LOGINสตรีไร้ยางอาย ข้านั้นก็เคยพบพานอยู่บ้าง แต่สตรีที่คิดขึ้นควบขี่บุรุษ ทั่วผืนแผ่นดินนี้ คงมีแต่เจ้าที่กล้ากระทำ ซูกุ้ยฟาง!!
View Moreบทนำ
ณ เมือง ไคหนานอันสงบร่มเย็น เมืองเล็กๆ ติดชายแดนของแคว้นเจ้า
รถม้าคันใหญ่วิ่งฝ่าสายหมอกหนาทึบ เช้านี้คือวันสำคัญของเมืองไคหนาน ด้วยเป็นเทศกาลบ๊ะจ่างซึ่งจัดขึ้นประจำทุกปีในวันที่ห้าเดือนห้า เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของขุนนางและบัณฑิตที่เสียสละชีวิตเพื่อชาติบ้านเมือง
อากาศนั้นเย็นสบาย มีสายลมพัดผ่านอยู่ตลอด ผู้ที่อยู่ด้านในรถม้าคันใหญ่จึงได้กลิ่นอาหารและขนมสำหรับไหว้ในเทศกาลดังกล่าวลอยอวลมาจากบ้านเรือนที่รถม้าวิ่งผ่าน
ซูกุ้ยฟางอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นตลอดการเดินทาง ร่างกายนางอ่อนเพลียจัด กระนั้นหูยังแว่วได้ยินเสียงฝูสาวใช้กระซิบกระซาบบอกสิ่งต่างๆ แก่หญิงงามที่ระหกระเหินมาจากเมืองหลวง
อันที่จริงซูกุ้ยฟางมิได้เต็มใจมาที่นี่ แต่เนื่องด้วยเป็นคำสั่งบิดาผู้ชี้ขาดชะตานาง คุณหนูผู้สูงศักดิ์จึงต้องกระทำตาม แต่นางยังมีไหวพริบพอ ด้วยลอบให้ฝูส่งจดหมายถึงบุรุษผู้หนึ่งเพื่อขอให้เขามาช่วยเหลือ
จวบจนชีวิตปลอดภัยจากคนมุ่งร้าย นางฝูจึงกระซิบกระซาบบอกซูกุ้ยฟาง
“คุณหนู เรารอดตายแล้วเจ้าค่ะ ผิดแต่ผู้ที่ช่วยเรากลับเป็นแม่ทัพหยางอี้คัง มิใช่องค์ชายเกาอย่างที่คาดการณ์ กระนั้นคุณหนูมิต้องกังวลใจ แม้ชายผู้นี้ร้ายกาจ อีกทั้งมีท่าทางยโสโอหังและปากเสียอยู่สักหน่อย แต่ภายภาคหน้าเขาจะช่วยเราได้ อีกทั้งตามคำทำนายของหมอดูตาบอดที่กล่าวเอาไว้ บ่าวจำได้ว่าปั้นปลายชีวิตคุณหนูจะได้เป็นฮูหยินใหญ่ของชายชาตินักรบ เมื่อตบแต่งกันแล้วคุณหนูจะให้กำเนิดลูกชายหัวปีท้ายปี อยู่ครองรักกับชายที่คู่ควรอย่างมีความสุขชั่วชีวิต”
หญิงสาวไม่ได้เอ่ยถ้อยคำใดตอบกลับ หรือแสดงอาการยินดียินร้าย ซูกุ้ยฟางปวดศีรษะจนแทบระเบิด ขณะอยู่ในรถม้ามีโจรโพกผ้าดำหลายสิบชีวิตหวังจะชิงตัวนาง เนื่องจากซูกุ้ยฟางถูกส่งตัวมาขายยังตลาดค้ามนุษย์ที่เปิดขึ้นอย่างเสรี ผิดแต่ค่าตัวนางต่ำเตี่ยเรี่ยดินจนน่าฉงน ด้วยมีราคาเทียบเท่ากับบ๊ะจ่างหนึ่งลูก!
สาเหตุเป็นเพราะนางไม่เป็นที่โปรดปรานของชาย ซึ่งบิดาต้องการยกให้เพื่อชดใช้หนี้พนันหลายแสนตำลึง ฝ่ายนั้นต้องการแก้แค้นสกุลซูให้สาสมกับโทษฐานที่กล้าหลอกลวงสับเปลี่ยนของกำนัล จากเคยตกลงกันไว้ว่าคนที่ต้องเดินทางไปยังคฤหาสน์เจ้าบ้านเอี้ยคือลูกชายคนโต ซูมู่เหยา แต่กลับกลายเป็นส่งลูกสาวคนเล็กอย่างซูกุ้ยฟางมาแทน ถึงนางจะงามล่มเมืองหาผู้ใดเทียบ แต่เจ้าบ้านเอี้ยเติ้งฉวนมิได้แยแสสักนิด ด้วยเขาหาได้นิยมชมชอบสตรี!
