แชร์

ตอนที่ 1

ผู้เขียน: 橙花
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-02 09:28:19

          ณ โลกในมิติลมปราณแห่งหนึ่ง ที่นี่เต็มไปด้วยจอมยุทธมากมาย รวมถึงมีสำนักต่าง ๆ สำหรับให้ศิษย์ฝึกฝนวรยุทธ หลอมยา หลอมอาวุธ วิชาค่ายคูประตูกลและอีกหลากหลายวิชาแปลก ๆ ที่แต่ละสำนักนั้นถนัด ดังเช่นสำนักกระบี่เมฆา ซึ่งมีชื่อเสียงด้านกระบี่บินมานับร้อยนับพันปี เจ้าสำนักในตอนนี้เป็นถึงครึ่งเซียนที่มีวิชากระบี่เป็นเลิศในโลกแห่งนี้

          เจ้าสำนักกระบี่เมฆารับศิษย์สายตรงที่เป็นเด็กกำพร้าเพียงสองคน คือซูซูและเสี่ยวหง ซูซูนั้นเป็นศิษย์รักของเจ้าสำนักเลยทีเดียว นางเป็นเด็กที่ร่าเริงสดใสและตั้งใจเรียนรู้ทุกวิชาที่อาจารย์สอน อีกทั้งยังมีความทรงจำเป็นเลิศ ทำให้อาจารย์หวังเอาไว้ว่าจะให้ซูซูเป็นเจ้าสำนักคนถัดไป ส่วนเสี่ยวหงไม่ค่อยได้รับความสนใจจากอาจารย์มากนักเนื่องด้วยพรสวรรค์ของนางมีไม่เท่ากับซูซู ทำให้เสี่ยวหงคอยแต่อิจฉาริษยาความสามารถของซูซูมาตลอดหลายปี เพียงแต่ต่อหน้าอาจารย์และศิษย์พี่อย่างซูซู เสี่ยวหงจะไม่แสดงออกว่านางคิดอย่างไร

          กระทั่งวันหนึ่ง เจ้าสำนักต้องออกไปทำภารกิจด่วนเพื่อช่วยเพื่อนชาวยุทธปราบมาร ซูซูที่กำลังฝึกฝนเพื่อที่จะข้ามขั้นพลังปราณไปสู่ขั้นที่ 9 จึงไม่มีใครคอยปกป้องเหมือนทุกครั้ง เจ้าสำนักยังฝากฝังเสี่ยวหงไม่ให้ใครไปรบกวนซูซูอีกด้วย โดยที่นางไม่รู้เลยว่าเสี่ยวหงจะใช้โอกาสนี้ในการทำร้ายซูซูจนตกตายไป

          หลังจากเจ้าสำนักออกจากสำนักไปแล้ว เสี่ยวหงที่ดูเรียบร้อยก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน สายตาของนางมองตามหลังเจ้าสำนักไปอย่างเย็นชา ไม่ว่าจะกี่ครั้งอาจารย์ของนางคนนี้ก็มักที่จะมองเห็นซูซูเป็นคนสำคัญมากกว่านางอยู่เสมอ ในเมื่อครั้งนี้อาจารย์ไม่อยู่แล้ว นางก็มีโอกาสที่จะได้เป็นศิษย์คนเดียวของเจ้าสำนักแล้ว เสี่ยวหงไม่สนใจว่าใครจะจับผิดนางหรือไม่ นางเดินจากประตูที่เพิ่งส่งเจ้าสำนักออกไปทำภารกิจพร้อมกับกำหมัดแน่น นางแค้นใจซูซูมาหลายปีแล้วที่เหตุใดเด็กกำพร้าอย่างนางจึงได้มีพรสวรรค์มากกว่า ทั้งที่นางก็เป็นเด็กกำพร้าเช่นเดียวกัน เหตุใดสวรรค์จึงไม่ให้ความสามารถเหมือนซูซูกับนางบ้าง ในเมื่อสวรรค์ลำเอียง เสี่ยวหงคนนี้ก็จะกำจัดขวากหนามของนางด้วยตัวเอง

