พอตัดบทแบบนั้น ไอ้อิงก็เงียบไปจนผมขับมาถึงวิทยาลัย
ผมไม่ได้ใส่ใจนัก บางเรื่องผมไม่จำเป็นต้องอธิบายในเรื่องที่ผมอธิบายไปหมดแล้ว ในคืนนั้นแม้ว่าเราจะแค่จูบกัน แต่ผมไม่ได้ติดใจอะไร และเพื่อนๆ ในวงก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ทุกคนรู้กันดีว่าควรต้องจัดการความรู้สึกตัวเองยังไง
อย่างที่บอก ผมมันไม่ใช่คนดี ผมมั่วสุม เสพยาตามประสาวัยรุ่น และเผลอจูบกับผู้หญิงที่เป็นเพื่อนสนิทตัวเอง
ผมไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่เหมาะกับใคร เลยไม่ได้บังคับขืนใจพี่หมี่ให้มาจริงจังกับผม เพราะก็พอรู้ตัวว่าสำหรับผู้หญิงอนาคตไกลอย่างเธอ ผมมันก็แค่เด็กหนุ่มที่มีดีแค่ความตื่นตัว
ผมยังเกเร ยังทำตัวไม่เป็นผู้เป็นคน และยังใช้เงินพ่อแม่อยู่
ผมกับเธอ ได้เป็นแค่ความสัมพันธ์แบบคู่ขาก็ดีแค่ไหนแล้ว
ผมเดินนำน้ำอิงมาถึงห้องเรียน เธอทำหน้าหงอยเหงาไปนั่งหลบมุมคนเดียว ซึ่งแน่นอนว่าเพราะอิงเป็นนางฟ้าของกลุ่ม เพื่อนถึงมารุมทึ้งผมที่นั่งเคาะมวนบุหรี่เล่น
“วันนี้ทำไมอิงดูแปลกๆ มึงไปทำไรมันปะ” ไอ้เตเป็นฝ่ายถามก่อนเหมือนเป็นตัวแทนหมู่บ้าน มันคงเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ถูกใจน้ำอิงมากเท่าเพื่อนคนอื่นๆ และคงไม่ต้องถามว่าทำไม เพราะแม่งมีซัมติงกับน้องกูอยู่นี่ไง “ไม่มานั่งคุยตรงนี้เหมือนเดิมเลยอ่ะ”
“ก็ไปคุยกับมันดิ ถามกูทำไม” ผมตอบส่งๆ แล้วพวกมันก็ทุบโต๊ะ
“มึงก็รู้ว่าอิงมันหวั่นกับมึง เพราะคืนวันนั้นมึงไปจูบมันอ่ะ”
“กูเมายามากกว่า” ผมอธิบายอย่างเบื่อหน่าย ผมรู้ว่าพอจูบแรกมาเป็นกับเพื่อน อารมณ์ของผู้หญิงคงสั่นไม่น้อย ก็เหมือนกับสายตาที่พี่หมี่มองมาหลังจากที่ผมเกือบมีอะไรกับเธอ สายตาเธอเองก็บ่งบอกถึงความไม่เหมือนเดิมของความสัมพันธ์ของเรา
แต่ผมไม่ได้ชอบไอ้อิง ผมไม่เคยชอบคนอายุน้อยกว่าหรือเท่ากัน แฟนที่คบๆ มาก็อายุมากกว่าและเรียนหมอทั้งนั้น แต่เพราะเธอเหล่านั้นไม่ใช่คนที่ผมต้องการจะคบจริงๆ สุดท้ายก็จำต้องเลิกรากันไป
ถ้าผมจะฝืนความรู้สึก ยอมรับความเป็นไปไม่ได้ของผมกับพี่หมี่ แล้วหันมาคบกับคนที่ชอบผม มันก็มีอยู่เยอะ และหนึ่งในนั้นก็คืออิง
แต่... ผมไม่ใช่คนชอบฝืนใจตัวเอง และชอบเล่นของสูงอยู่พอตัว
“ไอ้เสือ แต่อิงมันดูเหมือนจะมีใจให้มึงนะครับ” ไอ้ดอมที่โกนหัวเกรียนทั้งหัวเดินมาตบบ่าผมหนักๆ มันเองก็เป็นคนนึงที่ชอบอิงแทบบ้า แต่ข้ามเส้นความเป็นเพื่อนไม่ได้ อีกอย่างที่อิงชอบผมก็คงเพราะวันที่เธอเป็นอิสระ ส่วนนึงที่ทำให้เธอมีชีวิตที่ดีอย่างทุกวันนี้ได้ก็คือผม “ถึงพวกกูจะชอบอิง แต่ถ้าเป็นมึง พวกกูก็โอเคนะ”
ก็แค่สงสาร เลยผลาญเงินพ่อมาช่วยนิดหน่อย
ไม่ได้คิดเหี้ยอะไรเลย มีแต่เธอมากกว่าที่คิดไปเอง
“กูบอกแล้วไง ว่ากูไม่ได้คิดอะไร”
“...”
“อีกอย่าง กูก็มีคู่นอนอยู่แล้วด้วย” ประโยคนั้นทำให้กลุ่มผมทั้งกลุ่มฮือฮาขึ้นมา
“ใครวะ อย่าบอกนะว่า...” ผมคาบบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้ แล้วพยักหน้าตอบรับสั้นๆ “เชี่ย แล้วเป็นไง เจ้เค้าเด็ดมั้ย”
คำถามนั้นพาลให้รู้สึกไม่พอใจ เพราะพวกมันยังมองว่าพี่หมี่เป็นผู้หญิงไม่ซิงเลยพ่นออกมา แต่สำหรับผมที่รู้หมดทุกอย่างว่าเธอบริสุทธิ์แค่ไหน ก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้
“ไม่ต้องเสือก”
“...”
