ตอนที่ 15
บุรุษกับสตรีไร้ยางอาย
วันที่ซูเยว่ซินต้องออกไปพบคู่หมั้นมาถึงอย่างรวดเร็ว หญิงสาวตื่นมาแต่งตัวแต่เช้าอย่างตื่นเต้น
ซูฮุ่ยฉินเองก็เช่นกัน นางอยากไปชมงิ้วด้วยตนเองจึงได้ให้คนเตรียมรถม้าไว้รอ
ก่อนหน้านี้สองแม่ลูกนั่นวางแผนกลั่นแกล้งนางเช่นกัน แต่ไม่ได้มากมายอะไร เป็นเพียงการลดปริมาณอาหาร หรือไม่ก็งดของว่างของนาง
นางถือว่าเป็นการเล่นสนุกของเด็ก ๆ จึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพียงให้พ่อบ้านรายงานท่านพ่อเท่านั้น
สองวันแรกท่านพ่อปล่อยผ่าน แต่เมื่อมีวันที่สามนางจึงได้ยินว่าท่านพ่อเรียกอนุฟางไปต่อว่า ตั้งแต่วันนั้นอาหารหรือของว่างนางจึงไม่ถูกงดอีก
“รถม้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่เองก็เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี่เจ้าค่ะ” ซินซินเข้ามารายงาน
“จองโรงเตี๊ยมตรงข้ามโรงน้ำชาที่เยว่ซินนัดเจอคุณชายกู่หรือยัง” นางเอ่ยถามขณะจัดปิ่นไม้บนหัวให้เข้าที่
“เรียบร้อยเจ้าค่ะ เครื่องประดับที่คุณหนูใหญ่ใส่วันนี้เป็นเครื่องประดับไข่มุกเจ้าค่ะ”
“ข้ารู้อยู่แล้ว” นางตอบรับเบา ๆ แต่สาวใช้นั้นแปลกใจว่านายสาวรู้ได้อย่างไรทั้งที่ตนเพิ่งเอาเรื่องนี้มาบอก
แต่ก็เก็บความสงสัยนั้นไว้ ก่อนจะเดินตามนายสาวไปขึ้นรถม้า และตรงไปยังโรงเตี๊ยมที่จองไว้
ด้านซูเยว่ซินวันนี้นางแต่งกายด้วยชุดสีชมพูอ่อน ประดับด้วยชุดเครื่องประดับไข่มุกที่นางเอามาจากน้องสาวต่างมารดา
นางมารอคุณชายกู่ที่โรงน้ำชาขึ้นชื่อตามนัด เขาจองห้องส่วนตัวไว้บนชั้นสอง ไม่นานก็เห็นชายหนุ่มเปิดประตูห้องเข้ามา
“เสียมารยาทแล้วที่ให้คุณหนูซูต้องมารอเช่นนี้” ชายหนุ่มเอ่ยพลางส่งยิ้มเจื่อน ๆ มาให้หญิงสาว
แต่แววตานั้นพึงพอใจไม่น้อย ที่หญิงสาวแต่งกายงดงาม พร้อมเครื่องประดับล้ำค่าเช่นนี้
“ไม่เป็นไรเลยเจ้าค่ะ ข้าเองก็เพิ่งมารอได้ไม่นานนัก”
นางตอบอย่างเอียงอาย ยิ่งเห็นรอยยิ้มของเขายิ่งทำให้นางใจเต้นแรง
“วันนี้คุณหนูซูงดงามนัก ข้าไม่เคยเห็นสตรีใดในเมืองหลวงงามเท่าคุณหนูซูมาก่อน” ชายหนุ่มเอ่ยชม ทำให้หญิงสาวเขินอายจนใบหน้าขึ้นสีหนักกว่าเดิม
“คุณชายกู่กล่าวชมเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”
“เรียกคุณชายมันดูห่างเหินเกินไป อย่างไรอนาคตเราก็ต้องเป็นสามีภรรยากัน เช่นนั้นข้าจะเรียกคุณหนูว่าน้องเยว่ซิน คุณหนูก็เรียกข้าว่าพี่หลวนเค่อแล้วกันนะขอรับ”
“เอาเช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ พี่หลวนเค่อ” นางตอบรับอย่างยินดี แต่ก็แสดงจริตเขินอายอย่างเป็นธรรมชาติ
“เช่นนั้นเราสั่งขนมกับชาดีกว่า น้องเยว่ซินชอบกินขนมอะไรเป็นพิเศษหรือไม่”
เขาถามอย่างใส่ใจ ทำให้ซูเยว่ซินยิ่งประทับใจในตัวชายหนุ่มมากกว่าเดิม
