เมื่อประตูห้องพักถูกปิดลงและเงาของนายอำเภอหวังหายลับไป ความเข้มแข็งที่จื่อเหยาแสดงออกมาเมื่อครู่ก็ดูเหมือนจะจางหายไปเล็กน้อย นางทรุดตัวลงนั่งบนแคร่ไม้ สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อระงับอาการสั่นเทาของร่างกายที่ยังคงอ่อนแอ
เสี่ยวชุนรีบถลาเข้ามาคุกเข่าลงเคียงข้าง น้ำตาไหลพรากด้วยความกลัวและความอัดอั้นตันใจ
"คุณหนู! ทำอย่างไรดีเจ้าคะ! ปิ่นนั่น...ปิ่นนั่นเป็นของคุณหนูจริง ๆ ตอนนี้พวกเขาปรักปรำเราซึ่งหน้าแล้ว เราจะทำอย่างไรดี!"
จื่อเหยามองสาวใช้ที่กำลังตื่นตระหนกด้วยแววตาที่สงบนิ่งแต่แฝงไว้ด้วยประกายบางอย่าง นางยื่นมือที่เย็นเฉียบของตนเองออกไปจับมือของเสี่ยวชุนเอาไว้เบา ๆ ซึ่งสัมผัสนั้นทำให้บ่าวตัวน้อยชะงักและเงยหน้าขึ้นมอง
"เสี่ยวชุน" นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงความหนักแน่น "มองข้า...แล้วฟังให้ดี"
"ยิ่งเราตื่นตระหนก เรายิ่งเข้าทางศัตรู ยิ่งเราแสดงความอ่อนแอ พวกเขาก็ยิ่งได้ใจ" จื่อเหยากล่าว "พ่อบ้านสวี เสี่ยวชิวและนายอำเภอหวัง...พวกเขาล้วนเป็นคนของเหมยลี่ฮูหยิน พวกเขาวางกับดักนี้ขึ้นมาก็เพื่อรอให้เราตื่นกลัวจนทำอะไรผิดพลาด...ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาหวาดกลัวแต่เป็นเวลาที่ต้องสู้ และข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า เสี่ยวชุนตอนนี้เจ้าคือตา คือหู คือมือ และเท้าของข้า...ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว เจ้าทำได้หรือไม่?"
แววตาที่แน่วแน่และน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นของคุณหนู ส่งผลราวกับน้ำเย็นที่สาดซัดเข้ามาในใจที่ร้อนรุ่มของเสี่ยวชุน ความกลัวของนางค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความมุ่งมั่น เจ้าตัวรีบพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น "บ่าว...บ่าวทำได้เจ้าค่ะ! ขอเพียงคุณหนูสั่งมา!"
"ดีมาก" จื่อเหยาคลี่ยิ้มบาง "ถ้าเช่นนั้นจงฟังแผนของข้า...ข้าต้องการให้เจ้าไปทำสามอย่าง"
นางเริ่มอธิบายแผนการสืบสวนขั้นแรก "หนึ่ง...ศพของนางจางตอนนี้คงถูกนำไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บของท้ายเรือนเพื่อรอการฝัง ให้เจ้าแอบไปหาบ่าวชายชื่ออาหมิงที่ช่วยนำศพขึ้นมาจากบ่อ แสร้งทำเป็นอยากรู้อยากเห็นแล้วชวนคุย ถามเขาว่าตอนที่สัมผัสร่างของป้าจาง เขาสังเกตเห็นอะไรผิดปกติหรือไม่...อย่างรอยช้ำ รอยขีดข่วนหรือเสื้อผ้าที่ฉีกขาด...ทุกรายละเอียดล้วนสำคัญ" เมื่อนางเห็นว่าบ่าวตัวน้อยตั้งใจฟังจึงได้พูดต่อ
