บทนำ
นางเป็นบุตรสาวพ่อค้าที่มีสาขาอยู่ทั่วแคว้น ครอบครัวของนางรักใคร่กลมเกลียว บิดานางหรือก็มีเพียงมารดานางเพียงหนึ่ง ไร้ซึ่งอนุหรือบ่าวอุ่นเตียง
แต่ชะตาของนางต้องพลิกผันเมื่อมารดานางเสียชีวิต บิดากลับพาสตรีนางหนึ่งเข้าจวนหลังฝั่งศพมารดานางได้เพียงเจ็ดวัน สถานะของสตรีนางนั้นคือฮูหยินเอกคนใหม่ของบิดา
ซ้ำร้ายกว่านั้นนางยังมีบุตรสาวและบุตรชายอย่างละคน โดยทั้งสองมีอายุมากกว่านางหนึ่งปี เช่นนี้ไม่ได้แปลว่าบิดาลักลอบมีสตรีนางนั้นตั้งแต่ที่อยู่กับมารดานางหรือ
นางถูกคนทั้งสามรังแกสารพัด ทั้งทุบตี ให้อดข้าวและ ใช้งานราวกับบ่าวในจวน ยามคนพวกนั้นโกรธกริ้วหรือไม่พอใจใครมาก็มักจะมาลงที่นางเสมอ
บ่าวใพร่ในจวนไร้ซึ่งความเคารพนางจนสิ้น บางคนสงสารก็แอบช่วยเหลือนางในบางครั้ง แต่บางคนไม่สงสารแถมซ้ำเติม
เมื่อเห็นว่าบิดาไม่สนใจจึงรวมหัวกันกลั่นแกล้ง บ้างก็พูดจาดูถูกให้เจ็บช้ำน้ำใจ
ซ้ำร้ายกว่านั้นเมื่อคืนหนึ่งนางถูกพี่ชายต่างแม่คนนี้บุก เข้ามาย่ำยีนางถึงในห้อง และก็มีครั้งต่อ ๆ ไปเรื่อยมาจนนาง ตั้งท้อง บิดานางคาดคั้นเอาความกับนาง
แต่พอนางบอกความจริงไป กลับถูกผู้เป็นบิดาทำร้ายร่างกาย แถมยังต่อว่าว่านางเป็นสตรีแพศยา กล่าวหาพี่ชายตัวเองเพียงเพราะอิจฉา
สุดท้ายนางถูกส่งไปอยู่อารามบนเขา แต่เหมือนจะยังไม่สาแก่ใจคนเหล่านั้น เมื่อพวกเขาส่งคนมาคอยกลั่นแกล้งนางให้มีความเป็นอยู่ที่ยากลำบากมากขึ้น
ต้องทำงานหนักแลกข้าวที่มีเพียงน้ำข้าวกับเมล็ดข้าวเพียงไม่กี่เม็ด สุดท้ายนางตกเลือดตายระหว่างคลอดลูก ภาพเหตุการณ์วันคืนที่เลวร้ายไหลวนเข้ามาฉายในหัวซ้ำไปมา
ชีวิตนางถูกพวกเขากลั่นแกล้งจนพบจุดจบคือความตาย ทั้งที่นางไม่เคยไปทำอะไรให้พวกเขาเลย แต่พวกเขากลับมีชีวิตที่แสนสุข
สตรีนางนั้นเป็นฮูหยินเอกที่บิดารัก เป็นนายหญิงที่ลูกน้องนับถือรักใคร่ บุตรสาวของนางได้แต่งกับคุณชายที่สอบจอหงวนได้ปีล่าสุด บุตรชายได้สืบทอดกิจการบิดา ทำการค้าได้กำไรเป็นสามเท่าจนบิดาภาคภูมิใจ
ช่างเป็นครอบครัวสุขสันต์เสียจริง ทั้งที่กิจการนี้เป็นของตระกูลฝั่งมารดานางแท้ ๆ นางคิดแล้วได้แต่แค้นใจ
หากมีโอกาสนางจะกลับไปทวงทุกอย่างที่เป็นของนางคืน แล้วตอบแทนความชั่วช้าของพวกเขาให้สาสม ให้พวกเขาเจ็บปวดทรมานมากกว่านางเป็นร้อยเท่าพันทวี
เหมือนฟ้าจะฟังคำตัดพ้อและสงสารโชคชะตาของนาง เมื่อนางตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเช้าวันที่มารดานางจากไป แววตาที่เคยสดใสของนางเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนั้น
บทที่ 1
หวนคืน
ซูฮุ่ยฉินตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง นางงุนงงเล็กน้อยเพราะภาพสุดท้ายคืนนางนอนตกเลือดตายอย่างน่าเวทนาในห้องเก็บฟืนที่อารามบนเขา
“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ให้บ่าวเข้าไปปรนนิบัตินะเจ้าคะ” เสียงชิงชิงดังขึ้นหน้าห้อง ทำให้นางแปลกใจเล็กน้อย
