"คุณต้องตัดความสัมพันธ์กับลูกหลังเราหย่ากัน เรื่องของซูอวี้ต่อไปนี้จะเป็นเรื่องของฉันคนเดียวไม่เกี่ยวกับคุณอีก" น้ำเสียงของหลิวซินเต็มไปด้วยความหนักแน่นจนหานจินรู้สึกได้ว่าหล่อนอาจจะเอาจริง
กระนั้นเขาก็ยังคงนั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนตามเดิม "แล้วก็อีกเรื่อง คุณต้องจ่ายเงินชดเชยให้เราแม่ลูกหนึ่งพันหยวน!"
หานจินอ้าปากค้างมองหน้าหลิวซินอย่างไม่อยากเชื่อสายตา จากท่าทีที่พยายามทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเมื่อครู่ บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
"หนึ่งพัน! แกจะบ้าเหรอ ฉันจะไปมีเงินมากขนาดนั้นได้ยังไง" เขาตอบโต้คอเป็นเอ็น แม้ว่าเขาอยากจะได้ใบหย่าเพื่อไปจดทะเบียนกับยอดรักถงเหม่ยลี่ใจแทบขาดก็ตาม
แต่ถ้าหากเขายอมควักเงินออกมาง่าย ๆ นี่ไม่เท่ากับว่าจะเป็นการเปิดโปงตัวเองหรอกหรือที่คนงานขับรถส่งของที่มีเงินเดือนแค่ห้าสิบหยวนมีเงินมากถึงเพียงนั้น
ในระหว่างที่หลิวจินกำลังคิดหาทางออกอยู่นั้น เสียงของหลิวซินก็ดังขึ้นอีก โดยที่หานซูอวี้ซึ่งกำลังแอบฟังก็อยากจะรู้ว่าแม่จะทำอย่างไรต่อไป
"คุณแน่ใจนะว่าไม่มี" น้ำเสียงของหลิวซินฟังดูเหนือกว่าอย่างไรชอบกลในความรู้สึกของหานจินที่ใช้ชีวิตอยู่กับเธอมาหลายปี
"ใช่! ส่วนเรื่องอื่นฉันทำให้ได้หมด เพราะฉันก็ไม่อยากจะได้ลูกสาวแบบนั้นนักหรอก ลูกสาวมีค่าอะไรกันสู้ลูกชายก็ไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังมีคนมาสืบสกุล" คำพูดอันโหดร้ายทำให้หลิวซิน เหลือบไปมองทางประตูห้องของบุตรสาวเนื่องจากหล่อนกลัวว่าหานซูอวี้จะเสียใจ
ซึ่งถ้าหากเป็นชาติก่อนด้วยวัยเพียงเท่านี้ หานซูอวี้ก็คงจะร้องไห้และน้อยใจจริง ๆ นั่นแหละ เพียงแต่ในชาติภพนี้ หานซูอวี้เป็นคนใหม่ที่ไม่ได้โหยหาความรักจากพ่อที่ไม่ต้องการตนเองอีกแล้ว
"แม่คะ พูดออกไปเถอะค่ะ หนูไม่เป็นไร" น้ำเสียงของ หานซูอวี้ดังขึ้นที่หน้าประตูห้องของตัวเอง หลังจากเธอกลัวว่าแม่จะคิดมากเรื่องของเธอ
"ได้" หลิวซินพยักหน้าให้กับคำพูดของลูกสาว ก่อนจะหันมามองจ้องหน้าของหานจินเขม็ง
"ถ้าคุณไม่ให้ ฉันจะไปรายงานเรื่องที่คุณมีชู้กับถงเหม่ยลี่!" หลิวซินเน้นชื่อของผู้หญิงคนนั้นทีละคำชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงของเธอที่เคยสั่นเครือบัดนี้กลับหนักแน่นและเย็นเยียบจนน่ากลัว
คำพูดนั้นเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจหานจิน! ใบหน้าของเขาพลันซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก สองมือกำเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน นังหลิวซินมันรู้ชื่อของเหม่ยลี่ได้อย่างไร! หรือว่ามันแอบตามสืบเรื่องของเขามาตลอด?
