หนึ่งเดือนต่อมา ทหารมาที่หมู่บ้านเพื่อคัดเลือกเด็กหนุ่มเข้าไปเป็นทหารให้ทางการ เพราะตอนนี้แคว้นเจิ้งรุกรานแคว้นจ้าวจนชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่ว ชาวบ้านที่มีลูกชายจำเป็นต้องส่งลูกให้เหล่าทหารทั้งน้ำตา พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านแล้วจะไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้ แต่ทหารที่มากลับบอกว่าพวกเขาจะฝึกฝนคนเหล่านี้ก่อนเข้าสู่สนามรบในอีก 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากต้องรอทัพใหญ่จากเมืองหลวงซึ่งกำลังเดินทางมาถึงชายแดนเสียก่อนจึงจะร่วมทัพกัน
ม่านหรูพอรู้ว่าน้อง ๆ ต้องไปเป็นทหารก็นึกเป็นห่วง นางแอบตามน้องไปเข้าขบวนกับเหล่าทหารด้วย ก่อนไปนางบอกท่านปู่เอาไว้แล้วว่าจะพาน้องกลับมาได้อย่างแน่นอน ชางจ้าวหลงที่สอนสั่งม่านหรูมาตลอด 10 ปีรู้ดีว่าหลานสาวเก่งกาจกว่าน้องชายทั้งสองมากนัก ไม่ว่าจะเรื่องความคิดรอบคอบหรือความหัวไวของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร เขาจึงได้แต่จำใจส่งหลานสาวไปพร้อมมีดบินที่เขาสั่งทำเอาไว้เมื่อหลายปีก่อนให้นางติดตัวไปด้วย
กว่าที่เสี่ยวชิงกับติงกวนจะรู้ว่าลูกสาวแอบตามน้องไปก็สายเกินไปเสียแล้ว หากพวกเขาไปนำตัวม่านหรูกลับมา นางอาจจะถูกลงโทษฐานเข้าร่วมโดยพละการ พวกเขาจึงไม่กล้าวู่วามและได้แต่รอคอยตามที่ท่านพ่อบุญธรรมบอกเท่านั้น
“พวกเจ้าอย่ากังวลไปเลย ม่านหรูฉลาดกว่าน้อง ๆ มาก ข้ามั่นใจว่าหลานสาวข้าจะพาพวกเขากลับมาอย่างปลอดภัย ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่ปล่อยนางไปแต่แรก”
“เฮ้อ ข้าทราบแล้วขอรับท่านพ่อ ข้ากับเสี่ยวชิงจะรอลูก ๆ ที่นี่พร้อมท่านขอรับ”
“เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ใช่ว่าพ่อไม่ห่วงหลาน ๆ เพียงแต่พวกเขาโตแล้ว การรับใช้ทางการยังสามารถเป็นใบผ่านทางให้พวกเขามีตำแหน่งทางการได้ด้วย หากในอนาคตพวกเขาทำสำเร็จ พวกเราก็จะพลอยสบายไปด้วยและไม่ต้องอยู่ที่หมู่บ้านนี้อีกต่อไป พ่ออยากให้พวกเจ้านึกถึงอนาคตของพวกเขาให้มาก ๆ”
ติงกวนกับเสี่ยวชิงมองหน้ากันอย่างคาดไม่ถึง พวกเขาไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนถ้าท่านพ่อไม่บอก ที่แท้ท่านพ่อบุญธรรมของพวกเขาก็คิดไปไกลถึงอนาคตของลูก ๆ มากกว่าพวกเขาที่เป็นพ่อแม่เสียอีก ทั้งสามนั่งคุยกันหลังอาหารเย็นสักพักก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน
ชางจ้าวหลงกลับไปที่เรือนเล็กของตัวเองพร้อมกับขอร้องให้สวรรค์เมตตาหลาน ๆ ของเขา เขารู้ดีว่าการศึกครั้งนี้ไม่ง่ายนัก แคว้นเจิ้งที่ไม่เคยรุกรานแคว้นจ้าวมานานหลายสิบปี จู่ ๆ จะคิดตีเอาแคว้นจ้าวในตอนนี้ได้อย่างไร อย่างน้อยแคว้นเจิ้งต้องมีไม้เด็ดที่คิดว่าจะตีแคว้นจ้าวได้อย่างแน่นอน พวกเขาจึงเลือกที่จะเข้ามารุกรานชายแดนในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ความจริงเขาเองก็อยากไปช่วยหลาน ๆ เพียงแต่ม่านหรูเป็นห่วงพ่อกับแม่ นางจึงขอให้เขาอยู่ดูแลลูกบุญธรรมที่นี่ เขาผู้เป็นปู่มีหรือจะอยากขัดใจนาง ตอนนี้เขาจึงได้แต่คิดเป็นห่วงหลาน ๆ ได้เท่านั้น
ม่านหรูที่แอบเข้าไปในกองทัพตามหาน้องชายไม่นานก็เจอกัน นางที่ตัวสูงมากกว่าผู้หญิงทั่วไปมากแล้ว แต่กลับเตี้ยกว่าน้องชายและทหารคนอื่นถึงหนึ่งช่วงศรีษะ ทำให้ดูเป็นคนตัวเล็กและบอบบางมากกว่าชายหนุ่มคนอื่น ติงอ้ายกับติงเอ้อไม่คิดว่าพี่สาวจะตามมา พวกเขาได้รับทราบกฎของกองทัพรู้ดีว่าหากพี่ใหญ่ถูกเปิดโปง พวกเขาทั้งสามจะต้องถูกทางการลงโทษอย่างหนักแน่
“พี่ใหญ่เหตุใดท่านจึงมาที่นี่ ท่านไม่กลัวท่านแม่จะกังวลจนตายหรือ” ติงอ้ายกระซิบถามพี่สาวที่เดินระหว่างเขากับน้องชาย
“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอกน่า ข้าบอกท่านปู่เอาไว้แล้ว” ม่านหรูตอบกลับสายตาดุร้ายไม่น้อย นางใช่ว่าจะไม่กลัวถูกจับได้ นางจึงแสดงท่าทางเหมือนผู้ชายมากที่สุดระหว่างเดินทางไปที่ค่ายทหารชายแดนร่วมกับกลุ่มชายหนุ่มที่ถูกเกณฑ์มา
ติงอ้ายกับติงเอ้อพอรู้ว่านางบอกท่านปู่แล้ว พวกเขาจึงเลิกพูดคุยกันระหว่างที่กำลังเดินทาง เพราะกลัวว่านายกองจะทำโทษพวกเขาที่เสียงดัง
กว่ากองทหารจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ก็ใช้เวลาเกือบ 2 สัปดาห์ พวกเขาที่ไปรายงานแม่ทัพชายแดนกับรองแม่ทัพถึงจำนวนทหารเกณฑ์ในระหว่างหยุดพักข้างทางไปยังค่ายชายแดน เดินกลับมาแจ้งข่าวกลุ่มทหารใหม่ว่ากองทัพใหญ่กำลังมาและจะถึงชายแดนในอีกไม่ถึงสองเดือน ซึ่งเร็วกว่าหมายกำหนดการก่อนหน้านี้ พวกเขาที่ถูกเกณฑ์มาต้องเรียนรู้กฎเกณฑ์ต่าง ๆ และฝึกฝนร่างกายไปด้วยจนกว่าจะเดินทางถึงค่ายชายแดนในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
สามพี่น้องอยู่ร่วมกองเดียวกันตั้งใจเรียนรู้กฎเกณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงการฝึกฝนร่างกายที่ง่ายแสนง่ายสำหรับพวกเขาที่ฝึกวรยุทธมาตั้งแต่เด็ก นายกองเห็นพวกเขาหน่วยก้านดีและดูมีความรู้มากกว่าทหารใหม่คนอื่นก็พอใจไม่น้อย ทหารใหม่คนอื่นที่เข้าร่วมกองทัพส่วนมากต่างหมดอาลัยตายอยากเวลาฝึกซ้อม แตกต่างกับเด็กทั้งสามคนที่เขาเห็นอยู่นี้ที่มีรอยยิ้มตลอดการฝึกฝน
