"ป้าสุดใจ ไออุ่นล่ะคะ ไออุ่นไปไหนคะ " ฉันรีบวางแก้วกาแฟลงแล้วหันไปย้ำถามหาไออุ่นจากป้าสุดใจอีกครั้ง สีหน้าของป้าดูไม่ดีเลย มือไม้ของฉันมันสั่นไปหมด ไม่ต่างจากผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
"คือป้า ป้าแค่หันไปหยิบของในกระเป๋า หันมาก็ไม่เห็นน้องแล้วค่ะ" ใจฉันกระตุกวูบเชื่อว่าสิ่งที่ป้าสุดใจพูดคือความจริง ท่านเองก็ทำท่าจะเป็นลมอยู่เหมือนกัน
"ป้านั่งพักก่อนนะคะ อิงจะไปประชาสัมพันธ์ อย่าเพิ่งเดินไปไหนนะคะ เดี๋ยวจะเป็นลม"
"ได้ค่ะๆ คุณอิงป้าขอโทษนะคะ น้องเพิ่งหายไปเมื่อกี้ค่ะ" น้ำเสียงสั่นเครือนั่นทำให้ฉันแอบน้ำตาคลอไปด้วย ห่วงทั้งป้าสุดใจและลูกสาวเพียงคนเดียว
"ไม่เป็นไรค่ะ ไออุ่นคงซนตามประสา เดี๋ยวอิงกลับมานะคะ ป้ารออยู่ตรงนี้นะคะเผื่อไออุ่นกลับมา"
"ได้ค่ะๆ "
ฉันรีบวิ่งไปที่ประชาสัมพันธ์ของสนามบิน โดยไม่ลืมจะหยิบมือถือออกมาแล้วกดโทรหาพี่ตฤณ พอพี่ตฤณรู้เรื่องก็ร้อนใจไม่ต่างจากฉัน
"ใจเย็นๆ แล้วตอนนี้กำลังจะไปไหน"
"ประชาสัมพันธ์ค่ะ ถ้าวิ่งหากันคงไม่เจอ พี่ตฤณน้องกลัว ฮึก" ฉันกลัวตามหาลูกไม่เจอ กลัวไปหมด สนามบินทั้งใหญ่และกว้างขนาดนี้วิ่งตามหาวันก็คงไม่เจอ ไออุ่นหายไปไหน? คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของฉันซ้ำ ๆ ครั้งสุดท้ายที่ฉันมาสนามบินคือมาส่งไคล์ หลังจากนั้นฉันก็ย้ายไปอยู่ไร่พี่ตฤณไม่เคยออกไปไหนอีกเลย
ฉันเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง แต่ก็ยังพอจำได้ว่าประชาสัมพันธ์ของสนามบินอยู่ตรงไหน
"ไม่ต้องกลัวนะ ใจเย็น ๆ "
"อิงถึงประชาสัมพันธ์แล้วค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะพี่ตฤณ"
"เสร็จแล้วโทรกลับมาหาพี่ด้วย พี่จองตั๋วแล้ว พรุ่งนี้เช้าเจอกันนะ" ฉันพยักหน้าและตอบรับคำสั่งของพี่ชาย
"สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะคุณผู้หญิง ไหวมั้ยคะ แตงมียาดมมั้ย" ทุกคนวิ่งกันให้วุ่นเข้ามาประคองฉันที่กำลังจะหมดแรงล้มลงหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ฉันพยายามหายใจเข้ายาว ๆ สูดออกซิเจนและกลิ่นยาดมเข้าปอดให้ได้มากที่สุด
"โอเคค่ะ ฉันโอเคขึ้นแล้ว ช่วยใช้เสียงประกาศตามหาเด็กให้หน่อยได้มั้ยคะ ลูกฉันหายไปค่ะ"
