่อทันที
หลังทหารแยกย้ายกันไปฝึกแล้ว ซื่อหวนหลงสั่งให้รองแม่ทัพทั้งหลายไปดูการฝึกฝนตามหน้าที่ ส่วนแม่ทัพชายแดนนั้นก็ให้ไปตรวจตราทหารใหม่ทั้งหมดเพื่อไม่ให้มีคนกล้าออกนอกแถวก่อนการศึกที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วัน
ม่านหรูไม่คิดว่าแม่ทัพใหญ่หน้าละอ่อนจะสั่งลงโทษชาวบ้านพวกนั้น นางรู้ดีว่าพวกเขานิสัยอย่างไร การจะขัดเกลาพวกเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำ แต่แม่ทัพผู้นั้นกลับไม่สนใจว่าชาวบ้านอย่างพวกนางจะถูกลงโทษอย่างไร ทำให้ม่านหรูไม่ชอบแม่ทัพใหญ่หน้าละอ่อนคนนี้แม้แต่น้อย หมู่ที่นางเป็นหัวหน้าจะต้องรอดจากศึกใหญ่ครั้งนี้ให้ได้ ม่านหรูให้สัญญากับตัวเองว่าจะปกป้องทุกคน
7 วันต่อมา ทหารถูกสั่งรวมตัวที่ลานกว้างอีกครั้ง ก่อนหน้านี้แม่ทัพใหญ่นำกองทัพสามหมื่นคนไปต่อสู้กับทหารแคว้นเจิ้งที่ข้ามแดนมารุกรานแคว้นจ้าว ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทหารชายแดนร่วมต่อสู้กับทหารจากเมืองหลวง แต่ด้วยคำสั่งเดินทัพที่รอบคอบและทหารจากเมืองหลวงเก่งกาจสามารถ ทำให้ศึกครั้งนี้แคว้นจ้าวเอาชนะไปได้อย่างง่ายดาย ส่งผลให้ทหารแคว้นเจิ้งบาดเจ็บล้มตายไปมากกว่าครึ่ง
ซื่อหวนหลงใช้พลังลมปราณบอกข่าวดีกับเหล่าทหารทั้งหมด ก่อนที่จะสั่งให้ทหารแยกทัพออกตามหน้าที่ ซึ่งในกองทัพมีทัพม้า ทัพหน้า ทัพหลัง ทัพธนูและทหารที่ถือโล่คอยปกป้องทัพม้า จากนั้นแม่ทัพใหญ่สั่งการเดินทัพในทันที เขาไม่อยากเสียเวลากับการศึกครั้งนี้มากนัก จึงคิดที่จะตีกองทัพแคว้นเจิ้งให้สิ้นซากไปในคราวเดียว แผนการศึกมีกุนซือของเขาเป็นคนจัดการเอาไว้แล้ว
ม่านหรูกับหมู่ของนางรับหน้าที่ทัพหน้าร่วมกับหมู่ของทหารใหม่อีก 9 หมู่ ซึ่งนายกอง รองแม่ทัพและแม่ทัพเห็นว่าพวกเขามีฝีมือดีกว่าทหารใหม่หมู่อื่นจึงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้พวกเขาร่วมกับทัพใหญ่ของเมืองหลวงจำนวนสามหมื่นนายทำหน้าที่นี้ ก่อนรวมพล ม่านหรูสั่งน้องชายห้ามออกห่างจากนางเพื่อความปลอดภัย เพราะนางได้รับมีดบินที่ท่านปู่สั่งทำเป็นพิเศษมาเพียง 10 เล่มเท่านั้น นางจึงกลัวว่าจะไม่สามารถช่วยน้องได้ทันหากพวกเขาเพลี่ยงพล้ำ นางรู้ว่าดาบกระบี่ไร้นัยน์ตาจึงต้องป้องกันเอาไว้ดีกว่าแก้ไขทีหลัง
ติงอ้ายกับติงเอ้อได้แต่กลอกตามองบน พวกเขาต่างหากที่เป็นห่วงพี่ใหญ่ซึ่งเป็นผู้หญิงแล้วต้องมาออกรบแบบนี้ แน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้าขัดคำสั่งพี่ใหญ่ผู้ดุร้าย ไม่เช่นนั้นกลับไปพวกเขาคงถูกท่านปู่สั่งสอนแน่
กองทัพใหญ่หนึ่งแสนกว่าคนของแคว้นจ้าว เดินทัพไปถึงหน้าสนามรบติดกับชายแดนแคว้นเจิ้งในตอนเกือบเที่ยงวัน เนื่องจากคนจำนวนมากจึงทำให้การเดินทางล่าช้าเช่นนี้ ซื่อหวนหลงให้ทหารคนสนิทไปสืบข่าวแล้วว่ากองทัพเจิ้งยังไม่มีการเคลื่อนทัพในเร็ววันนี้หลังจากพ่ายศึกครั้งก่อนไปอย่างย่อยยับ เขาจึงคิดจะตีกองทัพแคว้นเจิ้งให้แตกพ่ายไปเสียในคราวเดียว
กองทัพเจิ้งที่ทหารรักษาหน้าด่านรีบขี่ม้าเร็วไปแจ้งทัพใหญ่ให้รีบมาต้านทัพของแคว้นจ้าวซึ่งกำลังเดินทางใกล้เข้ามาทุกที แม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งรีบสั่งการทหารให้เดินทัพทันที ตอนนี้กองทัพพวกเขาสูญเสียไพร่พลไปเกือบสองหมื่นคนในศึกครั้งที่ผ่านมา ทำให้จำนวนทหารทั้งหมดที่นำมาเหลือเพียงแปดหมื่นกว่าคน ทหารที่บาดเจ็บจากการศึกครั้งก่อนก็มีร่วมหมื่นคน กำลังทหารของพวกเขาที่ใช้การได้จึงมีเพียงเจ็ดหมื่นคนเท่านั้น แม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งรู้ดีว่าหากไม่ชนะในวันนี้ โอกาสที่จะเข้าตีแคว้นจ้าวคงไม่มีอีกแล้ว แคว้นพวกเขาซุ่มฝึกฝนทหารมาหลายสิบปีเพื่อทำศึก แต่ก็ไม่คิดว่ากองทัพแคว้นจ้าวเองก็แข็งแกร่งไม่น้อยเช่นกัน
แคว้นเจิ้งใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็มาปะทะกับทัพหน้าแคว้นจ้าวที่ข้ามผ่านชายแดนพวกเขาเกือบครึ่งทางแล้ว แม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งสั่งการให้ทัพหน้าเข้าไปต่อสู้ทันทีที่มาถึง ด้วยกลัวว่าแคว้นจ้าวจะข้ามแดนเข้าไปยังแคว้นเจิ้งได้ เขาจึงสั่งการและเข้าร่วมการต่อสู้อย่างดุเดือด
ซื่อหวนหลงเห็นแม่ทัพแคว้นเจิ้งอยู่ด้านหลังทัพหน้า เขาจึงสั่งการทัพหน้าให้เข้าตีฝ่านำทางไปก่อน เพื่อที่เขาจะได้เข้าไปจัดการกับแม่ทัพแคว้นเจิ้งก่อน การรบจึงจะมีโอกาสชนะ แน่นอนว่าแม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งก็คิดเช่นเดียวกัน เหล่าทหารทัพหน้าต่างวิ่งเข้าใส่กันอย่างไม่กลัวตาย ม่านหรูดูสัญญาณสั่งการจากนายกองก่อนจะใช้วิชาตัวเบาพาหมู่ของนางต่อสู้กับทัพหน้าศัตรูอย่างไม่กลัวเช่นกัน ถึงแม้ม่านหรูจะต้องจับดาบแทนกระบี่ แต่นางมีพลังปราณสูงกว่าน้อง ๆ การต่อสู้จึงไม่ยากนัก