          เสี่ยวหงไม่ได้รีบร้อนที่จะกำจัดซูซู นางรู้ดีว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะไปรบกวนซูซูเพราะยังไม่ใช่ช่วงเวลาก้าวข้ามขั้นพลังปราณ ซึ่งเป็นเวลาที่ซูซูจะต้องตั้งสมาธิกับการรวบรวมพลังปราณมากที่สุดจนไม่รับรู้ถึงสิ่งรอบข้าง เสี่ยวหงไปทำอาหารกินก่อนที่จะเดินไปยังถ้ำฝึกตนด้านหลังบ้านพักของพวกนาง

          ขณะที่ซูซูซึ่งกำลังรวบรวมพลังลมปราณเข้าสู่วันที่สาม อีกก้าวเดียวนางก็จะสามารถข้ามขั้นไปสู่ปราณขั้น 9 ได้แล้ว เสี่ยวหงใช้ฝ่ามือพลังปราณตบไปที่หลังของซูซูอย่างแรงจนนางธาตุไฟเข้าแทรกและกระอักเลือดออกมาจำนวนมาก

          หลังจากได้สติ ซูซูที่บาดเจ็บสาหัสหันหลังไปมองคนที่ทำร้ายนางอย่างไม่อยากจะเชื่อ นางเห็นเสี่ยวหงทำสีหน้าสมใจที่นางบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ได้อย่างไร ซูซูไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนที่นางเห็นเป็นเหมือนน้องสาวจะกล้าทำร้ายนางได้เช่นนี้ ซูซูไม่รู้ว่าอาจารย์ไปอยู่ที่ไหนถึงไม่ได้มาดูแลความปลอดภัยให้นางเหมือนทุกครั้ง แต่นางไม่โทษอาจารย์ นางโทษเพียงตัวเองที่มองไม่ออกว่าเสี่ยวหงเป็นคนอย่างไร

“ทำ..ไม..อั่ก.. ทำไมเจ้าทำเช่นนี้เสี่ยวหง”

“ฮ่า ฮ่า เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีกว่าทำไม เพราะข้าอยากเป็นศิษย์รักเพียงคนเดียวของอาจารย์อย่างไรเล่า คนอย่างเจ้ามีสิทธิอะไรที่จะได้ดีไปกว่าข้า”

พรวด..อั่ก..

          ซูซูกระอักเลือดออกมาอีกเป็นจำนวนมากจากความคับแค้นใจกับคำตอบของเสี่ยวหงเป็นคำรบสอง คราวนี้พลังปราณในร่างกายของซูซูไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป นางได้แต่มองไปยังเสี่ยวหงพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้า นางยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณที่ชุบเลี้ยงของอาจารย์เลย แต่ตอนนี้นางกลับกำลังจะตายเสียแล้ว ลมหายใจของซูซูติดขัดเข้าไปทุกที ๆ นางไม่รู้เลยว่าเสี่ยวหงพูดอะไรอยู่เพราะอาการบาดเจ็บจนหูอื้อตาลายไปหมด ไม่นานหลังจากนั้น ซูซูก็สิ้นลมโดยที่นางตายตาไม่หลับ

          เสี่ยวหงที่เห็นว่าซูซูหมดลมหายใจแล้วก็รีบปิดเปลือกตาของนางลงด้วยกลัวว่าอาจารย์จะสงสัย หากอาจารย์กลับมา นางจะบอกว่าศิษย์พี่ธาตุไฟเข้าแทรกและนางไม่รู้วิธีการช่วยเหลือ จึงทำให้ศิษย์พี่จากไปทั้งอย่างนั้น แน่นอนว่าเสี่ยวหงรีบออกไปจากถ้ำฝึกตนทันทีเพื่อเตรียมแสดงละครฉากหนึ่งให้กับอาจารย์ของนางดูเมื่อถึงวันที่อาจารย์กลับมาที่สำนัก