“ไปปลอบน้ำอิง กูจะออกไปดูดบุหรี่”
พอสบถออกมาแบบนั้นประมาณว่าอย่ามายุ่งกับเรื่องของกู พวกมันก็หุบปากฉับ ผมพยักเพยิดไปทางน้ำอิงที่นั่งกดโทรศัพท์หน้าตาซึมเศร้าว่าให้พวกมันไปง้อ ในขณะที่ตัวเองจะปลีกวิเวกมาสูบบุหรี่ที่หน้าระเบียงห้อง
ผมรู้ว่าในหมู่เพื่อน ผมมันทำตัวไม่เป็นผู้เป็นคน ไม่มีอัธยาศัยที่ดีกับพวกมันเท่าไหร่ แล้วก็รู้ว่าที่พวกมันยังคบผมอยู่เพราะผมเป็นหัวโจกในรุ่น แต่ให้ทำไงได้
ผมเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ และจะไม่มีวันเปลี่ยนด้วย
ยกเว้นว่าคนที่ขอให้เปลี่ยนจะเป็นเธอ
หลังจากเรียนคาบบ่ายจบ ผมก็ปลีกตัวขับบิ๊กไบค์คู่ใจมาที่โรงพยาบาลที่พี่หมี่ทำงานอยู่
แน่นอน ผมตรงดิ่งเข้าไปถามพยาบาลที่ชื่อว่ามัดไหมอะไรนั่นว่าพี่หมี่ทำอะไรอยู่ เพราะเธอสนิทกับพี่หมี่ เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย และดูเหมือนว่าเธอจะถูกใจผมอยู่ แต่ผมก็แสดงออกว่ามองหาแต่พี่หมี่มาตลอดเหมือนกัน
ผมแค่อยาก แค่ต้องการ เลยจะมาหาเพื่อทำเรื่องอย่างว่าที่นี่
ก็อย่างที่บอก พอทำได้ครั้งนึง มันก็ติดใจ อยากจะทำอีกแบบต่อเนื่อง
แต่พอพยาบาลมัดดูท่าทางอึกอัก ผมเลยรู้สึกสงสัย
“เอ่อ... คือ” เธอทำสายตาเลิ่กลั่ก “หมอบะหมี่เขาไม่ค่อยสบายมั้ง น้องขาลรอก่อนได้มั้ย”
“ถ้าไม่ค่อยสบาย แปลว่าต้องอยู่ในห้องพักใช่มั้ยครับ?” ผมย้อนกลับทันที แล้วเธอก็สะอึก ไม่ทันรอให้เธอตอบ เซ้นส์บางอย่างก็บอกให้ผมบุกเข้าไปในห้องพักแพทย์ของเธอทันที ท่ามกลางเสียงท้วงของพี่สาวคนนั้น
และพอผมเปิดประตูห้องพักที่ไม่ได้ล็อคออกมา ก็เห็นว่าพี่หมี่กำลังซบหน้าอยู่บนโต๊ะ หน้าเธอแดงจัด หอบเหนื่อย และดูจะอาการไม่ดี
“พี่หมี่!” ผมไม่ได้สนใจอะไรอีกต่อไป รีบพยุงเธอให้เงยหน้าขึ้นมา พี่หมี่ตัวร้อนจี๋ แถมยังเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตาพร่าๆ
“... ขาลเหรอ” เธอพึมพำ ในขณะที่จะซุกลงกับหน้าท้องผมผ่านสาปเสื้อ เธอขยุ้มเสื้อยืดใต้ช็อปผมแรงๆ “สงสัยวันนี้พี่จะโหมงานหนักไปหน่อยน่ะ... ไข้ขึ้นสูงมากเลย”
“ผมจะพาพี่ไปที่ห้อง” ผมพูดอย่างร้อนใจพร้อมกับช้อนตัวพี่หมี่ขึ้นอุ้มทั้งตัว ท่ามกลางสายตาของพี่มัดที่เดินตามมาห้ามผม
แต่เธอไม่ได้มาคนเดียว
มีผู้ชายในเสื้อกาวน์คนหนึ่งที่ผมรู้จักค่อนข้างดีและโคตรเกลียดขี้หน้าเดินตามเข้ามาด้วย มันดูมีท่าทางตกใจที่เห็นว่าผมอุ้มร่างอวบอัดของพี่หมี่อยู่แนบอก แล้วทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง ซึ่งพอผมเหลือบลงมามองคนที่อุ้มอยู่ ปรากฎว่าเธอหลับไปแล้ว
“นายจะพาหมอบะหมี่ไปไหน?” มันเลือกที่จะถามคำถามนั้น ก่อนที่ผมจะจ้องหน้ามันนิ่ง
รู้อยู่ตลอดว่าพยายามง้อพี่หมี่ของผมทุกวัน แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า
ใช่ เพราะพี่หมี่เป็นของกู
“ถ้าผมบอกว่าจะพาพี่หมี่กลับห้องในสถานะแฟน” ผมกระตุกยิ้ม พร้อมกับเอนหน้าไปทางร่างบางที่ซุกซบหน้ากับอกเสื้อของผมเป็นหลักฐาน “หมอจะเลิกตามเสือกเรื่องเธอมั้ย?”
