“ได้ทั้งคู่ จี้ฮูหยินต้องการแบบไหนบอกมาได้เลย ข้าจะร่างหนังสือรับรองให้ท่านเอง”ต้องรู้ว่าสำหรับสกุลกู้หงจือหลินคือเส้นเลือดหลัก ความสำคัญของมันแม้แต่คนนอกอย่างสวี่ซื่อกับป้าสุยยังรู้ ยิ่งไม่ต้องพูเดถึงหมอเฉินที่อยู่ข้างกายกู้เหยียนเซียวเยว่อวิ๋นเห็นการแสดงออกของแต่ละคนก็อดเลิกคิ้วสูงไม่ได้ ไม่คิดว
ป้าสุยมองไปทางที่เยว่อวิ๋นผินหน้า ก็แสดงอาการตกตะลึงไปในทันที นางเอ่ยเรียกผู้เป็นนายน้ำเสียงยินดี“ฮูหยินผู้เฒ่า”ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้ารับเล็กน้อย ดวงตานางมองเลยไปยังสวี่ซื่อแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาคุยกับเยว่อวิ๋นด้วยสีหน้าอบอุ่นกว่าเดิม“ขอบคุณหมอเยว่มาก” อันที่จริงฮูหยินผู้เฒ่าได้สติมาสักพักหนึ่งแ
ผู้ที่ถูกขานนามว่าใต้เท้าเพ่งมองมายังเยว่อวิ๋นด้วยท่าทีดุดัน ทว่าสายตาของหญิงสาวกลับตกลงที่ชายผู้เป็นเจ้าของเสียงฟ้องเมื่อครู่“หมอจูนี่เอง ดูเจ้าเปลี่ยนไปเยอะจนข้าจำแทบไม่ได้เลย” เสียงใสกล่าวเหมือนทักทาย ทว่ายามเข้าหูจูจ้งกลับมิต่างจากถ้อยคำเย้ยหยันเสียดสีก่อนหน้านี้เขาเป็นหมอของหอยาหงจือหลิน ฐานะ
กู้เหยียนเซียวกับหมอเฉินตะลึงไปชั่วขณะ พวกเขาต่างก็คาดไม่ถึงว่าเยว่อวิ๋นจะลงมือกับคนของทางการ ทว่าเมื่อได้ยินคำถามทั้งคู่ก็รีบตอบรับทันที“จำได้ๆ เขาชื่อจูจ้งเคยเป็นหมอของหงจือหลิน” หมอเฉินกล่าว“ก่อนหน้านี้เขาวินิจฉัยโรคผิดจนคนไข้หลายคนเกือบตาย หนึ่งในนั้นก็คือหลานสาวข้าเอง ดังนั้นข้าจึงขับเขาออกจา
“หยุดมือ” เสียงบุรุษวัยกลางคนดังขึ้นเยว่อวิ๋นชะงักเท้าที่กำลังง้างออกของตนกลับมาเงียบๆ ก่อนจะหันไปมองผู้มาใหม่เจ้าของเสียง“ที่ปรึกษาหลี่มาเยือนไม่ได้ต้อนรับให้ดี ผู้แซ่กู้เสียมารยาทแล้ว” พอเห็นใบหน้าผู้มาใหม่ชัดเจน กู้เหยียนเซียวจึงก้าวออกมาทักทาย“ท่านกู้อย่าได้มากพิธี ล้วนเป็นคนกันเองทั้งนั้น” ท
จูจ้งรู้ดีว่าหงจือหลินมีการจดบันทึกสมุนไพรที่ขาย ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวเลยว่าเยว่อวิ๋นจะไม่ยอมรับเขาหันไปทางหมอเฉินแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “หมอเฉินท่านเองก็เป็นหมอ ท่านลองบอกมาสิว่าที่ข้ากล่าวมานั้นจริงหรือไม่”มองดูท่าทางได้ใจของจูจ้ง หมอเฉินไม่อยากยอมรับเลยสักนิด ทว่าด้วยจรรยาของคนเป็นหมอเขาจึงมิอาจปฏิ