นี่มันเรื่องอะไรกัน ไม่ใช่ว่านางควรจะตายไปแล้วหรือ ในความทรงจำของนางชิงชิงก็หักหลังนางไปรับใช้ซูเยว่ซินแล้วนี่
นางเดินไปมองที่คันฉ่องข้างเตียง พบว่าใบหน้านี้ของตนยังคงอ่อนเยาว์ ไร้ร่องรอยความหยาบกร้านอย่างคนที่ทำงานหนัก
หรือนางจะย้อนเวลากลับมาก่อนที่เรื่องทุกอย่างจะเกิดขึ้น ไม่สิ! มันน่าเหลือเชื่อเกินไป
“คุณหนูเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ ให้บ่าวเข้าไปได้หรือไม่” ยังไม่ทันให้นางได้คิดอะไรต่อ เสียงจากหน้าห้องก็ดังเข้ามาอีก
“เจ้าเข้ามาเถอะ” นางจึงตอบออกไป เพราะหากนานกว่านี้จะเป็นที่สงสัยได้ อีกอย่างนางมีเรื่องจะถามสาวใช้นางนี้เช่นกัน
“คุณหนูไม่สบายตรงไหนหรือไม่เจ้าคะ เหตุใดจึงตอบบ่าวช้าเพียงนี้ บ่าวตกใจคิดว่าคุณหนูเป็นอะไรไปแล้วเสียอีก” เข้ามาได้สาวใช้นางนั้นก็พร่ำไม่หยุด
“เจ้าหยุดพูดสักทีข้ารำคาญ!!”
ซูฮุ่ยฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงรำคาญ ทำให้สาวใช้นางนั้นชะงักไป ก่อนความกลัวจะเริ่มทำงาน
“บ่าวขออภัยเจ้าค่ะ บ่าวผิดไปแล้ว!!” ชิงชิงรีบมาหมอบตรงหน้าขออภัยนายสาว
“วันนี้คือวันที่เท่าไหร่” ซูฮุ่ยฉินเอ่ยถามเสียงราบเรียบ
“ห๊ะ!!....เออ...วันที่สิบสี่ เดือนที่สาม รัชศกหมิงปีที่เก้าเจ้าค่ะ” สาวใช้นางนั้นแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ยอมตอบแต่โดยดี
“เจ้าออกไปบอกให้คนเตรียมน้ำให้ข้าอาบที ข้าอยากอาบน้ำ”
นางเอ่ยเปลี่ยนเรื่องเพื่อไล่สาวใช้ออกไป ชิงชิงจึงออกไปบอกให้บ่าวด้านนอกเตรียมน้ำให้คุณหนูตน
ถ้าเป็นเช่นที่ชิงชิงเอ่ยมาเมื่อครู่ แปลว่านางย้อนเวลากลับมาหลังจากวันฝั่งศพมารดาได้เพียงหนึ่งวัน
และอีกเจ็ดวันหลังจากนี้บิดาจะพาจางเจียวเหมยเข้าจวนพร้อมบุตรชายและบุตรสาวที่แอบมีลับหลังมารดาของนาง เช่นนั้นนางก็เริ่มแผนการแรกเลยแล้วกัน
หลังจัดการตัวเองเสร็จ ซูฮุ่ยฉินจึงไปทานอาหารเช้าพร้อมบิดาที่เรือนหลัก
เนื่องจากอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ให้ฮูหยินเอกของจวน บ่าวในจวนจึงใส่ชุดสีเทา ส่วนนางกับบิดาใส่ชุดสีขาว
“ท่านพ่อ ตอนนี้ท่านแม่ก็จากไปแล้ว เรื่องจัดการในจวนข้าก็เคยเรียนจากท่านแม่มาไม่น้อย เช่นนั้นลูกจะเป็นผู้ดูแลต่อจากท่านแม่เอง ท่านพ่อเห็นควรว่าอย่างไรเจ้าคะ” ซูฮุ่ยฉินเอ่ยถามขึ้นเมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว
“หื้ม!! พ่อว่าอย่าเพิ่งรีบร้อนจะดีกว่า เจ้าเองก็เสียใจเรื่องมารดาอยู่ ระหว่างนี้ก็พักผ่อนไปก่อน เจ้าจะไปท่องเที่ยวเทศกาลลอยโคมที่เมืองชิงก็ได้นะ พ่อจะจัดการให้” ผู้เป็นบิดาเอ่ยบ่ายเบี่ยง
“ลูกไม่มีกะใจไปเที่ยวเล่นหรอกเจ้าค่ะ หากท่านพ่อไม่ให้ลูกจัดการเรื่องในจวนลูกก็ไม่มีอะไรทำแล้ว คงได้แต่นั่งคิดเรื่องท่านแม่อยู่เช่นนี้เรื่อยไป เห้อ!!!”
