ซูซูที่เห็นว่าท่านปู่ท่านย่าไม่ได้ว่าอันใดที่นางจะไปบ้านปู่หมอ นางจึงเดินเร็ว ๆ ออกจากบ้านไปเพื่อจะได้รีบกลับมาช่วยท่านปู่ท่านย่าทำอาหารด้วย ซูซูใช้เวลาเดินไปบ้านหมอไม่ถึงหนึ่งเค่อ จากนั้นนางก็ตะโกนเรียกท่านปู่หมอเหมือนเมื่อวานไม่มีผิดเพี้ยน
หมอรีบเดินออกมาเปิดประตูรั้วให้ซูซูเข้าไปในบ้านเช่นเคย เขาพานางมานั่งที่แคร่ก่อนจะเอ่ยถามว่าวันนี้นางมีเรื่องอันใดอีกจึงได้มาหาเขา
ซูซูไม่ตอบแต่กลับยิ้มหวานให้ท่านปู่หมอพร้อมกับค่อย ๆ หยิบโสมอีกต้นออกมาจากอกเสื้อแล้วส่งให้กับปู่หมอที่ดูจะตกตะลึงไปเสียแล้ว
“นี่ข้าเก็บมาให้ท่านปู่หมอเจ้าค่ะ ท่านรีบรับไปสิเจ้าคะ อย่าให้ใครเห็นนะเจ้าคะ เร็วๆ เข้าท่านปู่หมอ”
เมื่อหมอได้ยินเสียงเล็ก ๆ เร่งเร้าเขาก็กลับมาได้สติและรีบสำรวจโสมในมือซึ่งพบว่าซูซูนั้นขุดมาได้อย่างสมบูรณ์มาก ไม่มีรากเล็ก ๆ ขาดแม้แต่เส้นเดียว
“เจ้าไปได้มาอย่างไรกันซูซู ชาวบ้านขึ้นเขากันทุกวันกลับไม่เคยพบโสมแม้แต่ต้นเดียวมานานหลายปีแล้ว อีกอย่างเจ้าขุดมาได้สมบูรณ์มากอย่างไม่น่าเชื่อ นี่เจ้ามีความรู้เรื่องสมุนไพรด้วยหรืออย่างไร”
“ชู่ว ท่านปู่หมอพูดเบา ๆ สิเจ้าคะ เดี๋ยวใครได้ยินเข้าแล้วมาปล้นท่านจะทำอย่างไร ท่านรีบเก็บโสมก่อนเร็วเข้าเจ้าค่ะ ส่วนข้านั้นก็เก็บมาจากบนเขานั่นแหละเจ้าค่ะ ข้าพอรู้เรื่องสมุนไพรอยู่บ้างจากที่เคยฟังพวกพี่ชายโจวคุยกันเมื่อนานมาแล้วว่าสมุนไพรใดได้ราคาดีและสามารถดูลักษณะอย่างไร ข้าจึงจำได้ว่าใบมันน่าจะเป็นอย่างที่พวกเขาเคยพูดเอาไว้ แล้วจึงลองขุดดูเจ้าค่ะ พอเห็นว่าเป็นโสมจริง ๆ ข้าก็รีบขุดออกมาให้ท่านปู่หมอ ท่านปู่กับท่านย่าของข้าก็มีหนึ่งต้นเอาไว้ต้มกินบำรุงร่างกายด้วยนะเจ้าคะ ต้นนี้ข้าก็อยากนำมาให้ท่านปู่หมอนำไปต้มกินบำรุงกำลังเช่นเดียวกัน”
“เพ้ย!!! ของแพงขนาดนี้ข้าจะนำมาต้มกินเล่น ๆ ได้อย่างไรกันเล่า นี่เป็นตัวยาสำคัญสำหรับปรุงยาอื่น ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเลยเชียวนะ เจ้าเด็กนี่ไม่รู้อะไรเอาเสียเลย”
“โธ่ ท่านปู่หมออย่าเพิ่งโกรธสิเจ้าคะ ก็ข้าอยากให้ท่านแข็งแรงแบบนี้ไปนาน ๆ นี่นา ข้าเลยอยากให้ท่านปู่หมอนำไปต้มกินบำรุงร่างกายมากกว่า โสมนี้จะมีค่าเท่ากับสุขภาพของพวกท่านที่ข้าทั้งเคารพรักได้อย่างไรกันเล่าเจ้าคะ”