"กะ...แกพูดเรื่องอะไรของแก!" หานจินพยายามข่มความหวาดหวั่นในใจตะคอกเสียงดังกลบเกลื่อน "อย่ามากล่าวหาฉันส่งเดชนะ! ฉันไม่เคยมีชู้ ไม่มีทั้งนั้น! นังถงเหม่ยลี่อะไรนั่นฉันไม่รู้จัก!"
ถึงปากจะปฏิเสธเสียงแข็งแต่แววตาที่ล่อกแล่กของเขาไม่อาจปิดบังความร้อนรนในใจได้ หานซูอวี้ที่ยืนมองอยู่เงียบ ๆ ที่หน้าประตูห้องอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มเย้ยหยันอยู่ในใจ โกหกได้หน้าไม่อายจริง ๆ นะ พ่อคนนี้
ทว่าหลิวซินในวันนี้ไม่ใช่หลิวซินคนเดิมอีกต่อไปแล้ว แววตาหวาดกลัวที่เคยมีบัดนี้ถูกแทนที่ด้วยความแข็งกร้าวและเด็ดเดี่ยว เธอจ้องมองใบหน้าซีดราวไก่ต้มสุกของสามีอย่างไม่เกรงกลัว
"ไม่รู้จักอย่างนั้นเหรอ?" หลิวซินแค่นเสียงหัวเราะ "คุณแน่ใจนะว่าไม่รู้จักถงเหม่ยลี่ พนักงานต้อนรับคนสวยจากไนท์คลับในเมืองจริง ๆ?"
ทุกรายละเอียดที่หลุดออกมาจากปากภรรยายิ่งทำให้หานจินใจเสียมากขึ้นไปอีก มันรู้...มันรู้จริง ๆ!
"อย่ามาใส่ร้ายฉันนะหลิวซิน! แกไม่มีหลักฐาน!" เขายังคงดิ้นรนปฏิเสธเสียงแข็ง
"หลักฐานอย่างนั้นหรือ" หลิวซินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มุมปากปรากฏรอยยิ้มเย็นชา "คุณคิดว่าฉันจะกล้าพูดออกมาลอย ๆ โดยไม่มีอะไรอยู่ในมืออย่างนั้นหรือหานจิน ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันเก็บหลักฐานเรื่องของคุณกับนังนั่นไว้หมดแล้ว! ทั้งจดหมายรักแสดงความใคร่ที่คุณแอบส่งให้กัน รูปถ่ายที่คุณแอบไปถ่ายด้วยกันที่สวนสาธารณะ หรือแม้แต่ใบเสร็จค่าเช่าบ้านหลังงามที่คุณเช่าให้มันอยู่!"