"ได้ค่ะๆ "
"น้องชื่อ ไออุ่นค่ะ เด็กหญิงไออุ่น อักษรศิลากุล อายุ 3 ขวบ ใส่ชุดกระโปรงสีฟ้า น้องมัดผมแกะสองข้างค่ะ ช่วยประกาศให้หน่อยนะคะ" ฉันพยายามบอกข้อมูลของไออุ่นอย่างละเอียดเท่าที่สมองจะประมวลผลได้ในตอนนี้ให้กับพี่พนักงาน
"ได้ค่ะๆ สักครู่นะคะ แตงพี่ฝากด้วยนะ อย่าเพิ่งลุกนะคะคุณ" อาการของฉันน่าเป็นห่วงขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันคิดว่าตัวเองดีขึ้นแล้วนะ
"หน้าคุณเหลืองมากเลยค่ะ" ขนาดนั้นเชียว! ภาวนาขออย่าให้ตัวเองเป็นอะไรไปตอนนี้ ไออุ่นคงกำลังขวัญเสีย ลูกกำลังต้องการฉัน อาการของฉันแย่ขนาดนี้แล้วป้าสุดใจจะเป็นยังไงบ้าง ออกจากบ้านยังไม่ถึงวันก็เกิดปัญหาซะแล้ว
ประชาสัมพันธ์ใช้เสียงประกาศชื่อ ข้อมูลที่ฉันให้ไปประมาณสามรอบอีกทั้งยังแจ้งให้หน่วยรักษาความปลอดภัยภายในสนามบินช่วยกันตามหาอีกแรง ฉันไม่โทษป้าสุดใจ ไม่โทษลูกที่ชอบวิ่งซน ไม่โทษใครทั้งนั้นในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องหาทางแก้ไขและตามหาไออุ่น
ผ่านไปสิบนาทีก็ยังไม่มีวี่แวว แต่ว่าอยู่ ๆ ก็มีสายจากเบอร์ปริศนาเข้ามาในเครื่องของฉัน
"ฮัลโหลค่ะ"
"แม่อิงขา ไออุ่นเองนะคะ แม่อิงอยู่ไหนคะ" ฉันหลับตาแล้วถอนหายใจ พยายามกลั้นเสียงสะอื้นแล้วรีบให้คำตอบลูกสาวในสายทันที
"แม่อยู่ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ค่ะ อุ่นอยู่ไหนลูก ปลอดภัยใช่มั้ยคะ" ในความโชคร้ายก็ยังพอมีความโชคดีอยู่บ้าง ฉันทำป้ายคอนแท็กคล้องคอให้ไออุ่น มีเบอร์โทรและชื่อที่อยู่ รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ
"ปลอดภัยค่ะ อุ่นขอโทษนะคะ แม่อิงอย่าร้องไห้นะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นอะไรเลย ไออุ่นกลับมาหาแม่นะคะ แม่ขอคุยกับเจ้าของโทรศัพท์ได้มั้ยคะ"
"ได้ค่ะ" ฉันอยากขอบคุณ คุณพลดีมากจริง ๆ ถ้าไม่ได้เขาป่านนี้ฉันคงเป็นลมอีกรอบ
"สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณมากจริงๆ"
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
สายถูกตัดไปหรือว่าเขาตั้งใจวางสาย สรุปเขาคือพลเมืองดีหรือว่าคนร้ายความกังวลใจเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
สายเข้า