หมู่ของม่านหรูตีฝ่าวงล้อมทหารแคว้นเจิ้งเข้าไปจนสามารถแหวกทางให้กับทัพเสริมเข้ามาได้ ยิ่งฝีมือการต่อสู้ที่รวดเร็วรุนแรงของนาง ทำให้ศัตรูบาดเจ็บล้มตายกลายเป็นทางให้นางเหยียบย่ำต่อสู้ต่อไป ซื่อหวนหลงเห็นทางที่เขาสามารถเข้าถึงตัวแม่ทัพแคว้นเจิ้งจากฝั่งของม่านหรู เขาจึงไสม้าไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว
สายวันต่อมา ขันทีผางนำป้ายพระราชทานพาโหวซื่อหลงกับโหวฮูหยินเดินทางไปยังจวนโหวที่ฝ่าบาทประทานให้ คนอื่น ๆ ต่างตามไปดูเช่นเดียวกัน พวกเขาที่อยากรู้ว่าจวนโหวที่ได้รับหน้าตาเป็นอย่างไรต่างเดินตามขบวนขันทีและทหารไปทิศเหนือใกล้กับวังหลวง กระทั่งขันทีผางสั่งทหารนำป้ายโหวซื่อหลงไปติดเอาไว้ที่หน้าประตูใหญ่ตรงหน้า ทุกคนจึงเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะจวนที่เห็นตอนนี้นั้นใหญ่โตยิ่งกว่าทุกจวนที่พวกเขาเคยเห็นมาเสียอีก“ท่านโหวขอรับ นี่เป็นกุญแจห้องทั้งหมดในจวนโหว ส่วนสิ่งของพระราชทานถูกส่งมาที่จวนตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วขอรับ เชิญท่านโหวกับโหวฮูหยินตรวจสอบตามรายการที่ข้าเขียนให้ในนี้ได้เลยขอรับ ใบรายการอีก 5 ใบนี้ เป็นของท่านติงกั๋วกง รองแม่ทัพแดนเหนือ ผู้ช่วยรองแม่ทัพแดนเหนือ รองแม่ทัพขั้น 3 และกุนซือขั้น 3 ขอรับ”ขันทีผางยื่นส่งใบรายการทั้งหมดให้พวกเขาทีละคน จากนั้นเขาและทหารที่เดินทางมาด้วยกันก็ขอลากลับวังไป ซื่อหวนหลงเปิดประตูใหญ่ออกข้างหนึ่ง ภายในมีพ่อบ้านยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาแนะนำชื่อตนเองและแนะนำบ่าวไพ
ก่อนถึงวันงานเลี้ยงหลังกลับจากเมืองชายแดนตะวันออก ม่านหรูสั่งบ่าวให้นำทางนางไปซื้อกวานเพื่อเตรียมงานสวมกวานให้ลูกชายในช่วงบ่ายวันนี้ ก่อนไปยังเมืองชายแดนม่านหรูนำตั๋วแลกเงินติดตัวมามากถึงหนึ่งหมื่นตำลึง ระหว่างทางพวกนางใช้จ่ายค่าเสบียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ม่านหรูมีเงินเหลืออยู่เก้าพันกว่าตำลึงบ่าวในจวนรองแม่ทัพพาม่านหรูไปร้านเครื่องประดับที่ดีที่สุดในเมืองหลวง ม่านหรูบอกเถ้าแก่ให้นำกวานที่ดีที่สุดมาให้นางเลือก ไม่นานนักนางก็ได้กวานทองสองอันที่มีลวดลายแตกต่างกัน อันหนึ่งนั้นเป็นลายเมฆมงคล ส่วนอีกอันเป็นลายใบไผ่ที่สวยสดใสเหมาะกับซื่อซีซวน ม่านหรูจ่ายค่ากวานไปเกือบสามพันตำลึง