ร่างสูงกำยำพร้อมกับรอยสักเต็มทั้งสองแขนนั่งถือไม้ทีกระดิกเท้าอยู่หน้าห้องตรวจ คนไข้ พยาบาล รวมถึงผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างมองมาทางชายหนุ่มร่างใหญ่เป็นตาเดียว นั่นเพราะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลฟกช้ำ เสื้อช็อปสีแดงเลือดหมูกับเสื้อกล้ามขาวด้านในเปรอะเลือดจนดูไม่ออกว่าเป็นเลือดจากปากแผลของเขา หรือเลือดของใครกันแน่เขาคือ ‘ขาล’ หัวโจก ปวส. เทคนิคเครื่องกล เจ้าของใบหน้าดุดันกับทรงผมไถข้างมัดจุกสุดเท่ ขาลเป็นผู้ชายที่บ้าดีเดือด กล้าได้กล้าเสีย และเป็นคนหัวรุนแรงพอสมควร เขามีเรื่องตีกับวิทยาลัยอื่นเป็นประจำ และเข้าออกโรงพยาบาลเป็นบ้านหลังที่สองแต่แรงจูงใจที่ทำให้คนที่เกลียดโรงพยาบาลเข้าใส้ตั้งแต่เด็กอย่างขาลเลือกที่จะมาที่นี่ ก็มีอยู่อย่างเดียว“คุณขาล ปริชาพิพัฒน์ คุณหมอเรียกพบค่ะ”พยาบาลสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มขานชื่อของเขาหลังจากที่ร่างสูงรอมายี่สิบนาที ขาลในสภาพสะบักสะบอมหยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูง เขาผิวปากอย่างอารมณ์ดีซึ่งขัดกับบาดแผลภายนอกที่ออกจะหนักหน่วงเอาเรื่อง ก่อนที่จะกระตุกยิ้มให้พยาบาลที่ขานเรียกชื่อเขาแต่ถึงแม้ว่าพยาบาลคนนั้นจะน่ารักแค่ไหน ก็สู้พี่สาวของเขาไม่ได้คนตัว
[พาร์ท : ขาล]ย้อนไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนผมกระดกเหล้าอยู่ในคลับ ที่ปลายหางคิ้วแตกเพราะมีปัญหากับเทคนิกวิทยาลัยตรงข้ามนิดหน่อย เรามีปัญหากันเรื่องแหวนรุ่นที่ออกแบบคล้ายกันโดยบังเอิญ แน่นอนว่าอีกฝ่ายเป็นพวกอีโก้จัดไม่ชอบเหมือนใคร เลยยกพวกมาตะลุมบอนระหว่างที่ผมกับเพื่อนขึ้นรถเมล์ด้วยเรื่องปัญญาอ่อนแค่นั้นแต่ก็อย่างว่า ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายมันสูงเหมือนตึก ขนาดแค่มองหน้ากันยังไม่พอใจจนแทบฆ่ากันตาย นับประสาอะไรกับแหวนรุ่นที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แทนศักดิ์ศรีฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ของเด็กช่างแต่ถ้าถามว่าเรื่องนั้นเป็นหนึ่งในเรื่องที่ทำให้ผมให้ความสำคัญจนถึงขั้นมานั่งก๊งเหล้ากับเพื่อนทั้งที่ปกติจะนอนอยู่บ้านมั้ยไม่ว่ะ ผมไม่ใส่ใจผมก็แค่อกหัก แล้วก็กำลังหาที่พึ่งทางใจที่ไม่ใช่การจีบผู้หญิงคนใหม่ และมันก็มาลงตัวที่น้ำเมามากกว่า“พี่หมี่อายุยี่สิบห้าแล้ว ก็ไม่แปลกมั้ยวะที่จะมีคนคุย” เพื่อนในกลุ่มเดียวกันเริ่มเข้าประเด็นที่จี้ใจมาตลอดขึ้นในขณะที่นั่งกระดิกตีนชงเหล้าอยู่อีกฝั่ง ผมนั่งเงียบ ก่อนที่จะเสยผมยาวๆ ของตัวเองขึ้นอย่างหัวเสีย“กูรู้ ไม่ต้องย้ำ” เสียงที่เปล่งออกไปห้วนจัดซะจนเพื่อนต้องเงียบกันทั้ง
ผมไม่ได้แคร์ว่าเพื่อนในวงเหล้าจะรอ ไว้ค่อยแชทไปบอกก็ได้ว่าปลีกตัวออกมากับพี่หมี่แล้ว พวกมันคงไม่กล้าแย้งอะไรหรอกก็ลองแย้งดู เดี๋ยวก็จะได้รู้ว่าจะได้เจอกับอะไร ทุกคนบนโลกถ้าไม่ใช่พี่หมี่ ผมก็ไม่แคร์ทั้งนั้นผมประคองร่างบางมาที่รถฮอนด้าซีวิคสีแดงที่พี่หมี่เคยบ่นว่าอยากได้แล้วก็ซื้อมันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองสำเร็จ เงินเดือนเธอแม่งเยอะกว่าเงินเดือนที่ผมขอพ่อแม่ไปวันๆ เพราะเขาอยากให้ผมเรียนให้จบก่อน จะไปตีรันฟันแทงกับใครก็ได้ แต่ขอแค่เรียนให้จบพ่อกับแม่ไม่ได้คาดหวังกับคนอย่างผมมาก เพราะเขารู้ว่าผมแอบชอบพี่สาวข้างบ้านที่เป็นถึงแพทย์หญิงดีเด่นและรายได้เป็นแสน ครอบครัวพี่หมี่ก็หมอทั้งบ้าน ผมเลยต้องพยายามทำตัวเองให้ดีเพื่อให้เหมาะสมกับเธออยู่แล้วไม่รู้พี่เค้าจะเอาผมมั้ย แต่ผมคิดไว้ก่อนเลยไงพี่หมี่ถูกผมประคองร่างอรชรเข้าไปที่ที่นั่งข้างคนขับ เธอโอบรอบคอผมไว้เพื่อกันสะดุด และปล่อยให้ผมเป็นคนนำพาเธอ หน้าอกหน้าใจที่ใหญ่โตเกินตัวล้นออกมานอกเกาะอกสีชมพูที่เหมือนกับสีผมของเธอยามเมื่อเธอเอนหัวมาพิงขอบประตูรถด้วยความเมาผมกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อกให้ตาย ใหญ่อะไรขนาดนี้วะ แม่ง“พี่หมี่ นั่งดีๆ หน
