หลังจากที่ฉันถูกบีบให้เลือกระหว่าง ‘นอนกับเรย์จิ’ หรือ ‘นอนกับไทกะ’...ฉันก็—“ฉันจะนอนกับไทกะ!!!!”ฉันประกาศลั่นแบบไม่ลังเล!!!ยังไงก็ไม่นอนกับไอ้มาเฟียบ้านี่เด็ดขาด!!!…แต่เหมือนฉันจะลืมไปว่า…ไทกะเป็นหมาของใครและไอ้เจ้าของหมานี่...มันโคตรเอาแต่ใจ!!!!!คฤหาสน์คุโรซาวะ – ห้องนอนสุดหรู“เฮ้ย! เดี๋ยวสิวะ!! ทำไมฉันต้องมานอนที่นี่!!!??”ฉันยืนตัวแข็งอยู่กลางห้องนอนสุดหรูระดับโรงแรมห้าดาวของคฤหาสน์คุโรซาวะ!!!???แชนเดอเลียร์ระยิบระยับ โซฟากำมะหยี่สุดแพง วิวจากระเบียงที่มองเห็นเมืองทั้งเมือง—นี่มันห้องนอนมาเฟียหรือเพนต์เฮาส์เวกัสฟะ!!!?แต่ที่ทำให้ฉันช็อกกว่าอะไรทั้งหมดคือ…เรย์จิถอดสูทออกแล้ว!!!…และกำลัง ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบน!!!!!!???“หืม?”เขาหันมามองฉันนิ่งๆ ก่อนจะพูดหน้าตาย“เธอเป็นแฟนฉัน นอนกับฉันก็ถูกแล้ว”“ไอ้มาเฟียบ้าาาาาาา!!!!”“เธอบอกจะนอนกับไทกะ แต่มันนอนที่ห้องฉัน”“!!!!”พรืดดดดดด!!! ฉันแทบล้มทั้งยืน!!!นี่มันแผนของหมากับเจ้าของใช่มั้ยฟะ!!!!?“ทำหน้าตกใจทำไม?” เรย์จิปรายตามองฉันก่อนจะเดินไปนั่งบนเตียงซึ่งใหญ่มากกกกกก!!!นี่มันเตียงระดับ VIP ที่นอนได้ 4 คนสบายๆ!!!โอ
🖤 [Part พิเศษ – ความในใจของเรย์จิ]ในห้องนอนเงียบสงัดภายใต้แสงไฟสลัวนวลอุ่นที่ไล้ผนังห้องหรูไปอย่างเนิบช้าร่างบางของมินาเอะนอนหลับอย่างสงบเธอขดตัวเล็กๆ อยู่ในอ้อมกอดของชายที่เธอทั้งหวาดกลัวและ...อาจกำลังเริ่มวางใจแต่เรย์จิ—มาเฟียหนุ่มผู้เป็น ‘มังกรดำแห่งคุโรซาวะ’ คนนี้...กลับยังไม่หลับไม่ใช่เพราะเสียงรบกวน ไม่ใช่เพราะคิดเรื่องงาน ไม่ใช่เพราะระวังภัย…แต่เพราะคืนนี้ผู้หญิงที่เขารักอยู่ข้างกายเขาจริงๆ เป็นครั้งแรกเขาหลุบตามองใบหน้าเล็กๆ ที่ซุกอยู่ตรงอกแกร่งของเขาอย่างแผ่วเบาสายตาคมเย็นที่ใครๆ ต่างหวาดกลัว—ในเวลานี้กลับอ่อนโยนจนน่าตกใจมือใหญ่เลื่อนขึ้นไปอย่างช้าๆปลายนิ้วไล้เส้นผมนุ่มของเธอราวกับกลัวจะทำให้ตื่น“เธอ… ช่างอันตรายเหลือเกิน”เขาคิดในใจอย่างเงียบงัน…ไม่ใช่อันตรายเพราะเธอถือปืนแต่เพราะเธอถือ ‘หัวใจเขา’ ไว้โดยไม่รู้ตัวเรย์จิเคยผ่านผู้หญิงมากมายเคยนอนกับผู้หญิงทุกคน...โดยไม่รู้สึกอะไรแต่คืนนี้กลับต้อง…อดทนและมากกว่านั้น…ห้ามใจตัวเองแทบตาย“ฉันไม่อยากให้เธอเกลียดฉัน”เสียงในใจเขาเอ่ยเบา ๆถ้าเป็นเมื่อก่อน—เขาคงจะไม่ลังเลแม้แต่นิดจะกอดแรงๆ จะจูบ จะครอบครองอย