-พี่ตฤณ-
"ขอโทษค่ะพี่ตฤณ พอดีว่าอิงหน้ามืดไปซะก่อน" ฉันรีบรับสายพี่ชายพร้อมบอกเหตุผล
"เป็นยังไงบ้าง"
"มีพลเมืองดีเจอตัวไออุ่นแล้วค่ะ" ฉันรีบรายงานเรื่องไออุ่นทันที พี่ตฤณโทรมาเพราะเรื่องนี้ฉันรู้
"แล้วเราล่ะ เป็นยังไงบ้าง จะให้พี่ขับรถไปหาตอนนี้เลยมั้ย โอเคหรือเปล่า"
"อิงยังโอเคค่ะ แต่ป้าสุดใจตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง"
"พี่โทรไปหามาแล้วเมื่อกี้ ป้าแกโอเค นั่งรออยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน " ได้ยินแบบนั้นฉันก็วางใจ ตอนนี้แค่รอ รอให้พลเมืองดีคนนั้นพาไออุ่นมาส่ง
"อิงค่อยสบายใจหน่อยค่ะ"
"เจอไออุ่นแล้วโทรมาบอกพี่ด้วยนะ ไลน์มาก็ได้ อย่าลืม ดูแลตัวเองด้วยนะพี่เป็นห่วง" น้ำเสียงของพี่ตฤณฟังดูรีบ ๆ งานที่ไร่คงเยอะ ปกติก็เยอะทุกวันอยู่แล้ว
" ค่ะพี่ตฤณ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ อิงจะทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุด" ถึงเวลาที่ฉันต้องเข้มแข็ง เมื่อก่อนและตอนนี้พี่ตฤณก็ยังเป็นทุกอย่างให้กับฉันและไออุ่น พออยู่ห่างกันแล้วเกิดปัญหารู้สึกเคว้งยังไงก็ไม่รู้
"คุณผู้หญิงมี รปภ. แจ้งว่าพบน้องผู้หญิงตามข้อมูลที่คุณผู้หญิงให้มาค่ะ"
"อ่อ ค่ะ เมื่อกี้มีสายจากพลเมืองดีโทรเข้ามาเหมือนกันค่ะ"
"แม่อิง" ฉันรีบหันไปตามเสียงเรียกทันที เด็กผู้หญิงชุดกระโปรงสีฟ้าวิ่งเข้ามากอดฉันเต็มแรง อาการหน้ามืดเวียนหัวที่มีอยู่เมื่อสักครู่หายเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้กลิ่นและได้กอดลูกสาวสุดที่รัก
"ขวัญเอ๊ยขวัญมานะคะคนดี หายไปไหนมาคะแม่เป็นห่วงแทบแย่"
"อุ่นปวดฉี่ค่ะ " ฉันกอดลูกสาวแน่นเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปอีก
"ทีหลังต้องรอนะคะ ห้ามหายไปเองแบบนี้รู้มั้ย" ฉันดันไออุ่นออกจากอก ปาดน้ำตาที่กำลังไหลของตัวเองออกอย่างลวก ๆ
"ขอโทษนะคะ" ฉันไม่เคยโกรธเขาเลย น้ำเสียงไร้เดียงสานั่นเยียวยาจิตใจฉันได้ดีมากๆ เลยล่ะ
"ใครที่พามาส่ง คนไหนเอ่ย บอกแม่ได้มั้ยคะแม่จะได้ขอบคุณ"
"คุณลุงคนนั้นค่ะ" ไออุ่นชี้ไปที่ผู้ชายร่างสูง เขาใส่หมวกสีดำ ปิดแมสเห็นแต่ดวงตา แต่งกายพรางตัวเหมือนพวกดาราเกาหลีหนีออกนอกประเทศทำนองนั้น