ท่ามกลางความเงียบสงัดภายในห้องนอนที่น่ารักของฉัน ฉันที่เมาจนประคองสติได้ไม่มากนักโพล่งขึ้นมาหลังจากที่รับรู้ได้ว่าผู้ชายตรงหน้าพร้อมที่จะเป็นของเล่นของฉันมากกว่าใครฉันรู้ดี รู้มาโดยตลอดว่าน้องขาลชอบฉันมากจนแทบเรียกได้ว่าคลั่งฉันรู้ดี ว่าน้องขาลตามฉันไปที่คลับทุกคืนวันเสาร์ที่ฉันไม่มีงานเพราะรู้ก็เลยจงใจชนแก้วกับผู้ชายคนนั้น เพื่อให้เด็กตัวใหญ่คนนั้นเดินเข้ามาหาด้วยความหึงหวง และเชิญชวนให้น้องขาลไปส่งฉันที่ห้องก็เพราะน้องขาลน่ะฮอตมากเลยน่ะสิ ทั้งร่างกายกำยำติดคล้ำนิดๆ ตัวสูงใหญ่เหมือนหมีป่า ซิกแพคเป็นลอนหนาที่ยั่วยวน กับรอยสักเต็มทั้งตัว เหมือนเขาจะรู้ดีว่าฉันชอบแบบนี้ ลุคเถื่อนๆ แบบนี้แต่ท่าทางว่านอนสอนง่ายเหมือนหมาน้อยเชื่องๆ ที่รักแค่เจ้าของเพียงคนเดียวถ้าอยากจะขออะไรที่เห็นแก่ตัว อย่างเช่นวันไนท์กับน้องขาลสักครั้ง เพื่อปลดปล่อยความเครียดเกี่ยวกับงานที่ทำอยู่ทั้งหมด และปล่อยตัวปล่อยใจไปกับร่างสูงใหญ่ตรงหน้าสักครั้ง เขาจะว่ามั้ยนะใบหน้าคมกร้าวนิ่งไปเมื่อได้ยินคำขอที่เห็นแก่ได้ของฉัน ใช่ เพราะฉันรู้ดีว่าตัวเองยังไม่พร้อมมีใครในตอนนี้ งานที่ทำอยู่ทำให้ฉันไม่ค่อยมีเวลาที่จะไปใส่ใจ
[พาร์ท : ขาล]ผมเคยมีแฟน และมีเซ็กซ์กับแฟนอยู่สองสามคนที่มีตอนนั้นก็เพราะพยายามจะตัดใจจากพี่หมี่เพราะรู้ดีว่าระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ พี่หมี่ไม่เคยมองเห็นผมเป็นมากกว่าน้องชายข้างบ้านของเธอ แม้ว่าผมจะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมากแค่ไหน พยายามเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งมากมาย แต่เธอก็ยังทำเหมือนผมเป็นแค่น้องในสายตาผมมันก็แค่ไอ้โง่งี่เง่า ที่ตัดพี่หมี่ไม่ขาด มีแฟนมาสามคน มีเซ็กซ์กับกี่คน สุดท้ายก็ต้องโดนทิ้ง เพราะลมหายใจเข้าออกของผมมีแต่พี่หมี่เท่านั้น จนคนที่คบอยู่ไม่โอเคกับสิ่งที่ผมเป็นแต่ผมไม่ได้แคร์เหมือนกัน ไม่ว่าจะมีแฟนหรือไม่มีก็ไม่ต่างกัน ในความคิดของผมมีแต่พี่หมี่ และใช้คนที่คบด้วยเป็นตัวแทนเวลามีเซ็กซ์กับเธอเห็นแก่ตัวดีใช่ปะ เออ ผมรู้ แต่ผมเปลี่ยนตัวเองไม่ได้พี่หมี่เองก็รู้ดีว่าผมทำไม่ได้ เธอเลยยังอยู่ตรงนี้ ให้ความหวังป้อนความหมายในการมีชีวิตต่อของผมไปวันๆ แต่ไม่คิดที่จะทำอะไรมากกว่านั้น แม้ว่าในบางครั้งผมจะรู้สึกโมโห อยากตัดใจกับความสัมพันธ์ที่คลุมเครือสัสๆ นี่ แต่พอแม่งทำไม่ได้ ก็เลยเหมือนเดินอยู่ในเขาวงกตเขาวงกตที่ผมจงใจจะตายอยู่ในนั้น และเชื่อมั่นในพระเจ้าว่าสักวันพระองค์ต้
ตึกตัก ตึกตักฉันใจเต้นหนักเมื่อเด็กผู้ชายที่ฉันเคยภาวนากับตัวเองว่าจะไม่หวั่นไหวกับเขากำลังนั่งคุกเข่า ร่างกายกำยำที่เต็มไปด้วยรอยสัก ซิกแพคเป็นลอนหนาเย้ายวน พร้อมกับความผงาดใต้กางเกงยีนส์ที่กะจากระยะสายตาตรงนี้ว่ามันคงใหญ่ยาวเอาเรื่องขาลเคยเป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็กๆ คนนึง เป็นน้องชายที่ฉันเอ็นดู เพราะเขาว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังฉันเหมือนสุนัขเชื่องๆ และพร้อมจะทำทุกอย่างตามที่ฉันขอจนวันนี้ขาลกำลังรุกฉันในคืนที่ฉันเสียการควบคุม น้องชายตัวน้อยที่ฉันเคยเอ็นดู บัดนี้กลายเป็นเพียงชายหนุ่มกลัดมันที่เร่าร้อนคนนึงเท่านั้นฉันเม้มริมฝีปากแน่น หน้าอกอวบสะท้อนตามแรงหายใจ มันเปลือยเปล่าจนเห็นยอดอกสีชมพู และร่างกายขาวจัดที่ไม่เคยเปิดเผยให้กับผู้ชายคนไหนมาก่อนที่บอกว่าฉันเวอร์จิ้นน่ะ เรื่องจริงนะฉันเคยจูบกับแฟนเก่า แต่นั่นก็นานมาแล้ว อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นฝ่ายรุกจูบก่อนด้วย นั่นก็เพราะฉันจูบไม่เก่งดูเหมือนว่าฉันเซ็กซี่ แต่งตัววาบหวิว และขี้อ่อยใครต่อใคร แต่เอาจริงๆ มั้ย ฉันไม่เคยถูกใครดูดหน้าอก ไม่เคยถูกจูบได้ดูดดื่มขนาดนี้ รวมถึงความใกล้ชิดที่อุ่นร้อนนี่ด้วยฉันแค่พยายามสร้างลุคยั่วยวนเพื่อป้องก