“หยุดนะ!”เห็นเยว่อวิ๋นทำท่าจะผละจากไป สวี่ซื่อร้อนใจจนทนไม่ไหว นางลงทุนลงแรงไปตั้งขนาดนี้ หากปล่อยให้ฮูหยินผู้เฒ่าหายป่วย วันคืนดีๆ ของนางต่อจากนี้คงไม่มีอีกแล้วเป็นแน่“จี้ฮูหยินยังมีเรื่องอะไรอีกหรือ” เยว่อวิ๋นถามสวี่ซื่อเม้มปากแน่นก่อนจะกล่าวขึ้น “การรักษาของฮูหยินผู้เฒ่าสำคัญมาก ไม่อาจทำแบบลวก
“นางสารเลวเจ้าว่าใครเป็นอนุ!” คำเรียกขานว่าอนุนับเป็นคำต้องห้ามในใจสวี่ซื่อ เพราะมันทำให้นางหวนนึกถึงวันเวลาที่ทำได้แค่ก้มหน้ามองผู้อื่นด้วยความต่ำต้อย สวี่ซื่อเงยหน้าจ้องเขม็งไปที่เยว่อวิ๋น นึกอยากโผเข้าไปข่วนใบหน้าอีกฝ่ายสักหลายๆ ที“ชวนเอ๋อร์ เจ้าจะมองนางลบหลู่แม่อยู่อย่างนี้น่ะหรือ เจ้าก็รู้ถึงข
เรื่องอะไรนางต้องลำบากลำบนเป็นหนี้เพื่อซื้อผู้หญิงให้สามีตัวเองด้วย!“เยว่ซื่อเจ้าอย่าได้ทำเกินไปนักนะ คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมาเจ้ากี้เจ้าการเรื่องครอบครัวข้า แค่สามีข้ารู้จักสวีเหยาเจ้าก็คิดจะยัดเยียดคนเข้ามาแล้วรึ เจ้านี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี”“เจ้าเองก็รู้นี่ ว่าเรื่องแบบนี้มันไร้เหตุผล แล้วทีเจ้าลา
เซี่ยเหล่าซานมีหรือจะไม่รู้นิสัยลูกสะใภ้ตัวเอง นางสงสารสวีเหยาจริงเสียที่ไหนกัน ก็แค่อยากสร้างความลำบากใจให้ผู้อื่นเท่านั้นแหละ“สะใภ้รองเจ้าว่างมากนักหรือไง ถ้าไม่มีอะไรทำก็กลับเข้าบ้านไปเสีย อย่ามาอยู่ตรงนี้ให้คนเขาระอาเลย” อยู่ต่อหน้าเยว่อวิ๋นเซี่ยเหล่าซานไม่สะดวกจะสั่งสอนลูกสะใภ้ จึงได้แต่ถลึงตา
พอรู้ว่าคนไปแล้วนางเจียงจึงขมวดคิ้ว บ่นสามีที่ไม่รู้ความเบาๆ “ดูเจ้าสิ อายุปูนนี้แล้วยังคิดไม่ได้ เยว่ซื่อมอบของตอบแทนที่เจ้าช่วยเหลือ เจ้าก็ไม่คิดอะไรแบมือรับอย่างเดียวหรือ”ผู้ใหญ่บ้านฟังแล้วหน้าแดง รู้สึกว่าตนบกพร่องมารยาทไปจริงๆ เจียงซื่อเห็นเขาคิดได้ก็ไม่พูดต่อ นางเพียงส่งผักที่กอดไว้ให้อีกฝ่าย