"สอง...ตอนนี้ทุกคนคงจะกลัวจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้บ่อน้ำนั่นอีกแล้วและนั่นคือโอกาสของเจ้า...เจ้าจงกลับไปที่นั่นอีกครั้ง คราวนี้ไม่ต้องรีบร้อน ค่อย ๆ มองให้ละเอียด...หาทุกสิ่งที่ไม่ควรจะอยู่ที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นเศษผ้าเครื่องประดับหรืออะไรก็ตามที่ดูผิดที่ผิดทาง"
"และสาม...เริ่มสืบเรื่องส่วนตัวของนางจางให้เงียบอย่างที่สุด" จื่อเหยาเน้นเสียง "ยกตัวอย่างว่านางทะเลาะกับใครบ้าง ขูดรีดใครบ้าง มีความลับอะไรที่คนอื่นไม่รู้...และที่สำคัญ...จงคอยสังเกตท่าทีของเสี่ยวชิวกับคนที่นางสนิทสนมด้วยเป็นพิเศษ"
หลังนางกล่าวจบก็ได้สังเกตุท่าทางของเสี่ยวชุนไปด้วยและดูเหมือนเด็กหญิงคนนี้จะฉลาดไม่น้อยทีเดียว
"บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ" หลังเจ้าตัวรับคำสั่งจากผู้เป็นนายเรีบบร้อยทั้งหมดแล้ว นางก็รีบออกไปปฏิบัติการทันที
คล้อยหลังบ่าวตัวน้อยเดินจากไป ภายในห้อง...จื่อเหยาก็กลับเข้าสู่โหมดสมาธิของตนเพื่อทำจิตใจให้สงบ
ในยามนี้บรรยากาศในเรือนเมฆาคล้อยได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ความโกลาหลในตอนเช้าถูกแทนที่ด้วยความเงียบอันน่าขนลุก บ่าวไพร่ต่างทำงานของตนไปอย่างซังกะตาย แต่สายตากลับคอยชำเลืองมองกันและกันด้วยความหวาดระแวง
ทุกคนต่างกระซิบกระซาบกันถึงเรื่องคุณหนูใหญ่ที่อาจจะเป็นคนฆ่านางจาง และหวาดกลัวว่าเคราะห์ร้ายครั้งต่อไปจะตกมาถึงตัว...ความหวั่นเกรงในอันตรายที่มองไม่เห็นได้คืบคลานเข้าปกคลุมทั่วทุกพื้นที่
เสี่ยวชุนเริ่มภารกิจแรกด้วยการเข้าไปตีสนิทกับบ่าวชายอาหมิง เขายังคงมีสีหน้าตื่นกลัวไม่หาย แต่เมื่อเสี่ยวชุนทำทีเป็นหวาดกลัวเช่นกันและชวนคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เด็กหนุ่มก็ยอมเล่าให้ฟังแต่โดยดี
"สภาพน่ากลัวมากเลยเสี่ยวชุน...ข้าสังเกตเห็นว่าที่ข้อมือของป้าจางมีรอยช้ำ เหมือนถูกใครจับไว้แน่นเลยนะ แล้วที่คอก็มีรอยข่วนเป็นทางยาวด้วย...อ้อ! ตอนที่ข้าจับมือแกขึ้นมานะ เหมือนจะเห็นว่าใต้เล็บแกมีเศษด้ายสีน้ำเงินเข้ม ๆ ติดอยู่ด้วยละ แต่ข้ากลัวเลยไม่ได้บอกใคร"
เสี่ยวชุนจดจำข้อมูลนั้นไว้ในใจอย่างเงียบงัน ก่อนจะปลีกตัวไปยังบ่อน้ำร้างตามลำพัง ที่นั่นตอนนี้ช่างดูวังเวงน่ากลัวกว่าเดิมหลายเท่าตัว
เด็กสาวตัวน้อยจึงพยายามรวบรวมความกล้าพร้อมกับคิดว่าไม่มีอะไรหรอกไม่ต้องกลัว เมื่อจิตใจของนางเริ่มมั่นคงดี นางจึงได้ก้าวเท้าเข้าไปสำรวจรอบ ๆ บ่ออย่างละเอียดตามที่คุณหนูสั่ง สายตาของเด็กหญิงกวาดไปตามพื้นดินชื้นแฉะ...