ทั้งสองสั่งชาหนึ่งกาและขนมสองอย่าง ไม่นานหลงจู้ก็ยกมาเสิร์ฟ ชายหนุ่มรินชาหอมกรุ่นให้นางอย่างเอาใจ
พร้อมเอ่ยคำหวานที่ทำเอาขนมในจานจืดชืดไปสนิท แถมยังชวนคุยเรื่องตลกจนหญิงสาวมีแต่รอยยิ้มไม่หุบ
จนผ่านไปครู่หนึ่งซูเยว่ซินก็เริ่มรู้สึกร้อนรุ่มแปลก ๆ สติก็คล้ายจะเลือนรางลงทุกที
ต่างจากภาพที่ชายหนุ่มเห็น เพราะเขากำลังเห็นคู่หมั้นของตนกำลังส่งสายตาหยาดเยิ้ม และเข้ามายั่วยวนตนราวกับหญิงคณิกา แถมนางยังพยายามถอดเสื้อผ้าตัวเองและเขาออกอีกด้วย
“น้องเยว่ซิน!! มีสติหน่อยเจ้าเป็นอะไรไปเนี่ย” เขาเรียกชื่อนาง พร้อมกับพยายามผลักร่างของหญิงสาวออกห่าง
ครั้นจะเรียกคนของเขาเข้ามา ก็กลัวว่าหากคนนอกเห็นจะเกิดเรื่องที่มีผลกระทบต่อชื่อเสียงเขาได้
แต่นางเหมือนจะไม่มีสติอยู่กับตัวเอง เพราะนอกจากนางจะไม่ทำตาม ยังพยามยามถอดเสื้อผ้าเขาออกจนตอนนี้เสื้อตัวนอกเขายับยู่ยี่หมดแล้ว
“พี่หลวนเค่อ...ท่านช่างรูปงามนัก ข้าต้องการท่านเจ้าค่ะ ท่านเป็นของข้าเถอะนะ ท่านรักข้าไม่ใช่หรือ ข้าให้ท่านทำอะไรกับร่างกายข้าได้ทุกอย่างเลยนะเจ้าคะ”
หญิงสาวเอ่ยพลางเบียดกายตนเข้าหาบุรุษตรงหน้าราวกับคนขาดสติ
อีกฝั่งของโรงเตี๊ยม ซูฮุ่ยฉินนั่งมองสองหนุ่มสาวผ่านทางหน้าต่างด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ในใจตอนนี้นางคิดสิ่งใดไม่มีใครคาดเดาได้ ขนาดสาวใช้ข้างกายยังไม่กล้าเอ่ยวาจาแม้เพียงครึ่งคำ
“ส่งสัญญาณให้คนของเรา” นางเอ่ยกับสาวใช้ข้างกาย
ซินซินจึงเดินไปริมหน้าต่าง ก่อนจะส่งสัญญาณมือให้คนที่จ้างวานมา ไม่นานก็เกิดความวุ่นวายขึ้นที่โรงน้ำชาฝั่งตรงข้าม
สถานการณ์ฝั่งโรงน้ำชา
“หน้าไม่อายจริง ๆ ไม่รู้คุณหนูคุณชายบ้านใดนัดกันมาทำบัดสีกลางวันแสก ๆ กลางโรงน้ำชาเช่นนี้!!!”
“ใช่ ๆ คิดว่าเปิดห้องส่วนตัวแล้วจะทำอะไรกันก็ได้งั้นหรือ ข้าละอายแทนบิดามารดาพวกเขาจริง ๆ ”
“ข้าเห็นคนที่เข้าไปห้องนั้นเป็นคุณชายกู่ จอหงวนคนล่าสุดกับคู่หมั้นคุณหนูซูนี่”
“ข้าก็เห็น น่าไม่อายจริง ๆ เสียงดังออกมาถึงหน้าห้อง จนข้าต้องชวนพวกเจ้าลงมานี่ไง”
บทสนทนาเมื่อครู่เป็นของคนสามคน ที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสอง ซึ่งดังมากพอที่คนชั้นล่างของโรงน้ำชาจะได้ยิน
นั่นทำให้พวกเขาตาโตหูผึ่งทันที หลงจู้ของร้านได้ยินถึงกับตาเหลือก ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปชั้นสองห้องที่ทั้งสองเปิด คนที่เห็นจึงเดินตามหลงจู้ขึ้นไป
แต่ยังไม่ทันถึงห้องดีก็ได้ยินเสียงแว่วหวานของสตรีดังมาให้ได้ยิน แถมเสียงนั้นยังเว้าวอนเสียจนคนฟังยังสยิว
“พี่หลวนเค่อเจ้าขา...ท่านไม่ชอบตรงนี้ของข้าหรือ ท่านลองจับดูสิมันนุ่มมากเลยนะเจ้าคะ อ่า...แบบนั้นแหละเจ้าค่ะ บีบแรง ๆ เลยเจ้าค่ะ อ่า....”
