ต้าเป่าน้อยบุ้ยหน้าไปทางด้านหลัง ทว่ายังไม่ทันได้หันกลับไป เสียงตวาดจากคนเป็นมารดาก็ดังขึ้นเสียก่อน “อย่าขยับ!”เยว่อวิ๋นจ้องเลยไปยังด้านหลังของเด็กชายเขม็ง ใบหน้าเคร่งขรึมที่ดูจริงจังกว่าเวลาปกติทำให้เด็กชายอดใจหายไม่ได้ หรือว่าข้างหลังเขาจะมีงูตัวอื่นซ่อนอยู่อีก!หากเยว่อวิ๋นได้ยินความคิดนี้ นางคง
ยิ่งคิดเยว่อวิ๋นก็ยิ่งมีโทสะ นึกอยากร้องด่าระบายความไม่เป็นธรรมที่ได้รับสักสองสามประโยค แต่จนใจที่ฝ่ายตรงข้ามดันไม่เข้าใจภาษามนุษย์เสี่ยนี่ คิดพลางได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งหญิงสาวทำได้เพียงใช้ความสงบเข้ากดดัน ทว่าแม่เสือที่บาดเจ็บก็เรียนรู้ที่จะไม่บุ่มบ่ามโจมตี หนึ่งคนหนึ่งสัตว์จดจ้องกันอยู่เนิ
“คุณชาย บ่าวว่าท่านส่งลูกเสือออกไปเถอะขอรับ แม่นางข้างข้านบนนั้น…” ดูเอาจริงเป็นอย่างยิ่งลู่จิ่วโน้มน้าวผู้เป็นนาย ถึงแม้ลูกเสือจะเป็นตัวยาสำคัญในการรักษานายหญิงผู้เฒ่า แต่หากไม่มีชีวิตรอดนำกลับไปแล้วจะมีประโยชน์อันใดเล่าเสียงใบไม้ดังกรอบแกรบเหนือศีรษะ สองนายบ่าวต่างมองหน้ากันด้วยใจหนักอึ้ง จากนั้
จี้จิ่งชวนประสานสายตากับหญิงสาวที่อยู่ด้านบนผ่านช่องว่างอย่างพินิจ นางดูอายุยังน้อยเหมือนที่คิดไว้ ใบหน้าซูบผอมมอมแมมที่เห็นไม่ใช่สตรีงดงามเลยสักนิด ทว่ากลับมีดวงตากลมโตกระจ่างใสราบเรียบดุจผิวน้ำไร้ระลอกคลื่นน่ามองยิ่ง“ขะ...” คำว่าขอบคุณแม่นางยังไม่ทันถูกพูดออกมา เท้าที่ห่อหุ้มด้วยรองเท้าผ้าเก่าๆ ก
ร้อยตำลึงเป็นค่ารักษาขา!ประโยคนี้ราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจจี้จิ่งชวน เดิมทีหนึ่งคืนที่ติดอยู่ในหลุมดักสัตว์ ได้ลดทอนความคิดที่ว่าจะสามารถรักษาขาไว้ได้ของเขาไปหมดแล้ว ทว่ายามนี้ความคาดหวังที่หายไปพลันปรากฏขึ้นอีกครั้งหลังได้ฟังคำพูดของสตรีแปลกหน้า“แม่นางหมายความว่าอย่างไร เจ้ารักษาขาของข้าได้จริงน่ะห
เยว่อวิ๋นกับต้าเป่าเดินนำสองนายบ่าวมุ่งลงเขา เนื่องจากระหว่างทางขึ้นเยว่อวิ๋นคิดจะล่าสัตว์ ขามาทั้งคู่จึงไม่เก็บของเล็กน้อยให้เต็มตะกร้า แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว พวกนางแม่ลูกย่อมต้องแวะเก็บของป่าตามรายทางที่ลงเขาเพื่อไม่ให้มาเสียเที่ยวลู่จิ่วต้องแบกจี้จิ่งชวนขึ้นหลังเดินจึงทั้งร้อนทั้งเหนื่อ