“เอาล่ะ ๆ ปู่สัญญาว่าจะใช้โสมของเจ้าบำรุงร่างกายกับทำยาดี ๆ เอาไว้เผื่อป่วยไข้ ตกลงหรือไม่เล่า”
“เย้ ตกลงเจ้าค่ะท่านปู่ เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ นี่ข้าคิดว่าจะมาครู่เดียว ป่านนี้ท่านปู่ท่านย่าคงทำอาหารเสร็จแล้วเป็นแน่ ข้าขอตัวกลับบ้านก่อนนะเจ้าคะ”
ซูซูไม่รอคำตอบของปู่หมอของนาง นางย่อกายคารวะเขาแล้วรีบวิ่งตื๋อออกจากบ้านท่านหมอไปอย่างไว ด้วยกลัวว่าปู่หมอจะถามอะไรนางเพิ่มอีก นางไม่อยากโกหกบ่อยนักหรอก ไม่เช่นนั้นนางคงรู้สึกผิดมากแน่ ๆ ถึงแม้การโกหกของนางก็เพื่อความสบายใจของทุกคน แต่การโกหกบ่อย ๆ ก็ไม่ใช่นิสัยของนาง
ซูซูเข้าบ้านไปพร้อมกับได้กลิ่นอาหารโชยมาจนท้องนางร้องจ๊อก ๆ เนื่องจากไม่ได้กินข้าวเที่ยงเป็นวันที่สองแล้ว ซูซูรีบเดินเข้าไปพร้อมส่งรอยยิ้มหวานให้กับท่านปู่ท่านย่าของนางซึ่งกำลังตั้งโต๊ะอาหารรอนางอยู่
“รีบมากินข้าวเร็วเข้า เจ้านี่ลืมเอาข้าวกลางวันไปกินบนเขาอีกแล้วรู้หรือไม่ กว่าที่ปู่กับย่าเจ้าจะดูแลจนเจ้าหายจากการขาดสารอาหารได้ไม่ใช่เรื่องง่าย วันหลังให้นำข้าวเที่ยงไปด้วยรู้หรือไม่”
“เจ้าค่ะ ท่านปู่ท่านย่า วันหลังข้าจะไม่ลืมอีกแล้วเจ้าค่ะ แต่ว่าพรุ่งนี้ท่านปู่ต้องพาข้าไปขายโสมอีกหนึ่งต้นที่เหลือในเมืองด้วยนะเจ้าคะ ข้าไม่รู้ว่าต้องไปขายที่ไหน”
“ตกลง ๆ เจ้ารีบนั่งลงกินข้าวเร็ว ๆ พรุ่งนี้ปู่จะพาเจ้าเข้าเมืองแต่เช้า เอ้านี่ กินแกงหน่อไม้ที่ย่าเจ้าทำให้เสียหน่อย อร่อยมากเลยรู้หรือไม่”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านปู่ ท่านย่าที่ทำอาหารอร่อย ๆ ให้ข้ากินทุกวันเลย อื้ม อร่อยมากจริง ๆ เจ้าค่ะ พวกท่านก็กินเยอะ ๆ นะเจ้าคะ”
ซูซูตักแกงหน่อไม้ใส่ถ้วยให้พวกเขาเช่นเดียวกัน บรรยากาศในการกินอาหารในวันนี้จึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่นมากกว่าทุกวัน โดยเฉพาะเหอหยางเปากับภรรยาที่ต้มโสมส่วนหนึ่งเอาไว้ทานก่อนนอนด้วยแล้ว พวกเขายิ่งหลงรักเด็กน้อยร่างบางตรงหน้ามากขึ้นไปอีก
