หลังทานอาหารเย็นแล้วซูซูก็นำถ้วยชามไปล้างตามปกติ นางมักจะช่วยเหลืองานท่านปู่ท่านย่าตั้งแต่อาการบาดเจ็บเริ่มหายดีมาตลอด ช่วงหลังมานี้ทั้งสองเฒ่าชราเองก็ปล่อยให้นางทำงานได้ตามใจชอบ พวกเขาไม่อยากเลี้ยงนางเหมือนไข่ในหินมากนัก แค่นี้พวกเขาก็ต่างให้ความรักความอบอุ่นกับนางมากพอแล้ว พวกเขากลัวว่าหากดูแลนางมากเกินไป ซูซูคงรู้สึกว่าตนเองเป็นภาระให้กับพวกเขา
ซูซูล้างจานเสร็จก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่ท่านย่านำเสื้อผ้าเก่า ๆ ของลูกชายนางมาเย็บเป็นเสื้อผ้าให้ซูซูตั้งแต่หลายเดือนก่อนแล้ว ทำให้ตอนนี้ซูซูมีเสื้อผ้าเปลี่ยนถึงห้าชุดเลยทีเดียว ก่อนนอนซูซูก็ยังเข้าไปบอกฝันดีกับท่านปู่ท่านย่าตามที่นางทำมาตลอดตั้งแต่หายจากอาการบาดเจ็บ เฒ่าชราทั้งสองต่างยิ้มพร้อมตอบกลับให้นางหลับฝันดีเช่นเดียวกัน พวกเขาไม่เหงาเลยตั้งแต่มีเด็กน้อยซูซูมาอยู่ร่วมชายคา อีกทั้งซูซูยังคอยช่วยงานพวกเขาไม่น้อยทั้งที่ตัวเล็กเพียงแค่นี้ นับวันยิ่งทำให้ทั้งสองเฒ่านั้นทั้งรักทั้งหลงหลานสาวตัวน้อยคนนี้มากขึ้นทุกวัน
หลังอาหารเช้าวันต่อมา ซูซูเตรียมตะกร้าสะพายหลังเพื่อขึ้นเขาอีกครั้ง นางบอกท่านปู่กับท่านย่าแล้วว่าหลังจากนี้จะขึ้นเขาไปหาของป่ามาขายทุกวัน อีกทั้งยังเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งจะได้ทำให้นางร่างกายแข็งแรงขึ้น สองเฒ่าได้แค่คิดตามแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย เพียงแต่บอกให้นางเดินอย่างระมัดระวัง บนเขานั้นไม่ใช่มีเพียงแต่ของป่า หากเจอสัตว์ป่าตัวใหญ่ก็ให้นางรีบหนีลงเขามาเสียด้วย
ซูซูรับปากกับท่านปู่ท่านย่าพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่จะเดินกระโดดโลดเต้นเหมือนเด็ก ๆ ไปยังหลังเขา เหอหยางเปากับซวงหยวนเอ๋อได้แต่ส่ายหัวพร้อมรอยยิ้มกับหลานสาวผู้ร่าเริงคนนี้ พวกเขาไม่คิดจะต่อว่าหากนางต้องการหาเงินเล็กน้อยด้วยตัวเอง เพียงแต่สั่งให้นางระมัดระวังตนเองให้ดีอย่าให้พวกเขาเป็นห่วงมากนักก็เพียงเท่านั้น พวกเขาเพิ่งจะรับนางเข้ามาดูแลได้เพียงแค่สามเดือน มีหรือที่พวกเขาจะอยากให้นางบาดเจ็บขึ้นมาอีกครั้ง