เมื่อเจ้าบ้านเอี้ยสืบรู้ว่าผู้ใดอยู่ในรถม้า จึงสั่งให้ลูกน้องจับตัวซูกุ้ยฟางและนางฝูไปขายยังตลาด พร้อมให้สวมใส่ชุดเจ้าสาวสีแดงเพลิงงดงาม ประดับเนื้อตัวด้วยเครื่องทองปลอมและปิ่นปักไม้ราคาถูก อีกทั้งเขียนข้อความเหยียดหยามว่าตระกูลซูขายลูกสาวกิน
เมื่อซูกุ้ยฟางถูกจับไปอยู่ในลานซื้อขายทางตอนใต้ของเมืองไคหนาน จึงมีทั้งตัวแทนจากหอคณิกาและชายหนุ่มมากหน้าหลายตาต้องการตัวนาง แม้กระทั่งขอทานยังพยายามรวมรวบเศษเงินเพื่อซื้อหญิงสาว จนก่อเกิดเหตุชุลมุนหวิดเหยียบกันตาย
ซึ่งสุดท้ายชายที่ช่วยให้หญิงงามรอดพ้นจากการตกไปเป็นภรรยาของเหล่าชายหื่นกามและกักขฬะก็คือแม่ทัพหยาง ซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้รับความดีความชอบในการชนะศึกสงครามหลายหนทั่วแผ่นดินกว้างใหญ่ และเขาขอรับรางวัลด้วยการใช้ชีวิตอย่างสันโดษที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้ ฮ่องเต้จึงประทานรางวัลให้ตามความต้องการ
กระนั้นยามใดที่บ้านเมืองมีเหตุร้าย หรือเมืองชายแดนมีศึกสำคัญ แม่ทัพหนุ่มก็ได้รับความไว้วางใจให้จัดการปัญหาต่างๆ อยู่เนืองๆ
หยางอี้คังเป็นบุรุษที่งามสง่าสมชายชาตรี เขามีผิวสีน้ำผึ้งเข้ม ผู้ใดพบเห็นต่างนิยมชมชอบ ผิดแต่เขามีอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย ค่อนข้างถือตัว ดังนั้นตั้งแต่มาพำนักที่เรือนรับรองตระกูลหยางในเมืองไคหนาน จึงยังไม่มีหญิงสาวนางใดได้รับตำแหน่งฮูหยิน หรือแม้แต่เมียบ่าว กระนั้นก็มีข่าวซุบซิบว่าชายหนุ่มมักไปสำนักโคมเขียวในยามวิกาล เพื่อปลดปล่อยความหนุ่มแน่นอยู่เสมอ
เมื่อหยางอี้คังซื้อตัวซูกุ้ยฟางสำเร็จ เขาจึงลงนามทำหนังสือครอบครองนาง เป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน และตามข้อตกลง หลังจากครบกำหนด หากอยากขายต่อหรือส่งไปเป็นทาสใช้งานหรือบำเรอกามที่ใดก็ตามแต่ผู้ที่ซื้อขายนางพึงประสงค์
แต่สัจจะย่อมไม่มีในหมู่โจร เมื่อซูกุ้ยฟางมีค่าตัวถูกแสนถูก จึงเกิดการแก่งแย่งชิงตัวจากผู้อยากครอบครองนาง
ระหว่างที่หยางอี้คังแวะพบคนที่นัดหมาย ณ เนินเขานิรนาม ได้เกิดเหตุดักชิงตัวซูกุ้ยฟาง แต่หยางอี้คังผู้เก่งกาจสามารถรับมือคนเดียวได้อย่างสบาย ถึงอย่างนั้นซูกุ้ยฟางยังถูกลากถูกจับโยนไปมาเพื่อหลบกลุ่มคนร้ายจนวิงเวียนศีรษะและหน้ามืด ก่อนตบท้ายด้วยการที่ศีรษะของนางฟาดหินก้อนใหญ่จนสลบเหมือด โชคดีที่มันไม่แตก ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้วิญญาณจากโลกปัจจุบันซึ่งกำลังกินบ๊ะจ่าง ก่อนจะสำลักเม็ดถั่วลิสงกับแปะก๊วยทะลุมิติมาอาศัยเรือนกายของหญิงงามล่มเมืองผู้นี้!!