ประโยคนี้พร้อมเสียงครางกระเส่าของหญิงสาว ทำให้คนที่ขึ้นมาด้วยกันชะงักเท้า ก่อนจะหันไปซุบซิบกันเสียงดัง
“หน้าไม่อายจริง ๆ เปิดประตูซิ ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่าเป็นบุตรสาวบ้านใด!!”
“ใช่ ๆ เอ๊ะ!! นั่นชุดสาวใช้จวนตระกูลซูนี่ ข้าจำได้” เอ่ยพลางชี้ไปที่สาวใช้ที่ยืนก้มหน้าอยู่หน้าห้อง
“จริงด้วย หลงจู้เปิดประตูเลย กลางวันแสก ๆ พวกเขาทำอะไรกันกลางโรงน้ำชาเช่นนี้ ไม่อายฟ้าดินเลยหรืออย่างไร!!” เสียงสตรีนางหนึ่งดังขึ้น
“ข้าเปิดเอง ข้าไม่เชื่อว่าบุรุษผู้นั้นจะเป็นจอหงวนคนล่าสุดของแคว้นเรา เขาเป็นบัณฑิตที่น่าเลื่อมใส ไม่น่าจะทำตัวอย่างที่คนผู้นั้นว่าแน่”
เสียงบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้น ก่อนจะแหวกฝูงชนตรงไปที่ประตู แต่สาวใช้จวนตระกูลซูขวางเอาไว้เสียก่อน
“อย่านะเจ้าเป็นใคร!! คุณหนูข้าเป็นสตรีเจ้าเป็นบุรุษที่ไหนก็ไม่รู้ จะเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร”
“แล้วคุณหนูเจ้าอยู่กับใคร อีกอย่างเสียงคุณหนูเจ้าดังขนาดนั้น เจ้ายังไม่คิดจะเข้าไปห้ามนางอีกหรือ หลบไป!!” เอ่ยจบคนที่มามุงดูก็ช่วยกันผลักสาวใช้คนนั้นออกไป
ก่อนจะมีคนพังประตูเข้าไป ทำให้เห็นภาพสตรีกับบุรุษกำลังอยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อยนัก
พวกเขาสองคนกำลังนอนกอดกันอยู่ที่พื้น โดยมีฝ่ายสตรีอยู่ด้านบน กู่หลวนเค่อนั้นมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ซูเยว่ซินนั้นราวกับไม่รู้ตัวว่ามีคนอื่นเข้ามาในห้องแล้ว
ทุกคนตกใจกับภาพที่เห็น ก่อนจะหันไปซุบซิบกันจนเกิดเสียงอื้ออึง ครู่เดียวก็มีคนแหวกฝูงชนเข้ามาเป็นคนของกู่หลวนเค่อนั่นเอง
“ออกไปให้หมด!!” เสียงตะโกนดังขึ้น ก่อนกลุ่มคนจะต้อนคนที่อยู่ตรงนั้นออกไป
“คุณชายไม่เป็นอะไรนะขอรับ” คนของเขาเข้าไปถามผู้เป็นนายที่ถูกพยุงขึ้นยืนแล้ว
“พี่หลวนเค่อ....” เสียงซูเยว่ซินยังเรียกชายหนุ่มอย่างคนไม่ได้สติ
“พานางไปส่งที่จวน ให้บิดาข้าสั่งปิดข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เสีย แล้วสืบหาด้วยว่าที่นางเป็นเช่นนี้เพราะอะไร”
ดูก็รู้ว่านางถูกวางยา แถมยังกลางโรงน้ำชาขึ้นชื่อของเมืองหลวงเสียด้วย คนที่วางแผนคงตั้งใจทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงแน่
เขาเดินออกไปพร้อมคนของตน ก่อนจะขึ้นรถม้ากลับจวนทันที แต่แม้จะสั่งให้บิดาใช้อำนาจปิดข่าว แต่มันไม่ทันเสียแล้ว
ข่าวลือเรื่องจอหงวนคนล่าสุดของแคว้นจ้าว อดใจไม่ไหวจนแอบมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคู่หมั้นหมาด ๆ กลางโรงน้ำชา แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว
ขนาดที่ว่าเดินไปที่ได้ก็ได้ยินคนพูดเรื่องนี้กัน จนข่าวลือกระจายไปถึงในรั่ววัง ทำให้ฮ่องเต้เรียกตัวจอหงวนคนล่าสุดเข้าพบเป็นการด่วนทันที
ตอนที่ 16พบกันในที่ไม่คาดคิดซูฮุ่ยฉินนั่งมองความวุ่นวายตรงข้ามโรงเตี๊ยมด้วยใบหน้าเรียบเฉย จนเห็นว่าคนถูกพาตัวขึ้นรถม้าไปแล้ว จึงได้หันมาสนใจถ้วยชาตรงหน้าแทน“พี่ชายข้ายามนี้อยู่ที่ใด” นางเอ่ยถามขึ้นเบา ๆ“ก่อนออกมาชิงชิงได้เข้าไปหาคุณชายที่เรือนเจ้าค่ะ”“ยาที่ข้าให้เมื่อวันก่อนได้ผสมให้ชิงชิงกินหรือไม่” นางเอ่ยถามอีกครั้ง“ยาช่วยให้ตั้งครรภ์หรือเจ้าคะ ยานั่นข้าแอบผสมให้นางกินทุกวันเจ้าค่ะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอีกไม่เกินสองเดือนนางน่าจะตั้งครรภ์เจ้าค่ะ” ซินซินรายงาน“ดี เรากลับจวนกันเถอะ ข้ายังต้องไปทำหน้าที่บุตรสาวที่ดีของท่านพ่อต่อ เห้อ!! เป็นบุตรสาวที่เพียบพร้อมก็ไม่ง่ายเลยจริง ๆ ” นางเอ่ยคล้ายตัดพ้อต่อโชคชะตาแต่น้ำเสียงกลับเย้ยหยันโชคชะตานี้ต่างหาก โชคชะตาอันใดกันเป็นข้าที่เลือกเดินเองทั้งนั้น ช่างน่าขันสิ้นดีนางคิดพลางเดินออกจากห้องส่วนตัวของโรงเตี๊ยม แต่กลับชนเข้ากับคนผู้หนึ่งเข้าเสียก่อน
ตอนที่ 15บุรุษกับสตรีไร้ยางอายวันที่ซูเยว่ซินต้องออกไปพบคู่หมั้นมาถึงอย่างรวดเร็ว หญิงสาวตื่นมาแต่งตัวแต่เช้าอย่างตื่นเต้นซูฮุ่ยฉินเองก็เช่นกัน นางอยากไปชมงิ้วด้วยตนเองจึงได้ให้คนเตรียมรถม้าไว้รอก่อนหน้านี้สองแม่ลูกนั่นวางแผนกลั่นแกล้งนางเช่นกัน แต่ไม่ได้มากมายอะไร เป็นเพียงการลดปริมาณอาหาร หรือไม่ก็งดของว่างของนางนางถือว่าเป็นการเล่นสนุกของเด็ก ๆ จึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพียงให้พ่อบ้านรายงานท่านพ่อเท่านั้นสองวันแรกท่านพ่อปล่อยผ่าน แต่เมื่อมีวันที่สามนางจึงได้ยินว่าท่านพ่อเรียกอนุฟางไปต่อว่า ตั้งแต่วันนั้นอาหารหรือของว่างนางจึงไม่ถูกงดอีก“รถม้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่เองก็เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี่เจ้าค่ะ” ซินซินเข้ามารายงาน“จองโรงเตี๊ยมตรงข้ามโรงน้ำชาที่เยว่ซินนัดเจอคุณชายกู่หรือยัง” นางเอ่ยถามขณะจัดปิ่นไม้บนหัวให้เข้าที่“เรียบร้อยเจ้าค่ะ เครื่องประดับที่คุณหนูใหญ่ใส่วันนี้เป็นเครื่องประดับไข่มุกเจ้าค่ะ”“ข้ารู้อยู่แล้ว” นางตอบรับเบา ๆ แต่สาวใช้นั้นแปลกใจว่านายสาวรู้ได้อย่างไรทั้งที่ตนเพิ่งเอาเรื่องนี้มาบอกแต่ก็เก็บความสงสัยนั้นไว้ ก่อนจะเดินตามนายสาวไปขึ้นรถม้า และตรงไปยังโรงเ