ซูซูใช้เวลาไม่นานในการขึ้นเขาลึกเข้าไปมากกว่าเมื่อวาน ด้วยวิชาตัวเบาของนางทำให้นางขึ้นไปถึงเกือบยอดเขาแล้ว แต่ด้วยกลัวว่าตัวเองจะพลาดสมุนไพรดี ๆ ซูซูจึงยังไม่ขึ้นไปถึงยอดเขา นางเดินหาของป่าและสมุนไพรเหมือนกับเมื่อวานนี้อย่างไม่เร่งรีบ กระทั่งซูซูพบเข้ากับใบโสมที่นางจำได้ในโลกก่อนของนาง ซูซูรีบเข้าไปนั่งลงดูให้ชัด ๆ เมื่อเห็นว่าเป็นใบโสมแน่แล้ว ซูซูก็ใช้พลังลมปราณพร้อมมีดสั้นค่อย ๆ เซาะดินรอบ ๆ ต้นโสมลงไปอย่างช้า ๆ นางรู้ดีว่าหากรากโสมขาดไปสักเล็กน้อยแล้วล่ะก็ ราคาของโสมก็จะไม่ได้ราคาเต็มอย่างแน่นอน ยิ่งซูซูเหลือบมองทั่วบริเวณ นางก็พบว่ายังมีต้นโสมให้นางเก็บอีกไม่น้อย ซูซูจึงระมัดระวังในการขุดโสมต้นแรกเป็นอย่างมาก
ซูซูขุดดินรอบ ๆ ต้นโสมจนร่วนซุยและลึกมากพอแล้ว นางจึงค่อย ๆ ดึงต้นโสมขึ้นมาอย่างเบามือเพื่อไม่ให้รากโสมขาด หลังจากดึงขึ้นมาตรวจสอบดูแล้วเห็นว่ารากโสมต้นนี้สมบูรณ์ดี ซูซูก็หาใบไม้แห้งมารองที่ก้นตะกร้าสะพายหลังของนางแล้ววางโสมต้นแรกลงไป ซูซูตั้งใจที่จะคัดเลือกโสมที่ดูไม่น่าจะมีราคานักไปให้ท่านปู่หมอกับปู่และย่าของนางต้มกินบำรุงร่างกาย ส่วนโสมที่อายุมากและมีราคาสูง ซูซูจะเก็บใส่กำไลเก็บของของนางเพื่อรอวันนำไปขายในเมืองทีหลัง
เมื่อซูซูมีประสบการณ์การเก็บโสมต้นแรกแล้ว โสมต้นถัด ๆ ไปนางก็ขุดได้เร็วยิ่งขึ้น กระทั่งได้โสมทั้งหมดมาเกือบยี่สิบต้น นางคัดต้นที่อายุน้อยที่สุดออกมาเพียงสามต้นเท่านั้น เพื่อป้องกันความสงสัยของท่านปู่หมอกับท่านปู่และท่านย่าของนาง ส่วนต้นที่อายุมากซึ่งมีถึงสิบกว่าต้นนั้น ซูซูเก็บเอาไว้ในกำไลเก็บของเรียบร้อยแล้ว นางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อดูเวลาก็เห็นว่าตอนนี้น่าจะบ่ายกว่าแล้ว ซูซูจึงเดินหาของป่ารอบ ๆ บริเวณหลังจากขุดโสมเสร็จแล้วเพื่อนำไปให้ท่านปู่ท่านย่าทำอาหารกิน แต่กลับพบว่าบริเวณนี้นอกจากโสมแล้วกลับไม่มีของป่าอื่น ๆ เลย ซูซูจึงได้แต่ใช้วิชาตัวเบากลับไปที่ป่าไผ่ซึ่งยังคงเหลือหน่อไม้อีกไม่น้อยให้นางเก็บกลับบ้านได้
ซูซูมาถึงป่าไผ่แล้วก็ไม่รอช้า นางนำโสมสามต้นมาใส่เอาไว้ในอกเสื้อแทน ก่อนที่จะขุดหน่อไม้ด้วยความรวดเร็วจนกระทั่งเต็มตะกร้าสะพายหลังของนางเหมือนเมื่อวานนี้ จากนั้นซูซูก็รีบลงจากเขาไปเพื่อนำหน่อไม้ไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านและท่านปู่ท่านย่าของนางเหมือนเคย