หลังทานอาหารและล้างถ้วยชามเสร็จแล้ว ซูซูสอบถามท่านปู่ท่านย่าเรื่องต้มโสมก่อนที่นางจะไปอาบน้ำแล้วเข้านอนเหมือนทุกวัน พอรู้ว่าพวกท่านต้มและดื่มกันเสร็จเมื่อสักครู่แล้วนางจึงวางใจแล้วขอตัวไปอาบน้ำพักผ่อนก่อน เพราะพรุ่งนี้นางต้องเดินทางเข้าเมืองพร้อมกับท่านปู่อีก ที่บ้านท่านปู่นั้นไม่มีเกวียนลาเหมือนกับผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านอื่น เนื่องจากระยะทางจากหมู่บ้านนางเข้าไปในเมืองนั้นใกล้กว่า ท่านปู่จึงไม่คิดที่จะเสียเงินซื้อเกวียนให้สิ้นเปลืองนั่นเอง
รุ่งเช้าหลังอาหารวันต่อมา สองปู่หลานต่างเดินตามกันไปเพื่อเข้าเมืองตั้งแต่ก่อนที่แดดจะแรงไปมากกว่านี้ ดีที่พวกเขาเป็นคนตื่นเช้ากันทั้งบ้านแต่แรก จึงทำให้ออกจากบ้านกันเร็วกว่าชาวบ้านคนอื่นที่มักจะหาของป่าไปขายในเมืองเช่นเดียวกัน
ระหว่างทางซูซูก็สอบถามเรื่องราวในเมืองหลายอย่าง นางไม่เคยเข้าไปในเมืองมาก่อนจึงไม่รู้ว่าร้านรวงอะไรอยู่ตรงไหน ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็เล่าให้นางฟังอย่างไม่ปิดบัง หากในอนาคตซูซูโตพอที่จะเข้าไปในเมืองด้วยตนเองได้ พวกเขาก็จะได้ปล่อยให้นางเข้าไปขายของป่าด้วยตัวเอง
ทั้งสองคนเดินทางไม่เร็วไม่ช้าโดยใช้เวลาประมาณสองเค่อก็มาถึงประตูเมืองแล้ว เหอหยางเปากลัวว่าหลานสาวจะหลงทาง เขาจึงจับมือเล็ก ๆ ของนางแล้วพาเดินไปยังร้านหมอที่มีอยู่แห่งเดียวในเมืองอู่หลงที่อยู่ไม่ไกลจากที่ว่าการอำเภอมากนัก
ซูซูเห็นว่าท่านปู่เป็นห่วงนางมาก นางจึงปล่อยให้ท่านปู่จับจูงไปตามทาง โดยระหว่างที่เดินไปนั้น ซูซูก็มองดูร้านรวงต่าง ๆ เพื่อเก็บเอาไว้ในความทรงจำ วันหลังหากนางเข้าเมืองมาคนเดียวจะได้ไม่หลงทางและยังสามารถซื้อสิ่งของกลับไปฝากท่านปู่ท่านย่าได้ด้วย
เหอหยางเปาพาซูซูเดินเลี้ยวไปทางขวาเมื่อถึงทางแยกใหญ่ เดินกันไปอีกไม่ถึงหนึ่งเค่อพวกเขาก็มาถึงร้านหมอแล้ว เหอหยางเปาเป็นคนพาซูซูเดินเข้าไปพูดคุยกับพนักงานร้าน
“ข้านำสมุนไพรมาขาย ไม่ทราบว่าที่นี่รับซื้อหรือไม่”
“รับซื้อขอรับ ไม่ทราบว่าท่านนำสมุนไพรอะไรมาขายหรือขอรับ หากเป็นสมุนไพรทั่วไปข้าสามารถรับซื้อให้ท่านได้เลย แต่ถ้าเป็นสมุนไพรหายากข้าจะได้ไปเรียกเถ้าแก่ให้มาตีราคาขอรับ”
“พวกข้ามาขายโสมป่าน่ะ”
