กาลเวลาผันผ่านนำพามาซึ่งสิ่งใหม่ๆ นางในตอนนี้กลายเป็นกบก้นบ่อที่เสื้อผ้าชุดเดียวก็ทำให้ประหลาดใจได้ไปแล้วสินะทว่าเยว่อวิ๋นไม่ได้รู้เลยว่า เสื้อผ้าชุดเดียวที่นางใช้ค่อนขอดตัวเองนั้น แม้แต่จวงกุ้ยเฟยผู้อยู่เหนือสนมนางใดในวังหลัง ก็ยังไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้สัมผัสมันมองเงาร่างดรุณีน้อยอาภรณ์แดงในฉัน
“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว”เซี่ยฉงอวิ๋นกล่าวอย่างมั่นใจ ดวงตาคมทอประกายอ่อนโยนพลางถาม “ทำไม อาอวิ๋นไม่เชื่อข้าอย่างนั้นหรือ”“ใช่ว่าข้าไม่เชื่อ เพียงแต่เวลาล่วงเลยมาจนขนาดนี้แล้ว ข้ายังไม่เห็นว่าแขกของท่านจะเดินทางมาถึงเลย ดูสิแม้แต่อาจารย์ใหญ่ฉีก็ยัง...” เยว่อวิ๋นกล่าวน้ำเสียงซุกซนพลางบุ้ยริ
เนื่องจากนางไม่ได้กล่าวเสียงดังมากนัก อีกทั้งโต๊ะนี้ไม่มีคนอื่นนอกจากชายชรากับหานซื่อและเถี่ยโกว่ คนอื่นจึงไม่ได้ยินเรื่องน่าขายหน้านี้“ท่านพ่อ ท่านฟังนางพูดสิเจ้าคะ” หานซื่อเป็นบุตรสาวของบัณฑิตซิ่วไฉจากในตำบล ถูกสู่ขอมาให้บุตรชายผู้ใหญ่บ้านที่ระดับชนชั้นต่ำกว่าฐานะบ้านเดิม เมื่อมาอยู่ที่นี่ครอบครั
เยว่อวิ๋นรู้ดีว่าตัวเองกำลังจะตาย…นางไม่นึกเสียใจทว่าเพียงแต่คิดเสียดาย…นางถูกบิดาที่เคารพหลอกใช้เป็นหมาก มารดาที่รักทอดทิ้งอย่างไม่สนใจไยดี กระทั่งน้องชายที่ให้ความเอ็นดูกลับหมางเมินไม่แยแสต่อความเป็นความตายของนางหลายปีนับจากเติบใหญ่ เยว่อวิ๋นก็จับดาบมุ่งเข้าสู่สนามรบ นางดำรงตำแหน่งแม่ทัพหญิงเพื
เยว่อวิ๋นมั่นใจว่าตัวเองนั้นตายไปแล้ว…แน่นอนว่าคนที่ถูกตัดคอขาดในดาบเดียวเช่นนาง คงไม่คิดหรอกว่าตัวเองจะยังมีชีวิตอยู่ดีความรู้สึกยามศีรษะหลุดกระเด็นแยกจากร่าง เวลาชั่วขณะนั้นยากนักที่จะอธิบาย แถมยังไม่น่าหวนนึกถึงเท่าใด เพียงแต่นางไม่คาดคิดเลยว่าความรู้สึกหลังความตายกลับย่ำแย่ยิ่งกว่าก่อนตายไม่ป
“อย่าทำมาเป็นมองข้าด้วยสายตาแบบนั้นนะ นางเด็กน่ารังเกียจ ข้าขอพูดเอาไว้ตรงนี้เลย ไม่ว่าวันนี้จะเป็นหรือตายเจ้าก็ต้องแต่งไปบ้านสกุลเซี่ย” แม่เฒ่าเยว่พยายามข่มอารมณ์หวาดกลัวของตน พลางแสร้งโมโหตวาดด่าทอกลบเกลื่อน “หากเจ้ากล้า…”“เข้าใจแล้ว ข้าจะแต่ง”เยว่อวิ๋นตอบขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้งนางนอนฟังเรื่