ในค่ำคืนที่ไม่สงบ (เลยสักนิด)“เฮ้ย!! ออกไปนะเว้ย!!”เสียงโวยวายของอัยย์ดังลั่นห้องขณะที่เธอยืนชี้นิ้วกราดใส่คนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาเหมือนเดินเข้าห้องตัวเอง“นี่มันห้องฉัน!!”และไอ้คนหน้าด้านคนนั้น—ก็คือคิน มือขวาแห่งแก๊งคุโรซาวะ ผู้มีหน้าตาหล่อเนี๊ยบ กวนตีนขั้นโปร…ที่ตอนนี้กำลังยืนกอดอกในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนสุดเท่ แล้วกวาดตามองห้องอย่างสบายใจสุดชีวิต“จริงเหรอ?” คินเอียงคอนิดๆ“ประตูมันเปิดถึงกันง่ายขนาดนี้… แสดงว่าเป็นห้องคู่ของคนสนิทนะ”“ไม่มีคำว่า ‘คนสนิท’ โว้ย!!!”อัยย์หน้าแดงแปร๊ด! ทั้งเพราะโกรธและเพราะ—เขาอยู่ใกล้เกินไป!!“แต่นายท่านเรย์จิจัดห้องให้แบบนี้เองนะ” คินผลักแว่นขึ้นอย่างเท่ๆ ก่อนพูดต่อเสียงเรียบ“จะให้ฉันไปนอนโซฟาแข็งๆ ก็ใจร้ายไปหน่อยนะ”“ใจร้ายตรงไหน! นายมันมาเฟียนะเว้ย!!!”“ฉันเป็นบอดี้การ์ดของเธอด้วยนะ”เสียงนิ่งๆ แฝงความเจ้าเล่ห์ ทำเอาอัยย์อยากเอาหมอนฟาดหัวเขาให้รู้แล้วรู้รอด!แล้วเขาก็…เดินดุ่มๆ ไปวางหมอนอีกใบลงบนเตียงของเธอราวกับว่าเป็น ‘ห้องของตัวเอง’ ตั้งแต่ชาติปางก่อน!!!🛏️ สมรภูมิเตียงที่ไม่มีใครยอมใคร!?“หยุดเลยนะ!!”อัยย์รีบคว้าหมอนมากั้นไว้ตรงกลาง
แสงแดดนวลอ่อนยามเช้า ส่องลอดผ้าม่านสีขาวบางเบาเข้ามาแตะผิวแก้มของฉันอย่างแผ่วเบา ราวกับจะปลุกให้ลืมตาตื่นขึ้นมาสู่เช้าวันใหม่ที่สงบ…...ถ้าหากมัน สงบจริง ๆ น่ะนะแต่ปัญหาคือ—ฉันไม่ได้ตื่นมาพร้อมนอนอยู่คนเดียวบนเตียง!!!!ฉันตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าอยู่ในอ้อมกอดของมาเฟียสุดหล่อ!!!ฉันรู้สึกตัวตื่นแบบงัวเงีย…สิ่งแรกที่ฉันเห็นทันทีที่ลืมตาคือ…ใบหน้าของเรย์จิอยู่ใกล้ฉันแบบระยะประชิด!!โคตรใกล้! ใกล้ชนิดที่ลมหายใจของเขาระบายมาโดนหน้า!กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเขาทำฉันมึนไปสามวิจมูกโด่งเรียว… ขนตายาวระริก… และริมฝีปากที่แนบสนิทแต่ที่ช็อกกว่าคือ…แขนของเขา กำลังโอบเอวฉันแน่นแบบไม่ยอมปล่อย!!!!“ว๊ากกกกกกกก!!!!”ฉันร้องลั่นแบบไม่รู้ตัว พร้อมดิ้นพรวดถอยหนีจากอ้อมกอดตุ้บ!“โอ๊ยยยยยยยยยยย!!!! เจ็บบบบ!!!”ฉันลงไปกองอยู่บนพรมหนานุ่มข้างเตียง กุมก้นตัวเองด้วยสีหน้าสิ้นหวังพอเงยหน้ามองขึ้นไปบนเตียง—เรย์จิก็ลืมตาพอดีเขายกตัวลุกขึ้นช้า ๆ สายตายังดูง่วงนิดๆ แต่…ก็โคตรหล่อใบหน้าเงียบขรึมของเขาหันมามองฉันที่กำลังนั่งงออยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง“หืม… ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำถามเบาๆ“นาย!!! นายกอดฉ
สถานที่: คฤหาสน์คุโรซาวะ – เวลา 14:48 น.บ่ายวันหนึ่ง ที่ควรสงบเหมือนทุกวันในรั้วคฤหาสน์มาเฟีย…แต่ทันใดนั้น—เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มก็ดังขึ้นจากรั้วหน้าวรู๊มมมมมมมมมมมมมมมม—!!เสียงท่อแต่งของมอเตอร์ไซค์สไตล์คัสตอมกระแทกโสตประสาทอย่างจังรถยนต์กันกระสุนของแก๊งคุโรซาวะที่จอดอยู่เรียงรายถึงกับสั่นสะเทือนเล็กน้อยตามจังหวะเบรกหัวทิ่มของขบวนชายหนุ่มที่ขี่นำ ถอดหมวกกันน็อกอย่างช้าๆผมสีเงินซีดถูกลมตีปลิวพลิ้วเบาๆ เหมือนฉากเปิดตัวของวายร้ายที่สาวๆ พร้อมจะตกหลุมรักในทันทีนัยน์ตาสีอำพันทอแสงแหลมคม—เหมือนเหยี่ยวที่มองเป้าหมายแม้จะอยู่ไกลหลายไมล์ซัน… เดินอย่างไม่เร่งรีบ ท่ามกลางสายตาระแวดระวังของบอดี้การ์ดเกือบสิบชีวิตเขายกมือขึ้นเหมือนจะบอกว่า ‘ใจเย็น’แต่รอยยิ้มบางบนใบหน้านั้น… กลับให้ความรู้สึกเหมือนกำลังบอกว่า ‘ถ้ายิงมา… ฉันจะสวนหมด’เสียงกระซิบของคนเฝ้าระวังดังในวิทยุ:“บุคคลตรงหน้า…คือ ‘วายุ ซัน’ หัวหน้าแก๊งวายุ ย้ำ—หัวหน้าแก๊งวายุ กำลังเข้าพื้นที่!!”💥 [Flashback สั้น]📍 หลายปีก่อน - ในวงล้อมการฝึกงานของโลกใต้ดินเรย์จิ และ ซัน เคยยืนเคียงข้างกัน—ไม่ใช่เพราะศรัทธา แต่เพราะผลประโยช
ในร้านราเมนญี่ปุ่นบรรยากาศอบอุ่นกลางเมือง โต๊ะไม้สีเข้มเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ กลิ่นน้ำซุปทงคตสึหอมฉุยลอยอ้อยอิ่งไปทั่วโต๊ะริมหน้าต่างที่ห่างจากลูกค้าคนอื่น ถูกจองไว้ล่วงหน้าโดยชายในชุดดำขรึม ผู้ที่ใครในร้านต่างเหลียวมองอย่างไม่กล้าเข้าใกล้—แต่เขาไม่ได้มาคนเดียว“นี่มันอะไรกันฟะ…”ฉันมองกระจกในร้านราเมนร้านโปรดของตัวเอง พลางพึมพำเบาๆฉันนั่งอยู่ริมหน้าต่างโต๊ะสองที่ (บวกอีกหนึ่งจานชามสำหรับหมา)ใส่เสื้อฮู้ดตัวเก่ง ผูกผมลวกๆ แบบเนิร์ดประจำตัวแต่ปัญหาคือ—ไอ้คนตรงข้ามฉันน่ะ… แม่งแต่งตัวหล่อจัดเต็มระดับพระเอกซีรีส์มาเฟียเวอร์ชั่นดาร์ก!!เรย์จิในชุดเชิ้ตดำ กางเกงสเลคเรียบกริบ เสื้อนอกตัวบางพาดไหล่นั่งไขว่ห้าง… กำลังเปิดเมนูราเมนเหมือนกำลังประชุมกับแก๊งมาเฟียในร้านชิลล์ๆและที่ข้างเก้าอี้ของฉัน—เจ้าหมาชิบะอินุตัวกลมที่ชื่อ ไทกะนั่งอย่างสง่างาม (?) พิงขาฉันอยู่มีจานอาหารหมาพิเศษของทางร้านอยู่ตรงหน้าพร้อมถ้วยน้ำ และพนักงานสาวที่ถ่ายรูปรัวๆ เพราะ “คุณหมาน่ารักมากกกก!”“โฮ่ง~”มันหันมามองฉันแล้วกระดิกหาง เหมือนจะบอกว่า“เธอนี่โชคดีจริงๆ ที่มีเจ้าของอย่างเรย์จิ พามาเดทด้วย!”เงียบบบบ!!