"ขอบคุณนะคะที่พาไออุ่นมาส่ง ขอบคุณมากๆ ค่ะ" เขามองฉันนิ่ง ภายใต้แมสสีดำนั่นฉันไม่รู้เลยว่าเขากำลังยิ้ม หรือเม้มปากเป็นเส้นตรง
"คุณลุงใจดีบอกว่าจะพาอุ่นไปกินไอติม"
"เธอร้องไห้นี่" น้ำเสียงของเขาช่างอ่อนโยนเหลือเกิน ได้โปรดสนใจคำขอบคุณของฉันก่อนได้มั้ย
"อุ่นหาแม่กับป้าสุดใจไม่เจอนี่คะ" ไออุ่นก้มหน้าทำท่าจะร้องไห้ฉันก็เลยดึงลูกมากอดปลอบอีกครั้ง
"ไม่เป็นไรนะคะ แม่อยู่นี่แล้วนะ"
"มีลูกแล้วทำไมต้องหนีกันด้วย" เสียงผู้ชายคนนั้นทำให้ฉันหันกลับไปมองเขาอีกครั้ง คุณพลเมืองดีดึงแมสที่ใส่ออก ภายใต้แมสที่ใส่ริมฝีปากของเขากำลังเหยียดเป็นเส้นตรง บ่งบอกถึงความไม่พอใจเอามาก ๆ
"คุณไคล์ " ตามมาด้วยเสียงกระซิบของพนักงานประชาสัมพันธ์แถวนั้น
"ไคล์"
" มีเรื่องต้องคุยกันนะอิง" ฉันมองหน้าเขาสลับกับไออุ่น ลูกไม่รู้เรื่องอะไรด้วยอีกอย่างไคล์ก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ ฉันที่เป็นกุญแจสำคัญจะหลุดความลับออกมาไม่ได้เด็ดขาด
"เรื่องอะไร ก็เห็นแล้วนี่ว่ามีลูกแล้ว"
"ทำไมต้องหนี ทำไมไม่ติดต่อมา ทำไมหายไปแบบนั้น ทำไมวะ"
"ไคล์ ต่อหน้าลูกอิงพูดแบบนี้ไม่ได้นะ" ไออุ่นขยับเข้ามากอดฉันทันที
"ขอโทษที ขอคุยด้วยได้มั้ย ร้านไอติมก็ได้" ถ้าฉันหนี ไคล์จะสงสัยมากกว่านี้ ไหนๆ ก็หนีไม่พ้นแล้ว
"ขอเข้าโรงแรมเช็กอินก่อนนะ ไออุ่นคงอยากพัก อิงมีพี่เลี้ยงลูกมาด้วยแกก็คงอยากพักด้วย"
"ได้สิ เดี๋ยวโทรหา " พอพูดจบไคล์ก็รีบเดินหายไปทันที ซุปตาร์อ่ะเนอะ อยู่นานได้ที่ไหน
--------
“คุณอิงปั๊มนมอยู่ค่ะ”“พาน้องคินไปอาบน้ำได้เลยนะครับ เพราะวันนี้มีนัดฉีดวัคซีน”หลังจากสั่งพี่เลี้ยงเสร็จผมก็เดินเข้ามาในห้องปั๊มนมของภรรยา เธอกำลังโยกเก้าอี้ไม้ปั๊มนมอย่างสบายใจ เห็นอิงมีความสุขก็ทำให้ผมยิ้มไม่หุบเลยสักครั้งอิงคลอดลูกชายให้ผม สมบูรณ์แข็งแรงดี อิงเป็นแม่ที่แข็งแรงและเก่งมากๆ ผมตั้งชื่อลูกชายว่า อคิน ส่วนชื่อเล่นอิงเรียกน้องคิน ไออุ่นเห่อน้องชายมากๆ พยายามช่วยแม่เลี้ยงน้องเท่าที่ทำได้เพราะไม่อยากให้แม่เหนื่อยแต่ดูท่าว่าแม่จะเหนื่อยหนักกว่าเดิม“อิง ไออุ่นไปโรงเรียนแล้วนะ”“วิ่งมาหอมแก้มอิงตั้งนานกว่าจะไปได้ น้องคินล่ะคะ”“ให้พี่เลี้ยงพาไปอาบน้ำแล้ว