แต่ละคำพูดของหลิวซินเหมือนเข็มนับพันเล่มที่กำลังทิ่มแทงเข้าใส่หานจิน หลักฐานที่ว่านั่น...หลิวซินอาจจะไม่ได้มีจริงทั้งหมด
แต่ด้วยคำแนะนำจากหานซูอวี้ที่รู้เรื่องราวจากอนาคต ทำให้คำขู่ของเธอดูหนักแน่นและน่าเชื่อถืออย่างที่สุด เพราะเด็กหญิงรู้ว่าพ่อของเธอมีพฤติกรรมเช่นนั้นจริง ๆ ในชาติก่อนหน้า และการขู่แบบนี้จะทำให้เขาเสียขวัญได้เป็นอย่างมาก
หลายปีผ่านไป...หลังจากที่เปลวไฟแห่งโศกนาฏกรรมได้มอดดับลง และบาดแผลทั้งหมดได้รับการเยียวยาด้วยกาลเวลาและมิตรภาพภายในเรือนสี่ประสานในบ่ายวันหยุดสุดสัปดาห์ที่แสนจะสงบสุข... เสียงหัวเราะของเด็กแฝดชายหญิงที่ได้เติบโตขึ้นมากกำลังวิ่งเล่นอยู่ในสวน...คือบทเพลงที่ไพเราะที่สุดของบ้านหลังนี้และในวันนั้น...ก็ได้มีแขกคนสำคัญเดินทางมาเยี่ยม หนุ่มน้อยวัยสิบแปดปีของสถาบัน PUMC ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวอย่างสุภาพกับกางเกงแสล็คสีดำที่ดูสะอาดสะอ้าน...เดินเข้ามาพร้อมกับพ่อบุญธรรมทั้งสองคนของเขา ซึ่งก็คือหวังเฉียงและจ้าวลี่ที่ในอ้อมแขนได้อุ้มเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งมาด้วย และเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เขาก็คือหลิวเหว่ย ลูกชายเพียงคนเดียวของผู้กองหลิว...บัดนี้จากเด็กชายวัยสิบสามปีได้เติบโตขึ้นเป็นเด็กหนุ่มที่ทั้งแข็งแกร่งและอ่อนโยน...สมกับเป็นลูกช
"ทุกคน! สวมหน้ากากป้องกันสารพิษ! ห้ามถอดออกเด็ดขาด!" เสียงที่เด็ดขาดของเกาซูอวี้ดังขึ้นเป็นคำสั่งแรก...เธอรู้ดีว่าควันที่มองเห็นตรงหน้านั้น...เต็มไปด้วยสารเคมีอันตราย ทีมแพทย์ภาคสนามทั้งหมดรีบสวมหน้ากากป้องกันอย่างรวดเร็ว...ก่อนที่พวกเขาจะพุ่งตัวเข้าไปในความโกลาหลเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยภาพของเปลวเพลิงที่ลุกโชน และเสียงระเบิดที่ดังขึ้นเป็นระยะ...ผสมผสานกับเสียงร้องครวญครางของผู้บาดเจ็บทั้งหมดตรงนี้คือความเป็นจริงที่โหดร้ายที่พวกเขาต้องเผชิญ หวงจิง...ในฐานะศัลยแพทย์ทั่วไป...รับหน้าที่ดูแลผู้ป่วยที่มีบาดแผลไฟไหม้รุนแรง อู๋ถิง...ในฐานะศัลยแพทย์ระบบประสาท...รับหน้าที่ดูแลผู้ป่วยที่บาดเจ็บที่ศีรษะจากการระเบิด ส่วนเกาซูอวี้...เธอคือศูนย์บัญชาการของทีมแพทย์ภา
กลางดึกสงัดของกรุงปักกิ่ง...ท่ามกลางการหลับใหลของผู้คน ฉับพลันในวินาทีนั้นได้มีเสียงสัญญาณเตือนภัยระดับสูงสุดดังขึ้นกึกก้อง...ทำลายความเงียบของสถานีดับเพลิงในเขตชานเมือง หวังเฉียงกับจ้าวลี่...สองสหายนักดับเพลิง...กระโจนออกจากเตียงพักผ่อน...แล้วรูดเสาลงมายังชั้นล่างด้วยความเร็วสูงสุดพวกเขาและเพื่อนร่วมทีมต่างรีบสวมชุดป้องกันไฟที่หนักอึ้งอย่างคล่องแคล่ว...ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตึงเครียด...เพราะสัญญาณเตือนภัยระดับนี้...ย่อมหมายถึงหายนะ ภายในเวลาเดียวกันนั้น...ที่สถานีตำรวจกลางประจำเมือง หลี่หู่กำลังจะปิดแฟ้มสุดท้ายของวัน...แต่แล้ววิทยุสื่อสารก็ได้ดังขึ้น... "ประกาศถึงทุกหน่วย...เกิดเหตุเพลิงไหม้รุนแรงที่โกดังเก็บสารเคมี เขตอุตสาหกรรมไป๋หยาง...ขอให้ทุกหน่วยที่อยู่ใกล้เคียงรีบไปยังที่เกิดเหตุเพื่อควบคุมสถานการณ์และอพยพประชาชนโดยด่ว