[พาร์ท : ขาล]ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันถัดไป ในห้องของตัวเองยันตัวลุกขึ้นมาจากเตียงพร้อมกับขยี้ผมยาวๆ อย่างงัวเงีย เสียงคนทำอาหารข้างล่างดังเป็นระลอก เลยรู้ว่า ‘ขิม’ มันกำลังทำอาหารเช้าเตรียมเอาไว้ให้อีกแล้วผมออกไปยืนสูบบุหรี่ที่นอกระเบียง พร้อมกับหวนนึกถึงเรื่องเมื่อคืนหลังจากที่ตกลงกันว่าผมจะไม่มีเซ็กซ์กับพี่หมี่จนกว่าเธอจะพร้อม ผมก็รอให้เธอเมาหลับไป รอจนกว่าพี่หมี่จะหลับสนิทจริงๆ ถึงได้ปลีกตัวกลับมา ปลดปล่อยความใคร่และนึกถึงหน้าอกอวบขาวกับยอดทับทิมสีชมพูอยู่คนเดียว ใช้อุ้งมือพาตัวเองไปจนถึงจุดสุดยอดในห้องนอนถ้าไปเล่าให้เพื่อนฟัง แม่งคงบอกว่าไม่คุ้มแต่สำหรับผม มันคุ้มผมพ่นควันบุหรี่ออกมาในขณะที่ร่างกายแกร่งเปลือยเปล่า มือข้างขวากดโทรศัพท์ส่องหน้าไอจีของพี่หมี่ เห็นว่าเธอลงรูปเซลฟี่ที่โรงพยาบาล พอเสหน้าไปมองนาฬิกาก็เห็นว่าตอนนี้มันจะเที่ยงแล้วผมมีเรียนตอนบ่ายสอง แวะไปหาดีมั้ยวะก็นะ แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของสักหน่อย ถึงพี่หมี่จะไม่ชอบ แต่ผมก็ต้องแน่ใจที่สุดว่าครั้งแรกเธอจะเสียให้กับผมหมับผมชะงักเมื่อใจลอยคิดอะไรเงียบๆ ก็ถูกวงแขนเล็กกอดรัดอย่างแนบแน่น พอเหลือบไปมองก็เห็นว่าเป็น
“ขาล คือเมื่อคืน...” เธอพูดเสียงแผ่ว จ้องมองริมฝีปากผมที่หยัดยิ้มอย่างอ้อยอิ่ง “พี่ทำอะไรน่าอายลงไปเยอะเลย ขอโทษนะคะ”“แต่ผมกลับชอบที่พี่ทำแบบนั้นนะ” ผมโพล่งขึ้นมาอย่างไม่แคร์ความรู้สึกผิดจากแววตาคู่สวยที่หวานซึ้ง ผมรู้ว่าในใจลึกๆ ของเธอกำลังกระหายใคร่รู้ในตัวตนที่ซ่อนอยู่ของผม แต่เธอแค่ยังกลัวกับขนบธรรมเนียมเก่าๆ “แล้ววันนี้”“...”“พี่จะให้ผมแวะไปหาที่ห้องอีกรึเปล่า?”“หยุดก่อนเลยนะ” พอเห็นว่าผมเริ่มเข้ามาประชิดตัว พี่หมี่ที่เสียเปรียบเพราะเธอตัวเล็กกว่าก็เลยพยายามดันแผงอกผมออกไป “เหมือนน้องขาลจะลืมไปว่าที่นี่คือโรงพยาบาล”“ผมไม่สน” ผมสวนกลับทันที ก่อนที่จะเบี่ยงหน้าไปกระซิบข้างกกหูขาว “ผมอยาก ที่มาหาพี่ก็เพราะอยาก”“... แต่พี่ยังไม่พร้อมนะ” เธอเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อผมใช้ฝ่ามือหนาเกลี่ยปอยผมยาวๆ สีชมพูอ่อนที่ปรกหน้าเธอจนเห็นพวงแก้มนวลเชื่อมต่อไปจนถึงใบหูที่ขึ้นสีจัดจากสิ่งที่ผมทำ ผมเลยขบหูเธอเบาๆ “อ๊ะ ขาล ฟังพี่ด้วย”แปลกดี ปากห้ามผมแทบตาย แต่กลับไม่ผลักผมออกสักทีพี่หมี่กำลังท้าทายผมอ้อมๆ โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว“เมื่อคืนผมยังไม่เสร็จ พี่ก็ไม่เสร็จไม่ใช่เหรอ” ผมพูดเย้าแหย่ข้างกกหูตอ
พอตัดบทแบบนั้น ไอ้อิงก็เงียบไปจนผมขับมาถึงวิทยาลัยผมไม่ได้ใส่ใจนัก บางเรื่องผมไม่จำเป็นต้องอธิบายในเรื่องที่ผมอธิบายไปหมดแล้ว ในคืนนั้นแม้ว่าเราจะแค่จูบกัน แต่ผมไม่ได้ติดใจอะไร และเพื่อนๆ ในวงก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ทุกคนรู้กันดีว่าควรต้องจัดการความรู้สึกตัวเองยังไงอย่างที่บอก ผมมันไม่ใช่คนดี ผมมั่วสุม เสพยาตามประสาวัยรุ่น และเผลอจูบกับผู้หญิงที่เป็นเพื่อนสนิทตัวเองผมไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่เหมาะกับใคร เลยไม่ได้บังคับขืนใจพี่หมี่ให้มาจริงจังกับผม