ห้องหนังสือชั้นสองของจวนแม่ทัพ หยางอี้คังนั่งอยู่ในนั้น สีหน้าเคร่งขรึมอยู่สักหน่อย หลายคืนแล้วที่ไม่ได้ออกไปโรงสุราหรือเที่ยวหาความสำราญยังสำนักโคมเขียว ทั้งหมดเป็นเพราะจิตใจกระวนกระวายอยู่กับสาวงามของที่ชื่อซูกุ้ยฟาง!!มันเป็นเวรกรรมโดยแท้ เขาไม่น่ายื่นมือเข้าไปช่วยสตรีผู้นี้ นางอาจนำภัยใหญ่หลวงมาให้ กระนั้นเมื่อมองโฉมสะคราญ ใจก็อยู่เหนือเหตุผลทั้งหมดแต่แรกเขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับนาง กระนั้นภาพสาวงามถูกเร่ขายในตลาดทำให้สงสารและเห็นใจ ทว่าหลังจากที่รับนางมาไว้ที่เรือน ซูกุ้ยฟางก็เริ่มแผลงฤทธิ์ ทั้งหมดนี้เขาล่วงรู้ว่านางกำลังเล่นละครตบตา หวังให้เขาข่มเหง ซึ่งจะเพื่อการใดหากไม่ใช่นางอยากตกเป็นของเขา จากนั้นคงใช้เรื่องนี้ยกฐานะตนกลับคืน เปลี่ยนหนังสือซื้อขายตัวเป็นหนังสือตบแต่งฮูหยินเข้าสกุลหยาง ความฉลาดของนางนั้นนับว่าไม่เบาทีเดียว“ซูกุ้ยฟาง ข้าหายินดีหากต้องถูกเจ้าหยามหมิ่นความเป็นชาย!”เมื่อเขากล่าวจบประตูด้านหน้าจึงถูกเคาะ อึดใจต่อมาเขาได้ยินเสียงหวานหยดที่พยายามปั้นแต่งของซูกุ้ยฟาง“ได้เวลาน้ำชาและของว่างแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ!”“ข้าอยากอยู่แบบสงบๆ ไม่ได้รึอย่างไร” หนุ่มห
ซูกุ้ยฟางดึงตนกลับคืนสู่โลกโบราณที่นางรู้เรื่องราวไม่ถึงแปดบรรทัด เป็นแปดบรรทัดที่ชีวิตของสตรีนางหนึ่งต้องสยิวเสียวซ่านกับบุรุษขาเตียงหักหยางอี้คัง!ความสับสนประดังประเดเข้ามาในหัว นางก็รับมือไปตามสภาพ แน่นอนใครต่อใครต่างมองหญิงสาวแปลกๆ บ้างกล่าวหาว่าซูกุ้ยฟางเป็นหญิงงามวิปลาสล่มเมืองหญิงสาวถอนหายใจพรูใหญ่อย่างเบื่อหน่าย กระทั่งฝูปรากฏตัวทางด้านหลัง“โอ้ คุณหนู”“อื้อ เมื่อไหร่เจ้าจะหยุดร้องโวยวายเสียที” ซูกุ้ยฟางตำหนิอีกฝ่าย ฝู คือผู้ติดตามและเป็นแม่นมหญิงสาวมาตั้งแต่มารดาเสียชีวิต ซึ่งจะว่าไปหน้าตาก็คุ้นตั้งแต่ซูกุ้ยฟางพบครั้งแรก“บ่าวผิดไปแล้ว บ่าวจะโขกศีรษะกับพื้นเดี๋ยวนี้”“หยุดเลย” มุกนี้ใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่ซูกุ้ยฟางโผล่มาอยู่ในร่างนี้ฝูมองคุณหนูของตน ทั้งคู่เดินทางมาจากเมืองหลวงด้วยกัน กระทั่งถูกส่งตัวไปขายในตลาด และแม่ทัพหยางยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ“เมื่อคืน ทุกอย่างสำเร็จหรือไม่คุณหนู”หญิงสาวส่ายหน้าช้าๆ รู้สึกรังเกียจตนเองที่ต้องพยายามทำตัวเยี่ยงนางคณิกา ซึ่งฝูบอกให้ซูกุ้ยฟางเดินหมากเช่นนี้ ด้วยหยางอี้คังมีสตรีที่อยู่ในใจ ฝ่ายนั้นเป็นลูกสาวเจ้าสำนักคุ้มภัยจากเม