ลมบนยอดเขายังคงพัดเอื่อยเบา เย็นเฉียบแต่ไม่หนาวเกินใจจะทนแสงไฟจากเมืองเบื้องล่างยังส่องสว่างราวกับโลกทั้งใบไม่มีคำว่าหลับใหลมือของเขายังคงกุมมือฉันไว้แน่น—อุ่น... และมั่นคงและฉัน... ก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ไม่ถอย... ไม่หนีทั้งที่ควรจะวิ่งหนีไปให้ไกลแต่กลับอยากอยู่ใกล้เขาอีกนิดเดียวแค่... อีกนิดเดียวก็ยังดี“หนาวเหรอ?”เสียงเขาดังขึ้นเบาๆ ข้างหูฉันสะดุ้งเล็กน้อย สั่นนิดหน่อย ไม่แน่ใจว่าหนาว หรือหัวใจมันเต้นแรงจนร่างกายเบาหวิว“อืม… นิดหน่อย” ฉันตอบกลับเสียงเบาทันใดนั้น—ฟึ่บเขาถอดเสื้อสูทนอกของตัวเอง แล้วเอามาคลุมบ่าฉันไว้อย่างเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร… แค่ทำแค่นั้น…แค่นั้นจริงๆแต่กลับทำให้ใจฉัน... เหมือนจะหลอมละลาย ฉันหันไปมองเขาช้าๆ แล้วก็พบว่าเขามองฉันอยู่ก่อนแล้ว…สายตาคมคู่นั้น ไม่แข็ง ไม่เย็นชา และไม่น่ากลัวเหมือนตอนเจอกันครั้งแรกมันดูอ่อนโยน...และจริงใจจนฉันรู้สึกว่าโลกทั้งใบเงียบไปเลยเรายืนใกล้กันแค่คืบเดียว ไม่รู้ว่าฉันขยับไปหาเขา หรือเขาขยับเข้ามาใกล้ฉันแต่เมื่อระยะห่างนั้นแคบลงจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น...ตุบๆ อยู่ข้างหูเขาก็เอ่ยออกมาช้าๆ นุ่มนวลและจริงจัง“ขอโทษนะ…
หลังจากคืนนั้น...ฉันกับอัยย์ก็ไม่ได้กลับไปที่คอนโดของตัวเองอีกเลยเรย์จิเหมือนตัดสินใจไปแล้วแบบไม่ถามใครเขาสั่งลูกน้องหน้าโหดของเขา—ซึ่งโหดจนแค่เดินเฉียดก็กลั้นหายใจแล้ว ไปขนของทั้งหมดของฉันกับอัยย์มาไว้ที่คฤหาสน์หลังโตของเขาเรียบร้อยฉัน... นอนกับเรย์จิในห้องนอนขนาดใหญ่ที่มีเจ้าหมาไทกะตัวแสบจอมขโมยหมอนนอนด้วยส่วนอัยย์—นางก็โดนจัดให้นอนห้องติดกับไอ้คิน (แบบบังเอิญ... ที่ตั้งใจมากกกก)และจากประสบการณ์การสังเกตมาหลายวันฉันขอยืนยัน ณ จุดนี้ว่าสองคนนี้... ต้องมีซัมติงกันแน่นอน!!! 😏ชีวิตในคฤหาสน์...หรูหราอย่างกับหลุดเข้ามาอยู่ในซีรีส์เกาหลีตระกูลมาเฟียระดับเวิลด์คลาสฉันกับอัยย์แทบไม่ต้องทำอะไรเดินไปทางไหนก็มีแม่บ้านคอยรับใช้ หันไปอีกมุมก็เจอบอดี้การ์ดที่หน้าตาเหมือนหลุดออกมาจากเกม GTA คอยยืนขรึมๆ กันเป็นแพ็คฉันใช้ชีวิตอย่างกับ ‘ควีนแห่งโลกมาเฟีย’ในห้องนอนมีเครื่องเกมทุกเครื่องที่เคยฝันถึงคอมพิวเตอร์สเปกเทพสำหรับทำงานชุดนอนผ้านุ่มระดับพรีเมียม และหมอนที่นุ่มกว่าชีวิตฉันทั้งชีวิตรวมกัน...คือถ้าจะให้ออกจากที่นี่ตอนนี้คงต้องลากฉันไปทั้งเตียงแต่ในวันที่ชีวิตกำลังชิลๆ อย่างบ้าคล