          ซูซูที่สิ้นลมหายใจไปแล้วนั้น วิญญาณของนางหลุดออกจากร่างและล่องลอยอยู่ภายในมิติไปอย่างไร้จุดหมาย นางได้แต่คิดว่าเหตุใดนางไม่ได้ไปสวรรค์หรือลงนรกเหมือนอย่างที่อาจารย์เคยเล่าให้ฟังเรื่องชีวิตหลังความตาย แต่กลับมาอยู่ในอุโมงค์มิติที่แปลกประหลาดแห่งนี้ ภายในห้วงมิติทำให้ซูซูไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดแล้ว จนกระทั่งนางทนความปั่นป่วนในห้วงมิติไม่ไหวจนสิ้นสติไปทั้งอย่างนั้น

          หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เจ้าสำนักกระบี่เมฆากลับมาแล้วรีบไปดูศิษย์รัก แต่ก่อนที่นางจะได้เข้าไปในถ้ำฝึกตนกลับพบศิษย์อีกคนกำลังยืนร้องไห้เหมือนมีใครตายอยู่ไม่ไกลจากปากถ้ำนัก

“เจ้าร้องไห้ทำไมกันเสี่ยวหง”

“ฮือ...อาจารย์ ศิษย์โง่เขลานัก ข้าไม่รู้วิธีการช่วยศิษย์พี่ที่ธาตุไฟเข้าแทรก ฮึก..ตอนนี้ศิษย์พี่จากไปแล้วเจ้าค่ะอาจารย์ ฮือ…” เสี่ยวหงที่คุกเข่ากอดขาอาจารย์แล้วร้องไห้บอกเล่าเรื่องราวอันเป็นเท็จให้กับอาจารย์ของตนเองฟัง เซียวเซียนที่ฟังเรื่องราวจบแล้วพอรู้ว่าศิษย์ที่นางรักเหมือนลูกสาวนั้นจากไปโดยไม่ทันได้ร่ำลาก็ได้แต่น้ำตารินไหลอย่างเสียใจ เป็นนางที่ผิดเองโดยปล่อยให้ศิษย์รักตัดผ่านขั้นพลังปราณด้วยตัวเอง หากนางอยู่ด้วยเรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น

“เจ้าลุกขึ้นเถอะ ปล่อยข้าก่อน ข้าจะเข้าไปดูนางและทำพิธีฝังศพให้เรียบร้อย”

          เสี่ยวหงได้แต่สะอึกสะอื้นปล่อยท่อนขาของอาจารย์ออกตามที่ท่านบอก นางไม่กล้าทำสิ่งใดเกินไปนักด้วยกลัวว่าจะถูกสงสัยเอาได้ เซียวเซียนที่เห็นว่าเสี่ยวหงปล่อยขานางเสียทีก็เดินเข้าไปในถ้ำคนเดียวอย่างเหม่อลอย นางไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่าซูซูของนางที่เฝ้าชุบเลี้ยงมาจะต้องมาตายไปทั้งอย่างนี้

          เซียวเซียนเห็นร่างไร้วิญญาณของซูซูแล้วยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก นางเข้าไปสวมกอดร่างนั้นอย่างแสนรัก หลังจากตั้งสติได้แล้ว เซียวเซียนลองตรวจชีพจรของซูซูก็พบว่าภายในร่างนางนั้นมีธาตุไฟเข้าแทรกจริง ๆ แต่นางไม่ได้ตรวจสอบว่าสาเหตุของการที่ซูซูธาตุไฟเข้าแทรกเป็นเพราะเหตุอันใด ด้วยนางยังเสียใจอยู่มากจึงได้พลาดเรื่องนี้ไป กว่าที่นางจะรู้ว่าเป็นฝีมือของเสี่ยวหงก็เป็นตอนที่นางกำลังจะขึ้นไปสู่ขั้นเซียนและส่งต่อตำแหน่งเจ้าสำนักให้กับเสี่ยวหงนั่นเอง