วันนี้ลูกมีนัดฉีดวัคซีนนี่”“ไคล์ไปทำงานเลยก็ได้นะ อิงไปกับพี่เลี้ยงได้”“ไม่เป็นไรเลย ไคล์ว่าง”“โกหกเถอะ” อิงยังสวยสำหรับผมเหมือนเดิม แม้จะมีพี่เลี้ยงมาคอยช่วยแต่อิงก็ยังยืนยันว่าจะเลี้ยงลูกเอง เวลาได้ยินเสียงลูกร้องแล้วใจจะขาดขอจัดการเองดีกว่า แค่เอาเข้าเต้าลูกก็เงียบแล้วเป็นวิธีที่ง่ายแสนง่ายที่ผมได้แต่นั่งมองตาปริบๆ ด้วยความอิจฉาเพราะลูกไม่ติดเต้าผมมีแต่ผมที่ติดเต้าเมียตอนนี้ถูกลูกแย่งซุกไปแล้ว“กลัวลูกมีไข้จะได้ช่วยก
มีแต่ความสุขเลยเต็มไปหมดเลย ชีวิตของฉันตอนนี้ค่อนข้างลงตัวสุดๆ ไปเลย ไออุ่นมีผู้ติดตามในไอจีหลักแสนแล้วตอนนี้ คลิปล่าสุดที่ไออุ่นร้องเพลงก็เป็นไวรัลยอดแชร์เกือบหมื่นเพราะเป็นการร้องเพลงคู่กับพ่อของเขาครั้งแรก ไม่ได้ตกแค่แฟนคลับในไทยเท่านั้น ที่จีนก็มีแฟนคลับกดแชร์คลิปไออุ่นไป ทำให้ฉันใจฟูมากๆ“ลูกเราจะมีแม่จีนมาซัปพอร์ตแล้วนะ” ไคล์นั่งลงข้างๆ แล้วโอบไหล่ฉันให้ขยับไปใกล้“พี่ตฤณคงดูคลิปลูกทั้งวันเลยมั้ง เผลอๆ สั่งให้คนงานดูด้วย” ลูกสาวคนนี้เกิดมาให้โชคโดยเฉพาะเลยจริงๆ กิจการของไคล์เติบโตแบบก้าวกระโดดนำหน้าคู่แข่งแบบไม่ต้องกลัวมีใครแซงเลย เริ่มขยายสาขาออกไปประเทศเพื่อนบ้านแล้วด้วยตอนนี้“พ่อไคล์ แม่อิงดูอะไรกันอยู่เหรอคะ”“ดูคลิปไออุ่นไงลูก มาดูด้วยกันมั้ย” ฉันกวักมือเรียกเจ้าตัวเล็กที่ยืนหัวฟูเพราะเพิ่งตื่นมาดูด้วยกันไออุ่นรีบวิ่งดุ๊กดิ๊กมาหาแล้วแทรกตัวนั่งตรงกลางทันที“อุ่นชอบอยู่ตรงกลางเพราะรู้สึกอบอุ่นค่ะ” โดนพ่อฟัดแก้มไปหนึ่งฟอดใหญ่“ลูกสาวพ่อเนี่ยน่ารักที่สุดเลย” ฉันส่งมือถือให้ลูกดูความน่ารักของตัวเอง แววตาของเจ้าตัวเล็กดูภูมิใจกับความสามารถและการแสดงออกของตัวเองแบบสุดๆ ไปเลย“พ
ผมวางหนังสือนิทานในมือลงแล้วหันไปมองหน้าลูกที่นอนหลับปุ๋ยข้างๆ ไออุ่นเวลาหลับน่ารักจนอยากฟัดให้ตื่นอีกสักรอบ ผมหลงลูกจนหาทางออกไม่เจอ รักและหวงจนไม่อยากให้คนอื่นเข้าใกล้ หนักถึงขั้นเตรียมบอดี้การ์ดเอาไว้อีกหนึ่งชุดเพื่อรักษาความปลอดภัยให้ไออุ่นโดยเฉพาะ“เจ้าหญิงน้อยของพ่อ” ถึงไม่ได้ดูแลตั้งแต่แกอยู่ในท้องและไม่ได้เลี้ยงดูตั้งแต่แรกคลอด พอรู้ว่านี่คือลูกสาวของตัวเอง ก็รู้สึกรักได้โดยไม่คิดลังเลผมเอี้ยวตัวเอาหนังสือนิทานไปเก็บเข้าชั้นแล้วขยับตัวก้าวลงจากเตียงให้เบาที่สุดเพราะกลัวลูกจะตื่น ปลายทางคือโซฟาเบดไม่ไกลจากเตียงเจ้าหญิงของลูกสาว“อิง มานอนบนเตียงเร็ว”“อื้อ นอนยังไง ไคล์นอนไปเลยอิงนอนนี่แหละ” พูดจบก็หันหลังดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเองจนมิดหัว“อิง”“อิง”พึ่บ!