หนึ่งเดือนต่อมา กองทัพเล็กของพวกเขาไปถึงค่ายชายแดนตามกำหนดการและอีกไม่นานทัพใหญ่ก็จะมาถึงแล้ว ทหารที่รักษาชายแดนระหว่างที่พวกเขาไปหาทหารใหม่ต่างบาดเจ็บไม่น้อย เพราะทหารแคว้นเจิ้งคอยบุกจู่โจมเป็นระยะ ๆ ทำให้กองกำลังทหารที่เฝ้าชายแดนซึ่งมีคนเพียงหนึ่งหมื่นคนแทบจะรักษาค่ายเอาไว้ไม่ได้ โชคดีที่คราวนี้พวกเขาตัดสินใจไปเกณฑ์ทหารตามเมืองใกล้ชายแดนมาเพิ่มอีกกว่าสามหมื่นคน รวมกับทัพใหญ่นับแสนที่กำลังเดินทางมา ครั้งนี้พวกเขาคิดว่าจะรักษาชายแดนเอาไว้ได้และกำหราบทหารแคว้นเจิ้งได้อย่างแน่นอน
สองสัปดาห์ต่อมา กองทัพใหญ่ที่มีแม่ทัพหนุ่มนามซื่อหวนหลง เดินทางมาถึงค่ายชายแดนตรงเวลาหลังจากส่งม้าเร็วมาก่อนหน้านี้หนึ่งวัน ซื่อหวนหลงเข้ารับหน้าที่แม่ทัพใหญ่แทนแม่ทัพชายแดนทันทีที่มาถึง เขาสั่งทหารระดับแม่ทัพนายกองให้ไปรายงานสถานการณ์โดยไม่พักผ่อนแม้แต่นิดเดียว กุนซือและรองแม่ทัพที่ร่วมทางมาต่างเข้าฟังด้วยเช่นกันในกระโจมของแม่ทัพใหญ่ครั้งนี้
เหล่าทหารที่มาถึงพร้อมกองทัพใหญ่ต่างออกไปหาไม้มาสร้างกระโจมของตนเองอย่างรู้หน้าที่ ทหารในค่ายชายแดนทั้งเก่าใหม่มองความเป็นระเบียบเรียบร้อยของกองทัพใหญ่อย่างไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้ทุกคนคาดหวังว่าจะชนะศึกแน่นอนเมื่อได้พบเหล่าทหารที่มาจากเมืองหลวงทั้งแปดหมื่นคน
กว่าที่กระโจมแม่ทัพใหญ่จะปล่อยคนออกมาก็เป็นรุ่งเช้าของอีกวัน พวกเขารีบแยกย้ายกันไปพักผ่อนก่อนที่ช่วงบ่ายจะออกไปสั่งการรวมทหารทั้งค่ายเพื่อรับคำสั่งจากแม่ทัพใหญ่ที่ได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ในเรื่องการศึกครั้งนี้
ช่วงเช้าเหล่าทหารใหม่ที่ยังต้องฝึกฝนร่างกายต่างออกมาวิ่งรอบค่ายเหมือนทุกวันตั้งแต่พวกเขามาถึงค่ายนี้เมื่อเกือบสองเดือนที่แล้ว ในกองของม่านหรูกับน้องมีนางเป็นหัวหน้าหมู่วิ่งนำทหารอีก 9 นายวิ่งอยู่ คราแรกก่อนที่ม่านหรูจะได้ตำแหน่ง มีพวกที่อิจฉานางซึ่งตัวเล็กบางกว่าพวกเขามากคัดค้านกับนายกอง แต่หลังประลองฝีมือกับเหล่าคนที่คัดค้านจนพวกเขาล้มไปกองกับพื้นกันหมด พวกเขาจึงไม่มีใครกล้าที่จะลองดีกับม่านหรูอีก
หลังอาหารเที่ยง นายกองทั้งหมดเรียกรวมพลที่ลานกลางค่ายเพื่อรอฟังคำสั่งของแม่ทัพใหญ่ตามหมายกำหนดการ แม่ทัพชายแดน รองแม่ทัพ กุนซือและผู้ติดตามต่างไปรอที่เวทีใหญ่ก่อนหน้าเวลานัดหมายไม่นาน
ทัพใหญ่ใช้เวลารวมตัวไม่ถึงสองเค่อ ส่วนทหารใหม่ใช้เวลารวมตัวเกือบถึงสามเค่อเลยทีเดียว ยกเว้นหมู่ของม่านหรูที่จัดแถวเสร็จตั้งแต่ยังไม่ถึงหนึ่งเค่อหลังได้รับคำสั่งรวมตัว