ด้านของซัน| สถานที่ลับแถบชายแดนกลิ่นยาฆ่าเชื้อแรงฉุนแตะจมูกจนแสบจมูกเสียงเครื่องวัดชีพจรดัง ‘ติ๊ก…ตัก… ติ๊ก…ตัก…’ อย่างสม่ำเสมอ ห้องพยาบาลขนาดเล็กในโกดังร้างที่ชายแดนถูกปรับให้กลายเป็นห้องพักฟื้นชั่วคราว แสงไฟฟลูออเรสเซนส์กะพริบแผ่วเบา ทำให้ทั้งห้องดูซีดเซียวเหมือนผู้ป่วยที่นอนอยู่ในนั้นร่างของซันนอนพิงหัวเตียง แขนข้างที่เคยถูกกระสุนเจาะพันผ้าแน่นหนา สีหน้าซีดเผือดจากพิษไข้และบาดแผล เสื้อนอนเปิดแง้มเผยให้เห็นรอยฟกช้ำตลอดลำตัว ราวกับเพิ่งผ่านนรกมาแต่…“ตึก…ตัก… ตึก…ตัก…”หัวใจของเขายังเต้นแรง และแววตาของเขา…ยังสว่างวาบ ไม่ใช่เพราะไฟบนเพดาน แต่เพราะเพลิงแค้นที่ยังเผาอยู่ในอกประตูเหล็กเปิดออก พร้อมเสียงบานพับลั่นเบา ๆชายแว่นในชุดสูทดำก้าวเข้ามาอย่างเงียบกริบ ท่าทางเหมือนคนเคยผ่านการอยู่ใกล้คนอารมณ์อันตรายมาเป็นร้อยรอบ“ร่างกายคุณฟื้นตัวได้เร็วเหมือนเดิมนะครับ” เขารายงานเสียงเรียบ สายตาไม่กล้าประสานตรง“ “แต่…ตอนนี้แก๊งพันธมิตรหลายกลุ่ม เริ่มหันหลังให้เราแล้วครับ”“ข่าวคุณแพ้เรย์จิ...มันแพร่ไปไกลกว่าที่คาด”ซันหัวเราะในลำคอ เสียงแหบแห้ง แต่เย็นเฉียบจนเหงื่อเย็นผุดหลังคอผู้รายงาน“ก็
หนึ่งเดือนผ่านไปบนเกาะคุโรซาวะ เวลาที่เคยเหมือนลอยผ่านอย่างช้า ๆ ตอนนี้กลับกลายเป็นจังหวะของลมหายใจเพราะทุกเช้า...มีเสียงปืนฝึกทุกเย็น...มีเหงื่อไหลบนแผ่นหลังและทุกค่ำคืน...มีเสียงหัวใจที่เต้นแรงกว่าเก่ามินาเอะ—เด็กสาวจอมเนิร์ดที่คอยเอาแต่จับจอยเกมแทบไม่ยอมออกกำลังกายให้เปลืองพลังงานวันนี้กลับยืนหอบเบา ๆ ในชุดเทรนนิ่งรัดรูป เสื้อพับแขนเอวลอยแนบเข้ากับร่างเพรียวกระชับ ผมถักเปียครึ่งหัวแบบลวก ๆ หยาดเหงื่อไหลซึมตามไรผม...แต่ในแววตาของเธอมีแต่ความมั่นใจปัง! ปัง! ปัง!เสียงกระสุนปลอมจากปืนฝึกดังก้องกลางลานหิน เป้าจำลองตรงต้นไม้เบื้องหน้า...ถูกยิงเข้ากลางจุดทุกนัดอย่างแม่นยำ“เข้ากลางเป้า 6 นัดรวด”เสียงทุ้มของเรย์จิดังขึ้นจากด้านหลัง เขายืนพิงต้นไม้ แขนกอดอก มองเธออย่างเงียบ ๆในดวงตาคมคู่นั้นมีบางอย่างเปลี่ยนไป…บางอย่างที่เรียกว่า ‘ความภูมิใจ’“ถ้าเป็นเกม...เธอคงได้เพอร์เฟกต์คอมโบแล้วล่ะ”มินาเอะหันขวับ ยิ้มกว้างไม่เกรงใจบอสมาเฟียแม้แต่น้อย“ถ้าฉันยิงพลาด…ฉันก็ไม่คู่ควรเป็น ‘เมียบอส’ หรอกเนอะ~”เรย์จิเลิกคิ้วน้อย ๆ รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นที่มุมปากอย่างห้ามไม่ได้“พูดแบบนี้…ระวังโดนลากไป
ลมทะเลยามเย็นพัดเอื่อยท้องฟ้าสีทองละมุนระบายเส้นขอบฟ้า เงาของคลื่นสะท้อนประกายกับเสี้ยวแสงสุดท้ายเรย์จิมองใบหน้าของมินาเอะเงียบ ๆ ขณะที่เธอยังหลับตาอยู่ หลังจากจูบที่เต็มไปด้วยความแผ่วเบาแต่นุ่มลึก เขาไม่พูดอะไร แค่มองเธออย่างเงียบงัน…ราวกับกำลังจดจำเธอในช่วงเวลานี้เมื่อเธอลืมตาขึ้น เธอเจอสายตาของเขา นิ่ง ลึก และอบอุ่นเกินกว่าจะต้าน เขาเอื้อมมือไปจับมือเธอไว้แน่น สอดนิ้วเข้ากับมือเธอช้าๆ“เข้าห้องกันเถอะ...”