“อะไรเนี่ย ไคล์ ที่ยังแคบไม่พอเหรอ” ผมดื้อและมึนมาก แทรกตัวลงไปข้างๆ พร้อมยื่นแขนโอบรอบเอวเล็กเอาไว้แน่น“เราคบกันแล้วไม่ใช่เหรอ”“คบกันแล้วก็ใช่ว่าจะทำแบบนี้ได้นะไคล์” เธอดุผมเรื่องถึงเนื้อถึงตัว แค่กอดเอง ทำไมต้องใจร้ายต่อว่าผมขนาดนี้ด้วย“ก็คิดถึง อยากกอด คิดว่าเป็นกอดให้กำลังใจนะ อิงคงเหนื่อยมากใช่มั้ย” อิงถอนหายใจแล้วเลิก
ผมสารภาพความในใจให้อิงรู้ พูดทุกอย่างที่อยากบอกมาตลอดหลายปี มันคือเรื่องดีและอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของเราดีขึ้นกว่าเดิม“แอบชอบแล้วทำไมไม่บอก”“ไม่กล้าไง” หลังจากเลิกงานเราก็ไปรับลูกด้วยกัน ระหว่างทางอิงก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมา“ถามจริง คืนนั้นพลาดใช่มั้ย”“พลาดจริงๆ ใครจะกล้าทำร้ายคนที่ชอบแบบนั้นได้ลง” ผมไม่เคยคิดล่วงเกินอิงเลยจริงๆ คิดว่ากลับมาแล้วค่อยสารภาพว่าชอบแต่ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไปหมดเพราะความผิดพลาดในคืนนั้น“แล้วถ้ากลับมา อิงมีแฟนแล้วล่ะ จะทำยังไง”“แย่งมั้ง”“เลว”“ไม่มีหรอก อิงไม่มีแฟนแน่นอน” ผมพบพิรุธตั้งแต่ตามหาอิงไม่เจอแล้ว นักสืบบริษัทใหญ่ๆ ยังทำงานพลาดแสดงว่าต้องมีอะไรบางอย่าง“แสดงว่ารู้มาตลอดใช่มั้ย”“ถ้าไม่มีอะไร อิงจะหนีไคล์ทำไม ไคล์มีอิงเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวนะ ยิ่งหายไปแบบนั้นก็ยิ่งทำให้ไคล์เป็นห่วง”“นั่นสิ แต่อิงไม่อยากให้ไคล์รู้นี่ว่ามีไออุ่น” เรื่องนี้คือเรื่องที่ทำให้อิงรู้สึกผิดมากๆ แต่ผมกลับไม่โกรธเธอเลยสักนิด ชื่นชมและรักเธอมากกว่าเดิมด้วยซ้ำที่อดทนและคลอดลูกสาวที่น่ารักออกมาให้ผมได้รู้ว่าตัวเองได้เป็นพ่อคน“อิงเป็นแม่ที่เก่งมากๆ เลยรู้มั้ย”“ตอนแรกก็ไม่รู้ห