ซูซูกลับถึงบ้านตรงเวลาที่ท่านปู่กับท่านย่ากำชับเอาไว้ นางยังคงร้องเสียงหวานเรียกท่านปู่ท่านย่าเหมือนเมื่อวานนี้ ทั้งยังบอกเล่าเรื่องการหาหน่อไม้ป่าและแจกจ่ายชาวบ้านให้พวกท่านฟังด้วยรอยยิ้มเช่นเคย เฒ่าชราทั้งสองต่างยิ้มและลูบหัวเล็ก ๆ ของซูซูพร้อมกับชมว่านางช่างเป็นเด็กที่รู้ความนัก
“ท่านปู่ ท่านย่า พวกเรารีบเข้าบ้านกันก่อนเจ้าค่ะ ข้ามีของดีมาให้ท่านด้วยนะเจ้าคะวันนี้ แต่เรื่องนี้พวกท่านต้องเก็บเป็นความลับนะเจ้าคะ”
เหอหยางเปากับซวงหยวนเอ๋อได้แต่หันมองหน้ากันอย่างสงสัยว่าหลานสาวตัวน้อยของพวกเขาซ่อนอะไรเอาไว้ในน้ำเต้าของนางกัน แต่พวกเขาก็ยังเดินตามหลังหลานสาวตัวน้อยเข้าบ้านกันอย่างที่นางต้องการ
ซูซูที่เห็นว่าท่านปู่ท่านย่าเข้าบ้านมาแล้วนางก็รีบปิดประตูแล้วจับมือทั้งสองผู้เฒ่ามานั่งลงดี ๆ ก่อนที่พวกเขาจะตกใจจนเป็นอะไรไปหากเห็นโสมของนาง
“ท่านปู่ ท่านย่า ท่านลองดูก่อนว่านี่คืออะไร ข้าบังเอิญเจอมันอยู่บนเขา จึงได้นำมาให้พวกท่านทั้งสองต้มทานเพื่อบำรุงร่างกายเจ้าค่ะ” ซูซูหยิบโสมหนึ่งต้นออกมาให้ทั้งสองคนดู โดยนางวางโสมเอาไว้ที่โต๊ะต่อหน้าท่านปู่ท่านย่าพร้อมรอยยิ้มอย่างสมใจที่นางสามารถทำตามที่ตนเองเคยสัญญาเอาไว้นานแล้วว่าจะหาโสมมาบำรุงร่างกายพวกท่าน วันนี้นางทำได้แล้ว
“นี่มันโสมนี่นา ซูซูเจ้าไปได้มาจากที่ไหนกัน บนเขายังไม่เคยมีใครหาโสมเจอมาก่อน นี่เจ้าเข้าไปถึงส่วนใดของภูเขากันแน่”
“โธ่ ท่านปู่เจ้าคะ ข้าก็ขึ้นเขาไปปกตินั่นแหละเจ้าค่ะ แต่ข้าคิดว่าชาวบ้านน่าจะไม่รู้จักใบของโสมจึงไม่ได้ขุดไป ส่วนข้าที่พอจะจดจำได้บ้างเพียงแค่ลองขุดดูเท่านั้น พอเห็นว่าเป็นโสมจริง ๆ ข้าจึงขุดขึ้นมาทั้งหมดสามต้นเลยนะเจ้าคะ อีกต้นหนึ่งข้าจะนำไปให้ท่านปู่หมอ และอีกต้นที่เหลือข้าคิดที่จะเอาเข้าไปขายที่ร้านหมอในเมืองวันพรุ่งนี้เจ้าค่ะ”
“เฮ้อ เจ้านี่นะ อย่าทำให้ปู่กับย่าเจ้าเป็นห่วงจะได้หรือไม่ แล้วเจ้าไม่เสียดายหรือที่ต้องนำโสมมาให้ปู่กับย่าต้มกินน่ะ”
“ข้าจะเสียดายไปทำไมกันเล่าเจ้าคะ ข้าอยากให้พวกท่านแข็งแรงและอยู่กับข้าไปนาน ๆ จึงได้นำมาให้พวกท่านอย่างไรเล่าเจ้าคะ”
“โธ่เอ้ย เจ้าเด็กโง่ เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าโสมมีราคาแพงแค่ไหนน่ะ”