ตอนที่ 14ขอยืมหรือแย่งชิงเมื่อตกลงทุกอย่างได้แล้วทุกคนจึงแยกย้ายกลับเรือนตัวเอง เมื่อกลับถึงเรือนซินซินจึงเอ่ยถามนายสาวอย่างสงสัย“คุณหนูยกการจัดการในจวนให้อนุฟางเช่นนี้จะดีหรือเจ้าคะ นางคงใช้โอกาสนี้เล่นงานคุณหนูเป็นแน่”“ข้าก็ต้องการให้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้วนี่ เจ้าไม่ต้องหวงไปหรอก บอกคนของเราจับตาดูสามแม่ลูกนั่นให้ดี เมื่อข้าบอกให้ปล่อยข่าวลือเมื่อไหร่ให้พวกเขาทำงานให้เต็มที่พอ”นางทำเช่นนี้เพราะต้องการให้สามแม่ลูกนั้นคิดว่าตนมีอำนาจในมือ เมื่อพวกมันลงมือนางจะใช้ข่าวลือพร้อมหลักฐานทำให้พวกมันพ่ายแพ้ด้วยตัวมันเองส่วนพี่ชายผู้นั้นนางจะให้เขามีความสุขไปก่อน ยิ่งเขาร่วมรักกับสตรีมากเท่าไหร่ จุดจบของเขาก็ใกล้เข้ามาเร็วเท่านั้น“เจ้าค่ะคุณหนู แล้วชิงชิงเราจะทำอย่างไรกับนางเจ้าคะ เมื่อวันก่อนคนของเราบอกว่านางเข้าไปหาคุณหนูใหญ่ ก่อนจะออกมาพร้อมห่อกระดาษบางอย่างเจ้าค่ะ”“แล้วรู้หรือไม่ว่าห่อกระดาษนั้นคืออะไร”“เป็นเสื้อใหม่กับปิ่นปักผมเจ้าค่ะ และยังมียานอนหลับซ่อนอยู่ในช่องเก็บของบนหัวนอนของนางด้วย แต่คนของเราเปลี่ยนเป็นผงสีธรรมดาแล้วเจ้าค่ะ” ซินซินรายงาน“ผงยานอนหลับนางได้มาจากใคร”“ได้มา
ตอนที่ 13สินสมรสของพี่สาวซูเหิงเยว่หลงใหลไปกับสุรานารีที่หอสุราแดงจนลืมวันลืมคืน ด้วยไม่เคยพบเจออะไรเช่นนี้มาก่อน ตำลึงที่พกมาไม่พอก็ให้คนกลับไปเอาที่อนุฟางกว่าจะกลับจวนมาได้ก็ผ่านไปสามวันแล้ว เพราะบิดาเรียกหาตัว ตนจึงจำใจกลับมา“เหิงเยว่เจ้าไปอยู่ที่ใดมา เหตุใดจึงไม่กลับจวนตั้งหลายวัน รู้หรือไม่บิดาเจ้าเรียกหาเจ้าสองรอบแล้ว” เมื่อเห็นหน้าบุตรชายอนุฟางก็ต่อว่าทันที“ข้าก็ไปหาประสบการณ์พบปะเพื่อนฝูงบ้างสิขอรับ อนาคตข้าจะได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลซูแทนบิดานะ จะไม่ให้มีสหายได้อย่างไร” เขาตอบอย่างปัดรำคาญ“ช่างเถอะ ๆ เจ้ารีบไปอาบน้ำแล้วตามแม่ไปที่ห้องโถงเรือนใหญ่เสีย วันนี้แม่จะขอร้องให้บิดายกการจัดการในเรือนให้แม่ เจ้าต้องพูดช่วยแม่ด้วย เข้าใจหรือไม่” ผู้เป็นมารดาเอ่ยเขาพยักหน้ารับอย่างขอไปที ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำตามที่มารดาสั่ง ในหัวเขามีแต่ภาพสาวงามที่ได้กกกอดมาตลอดสามวันวันนี้เจ้าบ้านอย่างจางลู่เหวินเรียกทุกคนในจวนมาพบ เพราะมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบ ตอนนี้ทุกคนก็ได้มากันครบแล้ว ยกเว้นคุณชายของบ้านทำให้เขาหงุดหงิดเล็กน้อย ที่บุตรชายเป็นคนไม่ตรงต่อเวลาเช่นนี้ อนาคตจะปกครองคนได้อย่างไร“