ก่อนจะชวนบ่าวกลับจวนเพื่อเตรียมพิธีสวมกวานต่อในช่วงบ่ายที่จวนรองแม่ทัพวันนี้ต่างครึกครื้นและเต็มไปด้วยความสุขหลังจากเจ้านายทั้งสองของจวนเสร็จสิ้นพิธีสวมกวาน เหล่าบ่าวไพร่ในจวนต่างได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงไม่เว้นแม้แต่คนเดียว พวกเขายิ่งรู้สึกซาบซึ้งมากขึ้นไปอีกที่นายท่านถึงอายุจะยังน้อยแต่กลับมีความคิดมากกว่าผู้ใหญ่เสียอ
กลางดึกคืนนั้น ม่านหรูแอบไปพบท่านปู่เพื่อบอกเรื่องที่สามีกับลูกนางกล่าวไว้เมื่อตอนเย็น ชางจ้าวหลงคิดสักพักก็เข้าใจดีว่าพวกเขาคงห่วงม่านหรูมากเกินไป“แล้วเจ้าจะแอบขึ้นเรือกับปู่หรือไม่เล่า ปู่ให้คนเตรียมเชื้อไฟเอาไว้ไม่น้อยแล้ว”“ข้าจะไปพร้อมท่านปู่กับหลาน ๆ เจ้าค่ะ แผนการของเราจะต้องพังเรือทั้งหมดนี่นา”“เช่นนั้นเจ้าให้คนเตรียมเชื้อไฟเอาไว้หรือยัง เราจะได้แอบเดินทางออกไปก่อน”“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะท่านปู่ ข้ายังเอาถุงทรายติดตัวไปด้วย เผื่อต้องใช้ในการต่อสู้”“อืม ดีที่เจ้ารอบคอบ ส่วนปู่นั้นสามารถใช้หยดน้ำแทนมีดบินได้ เอาล่ะ เราไปกันได้แล้วกระมัง เดี๋ยวจะเสียแผนเอา”ม่านหรูพยักหน้ารับคำชางจ้าวหลง ก่อนที่ทั้งสี่คนจะใช้วิชาตัวเบาไปยังหาดทรายที่เดิม เพียงแต่ครานี้กว่าที่ทุกคนจะหลบหลีกคนของกองทัพใหญ่ได้ก็เสียเวลาไม่น้อยเลยทีเดียวครึ่งชั่วยามต่อมา กองเรือโจรสลัดมาเ
สายวันต่อมา โจรสลัดขึ้นบกมาปล้นฆ่าชาวบ้านเหมือนทุกวัน ทหารที่เฝ้าอยู่รีบส่งคนไปแจ้งท่านแม่ทัพในจวน ก่อนที่ทหารทั้ง 19 คน จะต่อสู้กับโจรสลัดรอให้ทหารอีกจำนวนหนึ่งที่ลาดตระเวนอยู่ใกล้ ๆ มาช่วยพวกเขาไม่ถึงสองเค่อ กองทัพของหนิงจิ้งจิวก็พาทหารเข้าจัดการกลุ่มโจรสลัด โดยมีโจรสลัดบางส่วนวิ่งไปยังชายหาดเพื่อหลบหนีเช่นทุกครั้ง แต่ด้วยตอนนี้ทหารรู้ว่ากับดักถูกทำลายแล้ว พวกเขาจึงวิ่งตามอย่างเต็มกำลังจนสามารถจับกุมคนกลับมาได้ถึงสี่คนในคราวเดียว ส่วนโจรสลัดที่กำลังต่อสู้อยู่ก็ถูกฆ่าตายทั้งหมด นี่นับเป็นครั้งแรกที่กองทัพสามารถจับโจรสลัดกลับไปสอบสวนได้ เพียงแต่ภาษาที่พวกเขาพูดมานั้นไม่มีใครสามารถแปลออก พวกเขาจึงทำได้เพียงนำโจรไปกักขังไว้ก่อนแล้วลาดตระเวนรอบชายหาดต่อจนถึงตอนเย็นกลางดึกของวัน ชางจ้าวหลงกับม่านหรู ติงเฟิงหยางและติงเฟิงฮุยมาชายหาดเหมือนกับเมื่อคืนวาน เด็กทั้งสองอยากเรียนวิธีทำลายกับดัก ชางจ้าวหลงให้พวกเขาตามมาด้านหลังและไม่ให้พวกเขาวิ่งวุ่นวาย แต่เสียดายคืนนี้ไม่มีกับดักให้ทำลายเลยแม้แต่น้อยหลังจากที่ช