คำเรียกขานในอดีต...ได้ทำลายกำแพงที่แข็งกร้าวของดาราสาวจอมวีนลงอย่างสิ้นเชิง...หลินซินซินมองใบหน้าที่สงบนิ่งของนายแพทย์หนุ่มตรงหน้าซ้อนทับกับภาพของเสี่ยวเทียน...เด็กชายขี้อายข้างบ้านเมื่อสิบกว่าปีก่อนด้วยรอยยิ้ม "คุณ...ออกไปก่อนได้ไหมคะ" เธอหันไปบอกผู้จัดการส่วนตัวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง "ฉัน...อยากจะคุยกับคุณหมอเป็นการส่วนตัว" เมื่อภายในห้อง VIP เหลือเพียงแค่พวกเขาสองคน...หยางเทียนก็กลับเข้าสู่โหมดแพทย์ "ผมขออนุญาตนะครับ" เขาพูดพลางเดินเข้าไปใกล้เธอและยกมือขึ้นสัมผัสบาดแผลที่ศีรษะของเธอที่ได้รับการทำแผลขั้นต้นมาแล้ว สัมผัสที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความเป็นมืออาชีพของหยางเทียนขณะที่กำลังตรวจบาดแผลที่ศีรษะ...ได้ทำลายกำแพงทั้งหมดในใจของหลินซินซินลง... หลังจาก
อีกสองปีต่อมา...หลังจากที่เหล่าแพทย์ยุคใหม่ได้สร้างตำนานบทแรกของตนเอง...โจวเทา...แพทย์หนุ่มผู้ขยันขันแข็งแห่งแผนกศัลยกรรมกระดูกได้ตัดสินใจครั้งสำคัญ เขาได้รับทุนให้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านการผ่าตัดกระดูกสันหลังที่โรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่ง...ในประเทศเยอรมนี และในวันนี้...คือวันแห่งการจากลา...ภายในสนามบินนานาชาติกรุงปักกิ่ง...ทีมพี่ใหญ่ทั้งหมด...ได้มารวมตัวกันเพื่อส่งเพื่อนคนสำคัญของพวกเขา "นายต้องตั้งใจให้มากนะ" เกาซูอวี้พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าจะรู้สึกใจหายเล็กน้อยก็ตาม หลังจากเธอกล่าวจบก็มาถึงคราวของซ่งอวิ๋นเซิงสามีสุดที่รักของเธอบ้าง "เทคนิคที่เยอรมนีล้ำหน้ามาก...เรียนรู้ให้ได้มากที่สุด...แล้วนำมันกลับมาพัฒนาบ้านเรา" ชายหนุ่มลูกสองกล่าวแนะนำในฐานะอาจารย์&
ท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่องของฤดูหนาว...ที่ปีนี้มีประกาศว่าอากาศจะหนาวเย็นมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา อู๋ถิงที่กำลังเดินทางอยู่บนรถประจำทางไม่ได้รู้เลยว่าเจ้าตัวกำลังจะต้องได้เข้าร่วมกับอุบัติเหตุหมู่ครั้งใหญ่อย่างไม่ตั้งใจ ในขณะที่เขากำลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกของรถโดยสารคันใหญ่ สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็ได้เกิดขึ้น รถโดยสาร ที่กำลังเคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ ได้แล่นไปทับแผ่นน้ำแข็งสีดำที่ซ่อนอยู่ภายใต้หิมะเบาบางบนท้องถนน เอี๊ยด! เสียงล้อรถที่เสียดสีกับพื้นน้ำแข็งอย่างรุนแรงดังขึ้น...ตามมาด้วยเสียงร้องด้วยความตกใจของผู้โดยสาร และหลังจากนั้นภาพทุกอย่างพลันหมุนคว้างร่วมกับเสียงกรีดร้อง อีกทั้งเสียงโลหะดังสนั่นรวมถึงเสียงกระจกที่แตกละเอียดดังผสมปนเปกันไปหมด...&nbs