“โอ้ว เช่นนั้นเชิญท่านกับหลานสาวไปนั่งรอที่ห้องรับรองก่อนขอรับ ข้าจะรีบไปตามเถ้าแก่มาตีราคาให้นะขอรับ เชิญตามข้ามาทางนี้เลยขอรับ”
สองปู่หลานเดินตามพนักงานร้านไปยังห้องรับรองที่เขาว่า เมื่อพนักงานเปิดประตูเชิญพวกเขาเข้าไปนั่งรอก่อน ทั้งสองคนต่างพูดขอบคุณก่อนจะเดินเข้าไปนั่งรอที่เก้าอี้หน้าโต๊ะใหญ่ที่อยู่ภายในห้องตามที่พนักงานร้านชี้บอกพวกเขา เหอหยางเปาได้แต่กระซิบกับหลานสาวว่าโสมที่นำมานั้นนางเก็บไว้ที่ไหน ซูซูพอได้ยินท่านปู่ถามหาโสม นางจึงได้หยิบโสมที่ใหญ่กว่าให้พวกเขาเมื่อวานนิดหน่อยยื่นออกไปให้ท่านปู่ทันที นางยังกระซิบบอกท่านปู่ว่าให้ท่านปู่ต่อรองราคาให้นางด้วย เหอหยางเปาได้แต่ลูบหัวซูซูพร้อมพยักหน้ารับปากว่าเขาจะต่อรองราคาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แน่นอน ซูซูที่ได้ฟังจึงได้แต่ยิ้มหวานขอบคุณปู่ของนาง
สี่ปีผ่านไป อ๋องน้อยและท่านหญิงที่ได้รับอนุญาตให้เข้าวังบ่อย ๆ วันนี้พวกเขาก็มาเล่นกับเสด็จปู่ เสด็จย่าที่ตำหนักเฟิ่งหวงพร้อมกับเสด็จพ่อและเสด็จแม่ โดยที่ฮ่องเต้ทรงงดเว้นธรรมเนียมให้กับหลานทั้งสองที่ร่าเริงสดใสของพระองค์“เจ้าดูสิ นับวันอ๋องน้อยยิ่งตัวสูงใหญ่กว่าเด็กทั่วไปมากนัก ช่างเหมือนจ้าวหลงตอนเด็ก ๆ ไม่มีผิด”“จริงด้วยเพคะฝ่าบาท หม่อมฉันเองก็คิดว่าอ๋องน้อยน่าจะเติบโตขึ้นมาตัวสูงใหญ่เหมือนพ่อของเขาเป็นแน่” ฮ่องเต้กับฮองเฮาคุยกันพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า พวกเขาได้แต่นึกถึงตอนที่นำอ๋องเฉิงมาเลี้ยงในวัยเด็กแล้วก็ยิ่งอยากเลี้ยงอ๋องน้อยกับท่านหญิงอีกครั้ง เพียงแต่ตอนนี้ทั้งสองพระองค์พระชนมายุมากแล้ว ไม่สามารถวิ่งเล่นกับหลาน ๆ ได้เหมือนเมื่อก่อนตอนเลี้ยงอ๋องเฉิง เพียงแค่ได้นั่งมองพวกเขาเล่นกัน ทั้งสองพระองค์ก็มีความสุขไม่น้อยแล้ว
เมื่ออ๋องน้อยมาถึงหน้าห้องคลอด พระองค์ทรงเห็นเสด็จพ่อนั่งรออยู่อย่างกระวนกระวาย อ๋องน้อยจึงเดินเข้าไปหาแล้วปีนขึ้นไปนั่งบนตักเสด็จพ่อ อ๋องเฉิงไม่คิดว่าลูกชายจะมาเร็วขนาดนี้ ปกติอ๋องน้อยจะตื่นตอนสาย ๆ แต่วันนี้เขากลับมาที่นี่เพื่อเป็นกำลังใจให้พระองค์กับพระชายาที่กำลังจะคลอด“เด็จพ่อรอน้องกับข้านะขอรับ” เสียงเล็ก ๆ แสนรู้ความเอ่ยออกมาพร้อมอ้อมกอดน้อย ๆ ที่เอื้อมไปกอดคอพ่อของตนเอง“อืม… เจ้าเป็นพี่ที่ดี มานั่งดี ๆ รอน้องกันเถอะ ขอบใจเจ้ามากที่มาให้กำลังใจเสด็จแม่ของเจ้า” อ๋องเฉิงลูบหัวบุตรชายแล้วปรับท่านั่งให้เขาได้นั่งบนตักอย่างสบาย ๆ ในห้องคลอด ซูซูปวดท้องมากจนนางอยากกรีดร้องออกมา แต่ด้วยนิสัยที่มักจะเก็บงำความเจ็บปวดเอาไว้ นางจึงทำเพียงกัดฟันอดทนแล้วหายใจตามจังหวะที่หมอตำแยกับแม่นมฉู่ช่วยกันบอกนางเท่านั้น“พระชายาอดทนอีกสักนิดนะเพคะ อีกไม่นานก็น่า
วันต่อมามีขบวนของขวัญจากวังหลวงและจวนตระกูลฟางยาวนับหลายลี้มาจอดอยู่เต็มหน้าจวนอ๋อง ทำเอาชาวบ้านชาวเมืองต่างอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นอีกแล้วกับจวนอ๋อง ขันทีที่ได้รับพระราชโองการแสดงความยินดีกับจวนอ๋องรีบประกาศราชโองการพร้อมกับพระราชเสาวนีย์ของฮองเฮาที่ร่วมแสดงความยินดีกับจวนอ๋องเช่นเดียวกัน“ข้าขอแสดงความยินดีกับจวนอ๋องที่กำลังจะมีทายาทอีกหนึ่งคน สิ่งของเหล่านี้เป็นของรับขวัญหลานคนที่สองของข้า หวังว่าการตั้งครรภ์ของพระชายาจะดำเนินไปอย่างราบรื่นปลอดภัยจนกว่าจะถึงวันประสูติ จบราชโองการ” ชาวเมืองที่พากันมามุงเมื่อได้ยินขันทีประกาศราชโองการเสียงดัง พวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจึงได้มีขบวนของขวัญมากมายถึงเพียงนี้ สมแล้วที่จวนอ๋องได้รับพระเมตตาจากฮ่องเต้กับฮองเฮามาอย่างยาวนาน ไหนจะบ้านเดิมของพระชายาที่เป็นถึงคหบดีที่ร่ำรวยของแคว้นอีกเล่า ไม่แปลกที่เพียงแค่การตั้งครรภ์
สองสัปดาห์ต่อมา ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ซูซูรู้สึกหิวมากกว่าปกติอย่างไรก็ไม่ทราบ แถมนางยังชอบกินขนมหวานแทบทั้งวันอีกด้วย กระทั่งหลังอาหารเช้าวันนี้ ขณะที่นางกำลังอุ้มบุตรชายพาเดินเล่นอยู่นั้นนางก็เกือบจะล้มลงบนพื้นทั้งแม่และลูก ด้วยเพราะซูซูจู่ๆ ก็หน้ามืดไปเสียเฉย ๆ โชคดีที่อ๋องเฉิงวันนี้อยู่กับพวกนางด้วย พระองค์รีบรับร่างภรรยากับบุตรชายแล้วอุ้มทั้งคู่เข้าไปยังห้องนอนในเรือนเล็กของซูซูที่อยู่ใกล้ที่สุด อ๋องเฉิงรีบร้องบอกให้องครักษ์ไปตามหมอหลวงมาทันที ตอนนี้พระองค์ทรงเป็นห่วงภรรยาไม่น้อย เพราะตอนนี้นางยังไม่ลืมตาขึ้นมาเลย