หลังจากงานศพของทั้งสองคหบดีใหญ่เมืองไห่หลงผ่านไปด้วยดี กว่าที่ซีฮันกับซีซวนจะรู้ข่าวก็สายไปเสียแล้ว พวกเขายังติดงานและไม่สามารถลาไปเคารพทวดที่หลุมฝังศพได้ ในจดหมายท่านพ่อสั่งให้พวกเขารอสิ้นปีจึงค่อยกลับไป ทั้งสองตอนนี้ทำได้เพียงสั่งทหารไปซื้อกระดาษเงินกระดาษทองกับธูปเทียนมาทำพิธีส่งวิญญาณท่านทวดของพวกเขาที่จวนเท่านั้นสองปีต่อมาซื่อหวนหลงได้รับพระราชโองการให้กลับไปเมืองหลวงเพื่อคุมทัพใหญ่ไปช่วยชายแดนตะวันออกซึ่งตอนนี้ถูกโจรสลัดเข้ามาปล้นฆ่าชาวบ้านกันเป็นว่าเล่น เขาจึงรีบสั่งการให้คนไปแจ้งทหารทั้ง 200 นายเตรียมตัวออกเดินทางทันที ม่านหรูอยากไปกับเขาแต่นางรู้ดีว่าครั้งนี้คงไม่สามารถฝ่าฝืนกฎทหารได้อีก นอกจากฝ่าบาทจะส่งราชโองการมาอีกฉบับเพื่อให้นางช่วยเหลือการศึกในครั้งนี้ก่อนออกเดินทาง ซื่อหวนหลงยังสั่งภรรยารักว่าให้ดูแลจวนกับลูกให้ดี เขาจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุดหลังเสร็จงาน ม่านหรูได้แต่พยักหน้ารับคำสามีด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก นางรู้สึกว่าการศึกครั้งนี้ไม่น่า
ม่านหรูเชิญให้ท่านปู่นั่งที่นั่งประธานของบ้าน ส่วนนางกับสามีนั่งลงอีกข้างหนึ่งของห้องโถงใหญ่พร้อมลูกสาว อีกด้านเป็นติงกวน เสี่ยวชิงกับหลาน ๆ นั่งด้วยกัน พวกเขาต่างทักทายกันเสียงจอแจ ก่อนที่ฮวยหลิวจะชวนลูกพี่ลูกน้องออกไปเล่นที่สวนด้านหลังและปล่อยให้พวกผู้ใหญ่คุยกัน“ท่านปู่สบายดีไหมเจ้าคะ ในจดหมายน้องรองบอกว่าท่านยังคอยสอนวรยุทธเด็ก ๆ จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ข้ากับน้องเป็นห่วงท่านนะเจ้าคะ”“เพ้ย! เจ้าจะฟังเด็กสองคนนั้นทำไมกัน ข้าออกจะแข็งแรงอย่างกับอะไรดี มีแต่พ่อแม่เจ้านั่นแหละที่ช่วงนี้ป่วยออด ๆ แอด ๆ น่ะ เจ้าห่วงพวกเขาจะดีกว่า ฮึ!”ชางจ้าวหลงสะบัดหน้าหนีอย่างงอนๆ หลานสาวคนนี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขานั้นแข็งแรงยิ่งกว่าพวกนางเสียอีก ม่านหรูเห็นอาการของท่านปู่ก็ได้แต่ถอนหายใจ“ข้ารู้เจ้าค่ะท่านปู่ แต่อย่างน้อยท่านก็ควรจะพักผ่อนตามวัยบ้าง ส่วนท่านพ่อท่านแม่มีน้องรองกับน้องสามคอยดูแล ข้าจึงไม่ได้ห่วงอะไรมากนัก อย่างไรพวกท่านก็ไม่มีวรยุทธ การที่จะเจ็บ