ถัดจากเห็ดก็เป็นจิงจูฉ่าย [1] ที่ไปเจอตอนกำลังไล่ตามกระต่าย เยว่อวิ๋นจำเจ้าผักนี่ได้เพราะมีสรรพคุณทางยา เมื่อคิดว่าประโยชน์ของเจ้าสิ่งนี้ดีต่อร่างกายเซี่ยฉงอวิ๋น เยว่อวิ๋นก็เด็ดกลับมาเสียกองโต แต่ส่วนที่ว่าจะให้กินอย่างไรนั้นนางยังไม่ได้ตัดสินใจ…จำได้ว่าในอดีตเกี๊ยวไส้จิงจูฉ่ายที่ ‘เซี่ยฉงอวิ๋น’ เค
รับเอาตั๋วเงินร้อยตำลึงมายัดใส่แขนเสื้อ ใบหน้าของเยว่อวิ๋นยิ่งเบิกบานกว่าเดิมเป็นเท่าตัว หญิงสาวมอบห้าตำลึงให้แก่หมอจางเป็นค่ายา ก่อนจะปล่อยให้สองนายบ่าวพักผ่อนไปตามอัธยาศัย ส่วนตนเองกับเด็กสองคนก็เข้าครัวเตรียมอาหารสำหรับทุกคนเดิมหมอจางคิดจะขอตัวกลับหลังจากการรักษาเสร็จสิ้น แต่พอคิดถึงคำพูดของเยว่
เรื่องอะไรนางต้องลำบากลำบนเป็นหนี้เพื่อซื้อผู้หญิงให้สามีตัวเองด้วย!“เยว่ซื่อเจ้าอย่าได้ทำเกินไปนักนะ คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมาเจ้ากี้เจ้าการเรื่องครอบครัวข้า แค่สามีข้ารู้จักสวีเหยาเจ้าก็คิดจะยัดเยียดคนเข้ามาแล้วรึ เจ้านี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี”“เจ้าเองก็รู้นี่ ว่าเรื่องแบบนี้มันไร้เหตุผล แล้วทีเจ้าลา
เซี่ยเหล่าซานมีหรือจะไม่รู้นิสัยลูกสะใภ้ตัวเอง นางสงสารสวีเหยาจริงเสียที่ไหนกัน ก็แค่อยากสร้างความลำบากใจให้ผู้อื่นเท่านั้นแหละ“สะใภ้รองเจ้าว่างมากนักหรือไง ถ้าไม่มีอะไรทำก็กลับเข้าบ้านไปเสีย อย่ามาอยู่ตรงนี้ให้คนเขาระอาเลย” อยู่ต่อหน้าเยว่อวิ๋นเซี่ยเหล่าซานไม่สะดวกจะสั่งสอนลูกสะใภ้ จึงได้แต่ถลึงตา
พอรู้ว่าคนไปแล้วนางเจียงจึงขมวดคิ้ว บ่นสามีที่ไม่รู้ความเบาๆ “ดูเจ้าสิ อายุปูนนี้แล้วยังคิดไม่ได้ เยว่ซื่อมอบของตอบแทนที่เจ้าช่วยเหลือ เจ้าก็ไม่คิดอะไรแบมือรับอย่างเดียวหรือ”ผู้ใหญ่บ้านฟังแล้วหน้าแดง รู้สึกว่าตนบกพร่องมารยาทไปจริงๆ เจียงซื่อเห็นเขาคิดได้ก็ไม่พูดต่อ นางเพียงส่งผักที่กอดไว้ให้อีกฝ่าย