เพราะก็พอรู้ตัวว่าสำหรับผู้หญิงอนาคตไกลอย่างเธอ ผมมันก็แค่เด็กหนุ่มที่มีดีแค่ความตื่นตัวผมยังเกเร ยังทำตัวไม่เป็นผู้เป็นคน และยังใช้เงินพ่อแม่อยู่ผมกับเธอ ได้เป็นแค่ความสัมพันธ์แบบคู่ขาก็ดีแค่ไหนแล้วผมเดินนำน้ำอิงมาถึงห้องเรียน เธอทำหน้าหงอยเหงาไปนั่งหลบมุมคนเดียว ซึ่งแน่นอนว่าเพราะอิงเป็นนางฟ้าของกลุ่ม เพื่อนถึงมารุมทึ้งผมที่นั่งเคาะมวนบุหรี่เล่น“วันนี้ทำไมอิงดูแปลกๆ มึงไปทำไรมันปะ” ไอ้เตเป็นฝ่ายถามก่อนเหมือนเป็นตัวแทนหมู่บ้าน มันคงเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ถูกใจน้ำอิงมากเท่าเพื่อนคนอื่นๆ และคงไม่ต้องถามว่าทำไม เพราะแม่งมี
ฉันกุมหน้าอกของตัวเองแน่น หลังจากยืนอยู่ที่หน้ากระจกใสที่เห็นเกือบครึ่งตัวภายในห้องน้ำของโรงพยาบาลจ้องใบหน้าที่แดงซ่านจากพิษรัญจวนแล้วได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น ที่พลั้งเผลอทำเรื่องลามกกับเด็กคนนั้นไปถึงสองครั้งอสุจิสีขาวขุ่นเหนียวข้นติดที่หน้าท้องหลังจากสัมผัสอากาศได้ไม่นาน ฉันปลดชุดแซกออกแล้ววักน้ำมาล้างที่หน้าท้องของตัวเอง หลังจากที่ขาลกลับไปก็ปวดปัสสาวะมากจนต้องรีบตรงเข้ามาที่ห้องน้ำทันทีให้ตายสิ ซับในเปียกหมดเลย สงสัยต้องใส่เปียกๆ อย่างนี้ไปทั้งวันซะแล้ว ฉันนึกบ่นอุบถึงคนตัวสูงในใจ ถึงแม้ว่าส่วนลึกจะชอบความรู้สึกแปลกใหม่เมื่อครู่กับน้องชายสมัยเด็กมากก็ตามก่อนที่จะกลับไป ขาลถามว่าจะให้ทำอีกมั้ยถ้าครั้งหน้าเขาจะมาหาอีก ฉันจึงเผลอตอบไปตามแรงปรารถนาว่า ‘ได้สิ’แน่นอนว่าหลังจากได้คำตอบที่พอใจ ขาลก็มีสายโทรเข้า เห็นลางๆ ว่าเป็นรูปผู้หญิงที่โทรมาจากหน้าเฟส หน้าตาดูเรียบร้อยน่ารักทีเดียว หลังจากนั้นคนตัวโตก็รีบร้อนออกไปถามว่าฉันรู้สึกยังไง?ฉันไม่สนใจหรอกว่าขาลจะมีผู้หญิงซุกไว้อีกสักกี่คน เพราะความสัมพันธ์ที่ฉันต้องการมันเกี่ยวพันกับแค่เรื่องอย่างว่าอย่างเดียวถ้าขาลจะมีแฟน ขอแค่เขาบอกฉ
[พาร์ท : ขาล]ผมมองภาพตรงหน้า พี่หมี่ที่เคยมีความมั่นใจในตัวเองตอนนี้กำลังตื่นกลัวกับขนาดของท่อนเนื้อที่ซ่อนอยู่ภายใต้บ็อกเซอร์ของผม และใช่ เธอจะกลัวก็ไม่แปลก เพราะขนาดของผมมันไม่ใช่เล่นๆ เลยเวลามีเซ็กซ์กับแฟน ก็ต้องสั่งถุงยางไซส์พิเศษมาเก็บไว้ตลอดไซส์ 60 เนี่ย ไม่เคยได้ลองกับผู้หญิงที่ยังซิงเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเวลาสอดใส่เข้าไป มันจะตอดแค่ไหน เพราะขนาดแค่ของคนที่เคยมาก่อน ยังตอดรัดจนปวดแปลบซะขนาดนั้นพอคิดได้แบบนั้นผมก็แลบลิ้นเลียเขี้ยวขาวของตัวเอง ความกระหายอยากในตัวพี่หมี่พุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจ เธอเป็นคนเดียวที่ทำให้เอเนอร์จี้ของผมในเรื่องพรรค์นั้นเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาจริงๆช่วยไม่ได้ อยากเกิดมาด้วยร่างกายเอ็กซ์ๆ นั่นทำไม“ขะ ขาล แค่ถูได้มั้ย” ใบหน้าจิ้มลิ้มที่แดงซ่านกระซิบเสียงสั่นกับผมที่ทำท่าเหมือนจะชักลำโคนออกมาจากบ็อกเซอร์ ผมเงยหน้าขึ้นมองเธอนิดหน่อย รู้น่าว่าพี่อยาก แต่กลัวเหมือนกัน และผมก็ไม่ได้แคร์หรอก“อยากให้ผมเอามันออกมามั้ย” ผมเอนกายลงไปกระซิบข้างริมฝีปากของหมอสาวในเรือนร่างที่ยั่วยวนจนน่าอันตรายต่อใจ เธอเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนที่จะพยักหน้ารับเบาๆ“ยะ... อยากลองเห็นสักครั้งค่