นางก้มหน้าเพื่อพยายามซ่อนน้ำตาไม่ให้บิดาเห็น แต่นี่คือการแสดงทั้งนั้น
“พ่อรู้ว่าเจ้าเสียใจ เอาเช่นที่เจ้ากล่าวเมื่อครู่ก็ได้เจ้าจะได้มีอะไรทำ จะได้ไม่ต้องคิดถึงมารดาเจ้าจนเกินไป” เมื่อเห็นบุตรสาวเศร้าใจเช่นนั้น ผู้เป็นบิดาจึงยอมใจอ่อน
“ฮึก! ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ” นางแสร้งสะอื้นก่อนจะเช็ดน้ำตาแล้วเงยหน้ามายิ้มให้บิดาอย่าฝืดฝืน
“เช่นนั้นลูกจะขอเอาบัญชีร้านไปตรวจดูด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ เรื่องในจวนท่านแม่จัดการเอาไว้หมดแล้ว ลูกทำไม่กี่วันคงจะเสร็จ”
“ตามใจเจ้าเถอะแต่อย่าหักโหมเกินไปเล่า หากอยากออกไปเที่ยวเล่นที่ใดก็ไปได้เลย พ่ออนุญาตเจ้า” ผู้เป็นบิดาเอ่ยอย่างรักใคร่บุตรสาวคนเดียวของตน
แต่เบื้องหลักเป็นเช่นไรใครจะรู้ คนที่รู้ดีที่สุดคือซูฮุ่ยฉินนั้นเอง เพราะในชาติที่แล้วผู้เป็นบิดาก็พูดให้นางไปเที่ยวเช่นนี้
พอนางกลับมาก็พอดีกับวันที่สามแม่ลูกนั่นเข้าจวนมาพอดี นางจะคัดค้านหรือโต้แย้งอย่างไรก็ไม่เป็นผลแล้ว
“เช่นนั้นลูกขอตัวก่อน ท่านพ่อก็รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าคะ” นางเอ่ยก่อนจะกลับเรือนตัวเอง
เมื่อถึงเรือนก็ให้พ่อบ้านเอาบัญชีในจวนทุกเล่มมาให้นาง แถมยังบอกให้เอาบัญชีร้านค้าในเครือทุกร้านมาให้นางตรวจด้วย
บัญชีจวนนั้นพ่อบ้านรับคำโดยไม่แสดงท่าทีใด แต่พอพูดถึงบัญชีร้านตัวพ่อบ้านก็มีท่าทีอึกอักทันที
“ท่านพ่อบ้านมีปัญหาอันใดหรือ” นางเอ่ยถามเสียงราบเรียบ
“เออ...ปกตินายท่านเป็นผู้ตรวจบัญชีร้านด้วยตนเอง ถ้าคุณหนูจะเอาบัญชีร้านมาตรวจคงต้องไปขออนุญาตนายท่านก่อนขอรับ”
“อ่อ...เรื่องนั้นข้าขอท่านพ่อแล้ว และท่านพ่อก็อนุญาตแล้วเช่นกัน ท่านพ่อบ้านไม่ต้องเป็นห่วง”
ได้ยินเช่นนั้นพ่อบ้านจึงไปเอาบัญชีที่นางต้องการมาให้แต่โดยดี
นางเริ่มจากทำบัญชีของจวนก่อน แต่ก็ไม่ได้พบความผิดปกติอันใด แล้วจึงมาทำบัญชีร้านโดยเริ่มที่สาขาหลักคือ เมืองหลวงที่นางอยู่
ทุกสาขาปกติดียกเว้นสาขาที่เมืองชิง ที่นางตรวจทานมาสองรอบแล้ว แต่ก็คิดจำนวนเงินออกมาได้ไม่เท่ากับที่จดบันทึกไว้ในสมุด
จำนวนเงินที่ขาดไปมากพอจะเลี้ยงคนหนึ่งจวนได้แบบสบาย ๆ ไม่ใช่ว่าบิดานางเอาเงินจากสาขานี้ไปเลี้ยงจวนชู้ของตนหรอกนะ