อีกด้าน เยว่อวิ๋นจัดการแบ่งใบชาที่ซื้อมาใส่ห่อพร้อมขนมกุ้ยฮวาที่ซื้อมาอีกหนึ่งกล่อง เตรียมของเสร็จนางก็กำชับต้าเป่ากับเสี่ยวอวี้ให้คอยดูคนป่วยสองคนด้านใน จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังบ้านผู้ใหญ่บ้านบ้านของผู้ใหญ่อยู่ห่างจากบ้านของเยว่อวิ๋นพอประมานใช้เวลาเดินเกือบๆ หนึ่งเค่อ เยว่อวิ๋นเดินไปตามทางอย่างไม่ร
พอเยว่อวิ๋นจากไปในห้องก็พลันเงียบงันชั่วขณะ เซี่ยฉงอวิ๋นที่เมื่อครู่ต่อล้อต่อเถียงก็เอาแต่จ้องมองใบหน้าหลีจวินไม่กล่าววาจา เห็นอย่างนั้นหลีจวินก็ใจแป้วขึ้นมาทันที“เจ้ามองข้าแบบนั้นทำไม ขะ... ข้าเป็นลูกค้าบ้านเจ้านะ” หลายวันมานี้เขาถูกคนตรงหน้ากลั่นแกล้งจนหัวหมุนขยาดไปหมดแล้ว“แล้วอย่างไร เจ้ายังไม่
เรื่องราวของสวีเหยาถูกโจษจันไปทั่วหมู่บ้าน หญิงสาวยังไม่แต่งงานคนหนึ่ง กลับวิ่งไปหาบุรุษที่มีภรรยาอยู่แล้วเพื่อขอเป็นอนุ นี่ช่างเป็นเรื่องตลกร้ายที่น่าอับอายอย่างแท้จริงพริบตาที่เรื่องนี้แพร่ออกไป ไม่เพียงครอบครัวสวีที่กลายเป็นตัวตลก แต่บ้านจ้าวเองก็หนีไม่พ้นเช่นกันป้าจ้าวที่เคยเดินเชิดหน้านินทาคน
ทว่าสวีเหยากลับไม่ได้ทำอะไรเยว่อวิ๋นอย่างที่ทุกคนคาดเดา นางเพียงพุ่งไปคุกเข่าเบื้องหน้าเยว่อวิ๋น ก่อนจะก้มลงโขกศีรษะให้ฝ่ายหลังสุดแรง“เยว่อวิ๋น ขอร้องเจ้าแล้ว ยอมให้ข้าเป็นอนุของพี่ชายอวิ๋นเถอะ ขอแค่เจ้ายอมรับปาก ข้าสาบานจะปรนนิบัติรับใช้เจ้ากับพี่ชายอวิ๋นจนชีวิตหาไม่”สวีเหยาพร่ำขอร้องไปพลางโขกศีร
อีกด้าน เยว่อวิ๋นกำลังฝังเข็มให้เซี่ยฉงอวิ๋นอยู่เช่นกัน ทว่าฝั่งนี้กลับดูสบายกว่าทางหลีจวินอย่างเห็นได้ชัด“หลีจวินนี่เด็กจริงๆ เขาแกล้งเอะอะใส่หมอจางทุกครั้งแบบนี้สนุกนักหรือไง” เยว่อวิ๋นฟังเสียงร้องโหยหวน พลางขมวดคิ้วบ่นเบาๆถึงอย่างไรหมอจางก็เป็นลูกศิษย์นาง เจ้าหนุ่มนั่นไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโสเอา
ได้ยินอีกฝ่ายสาธยายความผิดของฟางฮัวทีละข้อชัดถ้อยชัดคำ เยว่อวิ๋นได้แต่นิ่งเงียบพูดไม่ออก นี่เขาพิการออกไปไหนไม่ได้จริงหรือส่วนฟางฮัวผู้นี้คงรังเกียจว่าชีวิตตนสงบสุขเกินไปสินะ ถึงได้พยายามรนหาที่ซะเหลือเกินเซี่ยฉงอวิ๋นเห็นภรรยาไม่คิดจะพูดแทนฟางฮัวอีกก็พอใจอย่างมาก เขาเอื้อมมือดึงคนเข้ามากอดขณะเอ่ยเ