“ในเมื่อบิดากับมารดาหย่ากัน ท่านก็ต้องคืนสินเดิมให้ท่านแม่ข้าด้วยสิ” อย่างไรเสียหลิวอิงก็เป็นบุตรสาวคนเดียวของสามีภรรยาบ้านรอง ตอนที่นางแต่งงานลุงของนางจึงได้มอบสินเดิมให้ติดตัวมาจำนวนหนึ่งด้วย ซึ่งข้าวของเหล่านั้นหลังจากแม่เฒ่าเยว่รู้ก็ได้ยึดเอาไปเป็นของตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้เยว่อวิ๋นสอบถามกับหลิวอิง
หลิวอิงคิดแล้วก็พยักหน้ากับตัวเอง นางหันไปมองภาพการโบยตีคนอีกครั้งอย่าสบายใจการกระทำของมารดาอยู่ภายใต้สายตาของเยว่อวิ๋นทั้งหมด เห็นว่าหลิวอิงไม่ได้ใจอ่อนเอ่ยปากขอร้องแทนพวกเขา เยว่อวิ๋นก็พยักหน้าอย่างพอใจ อย่างน้อยมารดาของนางคนนี้ก็ยังไม่ได้เป็นคนดีเสียจนโง่เขลา“พอได้แล้ว เจ้าต้องการอะไรกันแน่” แม
เห็นเยว่ฉินพุ่งเข้าใส่เยว่อวิ๋น หลิวซื่อพลันกรีดร้องด้วยความเป็นห่วงบุตรสาว แตกต่างจากหลิวซื่อก็คือแม่เฒ่าเยว่กับเยว่เจินเจินที่สีหน้าแสดงความกระหยิ่มออกมาชัดเจน “พี่ใหญ่ท่านตีนางให้หนักๆ เลย ดูสิคราวนี้นางจะยังกล้าปากดีอักไหม” เยว่เจินเจินร้องบอกพี่ชาย สายตาก็กวาดมองหาอาวุธข้างกายไปด้วยถึงเยว่ฉินจ
พอเดินเข้ามาด้านในบ้าน แม่เฒ่าเยว่ก็สลัดใบหน้ายิ้มแย้มใจดีทิ้งทันที ดวงตาฝ้าฟางของหญิงชราหรี่ลงแคบ เพ่งตรงไปยังเยว่อวิ๋นเขม็งราวกับอสรพิษยามจ้องเหยื่อเยว่อวิ๋นไม่มีท่าทีแปลกใจต่อการเปลี่ยนสีหน้าในพริบตาของแม่เฒ่าเยว่เลยแม้แต่น้อย หญิงสาวเดินตรงไปนั่งบนเก้าอี้ก่อนหันมาเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “แน่นอนว
ดูเหมือนว่าต้นหญ้าที่ดูบอบบางมักลู่ตามลมก็มีความสามารถใช้ชีวิตรอดในแบบของตนสินะ“ถ้าอย่างนั้นท่านพักผ่อนก่อนเถอะ รอพรุ่งนี้เช้าพวกเราค่อยไปบ้านเยว่กัน”นางจำได้ว่ายายเฒ่าสารพัดพิษแซ่เยว่นั่นยังติดหนี้รอยหยิกนางอยู่อีกหลายทีเลยละเยว่อวิ๋นคิดพลางหักนิ้วมือกรอบแกรบ สีหน้าท่าทางที่แสดงออกกระตือรือร้นกว
เยว่อวิ๋นเข้าประตูมาด้วยท่าทีสงบนิ่ง นางไม่ได้เปิดโปงหรือตำหนิการแสดงออกที่อ่อนแอของอีกฝ่าย แต่ยังกล่าวปลอบใจมารดาอย่างเข้าใจอีกด้วย เห็นเช่นนี้หลิวซื่อที่รู้สึกเกร็งในคราวแรกก็ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด“ท่านแม่ ข้ามีบางอย่างอยากจะถามท่าน” ก่อนที่นางจะจัดการเรื่องในอนาคตให้กับหลิวซื่อ ก็ควรสะสางเรื่