ตอนที่ 12บุตรอนุที่เหนือกว่าข่าวลือรวมทั้งแม่สื่อที่มาปรากฏตัวหน้าจวน ทำให้ผู้เป็นบิดาภาคภูมิใจในตัวบุตรสาวจนยิ้มแก้มปริ“ซินเอ๋อร์เจ้าช่างมากความสามารถนัก เข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งเดียวก็มีคนส่งแม่สื่อมาสู่ขอถึงหน้าจวนตั้งหลายคน”ฟางเจียวเหมยเอ่ยชมบุตรสาวตนเองกลางโต๊ะกินข้าว พร้อมใบหน้ามีความสุข อีกนัยหนึ่งก็เหมือนอวดว่าบุตรสาวนางงดงามกว่าซูฮุ่ยฉิน“พวกเขาอาจมาหาน้องรองก็ได้เจ้าค่ะ” ซูเยว่ซินเอ่ยตอบอย่างเอียงอาย“พี่สาวถ่อมตัวเกินไปแล้ว พวกเขาระบุชัดเจนว่าคนผู้นั้นคือคุณหนูซูผู้เล่นพิณได้เก่งกาจ จะเป็นข้าไปได้อย่างไร” ซูฮุ่ยฉินเอ่ยพลางส่งยิ้มให้หญิงสาว“น้องรองพูดถูกแล้วอีกอย่างพี่สาวยังไม่ออกเรือน น้องสาวจะออกเรือนได้อย่างไร” ซูเหิงเยว่เอ่ยพลางส่งสายตามองน้องสาวต่างแม่อย่างมีเลศนัย“แต่จากแม่สื่อที่มา มีเพียงจวนตระกูลกู่เท่านั้นที่ดูเข้าท่า เพราะบุตรชายคนโตของบ้านเพิ่งสอบจอหงวนได้เมื่อปีล่าสุด” ผู้เป็นบิดาเอ่ยขึ้นบ้าง“คุณชายกู่คนที่เข้าไปคุยกับพี่หญิงเมื่อวานหรือไม่เจ้าคะ ข้าจะเข้าไปหาพี่หญิงเลยเห็นพอดี แต่ฮูหยินเซี่ยเรียกเอาไว้ก่อน หันมาอีกทีก็ไม่พบพี่หญิงแล้ว” นางแสร้งเอ่ยถามอย่าง
ตอนที่ 10พี่หญิงผิดต่อเจ้าข่าวลือด้านนอกเกี่ยวกับอนุของนายท่านซู ยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างต่อเนื่อง ราวกับมีคนคอยใส่ไฟตลอดเวลา แม้จะผ่านมาถึงห้าวันแล้วก็ตาม“คุณหนูเจ้าคะ มีเทียบเชิญจากจวนท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายมาเจ้าค่ะ” ชิงชิงเดินเข้ามาพร้อมยื่นเทียบเชิญให้นางทำให้นางนึกบางอยากออก ในชาติที่แล้วคนที่ได้เทียบเชิญเป็นอนุฟางไม่ใช่นางยามนั้นท่านพ่อแต่งตั้งฟางเจียวเหมยเป็นฮูหยินเอก พวกนางแม่ลูกจึงได้รับเทียบเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชานี้ ความจริงในเทียบเชิญมีชื่อนางด้วยแต่สองแม่ลูกนั่นหาเรื่องให้นางถูกท่านพ่อสั่งกักบริเวณ นางจึงไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงในครั้งนั้นและเพราะงานเลี้ยงนี่แหละ ที่ซูเยว่ซินได้พบกับคุณชายกู่ จอหงวนคนใหม่ของแคว้นจ้าวนางรับเทียบเชิญมาเปิดอ่าน ในนั้นมีชื่อนางเพียงคนเดียว แต่ในเทียบเชิญยังเขียนไว้ว่า สามารถมีคนติดตามเข้างานเลี้ยงได้สองคน“ขอบใจเจ้ามาก เจ้าหายป่วยแล้วแน่หรือหน้าเจ้ายังซีดอยู่เลยนะ เจ้าไปพักอีกสักสองสามวันเถอะ ข้าไม่ว่าเจ้าหรอก” นางเอ่ยกับชิงชิงอย่างเป็นห่วง“บ่าวดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ แค่ยังอ่อนเพลียเล็กน้อยเท่านั้น แต่ให้บ่าวได้รับใช้คุณหนูเถอะเจ้าค่ะ บ่าวไม