ซื่อหวนหลงรู้ว่าทหารใหม่ยังไร้ระเบียบวินัยแต่ไม่คิดว่าจะเป็นขนาดนี้ เขาที่เห็นความวุ่นวายด้านหลังยังไม่จบไม่สิ้นทั้งที่เวลาล่วงเลยมากว่าสามเค่อแล้ว คนบนเวทีเห็นแม่ทัพใหญ่หน้าตาบูดบึ้งด้วยความไม่พอใจก็ได้แต่ไว้อาลัยให้ทหารใหม่
“ทุกคนหยุดอยู่กับที่!!!” ซื่อหวนหลงเปล่งเสียงจากลมปราณที่แข็งแกร่งออกมา
ทหารใหม่ที่ยังวุ่นวายหาหมู่ของตัวเองไม่เจอต่างหยุดนิ่งอยู่กับที่ตามคำสั่งซึ่งก้องกังวานไปทั่วทั้งลานรวมพล พวกที่ยังไม่เข้าที่มีเกือบหนึ่งร้อยคน ได้แต่ยืนตัวสั่นหลังจากได้ยินเสียงอันดังและเย็นชาของแม่ทัพใหญ่ที่พวกเขาเห็นว่าเป็นแค่ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน ทหารใหม่ที่มีอายุมากกว่าคนอื่นจึงทำตัวไร้ระเบียบเช่นนี้ ซื่อหวนหลงจ้องมองทหารที่ยังไม่เข้าแถวทั้งหมดอย่างดุร้าย ก่อนสั่งให้นายกองพาตัวทั้งหมดมายังหน้าเวที
สายวันต่อมา ขันทีผางนำป้ายพระราชทานพาโหวซื่อหลงกับโหวฮูหยินเดินทางไปยังจวนโหวที่ฝ่าบาทประทานให้ คนอื่น ๆ ต่างตามไปดูเช่นเดียวกัน พวกเขาที่อยากรู้ว่าจวนโหวที่ได้รับหน้าตาเป็นอย่างไรต่างเดินตามขบวนขันทีและทหารไปทิศเหนือใกล้กับวังหลวง กระทั่งขันทีผางสั่งทหารนำป้ายโหวซื่อหลงไปติดเอาไว้ที่หน้าประตูใหญ่ตรงหน้า ทุกคนจึงเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะจวนที่เห็นตอนนี้นั้นใหญ่โตยิ่งกว่าทุกจวนที่พวกเขาเคยเห็นมาเสียอีก“ท่านโหวขอรับ นี่เป็นกุญแจห้องทั้งหมดในจวนโหว ส่วนสิ่งของพระราชทานถูกส่งมาที่จวนตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วขอรับ เชิญท่านโหวกับโหวฮูหยินตรวจสอบตามรายการที่ข้าเขียนให้ในนี้ได้เลยขอรับ ใบรายการอีก 5 ใบนี้ เป็นของท่านติงกั๋วกง รองแม่ทัพแดนเหนือ ผู้ช่วยรองแม่ทัพแดนเหนือ รองแม่ทัพขั้น 3 และกุนซือขั้น 3 ขอรับ”ขันทีผางยื่นส่งใบรายการทั้งหมดให้พวกเขาทีละคน จากนั้นเขาและทหารที่เดินทางมาด้วยกันก็ขอลากลับวังไป ซื่อหวนหลงเปิดประตูใหญ่ออกข้างหนึ่ง ภายในมีพ่อบ้านยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาแนะนำชื่อตนเองและแนะนำบ่าวไพ