          เซียวเซียนได้แต่จากโลกแห่งลมปราณขึ้นไปยังสวรรค์เบื้องบนอย่างเจ็บปวดใจนัก หากนางไม่ถึงขั้นเซียนก็คงไม่ทราบความคิดของเสี่ยวหงเช่นนี้ นับจากนี้ไปนางจะไม่เชื่อใจใครอีกต่อไปและไม่รับศิษย์สองคนอีกต่อไป หากนางเจอผู้มีพรสวรรค์ในอนาคต นางจะสอนสั่งศิษย์เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ตอนนี้นางเพิ่งข้ามขั้นมาเป็นเซียน นางยังต้องฝึกฝนอีกมาก กว่าที่จะมีพลังมากพอที่จะลงมาจัดการกับเสี่ยวหงเพื่อแก้แค้นให้ซูซูศิษย์รักของนาง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ซูซูข้ามมิติมามีครอบครัว   ตอนที่ 120

    สี่ปีผ่านไป อ๋องน้อยและท่านหญิงที่ได้รับอนุญาตให้เข้าวังบ่อย ๆ วันนี้พวกเขาก็มาเล่นกับเสด็จปู่ เสด็จย่าที่ตำหนักเฟิ่งหวงพร้อมกับเสด็จพ่อและเสด็จแม่ โดยที่ฮ่องเต้ทรงงดเว้นธรรมเนียมให้กับหลานทั้งสองที่ร่าเริงสดใสของพระองค์“เจ้าดูสิ นับวันอ๋องน้อยยิ่งตัวสูงใหญ่กว่าเด็กทั่วไปมากนัก ช่างเหมือนจ้าวหลงตอนเด็ก ๆ ไม่มีผิด”“จริงด้วยเพคะฝ่าบาท หม่อมฉันเองก็คิดว่าอ๋องน้อยน่าจะเติบโตขึ้นมาตัวสูงใหญ่เหมือนพ่อของเขาเป็นแน่” ฮ่องเต้กับฮองเฮาคุยกันพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า พวกเขาได้แต่นึกถึงตอนที่นำอ๋องเฉิงมาเลี้ยงในวัยเด็กแล้วก็ยิ่งอยากเลี้ยงอ๋องน้อยกับท่านหญิงอีกครั้ง เพียงแต่ตอนนี้ทั้งสองพระองค์พระชนมายุมากแล้ว ไม่สามารถวิ่งเล่นกับหลาน ๆ ได้เหมือนเมื่อก่อนตอนเลี้ยงอ๋องเฉิง เพียงแค่ได้นั่งมองพวกเขาเล่นกัน ทั้งสองพระองค์ก็มีความสุขไม่น้อยแล้ว