“ข้าจะไปจวนท่านลุงหน่อย เจ้าให้คนไปเตรียมรถม้าให้ข้าที อย่าลืมเอาขนมกุ้ยฮวาใส่กล่องให้ข้าด้วย” นางเอ่ยสั่งชิงชิง
“นายหญิงจะไปตระกูลซุนหรือเจ้าคะ” ชิงชิงเอ่ยถามอย่างใคร่รู้
“ใช่ แต่เจ้าไม่ต้องไปหรอก ข้าจะไปคนเดียวเจ้าไปจัดการตามที่ข้าสั่งได้แล้ว” นางเอ่ยตอบก่อนจะไล่สาวใช้ออกไป
เรื่องที่นางสงสัยอีกอย่างคือ ชิงชิงอาจเป็นคนส่งข่าวให้จวนชู้ของบิดานางนะสิ
ในชาติก่อนพอซูเยว่ซินเข้ามาในจวน ชิงชิงสาวใช้ของนางก็ไปรับใช้สองแม่ลูกนั่นอย่างออกหน้าออกตา
หากไม่รู้ว่าเป็นสาวใช้ของนางมาก่อน คงคิดว่าชิงชิงเป็นสาวใช้ของซูเยว่ซินแล้ว
ตระกูลซุนเป็นสหายกับตระกูลซูมาตั้งแต่เริ่มทำการค้า มารดาของนางสนิทกับท่านลุงท่านป้าราวพี่น้อง นางจึงนับพวกเขาเป็นญาติคนหนึ่ง
ที่ผ่านมาพวกท่านบอกเสมอ ว่าหากต้องการความช่วยเหลือให้มาหาพวกเขาได้ตลอดเวลา แต่ชาติที่แล้วนางโง่เองที่คิดว่าตนตัวคนเดียว
“ถึงจวนตระกูลซุนแล้วขอรับคุณหนู” เสียงคนขับรถม้าเอ่ยบอกนาง นางจึงลงจากรถม้าแล้วบอกให้เขากลับไปก่อน
“ไปบอกท่านป้าให้หน่อยว่าข้ามาหา”
นางเอ่ยกับคนที่เฝ้าหน้าประตูจวน บ่าวคนนั้นเข้าไปไม่นาน ก็เห็นว่ามีสาวใช้นางหนึ่งเดินออกมา
“ขออภัยที่ให้คุณหนูต้องรอนาน ฮูหยินใหญ่กำลังรอคุณหนูอยู่เจ้าค่ะ” บ่าวนางนั้นเดินนำซูฮุ่ยฉินเข้าไปในจวน
“ลมอะไรหอบเอาหลานมาถึงจวนตระกูลซุนของเราได้กันล่ะเนี่ย” หว่านเหมยฮวาเอ่ยกับหลานด้วยความเอ็นดู
“ลมแห่งความสงสัยเจ้าค่ะ”
“หื้ม!....เอ่ยราวกับกำลังจะมีเรื่องใหญ่อย่างไรอย่างนั้นกัน” ผู้เป็นป้าเอ่ยเช่นนั้นเพราะเห็นสีหน้าหลานจริงจังนัก
“ข้ากำลังสงสัยว่าท่านพ่อกำลังแอบเลี้ยงชู้กับลูกนอกสมรสไว้นอกจวนเจ้าค่ะ”
ตอนที่ 16พบกันในที่ไม่คาดคิดซูฮุ่ยฉินนั่งมองความวุ่นวายตรงข้ามโรงเตี๊ยมด้วยใบหน้าเรียบเฉย จนเห็นว่าคนถูกพาตัวขึ้นรถม้าไปแล้ว จึงได้หันมาสนใจถ้วยชาตรงหน้าแทน“พี่ชายข้ายามนี้อยู่ที่ใด” นางเอ่ยถามขึ้นเบา ๆ“ก่อนออกมาชิงชิงได้เข้าไปหาคุณชายที่เรือนเจ้าค่ะ”“ยาที่ข้าให้เมื่อวันก่อนได้ผสมให้ชิงชิงกินหรือไม่” นางเอ่ยถามอีกครั้ง“ยาช่วยให้ตั้งครรภ์หรือเจ้าคะ ยานั่นข้าแอบผสมให้นางกินทุกวันเจ้าค่ะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอีกไม่เกินสองเดือนนางน่าจะตั้งครรภ์เจ้าค่ะ” ซินซินรายงาน“ดี เรากลับจวนกันเถอะ ข้ายังต้องไปทำหน้าที่บุตรสาวที่ดีของท่านพ่อต่อ เห้อ!! เป็นบุตรสาวที่เพียบพร้อมก็ไม่ง่ายเลยจริง ๆ ” นางเอ่ยคล้ายตัดพ้อต่อโชคชะตาแต่น้ำเสียงกลับเย้ยหยันโชคชะตานี้ต่างหาก โชคชะตาอันใดกันเป็นข้าที่เลือกเดินเองทั้งนั้น ช่างน่าขันสิ้นดีนางคิดพลางเดินออกจากห้องส่วนตัวของโรงเตี๊ยม แต่กลับชนเข้ากับคนผู้หนึ่งเข้าเสียก่อน
ตอนที่ 15บุรุษกับสตรีไร้ยางอายวันที่ซูเยว่ซินต้องออกไปพบคู่หมั้นมาถึงอย่างรวดเร็ว หญิงสาวตื่นมาแต่งตัวแต่เช้าอย่างตื่นเต้นซูฮุ่ยฉินเองก็เช่นกัน นางอยากไปชมงิ้วด้วยตนเองจึงได้ให้คนเตรียมรถม้าไว้รอก่อนหน้านี้สองแม่ลูกนั่นวางแผนกลั่นแกล้งนางเช่นกัน แต่ไม่ได้มากมายอะไร เป็นเพียงการลดปริมาณอาหาร หรือไม่ก็งดของว่างของนางนางถือว่าเป็นการเล่นสนุกของเด็ก ๆ จึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพียงให้พ่อบ้านรายงานท่านพ่อเท่านั้นสองวันแรกท่านพ่อปล่อยผ่าน แต่เมื่อมีวันที่สามนางจึงได้ยินว่าท่านพ่อเรียกอนุฟางไปต่อว่า ตั้งแต่วันนั้นอาหารหรือของว่างนางจึงไม่ถูกงดอีก“รถม้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่เองก็เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี่เจ้าค่ะ” ซินซินเข้ามารายงาน“จองโรงเตี๊ยมตรงข้ามโรงน้ำชาที่เยว่ซินนัดเจอคุณชายกู่หรือยัง” นางเอ่ยถามขณะจัดปิ่นไม้บนหัวให้เข้าที่“เรียบร้อยเจ้าค่ะ เครื่องประดับที่คุณหนูใหญ่ใส่วันนี้เป็นเครื่องประดับไข่มุกเจ้าค่ะ”“ข้ารู้อยู่แล้ว” นางตอบรับเบา ๆ แต่สาวใช้นั้นแปลกใจว่านายสาวรู้ได้อย่างไรทั้งที่ตนเพิ่งเอาเรื่องนี้มาบอกแต่ก็เก็บความสงสัยนั้นไว้ ก่อนจะเดินตามนายสาวไปขึ้นรถม้า และตรงไปยังโรงเ
ตอนที่ 14ขอยืมหรือแย่งชิงเมื่อตกลงทุกอย่างได้แล้วทุกคนจึงแยกย้ายกลับเรือนตัวเอง เมื่อกลับถึงเรือนซินซินจึงเอ่ยถามนายสาวอย่างสงสัย“คุณหนูยกการจัดการในจวนให้อนุฟางเช่นนี้จะดีหรือเจ้าคะ นางคงใช้โอกาสนี้เล่นงานคุณหนูเป็นแน่”“ข้าก็ต้องการให้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้วนี่ เจ้าไม่ต้องหวงไปหรอก บอกคนของเราจับตาดูสามแม่ลูกนั่นให้ดี เมื่อข้าบอกให้ปล่อยข่าวลือเมื่อไหร่ให้พวกเขาทำงานให้เต็มที่พอ”นางทำเช่นนี้เพราะต้องการให้สามแม่ลูกนั้นคิดว่าตนมีอำนาจในมือ เมื่อพวกมันลงมือนางจะใช้ข่าวลือพร้อมหลักฐานทำให้พวกมันพ่ายแพ้ด้วยตัวมันเองส่วนพี่ชายผู้นั้นนางจะให้เขามีความสุขไปก่อน ยิ่งเขาร่วมรักกับสตรีมากเท่าไหร่ จุดจบของเขาก็ใกล้เข้ามาเร็วเท่านั้น“เจ้าค่ะคุณหนู แล้วชิงชิงเราจะทำอย่างไรกับนางเจ้าคะ เมื่อวันก่อนคนของเราบอกว่านางเข้าไปหาคุณหนูใหญ่ ก่อนจะออกมาพร้อมห่อกระดาษบางอย่างเจ้าค่ะ”“แล้วรู้หรือไม่ว่าห่อกระดาษนั้นคืออะไร”“เป็นเสื้อใหม่กับปิ่นปักผมเจ้าค่ะ และยังมียานอนหลับซ่อนอยู่ในช่องเก็บของบนหัวนอนของนางด้วย แต่คนของเราเปลี่ยนเป็นผงสีธรรมดาแล้วเจ้าค่ะ” ซินซินรายงาน“ผงยานอนหลับนางได้มาจากใคร”“ได้มา
ตอนที่ 13สินสมรสของพี่สาวซูเหิงเยว่หลงใหลไปกับสุรานารีที่หอสุราแดงจนลืมวันลืมคืน ด้วยไม่เคยพบเจออะไรเช่นนี้มาก่อน ตำลึงที่พกมาไม่พอก็ให้คนกลับไปเอาที่อนุฟางกว่าจะกลับจวนมาได้ก็ผ่านไปสามวันแล้ว เพราะบิดาเรียกหาตัว ตนจึงจำใจกลับมา“เหิงเยว่เจ้าไปอยู่ที่ใดมา เหตุใดจึงไม่กลับจวนตั้งหลายวัน รู้หรือไม่บิดาเจ้าเรียกหาเจ้าสองรอบแล้ว” เมื่อเห็นหน้าบุตรชายอนุฟางก็ต่อว่าทันที“ข้าก็ไปหาประสบการณ์พบปะเพื่อนฝูงบ้างสิขอรับ อนาคตข้าจะได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลซูแทนบิดานะ จะไม่ให้มีสหายได้อย่างไร” เขาตอบอย่างปัดรำคาญ“ช่างเถอะ ๆ เจ้ารีบไปอาบน้ำแล้วตามแม่ไปที่ห้องโถงเรือนใหญ่เสีย วันนี้แม่จะขอร้องให้บิดายกการจัดการในเรือนให้แม่ เจ้าต้องพูดช่วยแม่ด้วย เข้าใจหรือไม่” ผู้เป็นมารดาเอ่ยเขาพยักหน้ารับอย่างขอไปที ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำตามที่มารดาสั่ง ในหัวเขามีแต่ภาพสาวงามที่ได้กกกอดมาตลอดสามวันวันนี้เจ้าบ้านอย่างจางลู่เหวินเรียกทุกคนในจวนมาพบ เพราะมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบ ตอนนี้ทุกคนก็ได้มากันครบแล้ว ยกเว้นคุณชายของบ้านทำให้เขาหงุดหงิดเล็กน้อย ที่บุตรชายเป็นคนไม่ตรงต่อเวลาเช่นนี้ อนาคตจะปกครองคนได้อย่างไร“
ตอนที่ 12บุตรอนุที่เหนือกว่าข่าวลือรวมทั้งแม่สื่อที่มาปรากฏตัวหน้าจวน ทำให้ผู้เป็นบิดาภาคภูมิใจในตัวบุตรสาวจนยิ้มแก้มปริ“ซินเอ๋อร์เจ้าช่างมากความสามารถนัก เข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งเดียวก็มีคนส่งแม่สื่อมาสู่ขอถึงหน้าจวนตั้งหลายคน”ฟางเจียวเหมยเอ่ยชมบุตรสาวตนเองกลางโต๊ะกินข้าว