อีกด้าน เยว่อวิ๋นจัดการแบ่งใบชาที่ซื้อมาใส่ห่อพร้อมขนมกุ้ยฮวาที่ซื้อมาอีกหนึ่งกล่อง เตรียมของเสร็จนางก็กำชับต้าเป่ากับเสี่ยวอวี้ให้คอยดูคนป่วยสองคนด้านใน จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังบ้านผู้ใหญ่บ้านบ้านของผู้ใหญ่อยู่ห่างจากบ้านของเยว่อวิ๋นพอประมานใช้เวลาเดินเกือบๆ หนึ่งเค่อ เยว่อวิ๋นเดินไปตามทางอย่างไม่ร
พอเยว่อวิ๋นจากไปในห้องก็พลันเงียบงันชั่วขณะ เซี่ยฉงอวิ๋นที่เมื่อครู่ต่อล้อต่อเถียงก็เอาแต่จ้องมองใบหน้าหลีจวินไม่กล่าววาจา เห็นอย่างนั้นหลีจวินก็ใจแป้วขึ้นมาทันที“เจ้ามองข้าแบบนั้นทำไม ขะ... ข้าเป็นลูกค้าบ้านเจ้านะ” หลายวันมานี้เขาถูกคนตรงหน้ากลั่นแกล้งจนหัวหมุนขยาดไปหมดแล้ว“แล้วอย่างไร เจ้ายังไม่
เรื่องราวของสวีเหยาถูกโจษจันไปทั่วหมู่บ้าน หญิงสาวยังไม่แต่งงานคนหนึ่ง กลับวิ่งไปหาบุรุษที่มีภรรยาอยู่แล้วเพื่อขอเป็นอนุ นี่ช่างเป็นเรื่องตลกร้ายที่น่าอับอายอย่างแท้จริงพริบตาที่เรื่องนี้แพร่ออกไป ไม่เพียงครอบครัวสวีที่กลายเป็นตัวตลก แต่บ้านจ้าวเองก็หนีไม่พ้นเช่นกันป้าจ้าวที่เคยเดินเชิดหน้านินทาคน
ทว่าสวีเหยากลับไม่ได้ทำอะไรเยว่อวิ๋นอย่างที่ทุกคนคาดเดา นางเพียงพุ่งไปคุกเข่าเบื้องหน้าเยว่อวิ๋น ก่อนจะก้มลงโขกศีรษะให้ฝ่ายหลังสุดแรง“เยว่อวิ๋น ขอร้องเจ้าแล้ว ยอมให้ข้าเป็นอนุของพี่ชายอวิ๋นเถอะ ขอแค่เจ้ายอมรับปาก ข้าสาบานจะปรนนิบัติรับใช้เจ้ากับพี่ชายอวิ๋นจนชีวิตหาไม่”สวีเหยาพร่ำขอร้องไปพลางโขกศีร
อีกด้าน เยว่อวิ๋นกำลังฝังเข็มให้เซี่ยฉงอวิ๋นอยู่เช่นกัน ทว่าฝั่งนี้กลับดูสบายกว่าทางหลีจวินอย่างเห็นได้ชัด“หลีจวินนี่เด็กจริงๆ เขาแกล้งเอะอะใส่หมอจางทุกครั้งแบบนี้สนุกนักหรือไง” เยว่อวิ๋นฟังเสียงร้องโหยหวน พลางขมวดคิ้วบ่นเบาๆถึงอย่างไรหมอจางก็เป็นลูกศิษย์นาง เจ้าหนุ่มนั่นไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโสเอา
ได้ยินอีกฝ่ายสาธยายความผิดของฟางฮัวทีละข้อชัดถ้อยชัดคำ เยว่อวิ๋นได้แต่นิ่งเงียบพูดไม่ออก นี่เขาพิการออกไปไหนไม่ได้จริงหรือส่วนฟางฮัวผู้นี้คงรังเกียจว่าชีวิตตนสงบสุขเกินไปสินะ ถึงได้พยายามรนหาที่ซะเหลือเกินเซี่ยฉงอวิ๋นเห็นภรรยาไม่คิดจะพูดแทนฟางฮัวอีกก็พอใจอย่างมาก เขาเอื้อมมือดึงคนเข้ามากอดขณะเอ่ยเ