คำพูดธรรมดา แต่เสียงของเขาทำให้เธอหัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิด เธอพยักหน้าเบาๆ…โดยที่รู้ดีว่าการเข้าห้องครั้งนี้ จะไม่มีคำว่า ‘นอน’✩₊˚🧸.⋆☾⋆⁺₊💤✧ห้องพักสว่างด้วยแสงสีส้มจากโคมไฟหัวเตียง ผ้าม่านไหวเบา ๆ รับลมจากทะเล และเสียงคลื่นไกล ๆ …คือเพียงพื้นหลังของค่ำคืนที่กำลังจะเริ่มต้นเรย์จิยืนอยู่ตรงหน้าเธอ มือเขาเอื้อมมาปลดกระดุมเสื้อของเธออย่างช้า ๆ ไม่มีความเร่งรีบ ไม่มีความหยาบ มีเพียงสายตาที่มองเธอเหมือน…เธอคือสิ่งที่เขาอยากทะนุถนอมที่สุดเมื่อเสื้อเชิ้ตตัวบางของเธอหลุดจากไหล่ เขาก็ก้มลงจูบซอกคอเบา ๆ สัมผัสของเขานุ่ม…แต่แฝงด้วยความวาบหวามที่ทำให้ขาเธอสั่น“ฉันจะไม่รีบ” เขากระซิบ“
เสียงเรือห่างออกไปทีละน้อย ละอองน้ำที่ฟุ้งจากแรงใบพัดยังลอยค้างอยู่กลางอากาศ เหมือนฝันร้ายที่ยังไม่จางแต่สำหรับเรย์จิ…นั่นไม่ใช่ฝันเลยมันคือ “เรื่องจริง” ที่เขาจะไม่ลืม“ซัน…!!”เสียงตะโกนสุดแรงถูกคลื่นแม่น้ำกลืนหายไปอย่างเย็นชาเรย์จิกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นขมับ ดวงตาแดงก่ำ สั่นด้วยโทสะที่ไม่อาจระบาย และความเจ็บที่กัดกินอยู่ข้างในเขาไม่ได้แค่โกรธ—เขาเจ็บ…และเขาแค้นเสียงฝีเท้าดังขึ้นถี่ๆ ก่อนที่คินจะโผล่พรวดเข้ามาทางระเบียง พร้อมลูกน้องอีกสองคนเขาชะงัก เมื่อเห็นเรย์จิยืนอยู่คนเดียว เงียบ…และทรงพลังเหมือนภูเขาที่พร้อมจะถล่ม“บอส…”“เขาหนีไปได้”เสียงเรย์จิพูดเบา แต่เย็นจัด ราวกับถูกกลั่นมาจากก้นบึ้งของความอดกลั้น น้ำเสียงนั้น…เหมือนจะนิ่ง แต่กลับแฝงแรงระเบิดที่ยังไม่ถูกจุด“เขาหนีไปทั้ง ๆ ที่ฉันอยู่ตรงนั้น”“ทั้ง ๆ ที่เธออยู่ตรงนั้น…”คินไม่ตอบ เขาเข้าใจ เพราะถ้าเป็นเขา…เขาก็คงคลั่งเหมือนกัน“ล่าเลยไหมครับ?”คำถามเบา ๆ ถูกเปล่งออกด้วยน้ำเสียงของลูกน้องที่พร้อมลุยทันทีแต่เรย์จิกลับส่ายหน้า ก่อนจะพูดช้า ๆ ลึกและหนักแน่นกว่าคำสั่งใด ๆ“ไม่…ฉันต้องดูแลเธอก่อน”เขาหันกลับเข้าไปใน
ภายในห้องนอนที่มืดสลัว แสงไฟจากโคมข้างเตียงสาดแสงสีอำพันทาบไล้ลงบนร่างหญิงสาวที่กำลังดิ้นรนสุดแรง มินาเอะหอบหายใจถี่ ใบหน้าแดงจัดทั้งจากแรงอารมณ์และความตื่นตระหนกที่เกาะกุมอยู่ในอก เธอผลักอกของซัน ผลักแขน ดันไหล่ แต่ร่างสูงกลับไม่ไหวติงแม้แต่น้อยเสื้อเชิ้ตของเธอหลุดรุ่ยจากไหล่ ผ้าบางๆ แทบไม่เหลือประโยชน์อะไรอีก แขนเสื้อข้างหนึ่งห้อยลงข้างลำตัว เผยให้เห็นผิวเนื้อขาวละเอียดที่มีรอยแดงจางๆ จากจูบของเขาแทรกอยู่บนพื้นไม้ข้างเตียง บราเซียร์ลูกไม้สีครีมถูกปลดและทิ้งลงอย่างไม่ใยดี แพนตี้ผ้าลูกไม้สีพาสเทลนุ่มนิ่มขยุ้มอยู่ไม่ไกล—ราวกับเป็นหลักฐานของความสิ้นท่าทางกายที่เธอไม่อาจปกป้องไว้ได้อีกต่อไปร่างของซันโน้มลงมาจากด้านบน