  • ซูซูข้ามมิติมามีครอบครัว   ตอนที่ 119

    เมื่ออ๋องน้อยมาถึงหน้าห้องคลอด พระองค์ทรงเห็นเสด็จพ่อนั่งรออยู่อย่างกระวนกระวาย อ๋องน้อยจึงเดินเข้าไปหาแล้วปีนขึ้นไปนั่งบนตักเสด็จพ่อ อ๋องเฉิงไม่คิดว่าลูกชายจะมาเร็วขนาดนี้ ปกติอ๋องน้อยจะตื่นตอนสาย ๆ แต่วันนี้เขากลับมาที่นี่เพื่อเป็นกำลังใจให้พระองค์กับพระชายาที่กำลังจะคลอด“เด็จพ่อรอน้องกับข้านะขอรับ” เสียงเล็ก ๆ แสนรู้ความเอ่ยออกมาพร้อมอ้อมกอดน้อย ๆ ที่เอื้อมไปกอดคอพ่อของตนเอง“อืม… เจ้าเป็นพี่ที่ดี มานั่งดี ๆ รอน้องกันเถอะ ขอบใจเจ้ามากที่มาให้กำลังใจเสด็จแม่ของเจ้า” อ๋องเฉิงลูบหัวบุตรชายแล้วปรับท่านั่งให้เขาได้นั่งบนตักอย่างสบาย ๆ ในห้องคลอด ซูซูปวดท้องมากจนนางอยากกรีดร้องออกมา แต่ด้วยนิสัยที่มักจะเก็บงำความเจ็บปวดเอาไว้ นางจึงทำเพียงกัดฟันอดทนแล้วหายใจตามจังหวะที่หมอตำแยกับแม่นมฉู่ช่วยกันบอกนางเท่านั้น“พระชายาอดทนอีกสักนิดนะเพคะ อีกไม่นานก็น่า

  • ซูซูข้ามมิติมามีครอบครัว   ตอนที่ 118

    วันต่อมามีขบวนของขวัญจากวังหลวงและจวนตระกูลฟางยาวนับหลายลี้มาจอดอยู่เต็มหน้าจวนอ๋อง ทำเอาชาวบ้านชาวเมืองต่างอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นอีกแล้วกับจวนอ๋อง ขันทีที่ได้รับพระราชโองการแสดงความยินดีกับจวนอ๋องรีบประกาศราชโองการพร้อมกับพระราชเสาวนีย์ของฮองเฮาที่ร่วมแสดงความยินดีกับจวนอ๋องเช่นเดียวกัน“ข้าขอแสดงความยินดีกับจวนอ๋องที่กำลังจะมีทายาทอีกหนึ่งคน สิ่งของเหล่านี้เป็นของรับขวัญหลานคนที่สองของข้า หวังว่าการตั้งครรภ์ของพระชายาจะดำเนินไปอย่างราบรื่นปลอดภัยจนกว่าจะถึงวันประสูติ จบราชโองการ” ชาวเมืองที่พากันมามุงเมื่อได้ยินขันทีประกาศราชโองการเสียงดัง พวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจึงได้มีขบวนของขวัญมากมายถึงเพียงนี้ สมแล้วที่จวนอ๋องได้รับพระเมตตาจากฮ่องเต้กับฮองเฮามาอย่างยาวนาน ไหนจะบ้านเดิมของพระชายาที่เป็นถึงคหบดีที่ร่ำรวยของแคว้นอีกเล่า ไม่แปลกที่เพียงแค่การตั้งครรภ์

  • ซูซูข้ามมิติมามีครอบครัว   ตอนที่ 117

    สองสัปดาห์ต่อมา ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ซูซูรู้สึกหิวมากกว่าปกติอย่างไรก็ไม่ทราบ แถมนางยังชอบกินขนมหวานแทบทั้งวันอีกด้วย กระทั่งหลังอาหารเช้าวันนี้ ขณะที่นางกำลังอุ้มบุตรชายพาเดินเล่นอยู่นั้นนางก็เกือบจะล้มลงบนพื้นทั้งแม่และลูก ด้วยเพราะซูซูจู่ๆ ก็หน้ามืดไปเสียเฉย ๆ โชคดีที่อ๋องเฉิงวันนี้อยู่กับพวกนางด้วย พระองค์รีบรับร่างภรรยากับบุตรชายแล้วอุ้มทั้งคู่เข้าไปยังห้องนอนในเรือนเล็กของซูซูที่อยู่ใกล้ที่สุด อ๋องเฉิงรีบร้องบอกให้องครักษ์ไปตามหมอหลวงมาทันที ตอนนี้พระองค์ทรงเป็นห่วงภรรยาไม่น้อย เพราะตอนนี้นางยังไม่ลืมตาขึ้นมาเลย ส่วนบุตรชายของพระองค์ไม่ได้ตกอกตกใจอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อ๋องน้อยเพียงแต่มองท่านพ่อที่เรียกคนให้นำผ้ากับอ่างน้ำมาเพื่อเช็ดหน้าให้กับท่านแม่ของพระองค์“ซูซู ซูซู เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ลืมตาขึ้นมาให้ข้าเบาใจหน่อยภรรยา อย่าทำให้ข้ากลัวเช่นนี้ ซูซู” อ๋องเฉิงเช็ดห

