คืนที่สองของเส้นตายสามวันมาถึงพร้อมกับความกดดันที่ทวีสูงขึ้น บรรยากาศในเรือนเมฆาคล้อยหนักอึ้งไปด้วยความหวาดระแวงและความกลัว
จื่อเหยารู้ดีว่าการรอให้หลักฐานชิ้นต่อไปปรากฏขึ้นเองนั้นโง่เขลา นางต้องเป็นฝ่ายรุกเสียเอง
"เสี่ยวชุน" จื่อเหยาเอ่ยขึ้นในความเงียบของห้องพัก "ข้ามีแผนที่จะทำให้หนูสกปรกสองตัวนั่นร้อนรนจนต้องเผยหางออกมา"
"แผนอะไรหรือเจ้าคะคุณหนู?"
"คนโบราณเชื่อเรื่องภูตผีวิญญาณ...เราก็จะใช้ความเชื่อนี้ให้เป็นประโยชน์" จื่อเหยาคลี่ยิ้มเย็น "เจ้าจงไปปล่อยข่าวลือ...บอกบ่าวคนอื่นว่าเมื่อคืนเจ้าได้ยินเสียงคนร้องไห้โหยหวนมาจากทางบ่อน้ำ และเมื่อเช้านี้ตอนที่ข้าตื่นนอน ข้าก็ละเมอพูดจาแปลก ๆ ว่า...ข้าหนาว...ของของข้าอยู่ที่ไหน...เอาของของข้าคืนมา..."
เสี่ยวชุนเบิกตากว้าง "คุณหนูจะให้บ่าวกุเรื่องว่าวิญญาณของป้าจางมาเข้าฝันคุณหนูอย่างนั้นหรือเจ้าคะ!"
"ถูกต้อง" จื่อเหยากล่าว "และเจ้าจะต้องจงใจเล่าให้ดูน่ากลัวและสมจริงมากที่สุด บอกว่าวิญญาณของนางยังคงวนเวียนอยู่แถวนี้เพื่อตามหาของสำคัญของคนที่ฆ่านางคว้าติดมือมาได้ก่อนตาย...และนางจะตามทวงคืนจากเจ้าของ...ของมัน"
ซึ่งแผนการนี้คือการสาดน้ำมันเข้ากองไฟโดยแท้อย่างที่หรงจื่อเหยานึกไม่ถึงทีเดียว และเสี่ยวชุนก็ไม่รอช้า นางรีบทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายทันที
และเมื่อนางได้ออกจากห้องและตรงมาที่โรงครัวเด็กหญิงก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้บ่าวรับใช้สองสามคนที่ดูขวัญอ่อนมากที่สุดฟังก่อนเป็นอันดับแรก
และเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ข่าวลือเรื่องวิญญาณป้าจางเฮี้ยนก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเรือนราวกับไฟลามทุ่ง บรรยากาศที่น่าหวาดหวั่นอยู่แล้ว ยิ่งทวีความน่าขนลุกขึ้นไปอีกหลายเท่า
และกับดักนี้ก็ได้ผล...เสี่ยวชิวมีอาการหวาดผวาอย่างเห็นได้ชัด นางหน้าซีดและทำของตกหล่นอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งตกดึกในคืนนั้นเอง...เรื่องราวที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น!
"กรี๊ด! มีคนตาย!"
เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มันได้ดังมาจากทางเรือนเก็บฟืน! บ่าวไพร่ที่ยังไม่ทันข่มตาหลับต่างวิ่งกรูไปยังที่เกิดเหตุ
และภาพที่เห็นก็ทำให้ทุกคนต้องแข็งทื่อด้วยความตกตะลึง...ร่างของอาเฉียงนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น! ที่กลางอกของเขามีมีดทำครัวปักอยู่จนมิดด้าม ส่วนเสี่ยวชิวนั่งตัวสั่นเทาอยู่ไม่ไกล นางเอาแต่กรีดร้องว่า "เงาตัวดำ ๆ มันฆ่าเขา...วิญญาณป้าจางกลับมาแล้ว!"