หลังจากงานแถลงข่าวจบลงกระแสตอบรับที่ได้มามีทั้งด้านดีและไม่ดี แน่นอนว่าพวกเราทำใจยอมรับเอาไว้แล้วแต่ที่น่าตกใจมากกว่าเสียงวิจารณ์ในแง่ลบก็คือ รูปของไออุ่นติดอยู่ในโซเชียลมากกว่าไคล์ คอมเมนท์ที่ฉันไล่อ่านทำให้คนเป็นแม่ใจฟูอีกแล้ว“อิง วันนี้ลูกจะไปเรียนศิลปะกับพี่เลี้ยงนะ”“อืม”“อ่านอะไรอยู่ ติดกระดุมเสื้อให้หน่อยสิ”“อือๆ” ฉันวางโทรศัพท์ แล้วลุกขึ้นมาสนใจท่านรองประธาน“ยิ้มอะไร วันนี้ไคล์หล่อเหรอ”“ไม่ใช่” เรื่องติดกระดุมนี่ก็มีปัญหาได้เกือบทุกวัน พอช่วยติดให้ก็ติดเองไม่เป็นอีกเลย“เรื่องอะไรบอกหน่อยสิ อยากยิ้มด้วย”“ไม่เห็นข่าวลูกเหรอ มีแต่คนชมลูกเต็มไปหมดเลย” ฉันเข้าใจความรู้สึกของแม่ๆ ดาราแล้ว เวลามีคนชมลูกมันรู้สึกยังไงแต่ฉันก็เผื่อใจเอาไว้สำหรับพวกที่พิมพ์ความคิดเห็นแง่ลบ ขนาดเผื่อใจยังรับไม่ค่อยได้เลย“เห็นสิ”“แต่ว่า”“อิง อ่านแต่คอมเมนท์ดีๆ ก็พอ ร้อยพ่อพันแม่ไม่มีใครเหมือนกันทุกคนหรอก”“อิงกลัวลูกรู้สึกไม่ดี”“ลูกเราเพิ่งสามขวบ เรายังมีเวลาสอนเขา อย่าคิดมาก วันนี้ไปทำงานกับไคล์มั้ยเลิกงานจะได้ไปรับอุ่นกัน”“ทำงาน”“ใช่ ทำงาน” ฉันเลือกอะไรได้ล่ะ อยู่บ้านก็คงเฉาตาย ลูกก็ไม่อยู่
ผมตั้งใจจัดงานแถลงข่าวนี้ขึ้นมาเพื่อครอบครัวโดยเฉพาะ กำลังใจที่สำคัญของผมนั่งอยู่ด้านหน้าเวที สองสาวยิ้มให้ผมสลับกับโบกมือไปมาให้สัญญาณว่าอยู่ตรงนี้จะไม่ไปไหนความรู้สึกแบบนี้ทำให้ผมอบอุ่นใจทุกครั้ง มีพวกเขาอยู่เคียงข้างไม่ว่าปัญหาอุปสรรคจะหนักหนาสักแค่ไหนก็พร้อมสู้“แน่ใจนะไคล์ว่าจะทำแบบนี้” พี่แคทมาทำหน้าที่ครั้งสุดท้าย เราผ่านเรื่องราวมาด้วยกันมากมายทั้งสุขและทุก พี่แคทเป็นทุกอย่างให้ผม ดูแลผมดีมากๆ“ใจหายว่ะพี่ แต่ก็ต้องทำ ผมไม่อยากอยู่แบบนี้อีกต่อไปแล้ว ถึงจะอำลาแต่แฟนคลับบางคนก็ไม่ให้เกียรติครอบครัวผมเลย”“แกมีลูกไง แกเป็นพ่อคนแล้ว ฉันเข้าใจ” ผมพยายามทุกๆ วัน มันไม่ง่ายเลยการเป็นพ่อคนเนี่ยแต่ผมก็ไม่เคยลดละความพยายามเลย ยิ่งได้เห็นหน้าลูกก็ยิ่งอยากพัฒนาตัวเองให้เป็นพ่อที่ดีเหมาะสมกับลูกสาวสุดน่ารักที่มีเลือดของผมไหลเวียนอยู่ในตัว“ผมรักลูกมากเลยพี่ อยากทำตัวดีให้เหมาะสมกับเป็นพ่อของเขา ขอบคุณพี่แคทมากๆ นะที่มาช่วยดูแลงานวันนี้”“เล็กน้อย มีงานอีกเมื่อไหร่ โทรตามฉันได้ตลอด คิดไม่แพงหรอก”“หน้าเงิน”“เอ้า อีนี่ ทำงานก็ต้องได้เงินสิ ไปเตรียมตัวได้แล้ว ใกล้ถึงเวลาแถลงข่าวแล้ว”ผมกำชั