"ถ้าคุณยังปากแข็งไม่ยอมหย่ากับฉันดี ๆ และไม่ยอมจ่ายเงินชดเชยหนึ่งพันหยวนให้เราสองแม่ลูกภายในวันนี้ล่ะก็..." หลิวซินเว้นจังหวะเล็กน้อยจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่ตื่นตระหนกของหานจิน "หลักฐานทั้งหมดนี้จะถูกส่งไปถึงหัวหน้าหน่วยงานของคุณ และกระจายออกไปให้ชาวบ้านรับรู้กันถ้วนหน้าอย่างแน่นอน! ถึงตอนนั้นคุณก็ลองคิดดูเอาเองก็แล้วกันว่าชีวิตของคุณจะเป็นยังไง!"
คำขู่สุดท้ายของหลิวซินเด็ดขาดและทรงพลังจนหานจินถึงกับชาวาบไปทั้งตัว เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นตามไรผม การถูกเปิดโปงเรื่องชู้สาวในยุคสมัยที่ศีลธรรมยังคงเข้มข้นเช่นนี้มันหมายถึงหายนะอย่างแท้จริง
ไม่เพียงแต่เขาจะถูกประณามจากเพื่อนบ้านและคนรู้จัก แต่อาจจะถูกลงโทษจากหน่วยงานที่ทำงานจนถึงขั้นตกงานได้ แล้วถงเหม่ยลี่...ยอดรักของเขาจะยังต้องการผู้ชายที่มีมลทินติดตัวอย่างเขาอีกหรือ?
ภาพอนาคตอันมืดมนถาโถมเข้ามาในหัวของหานจิน เขาเหลือบมองใบหน้าที่ค่อนข้างคล้ำของหลิวซิน เมื่อเห็นแววตาแข็งกร้าวของเธอสลับกับประตูห้องนอนของลูกสาวที่ยืนมองมาอย่างเงียบงันแต่แฝงไปด้วยความกดดันบางอย่างที่เขาสัมผัสได้
"กะ...แกกล้าขู่ฉันเหรอหลิวซิน!" เขาเค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก พยายามจะรักษาท่าทีแข็งกร้าวไว้เป็นครั้งสุดท้าย
"ฉันไม่ได้ขู่" หลิวซินตอบเสียงเรียบแต่หนักแน่น "ฉันแค่บอกให้คุณรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น...ถ้าคุณยังดึงดันที่จะทำร้ายเราสองแม่ลูกต่อไป คุณก็รู้ดีว่าคนอย่างฉันถ้าตัดสินใจทำอะไรแล้วไม่เคยมีคำว่าถอย"
คำพูดนั้นตอกย้ำความทรงจำในอดีต หลิวซินอาจจะดูอ่อนแอและยอมคนมาตลอด แต่เมื่อถึงที่สุดแล้วเธอก็มีความดื้อรั้นและใจเด็ดซ่อนอยู่ลึก ๆ และวันนี้...ความใจเด็ดนั้นถูกปลุกขึ้นมาโดยลูกสาวของเธอเอง
หานจินกลืนน้ำลายฝืด ๆ ลงคออย่างยากลำบาก ในหัวของเขาตอนนี้กำลังคำนวณผลได้ผลเสียอย่างหนัก อิสรภาพที่จะได้ไปอยู่กับถงเหม่ยลี่อย่างเปิดเผย...เทียบกับเงินหนึ่งพันหยวน...และศักดิ์ศรีที่กำลังจะถูกเหยียบย่ำป่นปี้ถ้าเขาไม่ยอมจ่าย เงินหนึ่งพันหยวนมันมากโขอยู่ก็จริง แต่ถ้าเทียบกับการต้องเสียงาน เสียคนรัก และเสียหน้าจนแทบไม่มีที่ยืนในสังคม...
"หนึ่งพันหยวน...ฉันจะไปหามาจากไหนตั้งมากมายขนาดนั้นภายในวันเดียว!" เขายังคงต่อรองพยายามหาทางรอดสุดท้าย
"นั่นมันเรื่องของคุณ!" หลิวซินสวนกลับทันควันไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ตั้งตัว "คุณมีเวลาจนถึงก่อนสำนักกิจการพลเรือนจะปิดเท่านั้น ถ้าฉันยังไม่ได้ใบหย่าพร้อมเงินชดเชย เรื่องของคุณกับถงเหม่ยลี่จะกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่สนุกปากที่สุดของคนทั้งโรงงานและทั้งชุมชนนี้อย่างแน่นอน!"