  • ซูซูข้ามมิติมามีครอบครัว   ตอนที่ 116

    หนึ่งเดือนต่อมา อ๋องเฉิงที่ส่งทหารออกไปยังแคว้นจ้านเมื่อหลายเดือนก่อนก็ได้รับข่าวตอบกลับจากทหารที่เพิ่งเดินทางกลับมาถึงค่ายทหารนอกเมืองหลวง“ทูลท่านอ๋อง นี่เป็นจดหมายจากองค์ชายสามที่ให้กระหม่อมนำมามอบให้พระองค์เพื่อส่งต่อไปยังฝ่าบาทพะย่ะค่ะ เหตุการณ์ที่แคว้นจ้านนั้นสงบสุขดีพะย่ะค่ะ ตอนนี้องค์ชายสามก็ส่งขุนนางเดินทางออกไปแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้กับประชาชนทั่วแคว้นได้เกือบครึ่งปีแล้วพะย่ะค่ะ อีกทั้งพระชายาก็คลอดองค์ชายน้อยได้สามเดือนแล้ว จึงทำให้องค์ชายสามไม่ค่อยมีเวลาที่จะส่งข่าวกลับมาให้พระองค์พะย่ะค่ะ” อ๋องเฉิงพยักหน้ารับจดหมายจากทหารแล้วเปิดอ่านเนื้อหาด้านในก่อนที่จะเข้าวังและนำไปมอบให้กับเสด็จลุงของพระองค์ ภายในจดหมายนั้นเขียนถึงความสำเร็จในการซื้อใจประชาชนขององค์ชายสามและกองทหารรักษาเมือง ยิ่งเมื่อเหล่าประชาชนในแคว้นจ้านเห็นถึงความเมตตาขององค์ชายสามและขุนนางที่ตั้งใจจะมาพัฒนาแคว้นของ

  • ซูซูข้ามมิติมามีครอบครัว   ตอนที่ 115

    “อืม… เอาล่ะ เราเลิกคุยเรื่องงานกันเถอะ ข้าอยากเล่นกับหลานแล้ว” อ๋องเฉิงเห็นท่าทางกระปรี้กระเปร่าของสหายที่พอพูดถึงหลานชายเข้าเมื่อไหร่ก็มักจะมีอาการเช่นนี้ พระองค์ได้แต่ยิ้มแล้วพาสหายเดินไปยังห้องโถงรับแขกที่เรือนเล็กของบุตรชายที่พระองค์สั่งคนเตรียมเอาไว้สำหรับอ๋องน้อยเมื่อเขาโตกว่านี้ในอีกไม่กี่ปี ในเรือนของอ๋องน้อยเต็มไปด้วยบ่าวรับใช้ที่คอยดูแลท่านอ๋องน้อยเวลาเล่นของเล่นอยู่ในห้องโถงรับแขกกับพระชายา ท่านตาและท่านยายที่มาเยี่ยมก่อนหน้าที่ลูกชายอย่างฟางฉือห่าวจะมาถึง“อ้าว ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันขอรับ”“พ่อกับแม่มากันตั้งแต่เช้าแล้ว วันนี้พ่อนำของเล่นใหม่มาให้อ๋องน้อยด้วยนะเจ้าดูสิ พ่อสั่งคนทำขึ้นมาเป็นพิเศษให้เขาเลยนะเนี่ย” ฟางเซียนหลงชี้ไปที่ม้าโยกไม้ที่ดูแ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status