ทางที่ดีให้เขาบาดเจ็บหรือพิการจนต้องนอนเตียงไปทั้งชีวิตเลยก็ได้ สามีคนเดียวนางเลี้ยงไหวอยู่แล้ว แม้จะมีซาลาเปาน้อยแถมมาด้วยก็ไม่เป็นไรนางไม่ถือสา แต่ขออย่าได้ลุกขึ้นมายุ่มย่ามวุ่นวายกับนางเชียวล่ะเพราะถ้าไม่อย่างนั้นนางคงไม่ลังเลที่จะส่งเขาลงไปพบกับเหยียนหลัวหวางก่อนเวลาเป็นแน่!เยว่อวิ๋นนอนนิ่งใช้
เยว่อวิ๋นฟังแล้วอดนึกขันไม่ได้ คงต้องบอกว่าคนจำพวกเดียวกันมักจะมองกันออกจริงๆ สินะ ขนาดอีกฝ่ายไม่อยู่ในขบวนรับตัวเจ้าสาวแท้ๆ กลับบรรยายการกระทำของแม่เฒ่าเยว่ได้ชัดเจนชนิดตาเห็นเลยทีเดียว ดูท่าแล้วหญิงชราผู้นี้คงเป็นแม่สามีราคาถูกของนางกระมั้ง“ท่านแม่ พวกข้าไม่ได้เสียเปรียบให้นางเลยขอรับ” เซี่ยจินกล
เนื่องจากนางไม่ได้กล่าวเสียงดังมากนัก อีกทั้งโต๊ะนี้ไม่มีคนอื่นนอกจากชายชรากับหานซื่อและเถี่ยโกว่ คนอื่นจึงไม่ได้ยินเรื่องน่าขายหน้านี้“ท่านพ่อ ท่านฟังนางพูดสิเจ้าคะ” หานซื่อเป็นบุตรสาวของบัณฑิตซิ่วไฉจากในตำบล ถูกสู่ขอมาให้บุตรชายผู้ใหญ่บ้านที่ระดับชนชั้นต่ำกว่าฐานะบ้านเดิม เมื่อมาอยู่ที่นี่ครอบครั
“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว”เซี่ยฉงอวิ๋นกล่าวอย่างมั่นใจ ดวงตาคมทอประกายอ่อนโยนพลางถาม “ทำไม อาอวิ๋นไม่เชื่อข้าอย่างนั้นหรือ”“ใช่ว่าข้าไม่เชื่อ เพียงแต่เวลาล่วงเลยมาจนขนาดนี้แล้ว ข้ายังไม่เห็นว่าแขกของท่านจะเดินทางมาถึงเลย ดูสิแม้แต่อาจารย์ใหญ่ฉีก็ยัง...” เยว่อวิ๋นกล่าวน้ำเสียงซุกซนพลางบุ้ยริ
กาลเวลาผันผ่านนำพามาซึ่งสิ่งใหม่ๆ นางในตอนนี้กลายเป็นกบก้นบ่อที่เสื้อผ้าชุดเดียวก็ทำให้ประหลาดใจได้ไปแล้วสินะทว่าเยว่อวิ๋นไม่ได้รู้เลยว่า เสื้อผ้าชุดเดียวที่นางใช้ค่อนขอดตัวเองนั้น แม้แต่จวงกุ้ยเฟยผู้อยู่เหนือสนมนางใดในวังหลัง ก็ยังไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้สัมผัสมันมองเงาร่างดรุณีน้อยอาภรณ์แดงในฉัน