เหตุฆาตกรรมซ้อนที่เกิดขึ้นทำให้นายอำเภอหวังต้องกลับมาที่เรือนเมฆาคล้อยอีกครั้งในยามวิกาล คราวนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและสับสน
จื่อเหยาเห็นว่านี่คือโอกาสเดียวของนาง นางจึงเรียกเสี่ยวชุนมาสั่งการพร้อมกับนำเงินก้นหีบที่ค้นเจอซึ่งเจ้าของร่างเดิมน่าจะซ่อนไว้ออกมา
"เจ้าจงนำเงินก้อนนี้ไปมอบให้นายอำเภอหวัง บอกเขาว่าข้ามีลูกพี่ลูกน้องชายห่าง ๆ ทางแม่ที่เป็นศิษย์หมอเทวดาคนหนึ่ง เขามีความสามารถในการตรวจดูศพเพื่อหาสาเหตุการตายได้อย่างแม่นยำ ข้าขออนุญาตให้น้องชายของข้าเข้าไปตรวจสอบศพของอาเฉียงเพื่อหาเบาะแสที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้าในคดีของป้าจาง"
แม้ว่าเสี่ยวชุนจะรู้สึกสงสัยว่าน้องชายผู้นั้นของคุณหนูเป็นใครมาจากไหน แต่ทว่านางก็เชื่อฟังคุณหนูของตัวเองเป็นอย่างดี "เจ้าค่ะ คุณหนู" นางรับคำก่อนจะค่อย ๆ หาโอกาสส่งเงินในมือมอบให้ขุนนางผู้ละโมบอย่างลับ ๆ
นายอำเภอหวังผู้เห็นแก่เงิน เมื่อได้รับสินน้ำใจก้อนโตและเห็นว่าเป็นหนทางที่จะปิดคดีที่น่าปวดหัวนี้ได้เร็วขึ้นจึงยอมตกลงอย่างง่ายดาย เมื่อเสี่ยวชุนเห็นดังนั้นนางจึงได้รีบกลับไปห้องพักอย่างรวดเร็ว
"คะ...คุณหนู!" น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความตกใจเมื่อเห็นคุณหนูแต่งกายในรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มคล้ายบัณฑิต
"เจ้าอย่าได้เสียงดังไป ยามนี้ค่อนข้างมืด เจ้ารีบออกไปดูต้นทางให้ข้าทีว่ามีใครหรือไม่" จื่อเหยายกนิ้วขึ้นจุ๊ปากของตน ก่อนจะสั่งสาวใช้ออกมา
"จะ...เจ้าค่ะ" เสี่ยวชุนตอบรับด้วยความสับสน "ปลอดคนเจ้าค่ะ" หลังคนด้านในได้ยินคำพูดนี้ของนาง หรงจื่อเหยาในคราบของคุณชายหลี่เหยาก็ได้เดินออกมาด้วยท่าทางสุขุมเกินวัย
"เสี่ยวชุน หากข้าอยู่ในรูปลักษณ์เช่นนี้เจ้าจงเรียกข้าว่า หลี่เหยา เข้าใจหรือไม่" หรงจื่อเหยาพยายามเปลี่ยนน้ำเสียงของตนให้เข้มขึ้นเล็กน้อย
"บ่าวเข้าใจแล้ว...ว่าแต่คุณหนูทำแบบนี้ทำไมหรือเจ้าคะ" ครานี้เสี่ยวชุนไม่ปล่อยผ่านความสงสัยจึงได้ถามออกมา
"ข้าก็คือศิษย์หมอเทวดาผู้นั้นอย่างไรเล่า" สิ้นคำกล่าวของหรงจื่อเหยา เสี่ยวชุนก็อ้าปาก ดวงตาเบิกกว้างในทันที
"คุณหนู หมายความว่าท่านจะเข้าไปดูศพด้วยตัวเองหรือเจ้าคะ" เสียงของบ่าวรับใช้ถามออกมาอย่างตกใจ
"ใช่! เจ้าเลิกตกใจได้แล้ว รีบไปบอกท่านนายอำเภอหวังเถอะว่าคุณชายหลี่กำลังมา"
แม้ว่าเสี่ยวชุนอยากจะค้านคนเป็นนายใจแทบขาด แต่เมื่อได้เห็นแววตาคมกริบคู่นั้นที่จ้องมองมา นางก็ได้แต่ต้องวิ่งเหยาะ ๆ จากไปท่ามกลางแสงสลัวของดวงจันทร์
และไม่นานหลังจากนั้น จื่อเหยาที่รออยู่ชั่วครู่ใหญ่ก็ได้เดินออกไปปรากฏกายในนามของคุณชายหลี่เหยา