ส่วนบุตรชายของพระองค์ไม่ได้ตกอกตกใจอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อ๋องน้อยเพียงแต่มองท่านพ่อที่เรียกคนให้นำผ้ากับอ่างน้ำมาเพื่อเช็ดหน้าให้กับท่านแม่ของพระองค์“ซูซู ซูซู เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ลืมตาขึ้นมาให้ข้าเบาใจหน่อยภรรยา อย่าทำให้ข้ากลัวเช่นนี้ ซูซู” อ๋องเฉิงเช็ดห
หนึ่งเดือนต่อมา อ๋องเฉิงที่ส่งทหารออกไปยังแคว้นจ้านเมื่อหลายเดือนก่อนก็ได้รับข่าวตอบกลับจากทหารที่เพิ่งเดินทางกลับมาถึงค่ายทหารนอกเมืองหลวง“ทูลท่านอ๋อง นี่เป็นจดหมายจากองค์ชายสามที่ให้กระหม่อมนำมามอบให้พระองค์เพื่อส่งต่อไปยังฝ่าบาทพะย่ะค่ะ เหตุการณ์ที่แคว้นจ้านนั้นสงบสุขดีพะย่ะค่ะ ตอนนี้องค์ชายสามก็ส่งขุนนางเดินทางออกไปแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้กับประชาชนทั่วแคว้นได้เกือบครึ่งปีแล้วพะย่ะค่ะ อีกทั้งพระชายาก็คลอดองค์ชายน้อยได้สามเดือนแล้ว จึงทำให้องค์ชายสามไม่ค่อยมีเวลาที่จะส่งข่าวกลับมาให้พระองค์พะย่ะค่ะ” อ๋องเฉิงพยักหน้ารับจดหมายจากทหารแล้วเปิดอ่านเนื้อหาด้านในก่อนที่จะเข้าวังและนำไปมอบให้กับเสด็จลุงของพระองค์ ภายในจดหมายนั้นเขียนถึงความสำเร็จในการซื้อใจประชาชนขององค์ชายสามและกองทหารรักษาเมือง ยิ่งเมื่อเหล่าประชาชนในแคว้นจ้านเห็นถึงความเมตตาขององค์ชายสามและขุนนางที่ตั้งใจจะมาพัฒนาแคว้นของ
“อืม… เอาล่ะ เราเลิกคุยเรื่องงานกันเถอะ ข้าอยากเล่นกับหลานแล้ว” อ๋องเฉิงเห็นท่าทางกระปรี้กระเปร่าของสหายที่พอพูดถึงหลานชายเข้าเมื่อไหร่ก็มักจะมีอาการเช่นนี้ พระองค์ได้แต่ยิ้มแล้วพาสหายเดินไปยังห้องโถงรับแขกที่เรือนเล็กของบุตรชายที่พระองค์สั่งคนเตรียมเอาไว้สำหรับอ๋องน้อยเมื่อเขาโตกว่านี้ในอีกไม่กี่ปี ในเรือนของอ๋องน้อยเต็มไปด้วยบ่าวรับใช้ที่คอยดูแลท่านอ๋องน้อยเวลาเล่นของเล่นอยู่ในห้องโถงรับแขกกับพระชายา ท่านตาและท่านยายที่มาเยี่ยมก่อนหน้าที่ลูกชายอย่างฟางฉือห่าวจะมาถึง“อ้าว ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันขอรับ”“พ่อกับแม่มากันตั้งแต่เช้าแล้ว วันนี้พ่อนำของเล่นใหม่มาให้อ๋องน้อยด้วยนะเจ้าดูสิ พ่อสั่งคนทำขึ้นมาเป็นพิเศษให้เขาเลยนะเนี่ย” ฟางเซียนหลงชี้ไปที่ม้าโยกไม้ที่ดูแ