เมื่อไปถึงบ้านของมาติน ซึ่งสถานที่แห่งนั้นควรถูกเรียกว่าคฤหาสน์ถึงจะเหมาะสม แสนเสน่ห์ก็นั่งรอเอกสารอยู่นานเกือบสามสิบนาที กระทั่งลายสิงห์เดินเข้ามาและบอกว่ามีบ๊ะจ่างมาฝาก แต่ลืมเอาให้หล่อนตอนอยู่ออฟฟิศ“ขอบคุณค่ะ แต่แสนยังไม่หิว”ลายสิงห์ไม่ได้เซ้าซี้อะไร ก่อนขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ เพราะมีสายเรียกเข้ามาพอดี ระหว่างนั่งรอเอกสารจากมาติน สายตาของหญิงสาวก็หันไปมองถุงกระดาษที่ด้านในมีบ๊ะจ่างจากร้านดังแสนเสน่ห์สะดุดรูปวาดผู้หญิงในชุดจีน ดูแล้วเหมือนถูกดึงดูดด้วยมนตร์สะกดลึกลับ กระทั่งหล่อนได้สติจึงเกิดความครั่นคร้ามใจ แวบหนึ่งเกิดภาพประหลาดในหัว ประหนึ่งว่าหญิงสาวเป็นแม่นางซูกุ้ยฟาง เจ้าของเรื่องราวที่อยู่ข้างถุงกระดาษ“บ้าบอ สงสัยหมู่นี้จะอ่านนิยายท่านแม่ทัพและจิ้นการอุ่นเตียงหนักเกินไป” แสนเสน่ห์เอ่ยแล้วจึงยิ้มน้อยๆ พร้อมเปิดถุงกระดาษ หล่อนเห็นว่ามีบ๊ะจ่างที่ส่งกลิ่นหอมยั่วใจหลายชิ้น“อร่อยนะครับ ผมซื้อฝากคุณแม่ประจำเลย” เสียงลายสิงห์ลอยมาเข้าหูในตอนที่อารมณ์แสนเสน่ห์เบื่อหน่ายกับการรอคอยอย่างที่สุด“แต่มันดูไม่คลีนเลยนะคะ แสนไม่อยากอ้วน”ชายหนุ่มมองหน้าหล่อน แววตาคมๆ มีประกายวิบว
แสนเสน่ห์คอยติดตามข่าวบอสหนุ่มอยู่เสมอ หลายครั้งพยายามสื่อสารด้วย ซึ่งเจ้านายรูปหล่อฟังภาษาไทยได้ดีมาก แถมยังพ่นภาษาอังกฤษและจีนได้ไฟแลบไม่แพ้กัน หญิงสาวจึงทำได้แค่ยิ้มหวานๆ กลายเป็นคนบื้อใบ้เกือบทุกครั้งที่พบหน้ากัน ภาษาอังกฤษนั้นยังพอลื่นไหลเอาตัวรอดได้สบาย แต่เมื่อใดที่เขาใช้ภาษาจีนหรือไต้หวัน แสนเสน่ห์จึงได้แต่ทำหน้าเหวอพร้อมยิ้มกว้างเป็นตุ๊กตาไร้สมองอย่างไรก็ตามหญิงสาวล่วงรู้ถึงรสนิยมของมาติน อีกฝ่ายชอบผู้หญิง สวย สุภาพ อ่อนหวานแสนเสน่ห์จึงปรับเปลี่ยนตัวเองครั้งมโหฬาร ทว่าสุดท้ายอกกลับหักดังเป๊าะ เมื่อบอสหนุ่มหล่อมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เธอเป็นหญิงไทยแท้แต่ย้ายไปอยู่ไต้หวันกับบิดาและมารดา และครอบครัวของทั้งคู่หมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่แรกเกิด เธอมีชื่อว่านาตาลี หรือลีน่า สวย เก่ง ฉลาด และรูปร่างดีมาก แถมหน้าอกหน้าใจบิ๊กไซซ์ จนแสนเสน่ห์อยากหาเงินสักก้อนไปเสริมสองเต้าของตนให้เทียบเท่าเธอ“อูย คู่นี้เขาเหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก” เสียงของป้าศรีทำให้แสนเสน่ห์ต้องช้ำใจหนักเข้าไปอีก“ป้าทำให้อารมณ์หนูบูดแต่เช้าเลยรู้ไหม” แสนเสน่ห์ถอนหายใจเป็นครั้งที่สิบหลังจากได้ข่าวว่าบอสมีเจ้าสาวตัวจริง