หานซูอวี้ที่ยืนฟังอยู่หน้าประตูห้อง กำหมัดเล็กๆ ไว้แน่น ‘ใช่ค่ะแม่! ต้องแบบนี้แหละค่ะ! เธอรู้สึกถึงชัยชนะที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ
ความเงียบเข้าปกคลุมห้องขนาดเล็กแห่งนั้นอีกครั้ง มีเพียงเสียงลมหายใจหนัก ๆ ของหานจินที่ดังลอดออกมา เขามองหน้าหลิวซินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งโกรธแค้น ทั้งสับสน และ...หวาดกลัว ในที่สุดเขาก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างพ่ายแพ้...
"ก็ได้! ฉันยอมหย่า! แล้วก็จะหาเงินหนึ่งพันหยวนมาให้แก...แต่แกต้องสัญญาว่าจะไม่ปริปากเรื่องของฉันกับ...กับคนอื่นอีก!"
"หานซูอวี้... อ๋อ! เธอคือลูกสาวของน้าหลิวซินที่แม่ฉันเล่าให้ฟังนี่เอง!" หวงจิงยิ้มกว้าง "ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะชู้ตบาสเก่งขนาดนี้! มาเล่นด้วยกันสิ!" คำชวนอย่างเป็นมิตรของหวงจิงทำให้เด็กคนอื่นส่งเสียงเชียร์สนับสนุน หานซูอวี้มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและ แววตาท้าทายอย่างเป็นมิตรของพวกเขา มุมปากของเธอพลันยกขึ้นสูงก่อนจะพยักหน้าตอบรับ "ก็ได้" เกมเริ่มต้นอีกครั้ง แต่คราวนี้บรรยากาศในสนามเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เด็กชายทุกคนต่างจับจ้องมาที่สมาชิกใหม่ของทีมอย่างหานซูอวี้ และเธอก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาผิดหวัง แม้จะอยู่ในร่างของเด็กหญิงอายุสิบสามปีที่ดูภายนอกผอมบาง แต่ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของเธอกลับคล่องแคล่ว
ยังไม่ทันที่พวกเธอจะก้าวลงจากรถดีประตูบ้านหลังนั้นก็เปิดออกอีกครั้ง ชายร่างสูงในชุดลำลองแต่ยังคงท่วงท่าสง่างามแบบทหารเดินออกมายิ้มต้อนรับ "ซินซิน ในที่สุดเธอก็มาถึงเสียทีนะ!" เฉินลี่ฮวารีบเข้ามาสวมกอดเพื่อนรักของเธอด้วยความดีใจ "ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นนะ ต่อไปนี้ที่นี่คือบ้านของเธอ" จากนั้นเธอก็หันมาแนะนำครอบครัว "นี่คุณเจิ้งหรง สามีของฉัน ส่วนนี่ก็หวงเหม่ย ลูกสาวคนเล็กจ้ะ ฉันยังมีลูกชายอีกคนหนึ่งตอนนี้เขาออกไปเล่นกับเพื่อนอายุน่าจะพอ ๆ กับซูอวี้นี่แหละ หากแม่บุญธรรมจำไม่ผิดหนูน่าจะเกิดเดือนสี่ใช่ไหม จิงจิงของแม่เกิดเดือนหก ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะเป็นน้องของหนูสองเดือน" ความเป็นกันเองของแม่บุญธรรมที่หานซูอวี้จำได้เลือนรางเมื่อครั้งยังเด็กทำให้เธอผ่อนคลายลง "สวัสดีค่ะแม่บุญธรรม พ่อบุญธรรม" หานซูอวี้โค้งคำนับให้คนทั้งคู่อย่างนอบน้อม ก่อนจะหันไปทักทายเด็กหญิงตัวน้อยอายุรา
ณ สำนักงานกิจการพลเรือน (หน่วยงานทะเบียนราษฎร) บรรยากาศภายในสำนักงานราชการในตอนบ่ายค่อนข้างเงียบสงบ มีเพียงเสียงพัดลมเพดานที่หมุนดังเอื่อย ๆ กับเสียงเจ้าหน้าที่พลิกกระดาษเป็นครั้งคราว หลิวซินนั่งกุมมือลูกสาวอยู่บนม้านั่งไม้ยาว สายตาของเธอจ้องมองพื้นอย่างใช้ความคิด ในขณะที่หานซูอวี้คอยบีบมือให้กำลังใจอยู่เงียบ ๆ ไม่นานนักร่างสูงโปร่งแต่ค่อนซูบของหานจินก็เดินเข้ามาในสำนักงานด้วยท่าทีหงุดหงิด เขาเหลือบมองสองแม่ลูกด้วยสายตาแข็งกร้าว ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าหน้าที่โดยไม่พูดอะไรสักคำ กระบวนการหย่าร้างในยุคนี้ไม่ได้ซับซ้อนนัก โดยเฉพาะเมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงกันมาแล้ว เจ้าหน้าที่เพียงสอบถามยืนยันความสมัครใจของคนทั้งคู่สองสามประโยคก่อนจะยื่นเอกสารให้ลงนาม