“ข้ารู้เจ้าค่ะ แต่ข้าเป็นห่วงพวกท่านมากกว่าเงินทองนี่เจ้าคะ ไม่รู้แหละ อย่างไรข้าก็จะนำมันมาต้มให้พวกท่านกินบำรุงร่างกายอยู่ดีเจ้าค่ะ”
สองเฒ่าได้แต่ส่ายหัวทั้งรอยยิ้มกับความเป็นห่วงของเจ้าตัวน้อยตรงหน้า แน่นอนว่าพวกเขาดีใจที่เห็นนางกตัญญูเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็ยิ่งต้องบำรุงร่างกายอย่างที่ซูซูบอกเอาไว้ให้ดี เพื่อจะได้อยู่ดูแลนางจนเติบใหญ่ไปอีกหลายปี
เมื่อซูซูเห็นว่าท่านปู่ท่านย่านั้นยอมรับแล้ว นางจึงขออนุญาตนำโสมอีกต้นไปให้ท่านปู่หมอสักพัก ก่อนจะกลับมาทานข้าวเย็นกับพวกท่านทีหลัง เหอหยางเปากับซวงหยวนเอ๋อได้แต่ต้องอนุญาตให้นางรีบไปรีบกลับ พวกเขาเองก็จะได้มีเวลาช่วยกันทำอาหารให้ซูซูเช่นเดียวกัน ไหนพวกเขายังจะต้องต้มโสมบำรุงร่างกายอีก ทั้งสองเฒ่าต่างตกลงกันว่าจะหั่นโสมเป็นชิ้น ๆ แล้วทยอยต้มวันละชิ้นจนกว่าจะหมด แทนที่การต้มกินเพียงครั้งเดียว อย่างไรพวกเขาก็แก่มากแล้ว จึงเกรงว่าหากกินโสมเข้าไปในคราวเดียวแล้วจะทำร้ายร่างกายมากกว่าการบำรุง
สี่ปีผ่านไป อ๋องน้อยและท่านหญิงที่ได้รับอนุญาตให้เข้าวังบ่อย ๆ วันนี้พวกเขาก็มาเล่นกับเสด็จปู่ เสด็จย่าที่ตำหนักเฟิ่งหวงพร้อมกับเสด็จพ่อและเสด็จแม่ โดยที่ฮ่องเต้ทรงงดเว้นธรรมเนียมให้กับหลานทั้งสองที่ร่าเริงสดใสของพระองค์“เจ้าดูสิ นับวันอ๋องน้อยยิ่งตัวสูงใหญ่กว่าเด็กทั่วไปมากนัก ช่างเหมือนจ้าวหลงตอนเด็ก ๆ ไม่มีผิด”“จริงด้วยเพคะฝ่าบาท หม่อมฉันเองก็คิดว่าอ๋องน้อยน่าจะเติบโตขึ้นมาตัวสูงใหญ่เหมือนพ่อของเขาเป็นแน่” ฮ่องเต้กับฮองเฮาคุยกันพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า พวกเขาได้แต่นึกถึงตอนที่นำอ๋องเฉิงมาเลี้ยงในวัยเด็กแล้วก็ยิ่งอยากเลี้ยงอ๋องน้อยกับท่านหญิงอีกครั้ง เพียงแต่ตอนนี้ทั้งสองพระองค์พระชนมายุมากแล้ว ไม่สามารถวิ่งเล่นกับหลาน ๆ ได้เหมือนเมื่อก่อนตอนเลี้ยงอ๋องเฉิง เพียงแค่ได้นั่งมองพวกเขาเล่นกัน ทั้งสองพระองค์ก็มีความสุขไม่น้อยแล้ว