พอเห็นว่าฉันอนุญาต เด็กน้อยตัวยักษ์ที่ยืนรออยู่ก็กดริมฝีปากลงมาท่ามกลางความเงียบภายในห้องพักของคุณหมอ ฉันจูบตอบกลับไปด้วยสัญชาตญาณ ทั้งตัวกระตุกยามเมื่อฝ่ามือแกร่งขย้ำก้อนหน้าอกนุ่มนิ่มที่เปลือยเปล่ามือของฉันถูกยกขึ้นโอบรอบคอของน้องขาล และปล่อยให้ริมฝีปากและปลายลิ้นนำพาเราไปสู่ความหฤหรรษ์ที่ฉันไม่เคยได้สัมผัส จูบที่มากกว่าแตะปากนี่มันดีจริงๆ ดูดดื่ม ล่องลอย เหมือนจะได้แตะขอบสวรรค์อยู่ตลอดเวลาแต่ก็ต้องอดชมไม่ได้เลยจริงๆ ว่าขาลจูบเก่งมาก ใช้ลิ้นเก่ง จนรู้สึกกลัวเลยถ้าเขาใช้ลิ้นแตะในจุดที่ไม่ควรจะแตะ เขาจะนำพามันไปสู่ความร้อนแรงแค่ไหนจนปลายลิ้นร้อนนัวเนียไปมากับปลายลิ้นของฉัน ขาลเบี่ยงองศาใบหน้าไปด้านข้างเพื่อที่จะได้แทรกความเปียกแฉะเข้ามาในริมฝีปากของฉันได้ง่ายขึ้น ฉันหลับตาลง เลื่อนวงแขนไปโอบรอบคอของขาล ไม่สนว่าตอนนี้ตัวเองกำลังจะอยู่ในโรงพยาบาลของพ่อบังเกิดเกล้า ไม่สนว่าขาลจะไม่ล็อกประตูอยากได้อีก อยากได้มากกว่านี้จนขาลผละริมฝีปากออกมา เราสบตากันในความเงียบ ฝ่ามือหนาแตะเบาๆ ที่ข้างแก้ม และเขี่ยเส้นผมสีชมพูอ่อนที่ปรกหน้าจนดูยุ่งเหยิงออกแววตาของขาลที่มองใบหน้าที่คิดว่าคงจะยั่วเขาอ
คนตัวใหญ่ปลดชุดแซกแขนกุดของฉันออกจนเห็นลาดไหล่ขาวนวล เขากลืนน้ำลายลงคอ ในขณะที่จะโน้มใบหน้าเข้ามาพรมจูบไปตามลาดไหล่ของฉันที่นั่งตัวแข็งทำไมไม่ห้ามเขาล่ะ ทำไมไม่ผลักออก?ได้แต่ถามตัวเองแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไร นอกจากความรู้สึกแสบเล็กๆ เพราะขาลกำลังดูดเม้มที่ไหปลาร้าเหมือนคนที่กำลังมัวเมากับของหวาน“ผมชอบพี่จัง พี่หมี่” จนเขากระซิบชิดลาดไหล่เปลือยเปล่าของฉัน พร้อมๆ กับปลายนิ้วสากที่เริ่มเกี่ยวสายชั้นในของฉันจนตกลงไปที่แขน“...”“ชอบจนแทบบ้าเลย”ตึกตักหัวใจฉันเต้นแรงเมื่อได้ยินคำบอกชอบจากร่างสูงใหญ่ที่พยายามทำลายความสัมพันธ์ที่มีช่องว่างของเราลง ฉันเคยคิดว่าขาลคือเด็กน้อยที่เชื่องและไม่มีประสบการณ์ เขาก็แค่เด็กวัยรุ่นเลือดร้อนทั่วไปแต่พอฉันพลาดพลั้งเปิดทางให้เขาไปครั้งเดียวเท่านั้น ก็เหมือนกับว่าขาลพร้อมที่จะพุ่งตรงเข้ามาแบบไม่คิดชีวิตฉันได้รู้ธาตุแท้ของน้องชายข้างบ้านวันนี้เอง ว่าเขาไม่ใช่สุนัขที่เชื่องและเชื่อฟังคน แต่จริงๆ แล้วเขาคือหมาล่าเนื้อที่รอเจ้าของตายใจ และพร้อมที่จะเข้ามาขย้ำอย่างรุนแรงได้ทุกเมื่อฉันได้ทำลายเส้นกั้นระหว่างเราไปแล้ว และน้องขาลคงจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ จนกว
“ขาล คือเมื่อคืน...” เธอพูดเสียงแผ่ว จ้องมองริมฝีปากผมที่หยัดยิ้มอย่างอ้อยอิ่ง “พี่ทำอะไรน่าอายลงไปเยอะเลย ขอโทษนะคะ”“แต่ผมกลับชอบที่พี่ทำแบบนั้นนะ” ผมโพล่งขึ้นมาอย่างไม่แคร์ความรู้สึกผิดจากแววตาคู่สวยที่หวานซึ้ง ผมรู้ว่าในใจลึกๆ ของเธอกำลังกระหายใคร่รู้ในตัวตนที่ซ่อนอยู่ของผม แต่เธอแค่ยังกลัวกับขนบธรรมเนียมเก่าๆ “แล้ววันนี้”“...”“พี่จะให้ผมแวะไปหาที่ห้องอีกรึเปล่า?”“หยุดก่อนเลยนะ” พอเห็นว่าผมเริ่มเข้ามาประชิดตัว พี่หมี่ที่เสียเปรียบเพราะเธอตัวเล็กกว่าก็เลยพยายามดันแผงอกผมออกไป “เหมือนน้องขาลจะลืมไปว่าที่นี่คือโรงพยาบาล”“ผมไม่สน” ผมสวนกลับทันที ก่อนที่จะเบี่ยงหน้าไปกระซิบข้างกกหูขาว “ผมอยาก ที่มาหาพี่ก็เพราะอยาก”“... แต่พี่ยังไม่พร้อมนะ” เธอเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อผมใช้ฝ่ามือหนาเกลี่ยปอยผมยาวๆ สีชมพูอ่อนที่ปรกหน้าเธอจนเห็นพวงแก้มนวลเชื่อมต่อไปจนถึงใบหูที่ขึ้นสีจัดจากสิ่งที่ผมทำ ผมเลยขบหูเธอเบาๆ “อ๊ะ ขาล ฟังพี่ด้วย”แปลกดี ปากห้ามผมแทบตาย แต่กลับไม่ผลักผมออกสักทีพี่หมี่กำลังท้าทายผมอ้อมๆ โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว“เมื่อคืนผมยังไม่เสร็จ พี่ก็ไม่เสร็จไม่ใช่เหรอ” ผมพูดเย้าแหย่ข้างกกหูตอ