"ท่านคือคุณชายหลี่" นายอำเภอหวังถามอย่างกังขา เนื่องจากเด็กหนุ่มคนนี้มีรูปร่างผอมบางและอ่อนแอคล้ายอิสตรีไม่มีผิด จะดูแตกต่างออกไปเล็กน้อยก็คือแววตาคมปลาบและสุขุมเกินวัย
"คารวะท่านนายอำเภอหวัง ผู้น้อยแซ่หลี่นามเหยาขอรับ"
จื่อเหยาในคราบคุณชายกล่าวทักทายพลางประสานมือคารวะ แม้จะดูสุภาพทว่าก็ไม่ได้นอบน้อมมากจนเกินควร
"ไม่ต้องมากพิธี" ชายมากวัยกล่าวพลางโบกมือ "เอาละ ในเมื่อท่านมาแล้วก็เชิญเถอะ" เขากล่าวอย่างขอไปทีอีกครั้ง แม้ว่าเจ้าตัวจะยังคงสงสัยทว่าก็ยอมปล่อยผ่านแต่โดยดีเนื่องจากยามนี้ก็ดึกมากแล้ว
จื่อเหยาในคราบของหลี่เหยาเองก็ไม่รอช้า นางจึงได้เดินตรงไปยังศพของอาเฉียงโดยไม่แสดงอาการรังเกียจแม้แต่น้อย ท่ามกลางสายตาที่อยากรู้อยากเห็นของทุกคน
นางเริ่มทำการชันสูตรด้วยตนเอง "เรียนท่านนายอำเภอ" นางกล่าวกับนายอำเภอหวัง "ผู้ตายไม่ได้ถูกฆ่าโดยเงา อย่างที่นางกล่าวอ้าง" คำพูดนี้ทำให้เสี่ยวชิวที่กำลังร้องไห้ตัวสั่นสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจไปชั่วขณะ
"เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร" นายอำเภอผู้ไม่คิดจะสนใจเรื่องคดี ถามพลางอ้าปากหาว
หรงจื่อเหยาที่เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาก็ส่ายหน้าในใจ (เหตุใดคนเช่นนี้ถึงได้มาเป็นผู้รักษากฏหมายได้กัน) นางคิดก่อนจะหันมาสนใจเรื่องตรงหน้าของตนต่อ
"บาดแผลนี้เกิดจากคมมีดเพียงครั้งเดียว อีกทั้งยังลึกและแม่นยำตัดขั้วหัวใจพอดี นี่แสดงว่าคนร้ายต้องเป็นคนที่รู้ตำแหน่งจุดตายบนร่างกายเป็นอย่างดี และต้องเป็นคนที่ผู้ตายไม่ได้ระมัดระวังตัว เขาจึงสามารถเข้าประชิดได้ในระยะนี้" นางกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วของตนไปยังบาดแผล
นายอำเภอหวังทำเพียงชะโงกหน้ามาดูเล็กน้อยด้วยความรังเกียจ "แล้วยังไงต่อ" เขาถามอย่างไม่ใส่ใจ
จื่อเหยาเองก็คร้านจะสนใจท่าทางเช่นนี้ของคนผู้นี้อีก ดังนั้นนางจึงได้พลิกฝ่ามือของผู้ตายขึ้นมา "ในมือของผู้ตายมีเศษผ้าฝ้ายหยาบ ๆ แต่ที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือกลิ่น...ซึ่งบนตัวผู้ตายมีกลิ่นหมึกจาง ๆ ติดอยู่ ซึ่งไม่ใช่กลิ่นที่บ่าวรับใช้ในเรือนฟืนควรจะมี"
และคำพูดของนางก็ได้ทำให้ทุกคนต่างพากันตกตะลึง โดยเฉพาะบัณฑิตเฝิง บัณฑิตหนุ่มหน้าตาหมดจดผู้มีชื่อเสียงดีงามและเป็นที่นับหน้าถือตาของคนในหมู่บ้าน ซึ่งบังเอิญมาเยี่ยมเยียนพ่อบ้านสวีในคืนนี้พอดี
"คุณชาย...ท่านเป็นใครกันแน่ ถึงได้มาพูดจาเหลวไหลที่นี่!" บัณฑิตเฝิงกล่าวตำหนิด้วยสีหน้าไม่พอใจ หลังเห็นสายตาเคลืองแคลงของทุกคนมองมาทางตนเอง
จื่อเหยาหันไปเผชิญหน้ากับเขาอย่างตรงไปตรงมา "ข้าเป็นเพียงศิษย์แพทย์ที่พูดไปตามหลักฐานที่เห็น...แต่ท่านบัณฑิตนี่สิ น่าแปลกนัก เหตุใดท่านจึงดูร้อนรนกับเรื่องนี้ยิ่งกว่าคนอื่นเล่า?" และเป็นอีกคำรบที่สองที่คำพูดนี้ทำให้เกิดความกังขาในหมู่ของผู้คน