เมื่ออ๋องน้อยมาถึงหน้าห้องคลอด พระองค์ทรงเห็นเสด็จพ่อนั่งรออยู่อย่างกระวนกระวาย อ๋องน้อยจึงเดินเข้าไปหาแล้วปีนขึ้นไปนั่งบนตักเสด็จพ่อ อ๋องเฉิงไม่คิดว่าลูกชายจะมาเร็วขนาดนี้ ปกติอ๋องน้อยจะตื่นตอนสาย ๆ แต่วันนี้เขากลับมาที่นี่เพื่อเป็นกำลังใจให้พระองค์กับพระชายาที่กำลังจะคลอด“เด็จพ่อรอน้องกับข้านะขอรับ” เสียงเล็ก ๆ แสนรู้ความเอ่ยออกมาพร้อมอ้อมกอดน้อย ๆ ที่เอื้อมไปกอดคอพ่อของตนเอง“อืม… เจ้าเป็นพี่ที่ดี มานั่งดี ๆ รอน้องกันเถอะ ขอบใจเจ้ามากที่มาให้กำลังใจเสด็จแม่ของเจ้า” อ๋องเฉิงลูบหัวบุตรชายแล้วปรับท่านั่งให้เขาได้นั่งบนตักอย่างสบาย ๆ ในห้องคลอด ซูซูปวดท้องมากจนนางอยากกรีดร้องออกมา แต่ด้วยนิสัยที่มักจะเก็บงำความเจ็บปวดเอาไว้ นางจึงทำเพียงกัดฟันอดทนแล้วหายใจตามจังหวะที่หมอตำแยกับแม่นมฉู่ช่วยกันบอกนางเท่านั้น“พระชายาอดทนอีกสักนิดนะเพคะ อีกไม่นานก็น่า
วันต่อมามีขบวนของขวัญจากวังหลวงและจวนตระกูลฟางยาวนับหลายลี้มาจอดอยู่เต็มหน้าจวนอ๋อง ทำเอาชาวบ้านชาวเมืองต่างอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นอีกแล้วกับจวนอ๋อง ขันทีที่ได้รับพระราชโองการแสดงความยินดีกับจวนอ๋องรีบประกาศราชโองการพร้อมกับพระราชเสาวนีย์ของฮองเฮาที่ร่วมแสดงความยินดีกับจวนอ๋องเช่นเดียวกัน“ข้าขอแสดงความยินดีกับจวนอ๋องที่กำลังจะมีทายาทอีกหนึ่งคน สิ่งของเหล่านี้เป็นของรับขวัญหลานคนที่สองของข้า หวังว่าการตั้งครรภ์ของพระชายาจะดำเนินไปอย่างราบรื่นปลอดภัยจนกว่าจะถึงวันประสูติ จบราชโองการ” ชาวเมืองที่พากันมามุงเมื่อได้ยินขันทีประกาศราชโองการเสียงดัง พวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจึงได้มีขบวนของขวัญมากมายถึงเพียงนี้ สมแล้วที่จวนอ๋องได้รับพระเมตตาจากฮ่องเต้กับฮองเฮามาอย่างยาวนาน ไหนจะบ้านเดิมของพระชายาที่เป็นถึงคหบดีที่ร่ำรวยของแคว้นอีกเล่า ไม่แปลกที่เพียงแค่การตั้งครรภ์
สองสัปดาห์ต่อมา ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ซูซูรู้สึกหิวมากกว่าปกติอย่างไรก็ไม่ทราบ แถมนางยังชอบกินขนมหวานแทบทั้งวันอีกด้วย กระทั่งหลังอาหารเช้าวันนี้ ขณะที่นางกำลังอุ้มบุตรชายพาเดินเล่นอยู่นั้นนางก็เกือบจะล้มลงบนพื้นทั้งแม่และลูก ด้วยเพราะซูซูจู่ๆ ก็หน้ามืดไปเสียเฉย ๆ โชคดีที่อ๋องเฉิงวันนี้อยู่กับพวกนางด้วย พระองค์รีบรับร่างภรรยากับบุตรชายแล้วอุ้มทั้งคู่เข้าไปยังห้องนอนในเรือนเล็กของซูซูที่อยู่ใกล้ที่สุด อ๋องเฉิงรีบร้องบอกให้องครักษ์ไปตามหมอหลวงมาทันที ตอนนี้พระองค์ทรงเป็นห่วงภรรยาไม่น้อย