เสียงปิดประตูดังปัง! สะท้อนถึงอารมณ์เดือดดาลของหานจินที่เพิ่งผลุนผลันออกไปจากบ้าน ทิ้งไว้เพียงความเงียบที่หนักอึ้งและบรรยากาศอึดอัดที่ยังคงอบอวลอยู่ภายในบ้านพักคนงานแสนซอมซ่อ หลิวซินยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยจากความตึงเครียดที่เพิ่งผ่านพ้นไป แต่แววตาของเธอกลับไม่ได้มีแต่ความหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว มันฉายประกายแห่งความเด็ดเดี่ยวและความหวังที่เพิ่งจะถูกจุดขึ้นมา หานซูอวี้เดินเข้ามาจับมือมารดาอย่างแผ่วเบา "แม่คะ..." หลิวซินหันมามองหน้าลูกสาว ก่อนจะพยักหน้าให้เธอ "เรา...ไปกันเถอะลูก" ไม่ต้องมีคำพูดใด ๆ อีก สองแม่ลูกต่างก็รู้ดีว่าพวกเธอไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว ทั้งคู่ต่างเริ่มเก็บข้าวของที่เป็นของตนเองอย่างรวดเร็ว&n
"ถ้าคุณยังปากแข็งไม่ยอมหย่ากับฉันดี ๆ และไม่ยอมจ่ายเงินชดเชยหนึ่งพันหยวนให้เราสองแม่ลูกภายในวันนี้ล่ะก็..." หลิวซินเว้นจังหวะเล็กน้อยจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่ตื่นตระหนกของหานจิน "หลักฐานทั้งหมดนี้จะถูกส่งไปถึงหัวหน้าหน่วยงานของคุณ และกระจายออกไปให้ชาวบ้านรับรู้กันถ้วนหน้าอย่างแน่นอน! ถึงตอนนั้นคุณก็ลองคิดดูเอาเองก็แล้วกันว่าชีวิตของคุณจะเป็นยังไง!" คำขู่สุดท้ายของหลิวซินเด็ดขาดและทรงพลังจนหานจินถึงกับชาวาบไปทั้งตัว เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นตามไรผม การถูกเปิดโปงเรื่องชู้สาวในยุคสมัยที่ศีลธรรมยังคงเข้มข้นเช่นนี้มันหมายถึงหายนะอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่เขาจะถูกประณามจากเพื่อนบ้านและคนรู้จัก แต่อาจจะถูกลงโทษจากหน่วยงานที่ทำงานจนถึงขั้นตกงานได้ แล้วถงเหม่ยลี่...ยอดรักของเขาจะยังต้องการผู้ชายที่มีมลทินติดตัวอย่างเขาอีกหรือ? ภาพอนาคตอันมืดมนถาโถมเข้ามาในหัวของหานจิน เขาเหลือบมองใบ
"คุณต้องตัดความสัมพันธ์กับลูกหลังเราหย่ากัน เรื่องของซูอวี้ต่อไปนี้จะเป็นเรื่องของฉันคนเดียวไม่เกี่ยวกับคุณอีก" น้ำเสียงของหลิวซินเต็มไปด้วยความหนักแน่นจนหานจินรู้สึกได้ว่าหล่อนอาจจะเอาจริง กระนั้นเขาก็ยังคงนั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนตามเดิม "แล้วก็อีกเรื่อง คุณต้องจ่ายเงินชดเชยให้เราแม่ลูกหนึ่งพันหยวน!" หานจินอ้าปากค้างมองหน้าหลิวซินอย่างไม่อยากเชื่อสายตา จากท่าทีที่พยายามทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเมื่อครู่ บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด "หนึ่งพัน! แกจะบ้าเหรอ ฉันจะไปมีเงินมากขนาดนั้นได้ยังไง" เขาตอบโต้คอเป็นเอ็น แม้ว่าเขาอยากจะได้ใบหย่าเพื่อไปจดทะเบียนกับยอดรักถงเหม่ยลี่ใจแทบขาดก็ตาม แต่ถ้าหากเขายอมควักเงินออกมาง่าย ๆ นี่ไม่เท่ากับว่าจะเป็นการเปิดโปงตัวเองหรอกหรือที่คนงานขับรถ