ก่อนถึงวันงานเลี้ยงหลังกลับจากเมืองชายแดนตะวันออก ม่านหรูสั่งบ่าวให้นำทางนางไปซื้อกวานเพื่อเตรียมงานสวมกวานให้ลูกชายในช่วงบ่ายวันนี้ ก่อนไปยังเมืองชายแดนม่านหรูนำตั๋วแลกเงินติดตัวมามากถึงหนึ่งหมื่นตำลึง ระหว่างทางพวกนางใช้จ่ายค่าเสบียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ม่านหรูมีเงินเหลืออยู่เก้าพันกว่าตำลึงบ่าวในจวนรองแม่ทัพพาม่านหรูไปร้านเครื่องประดับที่ดีที่สุดในเมืองหลวง ม่านหรูบอกเถ้าแก่ให้นำกวานที่ดีที่สุดมาให้นางเลือก ไม่นานนักนางก็ได้กวานทองสองอันที่มีลวดลายแตกต่างกัน อันหนึ่งนั้นเป็นลายเมฆมงคล ส่วนอีกอันเป็นลายใบไผ่ที่สวยสดใสเหมาะกับซื่อซีซวน ม่านหรูจ่ายค่ากวานไปเกือบสามพันตำลึง ก่อนจะชวนบ่าวกลับจวนเพื่อเตรียมพิธีสวมกวานต่อในช่วงบ่ายที่จวนรองแม่ทัพวันนี้ต่างครึกครื้นและเต็มไปด้วยความสุขหลังจากเจ้านายทั้งสองของจวนเสร็จสิ้นพิธีสวมกวาน เหล่าบ่าวไพร่ในจวนต่างได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงไม่เว้นแม้แต่คนเดียว พวกเขายิ่งรู้สึกซาบซึ้งมากขึ้นไปอีกที่นายท่านถึงอายุจะยังน้อยแต่กลับมีความคิดมากกว่าผู้ใหญ่เสียอ
กลางดึกคืนนั้น ม่านหรูแอบไปพบท่านปู่เพื่อบอกเรื่องที่สามีกับลูกนางกล่าวไว้เมื่อตอนเย็น ชางจ้าวหลงคิดสักพักก็เข้าใจดีว่าพวกเขาคงห่วงม่านหรูมากเกินไป“แล้วเจ้าจะแอบขึ้นเรือกับปู่หรือไม่เล่า ปู่ให้คนเตรียมเชื้อไฟเอาไว้ไม่น้อยแล้ว”“ข้าจะไปพร้อมท่านปู่กับหลาน ๆ เจ้าค่ะ แผนการของเราจะต้องพังเรือทั้งหมดนี่นา”“เช่นนั้นเจ้าให้คนเตรียมเชื้อไฟเอาไว้หรือยัง เราจะได้แอบเดินทางออกไปก่อน”“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะท่านปู่ ข้ายังเอาถุงทรายติดตัวไปด้วย เผื่อต้องใช้ในการต่อสู้”“อืม ดีที่เจ้ารอบคอบ ส่วนปู่นั้นสามารถใช้หยดน้ำแทนมีดบินได้ เอาล่ะ เราไปกันได้แล้วกระมัง เดี๋ยวจะเสียแผนเอา”ม่านหรูพยักหน้ารับคำชางจ้าวหลง ก่อนที่ทั้งสี่คนจะใช้วิชาตัวเบาไปยังหาดทรายที่เดิม เพียงแต่ครานี้กว่าที่ทุกคนจะหลบหลีกคนของกองทัพใหญ่ได้ก็เสียเวลาไม่น้อยเลยทีเดียวครึ่งชั่วยามต่อมา กองเรือโจรสลัดมาเ
สายวันต่อมา โจรสลัดขึ้นบกมาปล้นฆ่าชาวบ้านเหมือนทุกวัน ทหารที่เฝ้าอยู่รีบส่งคนไปแจ้งท่านแม่ทัพในจวน ก่อนที่ทหารทั้ง 19 คน จะต่อสู้กับโจรสลัดรอให้ทหารอีกจำนวนหนึ่งที่ลาดตระเวนอยู่ใกล้ ๆ มาช่วยพวกเขาไม่ถึงสองเค่อ กองทัพของหนิงจิ้งจิวก็พาทหารเข้าจัดการกลุ่มโจรสลัด โดยมีโจรสลัดบางส่วนวิ่งไปยังชายหาดเพื่อหลบหนีเช่นทุกครั้ง แต่ด้วยตอนนี้ทหารรู้ว่ากับดักถูกทำลายแล้ว พวกเขาจึงวิ่งตามอย่างเต็มกำลังจนสามารถจับกุมคนกลับมาได้ถึงสี่คนในคราวเดียว ส่วนโจรสลัดที่กำลังต่อสู้อยู่ก็ถูกฆ่าตายทั้งหมด นี่นับเป็นครั้งแรกที่กองทัพสามารถจับโจรสลัดกลับไปสอบสวนได้ เพียงแต่ภาษาที่พวกเขาพูดมานั้นไม่มีใครสามารถแปลออก พวกเขาจึงทำได้เพียงนำโจรไปกักขังไว้ก่อนแล้วลาดตระเวนรอบชายหาดต่อจนถึงตอนเย็นกลางดึกของวัน ชางจ้าวหลงกับม่านหรู ติงเฟิงหยางและติงเฟิงฮุยมาชายหาดเหมือนกับเมื่อคืนวาน เด็กทั้งสองอยากเรียนวิธีทำลายกับดัก ชางจ้าวหลงให้พวกเขาตามมาด้านหลังและไม่ให้พวกเขาวิ่งวุ่นวาย แต่เสียดายคืนนี้ไม่มีกับดักให้ทำลายเลยแม้แต่น้อยหลังจากที่ช