เพราะตอนนี้นางยังไม่ลืมตาขึ้นมาเลย ส่วนบุตรชายของพระองค์ไม่ได้ตกอกตกใจอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อ๋องน้อยเพียงแต่มองท่านพ่อที่เรียกคนให้นำผ้ากับอ่างน้ำมาเพื่อเช็ดหน้าให้กับท่านแม่ของพระองค์“ซูซู ซูซู เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ลืมตาขึ้นมาให้ข้าเบาใจหน่อยภรรยา อย่าทำให้ข้ากลัวเช่นนี้ ซูซู” อ๋องเฉิงเช็ดห
หนึ่งเดือนต่อมา อ๋องเฉิงที่ส่งทหารออกไปยังแคว้นจ้านเมื่อหลายเดือนก่อนก็ได้รับข่าวตอบกลับจากทหารที่เพิ่งเดินทางกลับมาถึงค่ายทหารนอกเมืองหลวง“ทูลท่านอ๋อง นี่เป็นจดหมายจากองค์ชายสามที่ให้กระหม่อมนำมามอบให้พระองค์เพื่อส่งต่อไปยังฝ่าบาทพะย่ะค่ะ เหตุการณ์ที่แคว้นจ้านนั้นสงบสุขดีพะย่ะค่ะ ตอนนี้องค์ชายสามก็ส่งขุนนางเดินทางออกไปแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้กับประชาชนทั่วแคว้นได้เกือบครึ่งปีแล้วพะย่ะค่ะ อีกทั้งพระชายาก็คลอดองค์ชายน้อยได้สามเดือนแล้ว จึงทำให้องค์ชายสามไม่ค่อยมีเวลาที่จะส่งข่าวกลับมาให้พระองค์พะย่ะค่ะ” อ๋องเฉิงพยักหน้ารับจดหมายจากทหารแล้วเปิดอ่านเนื้อหาด้านในก่อนที่จะเข้าวังและนำไปมอบให้กับเสด็จลุงของพระองค์ ภายในจดหมายนั้นเขียนถึงความสำเร็จในการซื้อใจประชาชนขององค์ชายสามและกองทหารรักษาเมือง ยิ่งเมื่อเหล่าประชาชนในแคว้นจ้านเห็นถึงความเมตตาขององค์ชายสามและขุนนางที่ตั้งใจจะมาพัฒนาแคว้นของ
“อืม… เอาล่ะ เราเลิกคุยเรื่องงานกันเถอะ ข้าอยากเล่นกับหลานแล้ว” อ๋องเฉิงเห็นท่าทางกระปรี้กระเปร่าของสหายที่พอพูดถึงหลานชายเข้าเมื่อไหร่ก็มักจะมีอาการเช่นนี้ พระองค์ได้แต่ยิ้มแล้วพาสหายเดินไปยังห้องโถงรับแขกที่เรือนเล็กของบุตรชายที่พระองค์สั่งคนเตรียมเอาไว้สำหรับอ๋องน้อยเมื่อเขาโตกว่านี้ในอีกไม่กี่ปี ในเรือนของอ๋องน้อยเต็มไปด้วยบ่าวรับใช้ที่คอยดูแลท่านอ๋องน้อยเวลาเล่นของเล่นอยู่ในห้องโถงรับแขกกับพระชายา ท่านตาและท่านยายที่มาเยี่ยมก่อนหน้าที่ลูกชายอย่างฟางฉือห่าวจะมาถึง“อ้าว ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันขอรับ”“พ่อกับแม่มากันตั้งแต่เช้าแล้ว วันนี้พ่อนำของเล่นใหม่มาให้อ๋องน้อยด้วยนะเจ้าดูสิ พ่อสั่งคนทำขึ้นมาเป็นพิเศษให้เขาเลยนะเนี่ย” ฟางเซียนหลงชี้ไปที่ม้าโยกไม้ที่ดูแ