เซี่ยเฉิงที่ติดตามมาด้วยชำเลืองมองใบหน้าของคนตรงหน้าอย่างหมดคำพูด นี่ใช่การมาเชิญไปร่วมงานเลี้ยงยินดีเสียที่ไหนกัน เป็นการมาหาศัตรูเพิ่มใส่ตัวชัดๆ พี่ฉงอวิ๋นทำแบบนี้คงไม่ใช่คิดว่าชีวิตตนเองสุขสงบเกินไปกระมังแต่ไม่ว่าในใจซุนไฉกับผู้อาวุโสจินและเซี่ยเฉิงจะมีความคิดอะไร สองวันถัดมางานเลี้ยงที่ทุกคนรอค
นี่เป็นครั้งแรกที่กู้เหยียนเซียวใช้คำพูดรุนแรงกับนาง ที่ผ่านมาต่อให้ไม่ชอบใจเขาก็แค่แสดงท่าทีเย็นชาใส่เท่านั้น คิดถึงรอยยิ้มบางยามอีกฝ่ายเอ่ยชื่อของเยว่อวิ๋น ในใจหานจีก็ยังไม่อาจสงบได้“ไปบ้านสกุลกู้” นางรีบกลับขึ้นรถม้าอีกครั้ง ก่อนจะออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงสั่นเทานางจำเป็นต้องขอร้องให้ญาติผู้พี่ออกห
คนชั้นต่ำนี่กล้าดีอย่างไรมาสาปแช่งข้า เฉียนซานเจ้าคนไร้ความสามารถอยู่ที่ไหน รีบออกมาเดี๋ยวนี้นะ” หานจีที่ลงมาจากรถม้าทันได้ยินคำถามของสืออิงเข้าพอดี นางโมโหจนพูดไม่ออก ได้แต่หันไปร้องตะโกนเรียกเฉียนซานด้วยน้ำเสียงเปี่ยมโทสะไม่นานร่างสันทัดของเฉียนซานก็ก้าวออกมาจากร้าน เจ้าตัวมองไปยังหานจีที่ยืนหน้า
เยว่อวิ๋นส่งใบรายการสินค้าให้สืออิง คราวนี้นางปรุงยาห้ามเลือดได้แค่สามพันขวด ส่วนขี้ผึ้งทาเท้านั้นเนื่องจากสืออิงสามารถซื้อวัตถุดิบมาได้จำนวนมาก ทั้งยังมีคนงานที่ลงนามสัญญามาช่วยงานอีกหลายสิบคน ทำให้ผลิตได้มากถึงหกพันกว่าตลับ เยว่อวิ๋นจึงถือโอกาสนี้ให้สืออิงนำของไปส่งพร้อมเทียบเชิญงานเลี้ยงเข้าบ้านใ
แน่นอนว่าเรื่องราวพวกนี้เยว่อวิ๋นไม่ล่วงรู้ด้วยสักนิด เพราะทุกครั้งที่นางไปรอรับคน อาจารย์ใหญ่ฉีผู้เอ็นดูเซี่ยฉงอวิ๋นแบบไม่มีขีดจำกัด มักจะแสดงท่าทีกุลีกุจอดีต่อครอบครัวพวกเขายิ่งนัก นั่นทำให้เยว่อวิ๋นเกิดภาพลวงตาว่าสามีตนเป็นที่รักใคร่ของผู้อื่น“งั้นก็ตกลงตามนี้ อีกสองวันจัดงานเลี้ยงสักหลายโต๊ะหน่
แต่ใครเลยจะรู้ พี่ฉงอวิ๋นกลับทำให้ทุกคนคาดไม่ถึง ด้วยการตอบคำถามเหล่านั้นได้กระจ่างและดีเยี่ยมอันที่จริงแล้วการที่อาจารย์ทดสอบความรู้ความสามารถนักเรียนนั้นถือเป็นเรื่องปกติ และต่อให้คำตอบของเซี่ยฉงอวิ๋นจะยอดเยี่ยมสักเพียงใด ก็ไม่ควรสร้างคลื่นผลกระทบอะไรแก่ผู้อาวุโสจินได้เพียงแต่เซี่ยฉงอวิ๋นนั้นเป็