แขนแข็งแรงยันกับที่นอนข้างศีรษะเธอ แผ่นอกเปลือยเปล่าของเขาแนบชิด เธอได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำ ร้อนแรงและดิบดุดันลมหายใจของเขาเป่ารินอยู่ข้างแก้ม ขณะที่ข้อมือเล็กบางของเธอถูกกดตรึงเหนือศีรษะ—แน่นจนไร้ทางหนี แผ่นหลังของมินาเอะแนบชิดผ้าปูเตียงที่เย็นเยียบ ผิวเปลือยสั่นไหวใต้แรงอารมณ์ที่กำลังก่อตัวเหนือร่างเธอ“ปล่อย…ฉันบอกให้ปล่อย!”เสียงของเธอสั่น เธอดิ้นสุดแรง พยายาม
ถนนเลียบทะเล / เวลา 04:23 น.รถ SUV สีดำพุ่งทะยานนำขบวน เสียงเครื่องยนต์คำรามต่ำ ล้อรถกระแทกพื้นคอนกรีตเก่าอย่างดุดัน ถนนแคบเลียบหน้าผาเต็มไปด้วยหมอกทะเลและกลิ่นไอเค็มจาง ๆ แต่ไม่มีอะไรจะหนาวเหน็บไปกว่าสายตาของชายที่นั่งบนเบาะหน้าเรย์จินั่งนิ่ง แต่ดวงตาคมเฉือนอากาศเหมือนกระสุน เบาะหลัง—ไทกะ ยืนสองขาพาดหน้าต่าง กระจกเป็นฝ้าเพราะลมหายใจร้อนของมัน ร่างเล็กสั่นกระตุกจากแรงเห่า มันพร้อมจะพุ่งตัวออกไป...หากประตูเปิด📲 “บอสครับ! มีรถลาดตระเวนสองคันของแก๊งวายุ สกัดถนนช่วงหน้าผา!”“ไม่หลบใช่ไหม?” เสียงเขานิ่งจนขนลุก“ไม่ครับ...พวกมันหันปืนใส่แล้ว”เรย์จิหรี่ตา แสงไฟหน้ารถสาดไปยังชายสองคนที่ยืนอยู่ท้ายกระบะพร้อมปืนกลที่ติดตั้งขึ้นเขายกวิทยุขึ้นแนบปาก“ยิงยาง”ปัง! ปัง!เสียงปืนจากรถคันหลังดังสนั่น กระสุนเฉือนผ่านยางรถศัตรูอย่างแม่นยำ เสียงยางระเบิดดังลั่นตามด้วยเสียงรถหมุนคว้างชนเข้ากับต้นสนข้างทางสองคนที่ถือปืนกระโจนหลบลงพงหญ้าแทบไม่ทัน แต่รถของเรย์จิ... ไม่ชะลอแม้แต่เสี้ยววินาที มันพุ่งทะยานผ่านกลุ่มควัน เหมือนหัวใจของเจ้าของรถที่ตอนนี้ไม่รู้จักคำว่าลังเลคินเหลือบกระจก ส่ายหน้าเบา ๆ“หึ…
🕶️ คฤหาสน์คุโรซาวะ, 03:42 น.ลมยามดึกพัดแรงกว่าทุกคืน เสียงใบไม้สั่นไหวไม่ต่างจากความตึงเครียดในอากาศกลางลานหน้าคฤหาสน์ ไฟจากรถหลายคันสาดส่องลงบนพื้นกรวดอย่างแข็งกร้าว ลูกน้องในชุดยุทธวิธีเคลื่อนพลประจำจุด ปืนในมือขึ้นลำเรียบร้อย เสียงสนทนาทางวิทยุแทรกเป็นระยะ ท่ามกลางแผนที่ดาวเทียมที่กำลังวางอยู่บนฝากระโปรงรถ SUV คันหนึ่ง“ทีม A เข้าทางตะวันออก ทีม B ล็อคแนวป่า ทีม C รอคำสั่งตีวงด้านหลัง...”เสียงของคินดังแน่นอนขณะออกคำสั่งแบบไม่เปิดช่องผิดพลาดทุกอย่างดูเหมือนจะพร้อมสำหรับการปะทะ ทุกอย่าง…ยกเว้นเสียง “โฮ่ง!”จากตัวแสบหนึ่งตัว“โฮ่ง โฮ่ง! โฮ่งงงง!!”เสียงเห่าดังลั่นของไทกะ เจ้าชิบะอินุตัวเขื่อง พุ่งวนรอบรถของเรย์จิอย่างคึกคักมันวิ่งวนเหมือนบอกโลกว่า ‘ฉันจะไปด้วย!!!’“ไทกะ กลับเข้าไป”เสียงเรียบเย็นของเรย์จิดังขึ้น ขณะเขาเปิดประตูจะขึ้นรถแต่ไทกะไม่ฟังสักนิด มันกระโดดขึ้นเบาะหลังอย่างว่องไว หันไปคาบตุ๊กตามินิของมินาเอะจากเบาะรถมากัดแน่น!จากนั้นนั่งนิ่ง...ในท่าบอดี้การ์ดสุดขีดคินที่มองอยู่จากฝั่งตรงข้ามถึงกับหลุดหัวเราะในลำคอ“บอสครับ…มันขึ้นไปนั่งแล้วอะ”“มันเล่นใหญ่กว่าพวกเราอี