พร้อมใบหน้ามีความสุข อีกนัยหนึ่งก็เหมือนอวดว่าบุตรสาวนางงดงามกว่าซูฮุ่ยฉิน“พวกเขาอาจมาหาน้องรองก็ได้เจ้าค่ะ” ซูเยว่ซินเอ่ยตอบอย่างเอียงอาย“พี่สาวถ่อมตัวเกินไปแล้ว พวกเขาระบุชัดเจนว่าคนผู้นั้นคือคุณหนูซูผู้เล่นพิณได้เก่งกาจ จะเป็นข้าไปได้อย่างไร” ซูฮุ่ยฉินเอ่ยพลางส่งยิ้มให้หญิงสาว“น้องรองพูดถูกแล้วอีกอย่างพี่สาวยังไม่ออกเรือน น้องสาวจะออกเรือนได้อย่างไร” ซูเหิงเยว่เอ่ยพลางส่งสายตามองน้องสาวต่างแม่อย่างมีเลศนัย“แต่จากแม่สื่อที่มา มีเพียงจวนตระกูลกู่เท่านั้นที่ดูเข้าท่า เพราะบุตรชายคนโตของบ้านเพิ่งสอบจอหงวนได้เมื่อปีล่าสุด” ผู้เป็นบิดาเอ่ยขึ้นบ้าง“คุณชายกู่คนที่เข้าไปคุยกับพี่หญิงเมื่อวานหรือไม่เจ้าคะ ข้าจะเข้าไปหาพี่หญิงเลยเห็นพอดี แต่ฮูหยินเซี่ยเรียกเอาไว้ก่อน หันมาอีกทีก็ไม่พบพี่หญิงแล้ว” นางแสร้งเอ่ยถามอย่าง
ตอนที่ 10พี่หญิงผิดต่อเจ้าข่าวลือด้านนอกเกี่ยวกับอนุของนายท่านซู ยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างต่อเนื่อง ราวกับมีคนคอยใส่ไฟตลอดเวลา แม้จะผ่านมาถึงห้าวันแล้วก็ตาม“คุณหนูเจ้าคะ มีเทียบเชิญจากจวนท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายมาเจ้าค่ะ” ชิงชิงเดินเข้ามาพร้อมยื่นเทียบเชิญให้นางทำให้นางนึกบางอยากออก ในชาติที่แล้วคนที่ได้เทียบเชิญเป็นอนุฟางไม่ใช่นางยามนั้นท่านพ่อแต่งตั้งฟางเจียวเหมยเป็นฮูหยินเอก พวกนางแม่ลูกจึงได้รับเทียบเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชานี้ ความจริงในเทียบเชิญมีชื่อนางด้วยแต่สองแม่ลูกนั่นหาเรื่องให้นางถูกท่านพ่อสั่งกักบริเวณ นางจึงไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงในครั้งนั้นและเพราะงานเลี้ยงนี่แหละ ที่ซูเยว่ซินได้พบกับคุณชายกู่ จอหงวนคนใหม่ของแคว้นจ้าวนางรับเทียบเชิญมาเปิดอ่าน ในนั้นมีชื่อนางเพียงคนเดียว แต่ในเทียบเชิญยังเขียนไว้ว่า สามารถมีคนติดตามเข้างานเลี้ยงได้สองคน“ขอบใจเจ้ามาก เจ้าหายป่วยแล้วแน่หรือหน้าเจ้ายังซีดอยู่เลยนะ เจ้าไปพักอีกสักสองสามวันเถอะ ข้าไม่ว่าเจ้าหรอก” นางเอ่ยกับชิงชิงอย่างเป็นห่วง“บ่าวดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ แค่ยังอ่อนเพลียเล็กน้อยเท่านั้น แต่ให้บ่าวได้รับใช้คุณหนูเถอะเจ้าค่ะ บ่าวไม