หลังจากงานศพของทั้งสองคหบดีใหญ่เมืองไห่หลงผ่านไปด้วยดี กว่าที่ซีฮันกับซีซวนจะรู้ข่าวก็สายไปเสียแล้ว พวกเขายังติดงานและไม่สามารถลาไปเคารพทวดที่หลุมฝังศพได้ ในจดหมายท่านพ่อสั่งให้พวกเขารอสิ้นปีจึงค่อยกลับไป ทั้งสองตอนนี้ทำได้เพียงสั่งทหารไปซื้อกระดาษเงินกระดาษทองกับธูปเทียนมาทำพิธีส่งวิญญาณท่านทวดของพวกเขาที่จวนเท่านั้นสองปีต่อมาซื่อหวนหลงได้รับพระราชโองการให้กลับไปเมืองหลวงเพื่อคุมทัพใหญ่ไปช่วยชายแดนตะวันออกซึ่งตอนนี้ถูกโจรสลัดเข้ามาปล้นฆ่าชาวบ้านกันเป็นว่าเล่น เขาจึงรีบสั่งการให้คนไปแจ้งทหารทั้ง 200 นายเตรียมตัวออกเดินทางทันที ม่านหรูอยากไปกับเขาแต่นางรู้ดีว่าครั้งนี้คงไม่สามารถฝ่าฝืนกฎทหารได้อีก นอกจากฝ่าบาทจะส่งราชโองการมาอีกฉบับเพื่อให้นางช่วยเหลือการศึกในครั้งนี้ก่อนออกเดินทาง ซื่อหวนหลงยังสั่งภรรยารักว่าให้ดูแลจวนกับลูกให้ดี เขาจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุดหลังเสร็จงาน ม่านหรูได้แต่พยักหน้ารับคำสามีด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก นางรู้สึกว่าการศึกครั้งนี้ไม่น่า
ม่านหรูเชิญให้ท่านปู่นั่งที่นั่งประธานของบ้าน ส่วนนางกับสามีนั่งลงอีกข้างหนึ่งของห้องโถงใหญ่พร้อมลูกสาว อีกด้านเป็นติงกวน เสี่ยวชิงกับหลาน ๆ นั่งด้วยกัน พวกเขาต่างทักทายกันเสียงจอแจ ก่อนที่ฮวยหลิวจะชวนลูกพี่ลูกน้องออกไปเล่นที่สวนด้านหลังและปล่อยให้พวกผู้ใหญ่คุยกัน“ท่านปู่สบายดีไหมเจ้าคะ ในจดหมายน้องรองบอกว่าท่านยังคอยสอนวรยุทธเด็ก ๆ จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ข้ากับน้องเป็นห่วงท่านนะเจ้าคะ”“เพ้ย! เจ้าจะฟังเด็กสองคนนั้นทำไมกัน ข้าออกจะแข็งแรงอย่างกับอะไรดี มีแต่พ่อแม่เจ้านั่นแหละที่ช่วงนี้ป่วยออด ๆ แอด ๆ น่ะ เจ้าห่วงพวกเขาจะดีกว่า ฮึ!”ชางจ้าวหลงสะบัดหน้าหนีอย่างงอนๆ หลานสาวคนนี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขานั้นแข็งแรงยิ่งกว่าพวกนางเสียอีก ม่านหรูเห็นอาการของท่านปู่ก็ได้แต่ถอนหายใจ“ข้ารู้เจ้าค่ะท่านปู่ แต่อย่างน้อยท่านก็ควรจะพักผ่อนตามวัยบ้าง ส่วนท่านพ่อท่านแม่มีน้องรองกับน้องสามคอยดูแล ข้าจึงไม่ได้ห่วงอะไรมากนัก อย่างไรพวกท่านก็ไม่มีวรยุทธ การที่จะเจ็บ