[พาร์ท : ขาล]ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันถัดไป ในห้องของตัวเองยันตัวลุกขึ้นมาจากเตียงพร้อมกับขยี้ผมยาวๆ อย่างงัวเงีย เสียงคนทำอาหารข้างล่างดังเป็นระลอก เลยรู้ว่า ‘ขิม’ มันกำลังทำอาหารเช้าเตรียมเอาไว้ให้อีกแล้วผมออกไปยืนสูบบุหรี่ที่นอกระเบียง พร้อมกับหวนนึกถึงเรื่องเมื่อคืนหลังจากที่ตกลงกันว่าผมจะไม่มีเซ็กซ์กับพี่หมี่จนกว่าเธอจะพร้อม ผมก็รอให้เธอเมาหลับไป รอจนกว่าพี่หมี่จะหลับสนิทจริงๆ ถึงได้ปลีกตัวกลับมา ปลดปล่อยความใคร่และนึกถึงหน้าอกอวบขาวกับยอดทับทิมสีชมพูอยู่คนเดียว ใช้อุ้งมือพาตัวเองไปจนถึงจุดสุดยอดในห้องนอนถ้าไปเล่าให้เพื่อนฟัง แม่งคงบอกว่าไม่คุ้มแต่สำหรับผม มันคุ้มผมพ่นควันบุหรี่ออกมาในขณะที่ร่างกายแกร่งเปลือยเปล่า มือข้างขวากดโทรศัพท์ส่องหน้าไอจีของพี่หมี่ เห็นว่าเธอลงรูปเซลฟี่ที่โรงพยาบาล พอเสหน้าไปมองนาฬิกาก็เห็นว่าตอนนี้มันจะเที่ยงแล้วผมมีเรียนตอนบ่ายสอง แวะไปหาดีมั้ยวะก็นะ แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของสักหน่อย ถึงพี่หมี่จะไม่ชอบ แต่ผมก็ต้องแน่ใจที่สุดว่าครั้งแรกเธอจะเสียให้กับผมหมับผมชะงักเมื่อใจลอยคิดอะไรเงียบๆ ก็ถูกวงแขนเล็กกอดรัดอย่างแนบแน่น พอเหลือบไปมองก็เห็นว่าเป็น
ตึกตัก ตึกตักฉันใจเต้นหนักเมื่อเด็กผู้ชายที่ฉันเคยภาวนากับตัวเองว่าจะไม่หวั่นไหวกับเขากำลังนั่งคุกเข่า ร่างกายกำยำที่เต็มไปด้วยรอยสัก ซิกแพคเป็นลอนหนาเย้ายวน พร้อมกับความผงาดใต้กางเกงยีนส์ที่กะจากระยะสายตาตรงนี้ว่ามันคงใหญ่ยาวเอาเรื่องขาลเคยเป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็กๆ คนนึง เป็นน้องชายที่ฉันเอ็นดู เพราะเขาว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังฉันเหมือนสุนัขเชื่องๆ และพร้อมจะทำทุกอย่างตามที่ฉันขอจนวันนี้ขาลกำลังรุกฉันในคืนที่ฉันเสียการควบคุม น้องชายตัวน้อยที่ฉันเคยเอ็นดู บัดนี้กลายเป็นเพียงชายหนุ่มกลัดมันที่เร่าร้อนคนนึงเท่านั้นฉันเม้มริมฝีปากแน่น หน้าอกอวบสะท้อนตามแรงหายใจ มันเปลือยเปล่าจนเห็นยอดอกสีชมพู และร่างกายขาวจัดที่ไม่เคยเปิดเผยให้กับผู้ชายคนไหนมาก่อนที่บอกว่าฉันเวอร์จิ้นน่ะ เรื่องจริงนะฉันเคยจูบกับแฟนเก่า แต่นั่นก็นานมาแล้ว อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นฝ่ายรุกจูบก่อนด้วย นั่นก็เพราะฉันจูบไม่เก่งดูเหมือนว่าฉันเซ็กซี่ แต่งตัววาบหวิว และขี้อ่อยใครต่อใคร แต่เอาจริงๆ มั้ย ฉันไม่เคยถูกใครดูดหน้าอก ไม่เคยถูกจูบได้ดูดดื่มขนาดนี้ รวมถึงความใกล้ชิดที่อุ่นร้อนนี่ด้วยฉันแค่พยายามสร้างลุคยั่วยวนเพื่อป้องก
[พาร์ท : ขาล]ผมเคยมีแฟน และมีเซ็กซ์กับแฟนอยู่สองสามคนที่มีตอนนั้นก็เพราะพยายามจะตัดใจจากพี่หมี่เพราะรู้ดีว่าระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ พี่หมี่ไม่เคยมองเห็นผมเป็นมากกว่าน้องชายข้างบ้านของเธอ แม้ว่าผมจะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมากแค่ไหน พยายามเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งมากมาย แต่เธอก็ยังทำเหมือนผมเป็นแค่น้องในสายตาผมมันก็แค่ไอ้โง่งี่เง่า ที่ตัดพี่หมี่ไม่ขาด มีแฟนมาสามคน มีเซ็กซ์กับกี่คน สุดท้ายก็ต้องโดนทิ้ง เพราะลมหายใจเข้าออกของผมมีแต่พี่หมี่เท่านั้น จนคนที่คบอยู่ไม่โอเคกับสิ่งที่ผมเป็นแต่ผมไม่ได้แคร์เหมือนกัน ไม่ว่าจะมีแฟนหรือไม่มีก็ไม่ต่างกัน ในความคิดของผมมีแต่พี่หมี่ และใช้คนที่คบด้วยเป็นตัวแทนเวลามีเซ็กซ์กับเธอเห็นแก่ตัวดีใช่ปะ เออ ผมรู้ แต่ผมเปลี่ยนตัวเองไม่ได้พี่หมี่เองก็รู้ดีว่าผมทำไม่ได้ เธอเลยยังอยู่ตรงนี้ ให้ความหวังป้อนความหมายในการมีชีวิตต่อของผมไปวันๆ แต่ไม่คิดที่จะทำอะไรมากกว่านั้น แม้ว่าในบางครั้งผมจะรู้สึกโมโห อยากตัดใจกับความสัมพันธ์ที่คลุมเครือสัสๆ นี่ แต่พอแม่งทำไม่ได้ ก็เลยเหมือนเดินอยู่ในเขาวงกตเขาวงกตที่ผมจงใจจะตายอยู่ในนั้น และเชื่อมั่นในพระเจ้าว่าสักวันพระองค์ต้