เมื่อเขาเอ่ยเชิญชวน ซูกุ้ยฟางก็สูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมตั้งสติก่อนถามถึงเรื่องสำคัญ“ตะ แต่แท่งหยกของท่านมันตายด้าน...” นางกล่าวตรงไปนิด พอนึกขึ้นได้ว่าไม่สมควรจึงรีบแสร้งทำท่าสะเทิ้นอายกระนั้นยังมิวายมองร่างกายของชายหนุ่ม กล้ามท้องเขาเป็นลอนแกร่ง ขนในที่ลับเรียงตัวเป็นแพสวย ผู้ชายในยุคโบราณคงชอบอวดเรือนร่างตนเช่นนี้ และมันตอบสนองอารมณ์ซูกุ้ยฟางได้ดีเหลือเกิน เพราะหยางอี้คังคืออาหารตาเลิศรส“ของที่มันนอนอยู่ในฝัก ไฉนเจ้าถึงเร่งเร้าอยากปลุกให้ตื่นตัว การรุกเร้าบุรุษเยี่ยงนี้ สตรีที่ถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดีพึงกระทำหรือ!” คนหล่อเหลาชักสีหน้าตึง แทนที่จะดูน่ากลัว หยางอี้คังกลับพกเสน่ห์เหลือร้ายแบบชายที่มีความกราดเกรี้ยวอยู่ตลอดเวลา ทั้งดุดัน น่ากลัว หากชวนให้หวามใจในคราเดียวกัน“ผะ ผู้น้อย มิกล้า เพียงแค่พลั้งปากพูดไป”นางตอบเขาเสียงสั่น ใจเต้นตึกตัก จากนั้นมือใหญ่จึงคว้ามือเล็กไปยึดไว้ ก่อนจับไปวางบนกล่องดวงใจที่ซูกุ้ยฟางหวังใจอยากสัมผัสเหลือเกิน“อ๊ะ...อุ๊ย ทะ ท่าน มะ แม่ทัพหยาง!”ซูกุ้ยฟางร้องอย่างตื่นตกใจ แต่ความจริงนางกำลังเป็นสุข ภาพในหัวกำลังฉายชัด นี่คือประสบการณ์ครั้งแรกที
กลางดึกคืนนั้นพระจันทร์ส่องแสงนวลตา หญิงสาวที่ยามนี้เข้าใจทุกอย่างทีละน้อย และนางมั่นใจว่าตนทะลุมิติมาอยู่ในโลกโบราณนี้อย่างเต็มตัว ซึ่งยังไม่รู้ชะตากรรมของตนว่าจะมีโอกาสหวนกลับคืนสู่โลกเดิมหรือไม่ถึงหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างไม่คุ้นชิน แต่การใช้ชีวิตที่นี่ก็หาได้ลำบากจนเกินไป กระนั้นนางต้องพยายามทำให้ทุกอย่างเดินไปตามเรื่องราวแปดบรรทัดที่เคยอ่านผ่านตาหลังผล็อยหลับไปได้สักพัก ร่างทรงเสน่ห์ก็สะดุ้งตื่น และสาเหตุมิใช่เกิดจากการเห็นภาพฝันร้ายที่วิ่งวนเพียงแค่ในหัว แต่ประเด็นสำคัญคือมือเรียวสวยไปสัมผัสเข้ากับบางสิ่งทั้งที่มันควรอยู่ในร่มผ้า ทว่าปลายนิ้วกลับแตะเข้ากับความนุ่มหยุ่นแทน!!คราแรกเพียงสัมผัสใจเต้นระรัวแรง แน่ละ ถึงบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ราคี แต่นางที่จากโลกแห่งความจริงมาใช่ว่าจะไม่เคยเห็น ในเมื่อยุคสมัยของนาง หากอยากรู้อยากเห็นสิ่งใดเพียงเลื่อนหน้าจอมือถือลื่นปรื้ดๆ เลือดกำเดาก็แทบพุ่ง!“เอ ไฉนมันถึงได้นุ่มนิ่ม...และอุ่นพิลึกดีแท้!”นางว่า และยังมิวายขยับมือเลื่อนขึ้นไปเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจอีกนิด เมื่อสองสามคืนก่อนก็นอนร่วมเตียงกับหยางอี้คัง ดูเหมือนเขาจะหวงเนื้อหวงตัวยิ่งกว่านี้ เห






Comments