และแล้วตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะเจอเข้ากับอะไรบางอย่างข้างพุ่มไม้เตี้ย ๆ ที่อยู่ห่างจากขอบบ่อไปเล็กน้อย ตรงนั้นมีวัตถุชิ้นเล็กชิ้นหนึ่งตกอยู่...มันคือกระดุมไม้ที่ถูกขัดจนขึ้นเงา ซึ่งนางคิดว่ามันช่างไม่น่ามาอยู่ตรงนี้
ทั้งนี้เป็นเพราะมันไม่ใช่กระดุมหยาบ ๆ ที่ใช้กับเสื้อผ้าของบ่าวไพร่ทั่วไปนั่นเอง "สิ่งนี้ผิดที่ผิดทางตามที่คุณหนูพูด" นางพึมพำ ก่อนจะรีบห่อกระดุมเม็ดนั้นด้วยผ้าเช็ดหน้าแล้วเก็บไว้ในอกเสื้อเป็นอย่างดี
หลังจากนางได้ตรวจสอบดูอีกรอบและไม่พบสิ่งใดเพิ่มเติม เสี่ยวชุนจึงได้ตัดสินใจว่าจะไปทำภารกิจสุดท้ายที่ค่อนข้างอันตรายไม่น้อย นั่นก็คือการสังเกตการณ์เสี่ยวชิว
วิธีการของเด็กหญิงก็คือ นางแสร้งทำเป็นทำงานอยู่ใกล้กับโรงครัว และก็เป็นดังคาด...นางเห็นเสี่ยวชิวมีท่าทีร้อนรนผิดปกติ เด็กสาวมักทำงานผิด ๆ ถูก ๆ และคอยมองไปรอบตัวคล้ายหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญที่สุด...เสี่ยวชุนเห็นเสี่ยวชิวกำลังมีปากเสียงอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ กับบ่าวชายคนหนึ่งที่ชื่ออาเฉียงอยู่ที่หลังเรือนฟืน
คนทั้งสองมีสีหน้าเคร่งเครียดและหวาดกลัว เมื่ออาเฉียงเห็นว่าเสี่ยวชุนกำลังเดินผ่านมา ชายหนุ่มก็รีบหันหลังเดินหนีไปทันที ทิ้งให้เสี่ยวชิวยืนหน้าซีดอยู่ตามลำพัง
เย็นวันนั้นเสี่ยวชุนรีบกลับมารายงานทุกสิ่งที่ตนได้พบเห็นและได้ยินมาให้จื่อเหยาฟังอย่างละเอียด พร้อมทั้งยื่นกระดุมไม้ชิ้นสำคัญที่พบออกมาด้วย
จื่อเหยารับกระดุมไม้นั้นมาพิจารณาในมืออย่างใจเย็น ขณะที่ในสมองกำลังประมวลผลข้อมูลทั้งหมดด้วยความเร็วสูง
(รอยช้ำที่ข้อมือ รอยขีดข่วนที่คอ...ยืนยันว่าเป็นการต่อสู้ ไม่ใช่อุบัติเหตุ...เศษด้ายสีน้ำเงินเข้มและกระดุมของผู้ชาย...แสดงว่าคนร้ายเป็นบุรุษที่สวมเสื้อผ้าดีกว่าบ่าวทั่วไป...เสี่ยวชิวมีท่าทีร้อนตัวและมีความสัมพันธ์ลับกับอาเฉียง...ป้าจางอาจจะล่วงรู้ความลับของพวกเขาสองคนเข้า จึงถูกฆ่าปิดปาก!) นางลองคิดในสิ่งที่น่าจะพอเป็นไปได้
{ระบบ...ช่วยวิเคราะห์วัตถุนี้ให้ที} นางสั่งในใจ
[ติ๊ง! กำลังสแกนวัตถุ...วิเคราะห์เสร็จสิ้น] [วัตถุ: กระดุมไม้เนื้อแข็งขัดเงา...มาจากเสื้อผ้าบุรุษคุณภาพปานกลาง ไม่ใช่ของบ่าวรับใช้ทั่วไป แต่เป็นระดับหัวหน้าคนงานหรือองครักษ์ส่วนตัว]
ในตอนนี้ในหัวของจื่อเหยาก็ได้มีภาพทั้งหมดทักถออยู่ด้วยกันแล้วอย่างสมบูรณ์ ก่อนนางจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเสี่ยวชุนที่รอคอยอย่างมีความหวัง
"ข้าได้ตัวผู้ต้องสงสัยที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดแล้ว...เสี่ยวชุน"
"จริงหรือเจ้าคะคุณหนู! ใคร...ใครคือผู้ต้องสงสัยเจ้าคะ?"
"อาเฉียง...และเสี่ยวชิวคือผู้สมรู้ร่วมคิดที่เป็นไปได้มากที่สุด" จื่อเหยาตอบเสียงเรียบ "ตามความคิดของข้าคือนางจางอาจจะล่วงรู้ความลับเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคน และใช้มันเพื่อข่มขู่บางอย่าง จนนำไปสู่การเผชิญหน้ากันที่บ่อน้ำในคืนนั้น และจบลงด้วยการฆ่า"
"ถ้าเช่นนั้น...พวกเขาก็คือคนร้ายจริง ๆ น่ะสิเจ้าคะ!" น้ำเสียงของเสี่ยวชุนเต็มไปด้วยความตื่นกลัวและตื่นเต้น
"นั่นเป็นแค่การคาดเดา" จื่อเหยาพูดต่อ "เพราะพวกเรายังขาดหลักฐานชิ้นสุดท้ายที่จะมัดตัวพวกเขาโดยตรง...เรายังไม่รู้ว่าพวกเขาโต้เถียงกันเรื่องอะไร หรืออะไรคือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้พวกเขาลงมือ...การจะทำให้นายอำเภอหวังยอมรับได้ เราต้องทำให้พวกเขาสารภาพออกมาเอง"
นางมองออกไปนอกหน้าต่างที่บัดนี้มืดสนิทแล้ว...และคืนที่สองของเส้นตายสามวันกำลังจะเริ่มต้นขึ้น