"ไร้สาระ!" บัณฑิตเฝิงสะบัดแขนเสื้อ "ทุกคนต่างก็รู้ว่าคุณหนูใหญ่ต่างหากคือผู้ต้องสงสัยในคดีแรก...ไหนจะเรื่องปิ่นปักผมที่พบในที่เกิดเหตุ? เหตุใดท่านจึงไม่ไปสืบสวนนางต่อเล่า ไม่แน่ว่าการตายของบ่าวชายคนนี้ก็อาจจะเกี่ยวข้องกับนางด้วยก็ได้"
ในตอนนี้เพียงคำพูดประโยคเดียวของเขาได้ทำให้ทั่วทั้งเรือนห้องเก็บฟืนแห่งนี้เงียบกริบ! เสี่ยวชุนเบิกตากว้าง...ส่วนจื่อเหยาก็คลี่ยิ้มออกมา...ซึ่งมันเป็นรอยยิ้มของผู้ชนะ
"น่าแปลกนะท่านบัณฑิต..." จื่อเหยากล่าวเสียงเย็น "เรื่องปิ่นนั้นเป็นเรื่องที่พ่อบ้านสวีรายงานท่านนายอำเภอเป็นการส่วนตัว...หากท่านไม่เกี่ยวข้องกับแผนการใส่ร้ายญาติผู้พี่ของข้าตั้งแต่แรก...แล้วท่านไปได้ยินเรื่องนี้มาจากที่ใดกัน?"
บัณฑิตเฝิงหน้าซีดเผือดทันที! และดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองได้หลุดปากพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมาเสียแล้ว
"ขะ...ข้า...ข้าก็ได้ยินคนอื่นเขาพูดกันมา!"
"งั้นหรือ!" จื่อเหยาตวาดลั่น "ถ้าเช่นนั้นข้าจะบอกความจริงให้! คนที่ฆ่าป้าจางก็คือเจ้า! เจ้าลอบมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับเสี่ยวชิว! แต่ป้าจางผู้ละโมบรู้ความลับนี้เข้า อีกทั้งนางยังมีลูกชายติดการพนัน นางจึงข่มขู่เรียกเงินจากเจ้าไม่หยุดหย่อน!
เจ้าซึ่งกำลังจะแต่งงานกับบุตรสาวขุนนางและกลัวว่าอนาคตจะดับสิ้น จึงวางแผนฆ่านางเพื่อปิดปาก! เจ้าใช้อาเฉียงเป็นคนลงมือ และใช้เสี่ยวชิวเป็นคนนำปิ่นญาติผู้พี่ของข้าไปวางเพื่อโยนความผิด! แต่เมื่อมีเรื่องวิญญาณดังขึ้นมา พวกเจ้าก็กลัวว่าอาเฉียงจะปากสว่างจึงฆ่าเขาเพื่อปิดปากอีกคน! ข้าพูดถูกหรือไม่!!!"
ทุกประโยคของเด็กหนุ่มราวกับสายฟ้าที่ฟาดลงกลางใจของบัณฑิตเฝิงและเสี่ยวชิว! เสี่ยวชิวซึ่งตกอยู่ในอาการช็อกจากการตายของคนรักและหวาดกลัววิญญาณอยู่แล้ว
เมื่อนางถูกความจริงจี้ใจดำเข้าอย่างจังก็สติแตกทันที "ข้าไม่ได้ฆ่า! เขาเป็นคนทำ! เขาเป็นคนวางแผนทั้งหมด! ข้าไม่ได้อยากทำ!" นางกรีดร้องพลางชี้มือไปที่บัณฑิตเฝิง
เมื่อมีคำสารภาพของผู้สมรู้ร่วมคิดหลักฐานทุกอย่างก็มัดตัวบัณฑิตเฝิงจนดิ้นไม่หลุด นายอำเภอหวังแม้จะตกตะลึงแต่ก็จำใจต้องสั่งจับกุมบัณฑิตเฝิงและเสี่ยวชิวทันที
และแล้วในที่สุดคดีฆาตกรรมซ้อนที่ดูเหมือนจะมืดแปดด้าน ก็กลับถูกคลี่คลายลงได้อย่างน่าทึ่งโดยคุณชายปริศนาเพียงคนเดียว...นามของเขาคือคุณชายหลี่เหยา
รวมถึงจุดประสงค์ของหรงจื่อเหยาก็ได้สำเร็จลงด้วยดีเช่นกัน เนื่องจากบัดนี้ชื่อเสียงภายในค่ำคืนนี้ของนางที่ตั้งใจปิดบังตัวได้เริ่มเป็นที่รู้จักขึ้นมาในบัดดล