🏚️ บ้านพักริมทะเล — เวลาประมาณ 20.45 น.ฝนหยุดตกไปแล้ว แต่เสียงคลื่นยังคงซัดกระทบหน้าต่างอย่างต่อเนื่อง ลมทะเลเย็นเฉียบ พัดผ้าม่านให้พลิ้วเบาในห้องไม้ที่ไร้ความอบอุ่นมินาเอะนั่งอยู่บนโซฟา ผ้าห่มผืนบางคลุมไหล่ แสงจากโคมไฟหัวเตียงสาดลงมาเพียงพอให้เห็นว่า...เธอไม่ได้กลัวอีกต่อไปไม่เหมือนเมื่อคืนตอนนี้ ดวงตาของเธอไม่ได้ไหวไหวด้วยความตกใจ หรือหวาดระแวง แต่มัน ‘นิ่ง’ และ ‘คิด’คิด—อย่างหนัก คิดทุกทางที่จะออกจากที่นี่ให้ได้‘นายล็อกฉันไว้ แต่ไม่ได้ล็อกสมองฉันซะหน่อย’เธอพึมพำในใจ ก่อนจะเหลือบตามองโต๊ะกลางห้องที่วางของบางอย่างไว้โดยไม่ได้ตั้งใจมือถือของซันเขาเพิ่งเดินออกไปเมื่อราวครึ่งชั่วโมงก่อน บอกเพียงว่า “จะไปทำอาหารเย็น” น้ำเสียงยังนุ่มนวล รอยยิ้มยังเหมือนเดิม…แต่ประตูก็ยังล็อกจากด้านนอกตามระเบียบหน้าต่าง? เปิดไม่ได้มือถือของเธอ? แน่นอนว่า...ไม่มีแต่มือถือของเขา…วางอยู่ตรงนั้นซึ่งปกติเขาจะไม่เคยลืมมันเลย แต่เพราะมีสายโทรเข้า และเขากำลังทอดเนื้ออยู่ — เขาจึงรีบวางมันทิ้งไว้แบบไม่ทันคิดสมองของเธอทำงานเร็วกว่าคลื่นทะเลที่ซัดเข้าฝั่งเสียอีกนายคงไม่รู้สินะ…ว่าฉันมันเด็กสายเทคฉันค
วันนั้น…ฝนตกไม่ใช่ฝนที่เทกระหน่ำจนเปียกโชกทั้งตัว แต่เป็นฝนโปรยเบา ๆ ที่คล้ายม่านหมอกพรางทุกสิ่งให้ดูเลือนรางแม้แต่ความคิดของฉัน...“อัยย์ เดี๋ยวฉันไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อแป๊บนะ”“เออ รีบไปรีบมานะเฟ้ย” เสียงเพื่อนสาวตะโกนไล่หลังฉันกางร่ม เดินลงจากคณะโดยไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า นั่นคือ ‘วินาทีที่ฉันคิดผิดที่สุดในชีวิต’ในมือฉันถือโทรศัพท์ ก้มดูรายการของที่อัยย์ฝากซื้อ ขณะเดินลัดสนามเปียกชื้นผ่านซอกตึกไปยังถนนใหญ่ทันใดนั้น...เงาร่มอีกคันหนึ่งก็ยื่นเข้ามาทาบทับจากด้านข้าง บังสายฝนที่โปรยลงบนหัวฉันอย่างแนบเนียน พร้อมกับเสียงทุ้มเรียบเย็นดังขึ้นข้างหู“มาคนเดียวแบบนี้...ไม่กลัวเหรอครับ?”ฉันสะดุ้ง หันขวับไปทันที แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร—หมับ!มือแข็งแรงคว้าข้อมือฉันแน่น กลิ่นฉุนของยาบางอย่างพุ่งเข้าจมูก รุนแรงจนสมองมึนงงแทบจะทันที โลกทั้งใบเหมือนถูกดับแสงลงในพริบตา……“ตื่นแล้วเหรอครับ?”เสียงนุ่มนวลนั้นยังคงฟังดูอ่อนโยน แต่บรรยากาศโดยรอบกลับไม่อบอุ่นเหมือนเสียงนั้นเลยแม้แต่น้อยฉันพยายามลืมตา โลกหมุนเบา ๆ กลิ่นทะเลจาง ๆ ลอยมาแตะปลายจมูก อากาศเย็นชื้นบอกให้รู้ว่าไม่ใช่ห้องในคอนโดที่ฉันอ